ร่างของมู่เฟิงกลิ้งไปบนพื้นสองตลบ โดยมีชั้นน้ำแข็งเคลือบอยู่บนผิวของเขา ร่างกายพลันััได้ถึงความเย็นะเื มู่เฟิงรีบโคจรพลังปราณเพลิงเพื่อต้านทานความหนาวเหน็บนี้ทันที
หนานหลิงทะยานร่างเข้าหาเด็กหนุ่ม หมายจะกระทืบเท้าลงไปบนร่างของมู่เฟิงเพื่อระบายโทสะ
มู่เฟิงรีบตบฝ่ามือลงบนพื้น ทำให้ร่างของเขาไถลออกไปด้านข้าง และหลบฝ่าเท้าของหนานหลิงที่กระทืบลงมาได้อย่างทันท่วงที พละกำลังจากฝ่าเท้าของอีกฝ่ายทำให้พื้นในบริเวณนั้นปรากฏรอยแยก ทั้งยังมีน้ำแข็งแผ่ขยายปกคลุมอยู่อีกหนึ่งชั้น
มู่เฟิงถอยออกห่างออกมา มุมปากของเขามีหยาดเืไหล สีหน้าของเด็หนุ่มในยามนี้มืดครึ้มเป็อย่างยิ่ง
วรยุทธ์ของหนานหลิงอยู่ในระดับหนิงกังขั้นเจ็ด และช่องว่างของระดับพลังระหว่างพวกเขานั้นห่างกันมากเกินไป ต่อให้เขาแสดงอัสนีบาตย่ำแปดทิศออกมาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานหลิงอยู่ดี
“เ้าหนุ่ม ในเมื่อเ้ามารนหาเื่ตายด้วยตัวเอง เช่นนั้นข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้เ้าเอง แม้ทางสำนักศึกษาจะมีกฎเหล็กว่าห้ามสังหารศิษย์ในสำนักเดียวกัน แต่เ้าเป็ฝ่ายบุกรุกเข้ามายังเขตเรือนพักของศิษย์สายในก่อน ฉะนั้นหากข้าจะทำให้เ้ากลายเป็เศษสวะที่ไร้วรยุทธ์อีกครั้ง ทางสำนักศึกษาคงจะไม่ว่าอะไร”
หนานหลิงแสยะยิ้ม จากนั้นเขาก็ดีดฝ่าเท้าพุ่งทะยานร่างเข้าหามู่เฟิงพร้อมกับปล่อยฝ่ามือที่อัดแน่นไว้ด้วยพลังกังชี่ธาตุน้ำแข็งใส่อีกฝ่าย
ฝ่ามือนั้นพลันกลายเป็ดาบน้ำแข็งสายหนึ่งพุ่งทะลวงแหวกอากาศมาทางมู่เฟิง เด็กหนุ่มก้าวถอยออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อหลบการโจมตีนี้ คมดาบน้ำแข็งจึงโจมตีลงบนพื้นในตำแหน่งที่เขาเคยอยู่แทน และทำให้พื้นที่ตรงนั้นเกิดรอยแตกร้าว แต่หนานหลิงไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ฝ่ามือทั้งสองของเขาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก่อนจะปลดปล่อยดาบน้ำแข็งออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน บนฝ่ามือของมู่เฟิงก็ปรากฏเส้นสายของพลังปราณจำนวนหลายสิบเส้นขึ้นเช่นกัน และเพียงไม่นานมันก็เริ่มก่อตัวกลายเป็กระบี่ลายเส้นที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังสายฟ้า
“ไป!”
หลังจากมู่เฟิงโบกมือ กระบี่ลายเส้นที่ถูกควบคุมโดยกระแสพลังควบคุมและพลังิญญาก็พุ่งโจมตีไปทางนานหลิงทันที
กระแสพลังควบคุมคืออะไร? มันก็คือแรงเหนี่ยวนำที่ใช้ในการขับเคลื่อนพลังปราณ และพลังปราณของคนแต่ละคนก็จะแตกต่างกัน กระแสพลังควบคุมเองก็เช่นกัน วิถีการเคลื่อนที่ระหว่างการโจมตีนั้นจะขึ้นอยู่กับการเหนี่ยวนำของกระแสพลังควบคุม
กระบี่ลายเส้นของมู่เฟิงเล่มนี้รวดเร็วมากจนน่าทึ่ง มันฉีกผ่านห้วงอากาศทะลวงไปข้างหน้าอย่างดุดัน โดยมีเป้าหมายในการโจมตีเป็ศีรษะของหนานหลิง แน่นอนว่าสิ่งที่มู่เฟิง้าก็คือชีวิตของอีกฝ่าย
สีหน้าของหนานหลิงพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นมา ก่อนที่พลังกังหยวนจะก่อตัวเป็ม่านป้องกันขึ้นในทันที ทว่ากระบี่ลายเส้นของมู่เฟิงกลับสามารถเจาะทะลวงม่านป้องกันนั้นไปได้อย่างง่ายดาย เหมือนว่าม่านพลังป้องกันของอีกฝ่ายนี้จะเทียบไม่ได้กับของหลิวเซิ่งด้วยซ้ำ
แต่หลังจากที่กระบี่ลายเส้นเจาะทะลวงเข้ามาได้แล้ว หนานหลิงก็ตบฝ่ามือออกมาอีกครั้ง และฝ่ามือนี้พุ่งทำลายกระบี่ลายเส้นโดยตรง ก่อนจะพุ่งอย่างต่อเนื่องไปโจมตีร่างของมู่เฟิงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ส่งร่างของเด็กหนุ่มให้ลอยกระเด็นออกไปไกล
ปัง...!
แม้ว่ามู่เฟิงจะเหวี่ยงหอกออกมาเพื่อสกัดกั้นมันแล้ว แต่ตัวเขาก็ยังคงถูกแรงโจมตีนั้นผลักร่างจนลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังกำแพง ทำให้กำแพงนั้นพังทลายลงทันที
“รับมือ!”
หนานหลิงกระโจนร่างเข้าไปโจมตีอีกครั้ง ครั้งนี้เขาตบฝ่ามือไปที่หน้าท้องของมู่เฟิงเพื่อทำลายจุดตันเถียนจื่อฝู่ของอีกฝ่าย
“ฟ่อ...!”
ทันใดนั้นเสี่ยวเทียนก็แผดเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งตัวออกมาจากใต้แขนเสื้อของมู่เฟิง ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็งูั์สีขาวที่มีความยาวมากกว่ายี่สิบเมตร มันอ้าปากกว้างหวังจะกัดร่างของหนานหลิง
สีหน้าของหนานหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบพลิกตัวไปยังอีกฝั่ง ทำให้สามารถหลบหนีคมเขี้ยวของเสี่ยวเทียนได้ทันท่วงที
“งูเจียว!”
เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของงูเจียว ผู้คนที่กำลังรายล้อมอยู่โดยรอบต่างก็พากันตื่นตะลึงในทันที เพราะนี่คืออสูริญญาที่หาได้ยากเป็อย่างมาก
เสี่ยวเทียนโผล่ออกมาขวางหน้ามู่เฟิงเพื่อปกป้องเด็กหนุ่ม ดวงตาสีทองเข้มของมันจ้องไปทางหนานหลิงด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย เนื่องจากพลังของมันอยู่เพียงระดับหนิงกังขั้นหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าพลังที่แท้จริงของมันจะเทียบได้กับพลังขั้นสองถึงขั้นสาม แต่การจะจัดการกับหนานหลิงย่อมไม่ใช่เื่ง่าย
หนานหลิงหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาแหงนหน้ามองงูเจียวตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า ดวงตาของเขาทอประกายเย็นะเื
“คิดไม่ถึงว่าเ้าเด็กเดรัจฉานนั่นจะมีอสูรร้ายเช่นนี้อยู่ในมือ”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นจากซากปรักหักพังของผนังกำแพงที่พังทลายลงมา พลังสายฟ้าภายในร่างของเด็กหนุ่มกลับคืนสู่จุดตันเถียน นอกจากนี้ยังมีพลังที่สะท้อนกลับมาซึ่งส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของเขาด้วย
อึก...!
สีหน้าของมู่เฟิงขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด เขากระอักเืออกมาจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่าอัสนีบาตย่ำแปดทิศที่ช่วยเพิ่มพลังให้เขาขึ้นมาถึงสี่เท่านี้ ย่อมมีผลสะท้อนกลับที่ไม่ธรรมดา
แน่นอนว่าพลังที่ไม่ได้มาจากวรยุทธ์ของตัวเอง มันก็ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายคืน
ในยามนี้มีบัณฑิตสายในจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่บริเวณใกล้เคียงกับลานของเรือนพักของหนานหลิง พวกเขาทั้งหมดต่างก็กำลังมองดูงูเจียวร่างั์ที่ปรากฏตัวคั่นกลางระหว่างการต่อสู้ของมู่เฟิงกับหนานหลิง
“เด็กนั่นไม่ใช่มู่เฟิงที่คว้าอันดับหนึ่งในการประเมินบัณฑิตใหม่ของรุ่นนี้มาได้หรอกหรือ เหตุใดเขาจึงมาสู้กับหนานหลิงได้กัน?”
“ความไม่ลงรอยระหว่างตระกูลมู่กับจวนเป่ยอ๋องนั้นหยั่งรากลึกมาก คิดว่าพวกเขาคงอดทนไว้ไม่ไหวจนมันะเิออกมากระมัง แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือการที่บัณฑิตใหม่ผู้นั้นสามารถรับมือกับหนานหลิงมาได้จนถึงตอนนี้ต่างหาก”
“...”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในกลุ่มฝูงชนทันที สีหน้าของหนานหลิงพลันเย็นเยียบ “แม้ว่างูเจียวตัวนี้จะโผล่มาปกป้องเ้า แต่ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็จะทำให้เ้ากลายเป็เศษสวะให้ได้อยู่ดี”
พลังกังหยวนธาตุน้ำแข็งที่แผ่ออกมาจากร่างของหนานหลิงกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และมันก็ส่งผลให้อุณหภูมิของอากาศที่ปกคลุมอยู่โดยรอบลดฮวบลงหลายองศา
พรึ่บ!
ร่างของหนานหลิงทะยานออกไป ก่อนจะกลายเป็ลำแสงพุ่งเข้าหาเสี่ยวเทียน กลางฝ่ามือของเขาเองก็มีพลังกังหยวนกำลังพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ทลายน้ำแข็ง!”
เมื่อหนานหลิงปล่อยฝ่ามือออกมา พลังฝ่ามือที่ถูกควบแน่นขึ้นจนมีขนาดใหญ่หลายเมตรก็พุ่งโจมตีเสี่ยวเทียนและมู่เฟิงทันที จากอานุภาพความแข็งแกร่งของฝ่ามือนี้ เกรงว่าต่อให้เป็โขดหินั์ที่มีน้ำหนักนับหมื่นจินก็อาจจะถูกทำลายลงได้
“ัเพลิงคำราม!”
“โฮก…!”
ทันใดนั้นพลังที่ถูกควบแน่นจนกลายเป็ัเพลิงที่มีเปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชนก็แผดเสียงคำรามอยู่กลางอากาศ จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปปะทะกับฝ่ามือน้ำแข็งทันที
ปัง...!
หลังจากพลังกังหยวนสองชนิดที่มีคุณลักษณะต่างกันสุดขั้วเข้าปะทะกัน พลังเปลวเพลิงอันร้อนระอุก็แผดเผาพลังน้ำแข็งอันเย็นะเืจนสลายหายไปอย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกันนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็มุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ผู้นำกลุ่มคือสตรีในชุดคลุมสีขาว ใบหน้างดงามของนางดูเ็าราวกับน้ำแข็ง ส่วนคนอื่นๆ ล้วนเป็สมาชิกของกลุ่มผู้คุมกฎ
แน่นอนว่าสตรีที่เป็ผู้นำของกลุ่มผู้คุมกฎนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็ข่งย่วน!
“หนานหลิง มู่เฟิง พวกเ้าจงหยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่มาถึงข่งย่วนก็ตวาดออกมาอย่างเ็า หนานหลิงหรี่ตาลงเล็กน้อยโดยที่สายตาของเขายังคงทอประกายเย็นะเื
เมื่อมาถึงข่งย่วนก็พบว่ามีงูเจียวตัวหนึ่งกำลังปกป้องมู่เฟิง นางจึงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่นางจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “พวกเ้าสองคนกำลังทำอะไร คิดจะรื้อถอนเรือนพักในเขตเรือนพักภายในหรือ? หาก้าต่อสู้ก็ไปยังลานประลองยุทธ์เสีย ส่วนเ้า มู่เฟิง เ้าเป็ศิษย์สายนอก ใครปล่อยให้เ้าบุกเข้ามาสร้างความวุ่นวายในอาณาเขตของศิษย์สายในกัน?”
ด้านข้างของข่งย่วนยังมีสตรีที่มีใบหน้าละหม้ายคล้ายกันอยู่อีกคน นางคือข่งเซวียนเอ๋อร์
ข่งเซวียนเอ๋อร์จ้องมองมู่เฟิงด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“ศิษย์พี่ข่ง เป็มู่เฟิงที่บุกเข้ามายังเรือนพักของข้าก่อน อีกทั้งยังทำร้ายคนของข้าจนได้รับาเ็ ตามกฎแล้วเขาสมควรถูกลงโทษ”
หนานหลิงกล่าวอย่างเ็า
“เ้าส่งคนมาวางยาพิษเพื่อสังหารข้า เวลานี้เป็สหายข้าที่ได้รับพิษนั่นแทน ตามกฎของสำนักศึกษาแล้ว เ้าสมควรต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
มู่เฟิงตวาดออกมาอย่างเ็า
“พอได้แล้ว ข้าไม่สนว่าพวกเ้ามีความบาดหมางอะไรกัน แต่การที่พวกเ้าสองคนต่อสู้กันในอาณาเขตของศิษย์สายในถือเป็การขัดขวางการฝึกฝนของศิษย์สายในคนอื่นๆ อีกทั้งยังทำลายเรือนพักจนเสียหาย ฉะนั้นพวกเ้าต้องตามข้าไปยังหอควบคุมกฎ”
ข่งย่วนกล่าวด้วยสีหน้าเ็า
“พี่หญิง เื่นั้นช่างก่อนเถิด ข้าคิดว่ามู่เฟิงคงได้รับาเ็หนักเป็แน่ เหตุใดท่านไม่ส่งเขาไปยังเรือนโอสถก่อนเล่า”
ข่งเซวียนเอ๋อร์พลันลอบกระซิบข้างหูข่งย่วน
ข่งย่วนขมวดคิ้ว พลางเหลือบมองน้องสาวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นนางก็นึกถึงข่าวลือเมื่อไม่นานมานี้ขึ้นมาได้
“ยายเด็กคนนี้ คงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับมู่เฟิงจริงหรอกนะ?”
มู่เฟิงเหลือบมองข่งเซวียนเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“เอาละ มู่เฟิง เ้าไปยังเรือนโอสถก่อน ส่วนข้าวของที่เสียหายพวกนี้ พวกเ้าต้องชดใช้เป็จำนวนเงินคนละสามพันเหรียญตำลึงทอง และถูกหักคะแนนอีกคนละหนึ่งพันคะแนน มู่เฟิง เื่ที่เ้าบอกว่าหนานหลิงวางยาพิษเ้า ตกลงเป็มาอย่างไรกันแน่?”
ข่งย่วนเอ่ยถามขึ้น
เมื่อเห็นว่าข่งย่วนมีใจเอนเอียงไปทางมู่เฟิง หนานหลิงก็รู้สึกหงุดหงิดในขึ้นมาและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ศิษย์พี่ข่ง ดูเหมือนว่าคำตัดสินของท่านจะไม่ยุติธรรมเลยสักนิด มู่เฟิงบุกเข้ามายังเขตของศิษย์สายในเอง อีกทั้งยังทำให้คนของข้าได้รับาเ็ เื่นี้จะปล่อยไปอย่างนั้นรึ?”
ข่งย่วนชำเลืองมองไปทางหลิวเซิ่งที่ได้าเ็สาหัสด้วยสายตาคาดไม่ถึง จากนั้นนางก็กล่าวอย่างเ็าว่า “ข้าไม่สนเื่คับข้องใจยามที่อยู่ข้างนอกของพวกเ้า แต่เมื่ออยู่ในสำนักศึกษาก็ต้องกระทำตนให้ซื่อตรง ส่วนหลิวเซิ่ง เ้าเป็ถึงศิษย์สายในของสำนักศึกษา แต่กลับได้รับาเ็จากศิษย์สายนอก เ้ายังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่? มู่เฟิง ข้าเสนอให้เ้าชดใช้ค่ารักษาให้กับหลิวเซิ่งเป็เงินจำนวนสองพันเหรียญตำลึงทอง เ้าจะยอมรับหรือไม่?”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของหลิวเซิ่งก็พลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด ส่วนมู่เฟิงเพียงพยักหน้ารับ โทสะในใจของเขาเริ่มคลายลงแล้ว ทำให้เขาได้สติกลับมาอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ข่ง วันนี้หนานหลิงลอบวางยาพิษมู่เฟิง แต่กลายเป็ว่าสหายของข้า ศิษย์สายนอกนามว่าไป๋จื่อเยว่เป็คนได้รับพิษนั้นเข้าไปแทน ขอศิษย์พี่ข่งโปรดช่วยคืนความยุติธรรมให้กับศิษย์สายนอกอย่างพวกเราด้วย จับตัวหนานหลิงและให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต!”