ในที่สุดก็กลับมาแล้ว
นี่เป็เสียงจากภายในใจของฉู่เยว่ฉาน
ในตอนนี้นางกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาสูงลูกหนึ่ง ดวงตาอันพร่ามัวได้มองไปยังทะเลหมอกอันกว้างใหญ่ มองดูทะเลแห่งหมู่เมฆที่กำลังแปรเปลี่ยนไป
ทะเลเมฆ เป็ความงดงามที่ฉู่เยว่ฉานชื่นชอบและหลงใหลเสมอมา ทุกครั้งที่มองไปทางมัน นางสามารถมองมันอยู่อย่างนั้นได้เป็วันๆ แต่ในวันนี้ ดวงตาอันพร่ามัวของฉู่เยว่ฉานกลับไม่ได้จับจ้องความสนใจไปยังหมู่เมฆเ่าั้
ในที่สุดก็ได้กลับออกมา ได้ออกมาจากสถานที่เ่าั้แล้ว แต่ฉู่เยว่ฉานกลับรู้สึกไม่มีความสุข
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงร่างนั้นที่กล้าเผชิญกับผู้นำหยาจื้อที่แข็งแกร่ง ร่างนั้นที่นิ่งสงบไม่สะทกสะท้าน เรียบเฉยดูสบายๆ เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้จิตใจของฉู่เยว่ฉานอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก
เขา นึกไม่ถึงว่าจะเป็เขา
เขา นึกไม่ถึงว่าจะเป็เขาคนนั้น
ฉู่เยว่ฉานนึกไม่ถึงว่าเขาคนนั้นที่ดูเหมือนจะสามารถแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่าได้ ที่แท้ก็คือเขาคนนั้นที่ถูกผู้คนเยาะเย้ยว่าเป็คนใกล้ตาย
นับั้แ่รู้มาจากเลี่ยเอ๋าว่าฉินอวี่คือหวังซิงเฉิน หวังซิงเฉินก็คือฉินอวี่ ฉู่เยว่ฉานก็ใเป็อย่างยิ่ง นางไม่สามารถจะหาความเชื่อมโยงของคนทั้งสองได้เลย และนางก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่ถูกทุกคนเรียกว่าเป็คนใกล้ตายจะมีความแข็งแกร่งขนาดนั้น และไม่อยากเชื่อเลยว่าที่เขา้าเข้าไปดูหอบรรพชนอยู่ตลอด ที่แท้ก็กำลังคอยปกป้องตนเองอยู่อย่างลับๆ
และในตอนนี้ เมื่อนึกถึงเื่ในแดนขัดเกลา และแต่ละเื่ในหอคอยขัดเกลา ฉู่เยว่ฉานที่กำลังมึนงงก็เข้าใจได้ทันที เขากล้าเผชิญความลำบากก็เพื่อปกป้องตนเองอย่างลับๆ มาโดยตลอด
ฉู่เยว่ฉานไม่ได้รู้สึกว่านางคิดมากไปเอง นางเชื่อในความรู้สึกของตนเอง เป็เพราะในเวลานี้ เมื่อนำทุกอย่างมาเชื่อมโยงกันแล้ว นางก็ได้ข้อสรุปในความสงสัยของนางที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ในหอคอยขัดเกลา
ที่แท้เขาก็คอยปกป้องตนเองอย่างลับๆ มาโดยตลอด
แต่เป็เพราะอะไร? หรือจะเป็เพราะตนเองได้บอกไว้ว่าจะช่วยเขาเข้าไปดูในหอบรรพชน? แต่ด้วยพละกำลังของเขาก็สามารถเอาชนะสิบอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย
คนที่กำลังใกล้ตาย...
เหวลึก...
หรือคำสาปนั่นกำลังจะเกิดขึ้น? เป็ไปได้ไหมว่าเขาจะต้องตกลงสู่เหวลึกที่ว่านั่นจริงๆ?
ฉู่เยว่ฉานไม่อาจรู้เื่นี้ได้ แต่นางรู้ว่าหัวใจของตนเองกำลังเศร้าใจ เศร้าใจอย่างยิ่ง!
“อาจารย์ หรือว่าหวัง... ศิษย์น้องฉินจะไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว? เป็ไปได้หรือไม่ว่าคำสาปนั่นกำลังเกิดขึ้นจริง หรือศิษย์น้องฉินจะต้องตายอยู่ในเหวลึกแล้วจริงๆ?” ฉือเซียวกำลังอ้อนวอนอย่างขมขื่นต่อหน้าเลี่ยเอ๋า แม้รู้ว่าฉินอวี่จะไม่ใช่ศิษย์น้องของตนเองจริงๆ แต่ในใจของฉือเซียวแล้ว ฉินอวี่ก็คือศิษย์น้องของเขา
เลี่ยเอ๋าพูดด้วยความกังวล “เื่ราวไม่อาจมีทางหนีทีไล่แล้ว อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็ตัวอาจารย์ หรือผู้นำหวังเข้าไปยังเหวลึกนั่น ก็ไม่มีทางได้กลับออกมา” พูดตามตรง หากฉินอวี่ไม่ไปยังเหวลึก เลี่ยเอ๋าก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะรับฉินอวี่เข้าเป็ศิษย์
ฉือเซียวทรุดลงกับพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่มีอะไรแน่นอน ในเมื่อเ้าเด็กนั่น้าจะเข้าไปยังเหวลึก เขาจะต้องมีความมั่นใจอยู่แล้วอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่า เขาอาจมีชีวิตรอด” เมื่อเลี่ยเอ๋าเห็นฉือเซียวเป็เช่นนี้เขาก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
แม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเลี่ยเอ๋าก็คิดว่าฉินอวี่คงรู้อยู่แล้ว ว่าหากเชิญผู้พิทักษ์ออกมา เขาก็ต้องไปยังเหวลึกอยู่ดี ดังนั้นจึงร้องขอเข้าไปเองเสียดีกว่า
“โฮก...” เสียงร้องคำรามอย่างเ็ปดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ดูอ้างว้างและวังเวงเป็อย่างยิ่ง
เลี่ยเอ๋าเหลือบมองไปตรงหน้า เขาลอบถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น “เอาล่ะ ลองไปถามเ้าวานรนั่นดู ว่ายินดีจะมาเป็ศิษย์ข้าไหม”
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เ้าเด็กคนนั้นก็เป็คนช่วยชีวิตฉือเซียวเอาไว้ เมื่อเขาเข้าไปยังเหวลึกแล้ว เช่นนั้นก็ชดเชยให้กับอสูรสัญญาของเขาก็แล้วกัน หากเ้าเด็กนั่นต้องตาย เ้าวานรตัวนี้ก็คงไม่มีชีวิตรอด
ณ หอตำรา
ลี่อวิ๋นกำลังยืนอยู่หน้าหอตำรา มองดูเหล่าศิษย์ที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาด้วยสีหน้าที่สับสนเล็กน้อย หลายวันมานี้เขาได้ยินเื่เกี่ยวกับฉินอวี่มาบ้างแล้ว จนถึงกับต้องแอบถอนหายใจ ผู้ดูแลซวีอู๋ปกปิดไว้ได้มิดจริงๆ เลยเชียว
คนกำลังใกล้ตาย? สามารถไล่ล่าอันดับหนึ่งในรายนามระดับสามัญของเผ่าหยาจื้อได้ ทั้งยังสังหารอันดับห้าได้อีกด้วย นี่ยังเป็คนใกล้ตายได้อีกหรือ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปยังเขตของเหวลึกแล้ว ก็เกรงว่าจะกลายเป็คนใกล้ตายจริงๆ แล้ว
น่าเสียดายนัก ดูเหมือนว่าตะเกียงกรรมของสำนักจะกล่าวไว้ไม่ผิด เพียงแต่ ระยะเวลาไม่ใช่สามปี แต่ควรจะเป็ห้าปี
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าหอตำราคงต้องรับสมัครผู้ดูแลคนใหม่เสียแล้ว ซวีอู๋คงจะกลายเป็ผู้ดูแลที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุด จริงสิ แต่ทำไมประมุขจึงไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยล่ะ?” ลี่อวิ๋นรู้สึกขึ้นมาในใจ ต้องบอกเลยว่า นอกจากจะว่างจากหน้าที่ของผู้ดูแลแล้ว ซวีอู๋ก็ยังเป็คนที่คบค้าสมาคมได้เป็อย่างดี
“ศิษย์น้องของเ้าล่ะ?” ขณะที่ลี่อวิ๋นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงที่หนักแน่นก็ดังขึ้น เสียงนั้นมีความคุ้นเคยมาก แต่ลี่อวิ๋นกลับยังครุ่นคิดอยู่กับเื่ของฉินอวี่ ไม่รู้สึกตัวอยู่เป็เวลานาน
ศิษย์น้อง? ข้ามีศิษย์น้องที่ไหนกัน?
ลี่อวิ๋นหันศีรษะไปด้วยความสงสัย และเมื่อเห็นจมูกแดงก่ำอย่างคนเมาสุราอันเป็เอกลักษณ์ ลี่อวิ๋นก็สะดุ้งทันที และรับทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “ลี่อวิ๋น คารวะท่านอาจารย์!”
“เอาแต่วางมาดทำขรึมอยู่ทั้งวัน ทิ้งเ้าไว้ในหอตำรา เ้ายังจะมีท่าทีเช่นนี้อีก ถึงตอนนั้นช่วยทำตัวให้รู้เื่เหมือนศิษย์น้องเ้าหน่อยได้หรือไม่? เร็วเข้า รีบไปหาศิษย์น้องเ้ากัน” ผู้าุโพูดอย่างไม่พอใจ
ผู้าุโคนนี้ถ้าไม่ใช่หวงถิงแล้วจะเป็ใครได้อีก?
“ศิษย์... ศิษย์น้อง? อาจารย์ ท่านรับศิษย์ใหม่แล้วหรือ?” ลี่อวิ๋นมึนงง
หวงถิงเลิกคิ้วขึ้น พลางพูดว่า “เ้าแน่ใจนะว่ายังไม่เจอกับศิษย์น้อง? ไม่สิ เขาเข้ามาในสำนักยุทธ์ว่านจ้งแล้วนี่นา” หวงถิงดูไม่ค่อยพอใจ และพูดขึ้นอีกครั้ง “สองสามปีมานี้เ้าได้ยินเื่เกี่ยวกับร่างอสุนีลึกลับบ้างหรือไม่?”
“ร่างอสุนีลึกลับ? อาจารย์ ท่านกำลังบอกว่าศิษย์น้องคือร่างอสุนีลึกลับหรือ?” ลี่อวิ๋นพูดด้วยความใ และแอบคิดในใจว่าอาจารย์ไปรับศิษย์อัจฉริยะเช่นนี้มาจากไหน
“ใช่! เขาอยู่ที่ไหน?” หวงถิงถอนหายใจอย่างโล่งอก หากลี่อวิ๋นเคยได้ยิน นั่นก็หมายความว่าเด็กคนนั้นอยู่ในสำนัก
“แต่สองสามปีมานี้ข้ายังไม่เคยได้ยินว่ามีศิษย์คนไหนมีร่างอสุนีลึกลับ” ลี่อวิ๋นส่ายหน้า
หวงถิงผงะไปทันที และนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนจะจากกันในตอนนั้น เขาแอบตั้งข้อจำกัดไว้ในตัวฉินอวี่ ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที และพูดขึ้นพร้อมจ้องไปทางลี่อวิ๋นอย่างไม่พอใจ “นี่ก็ไม่เคยได้ยิน นั่นก็ไม่เคยได้ยิน แต่ละวันก็ได้แต่นั่งอยู่ในหอตำรา คนพูดคุยผ่านไปมาตั้งมากมายแต่เ้ากลับไม่ได้ยินอะไรเลยน่ะหรือ? แล้วเคยได้ยินชื่อฉินอวี่หรือไม่? ศิษย์น้องของเ้าชื่อฉินอวี่ เคยได้ยินไหม? เขาเข้ามาในสำนักเมื่อสี่ปีก่อน”
“เข้ามาในสำนักเมื่อสี่ปีก่อน? ฉินอวี่?” ดวงตาของลี่อวิ๋นก็ตกตะลึงทันที และพูดออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ “อาจารย์ ท่านกำลังบอกว่าคนใกล้ตายคนนั้นคือศิษย์น้องของข้าหรือ?”
“คนใกล้ตาย?” หวงถิงขมวดคิ้วและพูดขึ้น “คนใกล้ตายอะไรกัน?”
“อาจารย์ เมื่อสี่ปีก่อนมีเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้จุดตะเกียงกรรม คนผู้นั้นชื่อฉินอวี่... เขาคือศิษย์น้องของข้าหรือ? เขาคือศิษย์น้องของข้าจริงหรือ? เป็อย่างนี้ไปได้อย่างไร?” ลี่อวิ๋นตื่นเต้นและพึมพำไม่หยุด
“ไม่ได้จุดตะเกียงกรรม? เป็ไปได้อย่างไร เด็กคนนั้นดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย?” หวงถิงพึมพำพลางลูบจมูกแดงก่ำของตนเอง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงโบกมือไปมา และพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “สรุปว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เมื่อพูดจบ หวงถิงก็เบิกตาโพลง จ้องไปยังลี่อวิ๋น และพูดขึ้นเสียงดัง “เ้าอย่าบอกข้านะ ว่าเขาตายไปแล้ว?”
ลี่อวิ๋นทำสีหน้าอมทุกข์ และพูดกลับไป “น่าจะยังไม่ตาย แต่... ก็คงใกล้ตายแล้วกระมัง อาจารย์... ศิษย์น้องเขา... เขาไปเหวลึกแล้ว...”
“เหวลึก? เหวลึกที่ไหน?” หวงถิงพูดอย่างโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะลี่อวิ๋นเป็ศิษย์ของเขา เขาคงจะตบลี่อวิ๋นกระเด็นไปแล้ว
“เหวลึกที่อยู่ในแดนขัดเกลา เหวลึกเขตการปราบปรามของเผ่าหยาจื้อ” ลี่อวิ๋นกล่าว
“อะไรนะ? เขาไปที่นั่นได้อย่างไรกัน? สมองของเ้าสับสนหรือไม่? นั่นเป็ที่ที่เขาคิดจะไปก็ไปได้หรือ?” หวงถิงแผดเสียงกลับไป
“ตอนแดนขัดเกลาเปิดออกในครั้งที่ผ่านมา มีศิษย์จำนวนหนึ่งในสำนักได้หลงเข้าไปในแดนของเผ่าหยาจื้อ หนึ่งในนั้นมีศิษย์น้องอยู่ด้วย เขาได้สังหารอันดับห้าในรายนามของเผ่าหยาจื้อ... เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้นำรุ่นสองได้ไปยังเผ่าหยาจื้อด้วยตนเอง... แต่ไม่ได้พาศิษย์น้องกลับมา... บอกว่า... ศิษย์น้องไปยังเหวลึกแล้ว...”
ลี่อวิ๋นพูดจบ หวงถิงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
ลี่อวิ๋นทอดสายตามองออกไปข้างหน้า ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนใกล้ตายที่ทำให้อันดับหนึ่งวิ่งหนี และลงมือสังหารอันดับห้าในรายนามของเผ่าหยาจื้อจะเป็ศิษย์น้องของตนเอง
เมื่อหวนนึกถึงเื่ในอดีตของฉินอวี่แต่ละเื่ ลี่อวิ๋นก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ลี่อวิ๋นได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากหวงถิงมาโดยตลอดจึงรู้จักนิสัยของหวงถิงเป็อย่างดี หลายปีมานี้ เขายังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าอาจารย์มีเจตนาจะรับศิษย์ แม้แต่ตนเองก็ยังต้องอาศัยร่มเงามาจากบรรพชน แต่ครั้งนี้ เขากลับยอมรับศิษย์ แต่...
“แย่แล้ว... ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของอาจารย์ ก็ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก” ลี่อวิ๋นกล่าวอย่างกังวล
ในเวลานี้ เกิดเสียงคำรามดังขึ้นกึกก้องสำนักยุทธ์ว่านจ้ง
“ท่านหวังถู ทำกับข้าเกินไปแล้วนะ โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
ห้าวันต่อมา
มีข่าวเกิดขึ้นสั่นะเืไปทั้งสำนักยุทธ์ว่านจ้ง
ผู้าุโใหญ่แห่งสายชีพจรดินอาละวาดเขตหยาจื้อสิบสามฝ่าย ทำผู้นำวานรยุทธ์าเ็สาหัส บุกรุกเข้าเหวลึก!
