“เฝิงเทียน เ้าออกไปเถอะ อย่ามาขัดความสุขของพวกข้า”
เฝิงเป่าเป่าบอกให้เฝิงเทียนออกไปจากห้อง เขาทำไปเพราะหวังดีต่อเฝิงเทียน ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองคนอาจตายที่นี่โดยไม่ทันได้รู้ตัว และตายก็ยังน้อยไป อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพวกเสิ่นเสวียนขาดสะบั้นลงได้
"ดี ข้าจะจดจำหมัดนี้ของเ้าไว้”
เฝิงเทียนเพิ่งตั้งสติได้หลังจากตื่นใไปก่อนหน้านี้ เขามองเริ่นเสี้ยวเทียนทั้งที่ยังคงหวาดกลัว
พลังหมัดของเริ่นเสี้ยวเทียนดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความเป็จริงมันทะลวงผ่านจิตใจของเขาเข้าไปแล้ว
แม้พลังยุทธ์ของเขาอยู่ในขั้นราชันระดับสูงแล้ว แต่ก็เป็เพราะสมุนไพรต่างๆ ไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้เลย
“อยากฝึกฝนอีกไหม”
เริ่นเสี้ยวเทียนทำท่าทางไม่ใส่ใจ คนสำรวยเช่นนี้เขาเจอมาเยอะ ไม่ได้ต่างไปจากเฝิงเทียนสักเท่าไร
“หากมีเวลาพวกเราสามารถฝึกฝนกันอีกได้”
ชายชราแต่งกายธรรมดาที่ยืนอยู่ข้างๆ มองเริ่นเสี้ยวเทียนด้วยความสนใจ
“ผู้ไร้นามไม่คู่ควรที่จะได้สู้กับข้า” ไม่มีใครคาดคิดว่าเริ่นเสี้ยวเทียนจะทำให้อีกฝ่ายอกแตกตายได้ด้วยประโยคเดียว
“พวกเราไป จำไว้ว่าเื่นี้ยังไม่จบ”
เฝิงเทียนมีความเชื่อมั่นในตนเองมาก ใครจะไปคาดคิดว่าเด็กคนหนึ่งจะทำลายความเชื่อมั่นของเขาไปได้ ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
แต่เขาก็รู้ว่าสู้กันที่นี่ไม่ได้ หากต้องสู้กันจริงๆ เขาคือคนแรกที่จะถูกลงโทษ
“เ้าช่างน่าสนใจยิ่งนัก”
ชายชราแต่งกายธรรมดาผู้นั้นมองเริ่นเสี้ยวเทียนพลางยิ้มเย็น แล้วเดินตามเฝิงเทียนออกไป
หลังจากนั้นประตูห้องก็ปิดสนิทลงอีกครั้ง ที่นี่จึงกลับมาเงียบสงบ
“ขอโทษทุกคนด้วย ทำให้พวกเ้าต้องเจอเื่แย่ๆ น้องชายข้าคนนั้น...”
“ไม่ใช่ความผิดเ้าหรอก”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าว หากเทียบกับเฝิงเทียนแล้ว เขาอยากช่วยเฝิงเป่าเป่าจริงๆ
การแย่งชิงตำแหน่งภายในตระกูล พลังยุทธ์ของลูกคนที่สองเหนือกว่าลูกคนโตมาก เป็เื่ปกติที่ลูกคนโตจะเสียใจ
“ขั้นจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ”
ขณะนั้นเสิ่นเสวียนพลันกล่าวถามเริ่นเสี้ยวเทียน
“ใช่ ขั้นจักรพรรดิ”
เริ่นเสี้ยวเทียนพยักหน้า ชายชราผู้นั้นมีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิแล้ว
“ใช่ เขามีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ เป็ที่นับหน้าถือตาในตระกูลเฝิงของข้า เขาชื่ออู๋ิที่แปลว่าไร้ชื่อ แต่เขาเชื่อฟังเ้าสองเพียงคนเดียว” เฝิงเป่าเป่ากล่าว
“เขาชื่ออู๋ิ?”
เริ่นเสี้ยวเทียนตะลึง
เสิ่นเสวียนก็ตะลึงเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะเสียงดังลั่น
ถามเขาว่าชื่ออะไร เขากลับบอกมาแล้วั้แ่แรก เริ่นเสี้ยวเทียนยังบอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่คู่ควรที่จะสู้กับตนเอง
“หวังว่าสหายทั้งหลายจะคิดรอบคอบ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา”
เฝิงเป่าเป่าลุกขึ้นยืนก่อนโค้งกายให้เริ่นเสี้ยวเทียนและเสิ่นเสวียนอย่างนอบน้อม แสดงถึงการขอโทษ
“เ้าเป็พี่ใหญ่ที่ดีจริงๆ ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาได้ แต่พวกเขาต้องมาหาเื่เ้าอย่างแน่นอน”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวเตือน
“ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อพลังยุทธ์ของเ้าสองแข็งแกร่งกว่าข้า และยังฉลาดกว่าข้าอีก ตระกูลชุบเลี้ยงเขามาเป็อย่างดีเพื่อให้เขาได้สืบทอด ข้าได้ช่วยเขาก็ดีแล้ว” เฝิงเป่าเป่ายิ้มน้อยๆ ในเมื่อสู้ไม่ได้ ต่อให้แย่งชิงอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“แล้วแต่เ้าก็แล้วกัน” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าว
เสิ่นเสวียนเข้าใจได้ถึงการกระทำของเฝิงเป่าเป่า ในฐานะของพี่ใหญ่ หากไม่จำเป็จริงๆ คงไม่อยากหักหน้าน้องชายตนเอง
“สหายเสิ่น นี่คือเงินยี่สิบล้านเหรียญทอง โปรดรับไว้ด้วย”
เฝิงเป่าเป่ายื่นบัตรมณีม่วงให้เสิ่นเสวียนด้วยสองมือ
“ข้าบอกแล้วว่าสิบล้านเหรียญทอง ส่วนที่เหลือเ้าไปจัดการเอง เอาส่วนของข้าให้เสี่ยวเม่ยก็พอ”
เสิ่นเสวียนไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แต่บอกให้เฝิงเป่าเป่าส่งให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยเลย
เสิ่นเสี่ยวเม่ยตะลึงไปชั่วขณะ นางไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
“ท่านพี่ ข้า...”
“หลังจากนี้พวกเ้าสองคนต้องอยู่ในเมืองนี้ จำเป็ต้องใช้เงิน ข้าไม่ต้องใช้”
“ขอบคุณท่านพี่”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยพยักหน้า มีพี่ชายช่างดีจริงๆ
“มา เอาแผ่นกระดาษออกมา ข้าจะวาดกระดานหมากให้เ้าดู”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเฝิงเป่าเป่า
“ได้ เก็บโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วยกน้ำชาเข้ามา”
หลังจากเฝิงเป่าเป่าออกคำสั่ง คนที่รออยู่ด้านนอกก็เข้ามาเก็บจานอาหารไปทันที และถูกเก็บกวาดจนสะอาดในเวลาไม่กี่เค่อ อีกทั้งมีน้ำชาวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าทุกคนอีกด้วย เป็การทำงานที่ค่อนข้างมืออาชีพเลยทีเดียว
เสิ่นเสวียนวางกระดาษลงบนโต๊ะ ข้างๆ กันมีพู่กันและหมึกวางอยู่
เขาหลับตาครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็วาดบางอย่างลงไปบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
การเดินหมากไม่สามารถเลียนแบบได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย เขาแก้ไขในหลายๆ ตำแหน่ง ทำให้ต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย และยังเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นอีกด้วย
เสิ่นเสวียนมองกระดาษที่วาดเสร็จแล้ว อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความสามารถของตนเอง ดัดแปลงไปอย่างนี้ทำให้สนุกสนานขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว
“ให้เ้า ผลักดันออกสู่ตลาดตามนี้ก็พอ”
เสิ่นเสวียนส่งกระดาษให้เฝิงเป่าเป่า เฝิงเป่าเป่ารับกระดาษมาดูแล้วพยักหน้าไม่หยุด
“ยอดเยี่ยม! เยี่ยมมาก!”
เฝิงเป่าเป่ากล่าว ในตอนนี้เขาเลื่อมใสเสิ่นเสวียนมากกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
ของเล่นที่น่าสนใจเช่นนี้ เหตุใดเขาถึงคิดไม่ออกนะ! หากความคับข้องใจของทุกคนสามารถแก้ไขได้ในพื้นที่เล็กๆ นี้ โลกใบนี้จะงดงามมากเพียงใด!
“เอาล่ะ เวลาผ่านมานานแล้ว ข้าควรต้องไปสักที” เสิ่นเสวียนส่งกระดาษให้เฝิงเป่าเป่าแล้ว ต้องดูว่าเฝิงเป่าเป่าจะทำอย่างไรต่อไป
“มีอะไรให้ช่วยไหม”
เริ่นเสี้ยวเทียนถามเสิ่นเสวียน อยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย มากคนก็มากความช่วยเหลือ เสิ่นเสวียนลงจากเรือเสวียนอู่ก็จะแยกตัวไปเลย อย่าเจอเื่ไม่คาดคิดเข้าก็พอ
“ไม่เป็ไร ข้าจะไปจัดการธุระส่วนตัวสักหน่อย พวกเ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ไปก่อน ใช่แล้ว อย่าไปรบกวนอู๋ิคนนั้นนัก เขาไม่ธรรมดาเลย”
เสิ่นเสวียนไม่ลืมกล่าวเตือนเริ่นเสี้ยวเทียนก่อนเดินออกไป
“ได้ ข้ารู้แล้ว เ้าเองก็ระวังตัวด้วย” เริ่นเสี้ยวเทียนพยักหน้า หลังจากติดตามเสิ่นเสวียนมา ผ่านความเป็ความตายด้วยกัน ทำให้เขาเห็นเสิ่นเสวียนเป็เหมือนครอบครัวไปแล้ว
และแม้ว่าสำนักบุปผาจะยิ่งใหญ่ แต่ก็้าคนรุ่นใหม่อย่างเสิ่นเสวียนเช่นเดียวกัน
“เสี่ยวเม่ย เสิ่นเลี่ยน หลังจากนี้พวกเ้าติดตามเขาไปก็แล้วกัน เขาช่วยพวกเ้าได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน พลางชี้ไปทางเฝิงเป่าเป่า
เฝิงเป่าเป่าพยักหน้ารับด้วยความตื่นเต้น
“เอาล่ะ พวกเ้าคุยกันไปก่อน ข้าจัดการธุระเรียบร้อยแล้วจะกลับมา”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับทุกคนเล็กน้อย จากนั้นคลื่นพลังมิติพลันสั่นไหวรอบๆ ร่างของเขา แล้วเขาก็หายตัวไป
“เอ๋? หายไปไหนแล้ว”
เฝิงเป่าเป่าไม่เคยเห็นพลังเช่นนี้ของเสิ่นเสวียนมาก่อน จึงเกิดความสงสัย
“เขาไปแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนยิ้ม เสิ่นเสวียนลึกลับเช่นนี้ตลอดกาล
“เอาล่ะ พวกข้าเองก็กินอิ่มกันแล้ว พาพวกข้าไปหาที่พักเถอะ!”
เริ่นเสี้ยวเทียนบิดี้เี หลายวันมานี้เขาไม่ได้ฝึกฝนให้ดีๆ เลย หาที่พักได้แล้วฝึกฝนเสียก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน
“ข้ามีที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองชางฉง ปกติแล้วมีเพียงข้าที่พักอยู่ที่นั่น พวกเ้าอยากไปที่นั่นไหม”
“ได้เลย”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนพยักหน้าพร้อมกัน ไม่ต้องกล่าวถึงว่าอยู่คนเดียวแล้วสบายใจ ยังลดปัญหาได้อีกด้วย
หากพักอยู่ในตระกูลของเฝิงเป่าเป่าอาจเกิดการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นเลย แค่เฝิงเทียนคนเดียวก็เป็เหมือนตะเกียงที่มีน้ำมันอยู่เต็มเปี่ยมแล้ว
“ได้ ในเมื่อเป็อย่างนี้พวกเราก็ออกเดินทางกันเลย”
เฝิงเป่าเป่าดีใจมาก ที่ดินเล็กๆ ของตนเอง หลายปีมานี้ไม่ค่อยคึกคักมากนัก
ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากให้ใครเข้าไปเลย แต่ตอนนี้เขา้าพาคนเหล่านี้เข้าไปพัก
หลังจากที่ทุกคนเดินออกจากโรงเตี๊ยม ที่นี่ก็เงียบสงบลง
และเมื่อทุกคนเดินออกไปแล้ว ประตูของอีกห้องหนึ่งค่อยๆ เปิดออก เฝิงเทียนและอู๋ิผู้นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองแผ่นหลังของพวกเขาเ่าั้ที่เดินจากไป
“คนเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หากไม่กำจัดทิ้งจะเป็ภัยต่อคุณชาย”
อู๋ิมองพวกเริ่นเสี้ยวเทียน พลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด