วินาทีที่เนี่ยเทียนเผยกาย หยวนเฟิง อวิ๋นซงแห่งหุบเขาเทาก็สังเกตเห็นเขาทันที
“เป็เ้าเองรึ?”
อวิ๋นซงอึ้งตะลึงอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกแปลกใจอย่างมาก เขายังนึกว่าเนี่ยเทียนที่หายตัวไปหลายวันน่าจะตายไปนานแล้ว
“เกิดเื่อะไรขึ้น? เหตุใดพวกเ้าถึงไม่ได้ไปรวมตัวกับเจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้ที่เขตูเาไฟ เหตุใดถึงเดินกลับมาทางเดิมรึ?” เนี่ยเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เมื่อพูดจบ เขาก็มองเห็นสีหน้าของหยวนเฟิงก็พลันมืดคล้ำลงทันทีทันใด
อวิ๋นซงหัวเราะสมเพชตัวเองแล้วพูดว่า “พวกเราก็อยากไปเขตูเาไฟเหมือนกัน แต่มันเป็ไปไม่ได้แล้ว ตอนที่พวกเราใกล้จะออกจากทะเลทรายร้าง สำนักภูตผีและสำนักโลหิตมาสกัดขวางพวกเรา พวกเราทั้งล้มตายและาเ็สาหัส ทำได้เพียงแยกกันหนีเอาตัวรอด”
“ตอนนี้พวกเราแค่อยากไปยังตำแหน่งของค่ายกลนำส่ง รอให้การประลองของโลกมายามรกตสิ้นสุดลง เพื่อหลุดพ้นจากสถานที่บัดซบแห่งนี้เร็วๆ!”
เนี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสีทันควันแล้วพูดด้วยความใว่า “าเ็สาหัสและล้มตายรึ? สำนักภูตผีและสำนักโลหิตมีกันทั้งหมดกี่คน?”
“เก้าคน แค่เก้าคนเท่านั้น” ดวงตาอวิ๋นซงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “แต่ตอนที่ต่อสู้กัน นางมารคนนั้นของสำนักโลหิตอยู่ๆ ก็ฝ่าทะลุขอบเขตท้าย์! นางที่เหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตท้าย์ เมื่อร่ายเวทลับของสำนักโลหิต จึงไม่มีใครสามารถต่อกรกับนางได้! เพียงแค่นางคนเดียว ต่อให้อันอิ่ง เจียงหลิงจูและท่านพี่ข้าร่วมแรงกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
“สำนักภูตผีมีคนหนึ่งชื่อโม่ซี ฉวยโอกาสตรงเข้าเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด จนพวกเราต้องหนีกันหัวซุกหัวซุน”
“จบสิ้นแล้ว การประลองของโลกมายามรกตจบสิ้นลงอย่างแท้จริงแล้ว! ตอนนี้ได้แต่หวังให้คนนอกรู้ถึงการเคลื่อนไหวของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต และเข้ามาด้านในนี้โดยเร็ว”
“ฝ่าทะลุขั้นตอนต่อสู้รึ?” เนี่ยเทียนเองก็ตื่นตะลึงไปเช่นกัน
“หยุดพูดมากเสียที” หยวนเฟิงแห่งหุบเขาเทาแค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง พลันมองเนี่ยเทียนด้วยเจตนาร้ายอย่างไม่ปิดบังแล้วพูดว่า “เอาหินวิเศษของเ้าออกมาให้หมด พวกเราจำเป็ต้องฟื้นคืนพลังิญญาโดยเร็วที่สุด”
“ถูกต้อง! รีบเอาหินวิเศษของเ้าออกมาให้พวกเรา พวกเราอาจจะปล่อยเ้าไปก็ได้!” อวิ๋นซงเองก็เอะอะโวยวายขึ้นมาเสียงดังดุจดั่งจิ้งจอกที่แอบอิงบารมีเสือ
เนี่ยเทียนตะลึง ก้มลงมองถุงผ้าตรงเอวโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าปั้นยากว่า “ถึงขนาดนี้แล้ว พวกเ้ายังคิดจะแย่งหินวิเศษบนตัวข้าไปอีกหรือ? พวกเ้าแน่ใจนะ?”
“แน่ใจสิ!” น้ำเสียงอวิ๋นซงเ็า “หากไม่ใช่เพราะพวกเราเจอลูกศิษย์สำนักภูตผีในเขตเกาะน้ำแข็ง เ้านึกว่าพวกเราจะปล่อยเ้าไปอย่างนั้นหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่พวกเรารวมตัวกับหอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋น เ้ายังกล้ากลั่นแกล้งให้พวกเราลำบาก เ้าคิดว่ามาเจอกับพวกเราที่นี่แล้วเ้าจะรอดปลอดภัยหรืออย่างไร?”
“ด้านหลังของพวกเราอาจมีคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตไล่ตามมา ข้าไม่อยากเสียกำลังไปกับเ้าโดยเปล่าประโยชน์” ขณะที่พูดหยวนเฟิงก็เดินเข้ามาใกล้เขาทีละก้าว เดินไปพลางพูดว่า “หลังจากการประลองในโลกมายามรกตสิ้นสุดลง หากเ้าโชคดีมีชีวิตอยู่ต่อ ข้าจะจัดการกับเ้าข้างนอกทีหลัง”
“แต่ตอนนี้ข้าคิดจะไว้ชีวิตเ้าชั่วคราว ส่งถุงผ้าของเ้ามาเสียดีๆ!”
หยวนเฟิงที่เอาชีวิตรอดมาได้จากน้ำมือของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต หนีมาด้วยความรีบร้อนตลอดทาง พลังิญญาในร่างถูกเผาผลาญไปในปริมาณมหาศาล
เขาไม่รู้ว่าด้านหลังมีคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตตามมาไล่ฆ่าพวกเขาต่อหรือไม่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ยินดีที่จะเสียพละกำลังที่เขาเหลืออยู่ไม่มากไปกับตัวของเนี่ยเทียนโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นจึงแค่้าให้เนี่ยเทียนมอบหินวิเศษบนตัวออกมา
ในสายตาของเขา เนี่ยเทียนที่มาจากตระกูลเนี่ยขอบเขตต่ำต้อย เป็บทบาทเล็กน้อยที่ไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่นิดเดียว
ต่อไป ขอแค่เขา้า เขาในฐานะที่เป็ “เมล็ดพันธ์” แห่งหุบเขาเทา และศักยภาพของตัวเขาเอง ย่อมสามารถสังหารเนี่ยเทียนได้ตลอดเวลา
เนี่ยเทียนดึงเอาถุงผ้าตรงเอวลงมากำไว้ในมือ
“ตามคำพูดของเ้า ต่อให้ข้าเอาหินวิเศษทั้งหมดที่อยู่ในถุงผ้านี่มอบให้เ้า รอจนการประลองของโลกมายามรกตสิ้นสุดลงแล้ว เมื่ออยู่ข้างนอก เ้าก็ยังคงคิดจะสังหารข้าอยู่ดี?” เขามองหยวนเฟิงด้วยความนิ่งสงบ
“ถูกต้อง แต่เ้ายังถือว่าโชคดี ดังนั้นเ้าจึงยังได้มีชีวิตอยู่อีก่เวลาหนึ่ง” หยวนเฟิงไม่ปิดบังความคิดที่อยู่ในใจเลยแม้แต่นิด
เนี่ยเทียนแสยะปากยิ้ม พยักหน้าเบาๆ โยนถุงผ้าในมือไปไว้ข้างกาย
เขามองถุงผ้านั่นหนึ่งครั้ง แล้วถอยหลังหนึ่งก้าว บอกเป็นัยให้หยวนเฟิงและอวิ๋นซงเข้ามาหยิบ
“ถือว่าเ้าโชคดี!”
อวิ๋นซงไร้ซึ่งความคลางแคลงใจ ะโพรวดออกมา แทบจะวินาทีเดียวกับที่มาหยุดอยู่ด้านหน้าเนี่ยเทียน ก้มตัวลงได้ก็หมายหยิบเอาถุงผ้าขึ้นมาทันที
ดวงตาของเนี่ยเทียนพลันฉายไอสังหารดุเดือด!
“ระวัง!” หยวนเฟิงะโเสียงดัง
และชั่วขณะที่อวิ๋นซงก้มตัวลงไปนั้นเอง ปลายนิ้วมือข้างขวาของเนี่ยเทียนพลันมีแสงสว่างหลายเส้นพุ่งออกมาฉับพลัน
“ว่าแล้วเชียว!”
อวิ๋นซงแค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง คล้ายว่าเตรียมตัวเอาไว้แต่แรกแล้ว ท่อนบนของเขาที่ก้มลงไปพลันยืดขึ้นตรงทันที
ไม่ได้หยิบเอาถุงผ้าขึ้นมาแต่อย่างใด เขาที่ฝึกคาถาเปลวไฟกำหมัดแน่น แล้วต่อยโครมลงไปยังแสงทั้งห้าเส้นนั้นทันที
เปลวเพลิงก้อนแล้วก้อนเล่าลอยออกมาจากหมัดของเขา กลบทับแสงสว่างห้าเส้นที่พุ่งออกมาจากเนี่ยเทียน
“เปรียะๆ!”
แสงห้าเส้นเมื่อปะทะเข้ากับเปลวเพลิงที่เขาปล่อยออกไปก็สลายวับไม่เหลือร่องรอย
“พลังิญญาหลุดออกจากร่าง! นี่เ้าก็ฝ่าทะลุถึงหลอมลมปราณขั้นเจ็ดแล้ว!” อวิ๋นซงที่ทลายการลอบโจมตีของเนี่ยเทียนลงไปได้ ใบหน้าเปลี่ยนมาเป็เคร่งขรึม
ครั้งก่อนตอนที่เขาต่อสู้กับเนี่ยเทียนหน้าหอหลิงเป่า เห็นชัดๆ ว่าเนี่ยเทียนอยู่แค่ขอบเขตที่สี่เท่านั้น
นี่เพิ่งผ่านมานานเท่าไหร่เอง?
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่เมืองเฮยอวิ๋นครั้งนั้น เขาก็รู้แล้วว่าเนี่ยเทียนมีนิสัยรุนแรง ไม่มีทางยอมง่ายๆ อย่างแน่นอน
และเพราะเขารู้สึกว่าขอบเขตของเนี่ยเทียนไม่มากพอ ดังนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่าเนี่ยเทียนจะต้องลงมือโจมตีกะทันหัน แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัว
ทว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ เนี่ยเทียนกลับเหยียบย่างเข้าสู่หลอมลมปราณขั้นเจ็ด และสามารถปล่อยพลังิญญาออกมาจากร่างได้ด้วย!
หากไม่เป็เพราะเขาระวังตัวไว้ก่อนแล้ว แสงจากนิ้วห้าเส้นที่เมื่อครู่นี้เนี่ยเทียนปล่อยออกมา มากพอจะทำให้เขาพ่ายแพ้จนมิอาจฟื้นคืนได้อีกเลย!
“อวิ๋นซง! กลับมา!”
ขณะที่เขาแอบบอกกับตัวเองว่าตนช่างฉลาดปราดเปรื่องอยู่นั้นเอง หยวนเฟิงก็ะโเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งพอเสียงตวาดของหยวนเฟิงดังขึ้น เขายังรีบรุดเข้ามาใกล้ด้วย “เขาอยู่ขอบเขตหลอมลมปราณแปด!”
“สายไปแล้ว”
เนี่ยเทียนหัวเราะเสียงเ็า ขณะที่อวิ๋นซงเพิ่งจะตั้งตัวได้ พลังจิตมหาศาลของเนี่ยเทียนก็รุกรานเข้าไปโดยพลัน!
หลังจากทดลองแล้วได้ลิ้มรสความสำเร็จจากตู้คุน เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองมีพลังจิตแข็งแกร่งเกินคนทั่วไป และนั่นก็คืออาวุธแหลมคมในการต่อสู้!
เขามีเพียงคนเดียว ทว่าข้างกายอวิ๋นซงยังมีหยวนเฟิงแห่งหุบเขาเทา หากเขาไม่อาศัยวิธีการบางอย่างที่พิเศษ ในระยะเวลาสั้นก็ยากที่จะจัดการใครสักคนลงไปได้ หากเผชิญกับการลอบโจมตีของคนสองคนพร้อมกัน เขาก็อาจจะไม่ใช่ฝ่ายที่คว้าชัยชนะ
นับั้แ่วินาทีที่หยวนเฟิงยืนกรานว่าต่อให้เขาสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากโลกมายามรกตได้ อย่างไรก็จะพยายามสังหารฆ่าเขาให้ได้อยู่ดี เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาด
เขา้าจัดการทั้งหยวนเฟิงและอวิ๋นซงไปพร้อมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหามากมายนับไม่ถ้วนที่อาจตามมาในภายหลัง!
เนื่องจากการมาถึงของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต ไม่ว่าการตายของผู้ประลองคนใดก็ล้วนสามารถหาข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบได้ทั้งสิ้น---ถูกสำนักภูตผี สำนักโลหิตสังหาร!
เขาที่คิดไว้เรียบร้อยแม้กระทั่งข้ออ้าง จึงไร้ซึ่งสิ่งใดให้ต้องกังวล ตัดสินใจลงมือสังหารอย่างเหี้ยมโหดทันที
“โอ้ย!”
อวิ๋นซงที่เผชิญกับการโจมตีทางพลังจิตที่มาเยือนกะทันหัน พลันกรีดร้องโหยหวนดุจดั่งถูกผีร้ายสิงร่าง
เขาที่ไม่สามารถข่มกลั้นความเ็ปที่เกิดในสมอง เอามือกุมหัว ได้แต่ร้องคร่ำครวญอย่างเดียว
ฉวยโอกาสนี้ เนี่ยเทียนลงมือรวดเร็วราวกับสายฟ้า เอื้อมมือคว้าลำคอของเขาไว้แล้วออกแรงบีบอย่างแรง
“กร๊อบ!”
เสียงน่ากลัวของกระดูกลำคอหักที่ดังออกมาจากคอของอวิ๋นซง ตามมาด้วยศีรษะของเขาที่แหงนเงยไปด้านหลังอย่างไม่เป็ธรรมชาติ
“เ้า! เ้ากล้าฆ่าเขา! เ้าถึงขนาดกล้าฆ่าเขาเชียวรึ!” หยวนเฟิงเบิกตาถลนด้วยความโกรธแค้น
ผู้ประลองทุกคนที่เข้ามาในโลกมายามรกตล้วนจำเป็ต้องเคารพกฎที่สี่สำนักร่างร่วมกันคือห้ามสังหารผู้ประลองด้วยกันเอง
ต่อให้หยวนเฟิงเกลียดแค้นเนี่ยเทียนเพียงใด คราวก่อนตอนที่ขอตัวมาจากอันอิ่ง เขาก็แค่อยากจะเล่นงานเนี่ยเทียนเท่านั้น ไม่เคยกล้าถึงขั้นคิดเอาชีวิตจริงๆ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า เนี่ยเทียนที่ยังอยู่ในโลกมายามรกตด้วยกันจะกล้าลงมือโหดร้ายกับอวิ๋นซงเช่นนี้!
หากออกไปจากโลกมายามรกต ขอแค่เขาป่าวประกาศเื่นี้ออกไป เนี่ยเทียนต้องถูกสี่สำนักปะาอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ไม่ฆ่าเขาในโลกมายามรกต รอเขาออกไปแล้วกลับไปยังเมืองเฮยอวิ๋น เกรงว่าข้าก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว” เนี่ยเทียนสีหน้าเ็าพูดต่อไปว่า “ต่อไป หากเขายังมีชีวิตอยู่ต่อในเมืองเฮยอวิ๋น ข้าคงเสียใจทีหลังไปทุกวันคืน เพื่อไม่ให้ความเสียใจนั้นเกิดขึ้นในอนาคต ข้าจึงทำได้เพียงให้เขาตายอยู่ในโลกมายามรกต”
“เ้าจะต้องถูกทั้งสี่สำนักลงโทษปะา!” หยวนเฟิงตวาดเกรี้ยวกราด
“ไม่ ไม่หรอก” เนี่ยเทียนแสยะปาก รอยยิ้มนั้นอำมหิตอย่างเห็นได้ชัด “เ้าก็อยู่ในแผนการของข้าด้วย ขอแค่เ้าตายไปก็ไม่มีใครรู้เื่นี้อีกแล้ว ข้าจะบอกพวกตาแก่ของสี่สำนักเองว่าพวกเ้าถูกคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตฆ่า ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า”
-----