เยว่เฟิงเกอสนทนากับฮองเฮาอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว นางควรไปหาม่อหลิงหาน เพื่อเตรียมตัวกลับจวนจั้นอ๋องได้แล้ว
เมื่อบอกลาฮองเฮาแล้ว เยว่เฟิงเกอก็เดินออกมาจากตำหนักคุนิ ทว่า ตอนที่นางกำลังจะตามนางกำนัลไปตำหนักฉงหยาง ก็เห็นม่อหลิงหานมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว
“ท่านอ๋อง ทรงมาหาหม่อมฉันโดยเฉพาะเลยหรือเพคะ? ” วันนี้เยว่เฟิงเกออารมณ์ดีมาก นางเดินก้าวยาวๆ ไปถึงตรงหน้าม่อหลิงหาน ยามเอ่ยวาจายังใช้สายตาราวกับกำลังเปล่งประกายจดจ้องเขา
นางอยากบอกม่อหลิงหานว่านางและฮองเฮาเป็คนที่มาจากโลกเดียวกัน แต่คำพูดกลับชะงักอยู่ที่คอ จะอย่างไรก็พูดออกไปไม่ได้
นางไม่อาจบอกความลับของตนและฮองเฮาออกมาได้ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็ภัยถึงตัว
จะอย่างไรนางก็แต่งมาที่แคว้นเป่ยชวนแห่งนี้ด้วยฐานะองค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ หากนางบอกไปว่านางไม่ใช่องค์หญิงแคว้นเสวี่ยอวี้ ไม่รู้ม่อหลิงหานจะสังหารนางเลยหรือไม่?
ไหนจะยังมีฮองเฮาอีก สถานะของอีกฝ่ายยิ่งพิเศษกว่า
หากว่าฮ่องเต้รู้ความลับนี้เข้า เกรงว่ามีสิบหัวก็ยังไม่พอให้ตัด
โชคดีที่ตอนนี้เยว่เฟิงเกอไม่นับว่าโดดเดี่ยวแล้ว หลังจากที่นางได้พบฮองเฮา คนทั้งสองก็สนทนากันอย่างมีความสุข ยิ่งกว่านั้น ฮองเฮายังมอบป้ายหยกให้นาง เผื่อวันหน้าหากนางอยากเข้าวังก็สามารถถือป้ายหยกนี้เข้ามาหาฮองเฮาที่วังได้เลย
ม่อหลิงหานเห็นเยว่เฟิงเกออยู่ในอารามดีใจเช่นนี้ก็ให้เลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยไม่เข้าใจว่าแค่เยว่เฟิงเกอไปถอนพิษให้ฮองเฮา เหตุใดจึงอารมณ์ดีเช่นนี้?
เมื่อเงาร่างขององค์ชายสามม่อเสวียนเช่อปรากฏขึ้นในสายตาของเขา ใจของเขาก็ให้หนาวเหน็บทันที
มิน่าเล่าเยว่เฟิงเกอถึงได้อารมณ์ดีเพียงนี้ ที่แท้เป็เพราะม่อเสวียนเช่อเองก็อยู่ด้วย
“ไป กลับจวนอ๋อง” ม่อหลิงหานสีหน้าเ็า หมุนกายจากไปทันที
เยว่เฟิงเกอมองม่อหลิงหานอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็อะไรไปอีกแล้ว ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย เอาแน่เอานอนไม่ได้
เมื่อม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอยังไม่ตามมาอีก ก็หันศีรษะไปหรี่ตามองสตรีตัวน้อยทีหนึ่ง “ยังไม่รีบตามมาอีก”
เยว่เฟิงเกอ “อ้อ” ไปเสียงหนึ่ง หันกลับไปโบกมือให้ม่อเสวียนเช่อ ถึงได้รีบเดินตามม่อหลิงหานไป
ระหว่างทางกลับจวนอ๋อง คนทั้งสองนั่งอยู่ในรถม้าโดยไม่มีใครกล่าววาจา
บรรยากาศหนักอึ้งอย่างยิ่ง
สุดท้ายเป็เยว่เฟิงเกอที่ทนไม่ไหว นางขมวดคิ้วถามว่า “ท่านอ๋อง วันนี้ท่านดูอารมณ์ไม่ดี ถูกฮ่องเต้ตำหนิมาหรือไร? ”
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอไปทีหนึ่งแล้วหันหน้าออกไปมองนอกรถม้า
เมื่อเห็นว่าม่อหลิงหานไม่สนใจนาง เยว่เฟิงเกอทำเพียงแค่นเสียงเ็า เบะปากแล้วเลิกม่านรถม้ามองออกไปด้านนอกเช่นกัน “เฮอะ เอาสิ เ้าไม่อยากสนใจข้า ข้าก็ไม่อยากสนใจเ้าเหมือนกัน” เยว่เฟิงเกอพึมพำ ถึงแม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็เข้าหูม่อหลิงหานอย่างชัดเจนทุกคำ
ม่อหลิงหานเองก็โกรธมาก วันนี้ตอนที่เข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ในใจเขายังเอาแต่นึกถึงเยว่เฟิงเกอ ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ตำหนักฮองเฮาจะไม่สบายกายไม่สบายใจตรงไหนหรือไม่ อย่างไรเสีย ในวังก็มีกฎเกณฑ์มากมาย ซึ่งเยว่เฟิงเกอเองก็ดูเหมือนจะเป็คนที่ไม่ชอบรักษากฎระเบียบใดๆ
ในวังแห่งนี้ ฮองเฮาเป็คนที่เข้มงวดเด็ดขาดมาก นางสนมในวังต่างหวาดกลัวฮองเฮาทั้งสิ้น
สตรีที่ทำให้ฮ่องเต้โปรดปรานมาโดยตลอดได้ หากไม่มีฝีมือก็คงอยู่รอดในวังหลวงไม่ได้
ถึงแม้ที่ผ่านมาฮองเฮาจะถูกพิษจนนับวันมีแต่จะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่จะอย่างไรนางก็ยังเป็ฮองเฮา
หากว่าเยว่เฟิงเกอทำอะไรให้ฮองเฮาไม่พอใจเข้า เช่นนั้นต่อให้นางจะถอนพิษในร่างของฮองเฮาได้ ก็ยังอาจต้องรับโทษอยู่ดี
ตอนนั้นม่อหลิงหานกำลังจัดการปัญหาบ้านเมืองอยู่กับฮ่องเต้ ไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ จึงยิ่งร้อนใจด้วยกลัวว่าเยว่เฟิงเกอจะเผลอทำอะไรที่ไม่เหมาะสมในตอนที่ตัวเขาไม่ได้อยู่ด้วย ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครช่วยเยว่เฟิงเกอได้แล้ว
เมื่อเขาสามารถออกไปจากตำหนักฉงหยางได้ สิ่งแรกที่ทำคือการเร่งรีบมาที่ตำหนักคุนิทันที
ทว่า กลับต้องมาเห็นเยว่เฟิงเกอเดินออกมาจากตำหนักคุนิด้วยสีหน้าชื่นมื่น อีกทั้ง เื้ันางยังตามมาด้วยองค์ชายสามม่อเสวียนเช่อ
ครั้งก่อนที่เยว่เฟิงเกอกับม่อเสวียนเช่อกระซิบกระซาบกันสองคนก็ทำให้ม่อหลิงหานโกรธมากพอแล้ว แต่เพราะได้ฟังคำอธิบายที่มาที่ไป เขาก็เลือกที่จะเชื่อเยว่เฟิงเกอ
แต่ครั้งนี้ยังคงมีม่อเสวียนเช่ออยู่ด้วยอีก คนทั้งสองเดินตามกันออกมาจากตำหนักคุนิเช่นนี้ อีกทั้ง เยว่เฟิงเกอยังมีท่าทางมีความสุขเพียงนั้น จะไม่ให้ม่อหลิงหานกรุ่นโกรธได้อย่างไร
ครั้งนี้ม่อหลิงหานโกรธแล้วจริงๆ เขาไม่อยากจะสนใจเยว่เฟิงเกอแล้ว จึงเหลือบมองเยว่เฟิงเกอไปอีกทีหนึ่ง ก่อนจะหลับพักสายตา
รถม้าขับเคลื่อนมาถึงหน้าจวนอ๋องอย่างรวดเร็ว
ม่อหลิงหานะโลงจากรถม้า ไม่สนใจเยว่เฟิงเกอ เดินนำเข้าจวนอ๋องไปทันที
เยว่เฟิงเกอค่อยๆ ลงจากรถม้าด้วยตัวเอง ตอนนี้นางเองก็โกรธมากเช่นกัน เหตุที่โกรธนั้นก็เพราะจู่ๆ ม่อหลิงหานก็เ็าขึ้นมาเสียอย่างนั้น นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนทำอะไรผิดไป เขาถึงได้มาทำหน้าเ็าเป็น้ำแข็งใส่เช่นนี้
ระหว่างพวกเขาเหมือนจะกลับไปเป็เหมือนก่อนอีกครั้ง ม่อหลิงหานไม่แม้แต่จะมองนางสักนิด
เยว่เฟิงเกอโกรธจนทนไม่ไหว นางะโใส่ม่อหลิงหานที่เดินผ่านประตูจวนเข้าไปแล้ว “นี่ ท่านโกรธข้าเพราะเื่ใดกันแน่ พูดมาให้ชัดเจนนะ”
ม่อหลิงหานหันศีรษะมาหรี่ตามองเยว่เฟิงเกออย่างเ็า น้ำเสียงที่เอ่ยเ็ายิ่งกว่า “เข้ามาคุยกันด้านใน อย่าทำตัวขายหน้าข้างนอกนั่น”
เยว่เฟิงเกอถูกประโยคที่ว่า ‘ทำตัวขายหน้า’ ทำเอาโกรธจนทนไม่ไหว นางเดินก้าวยาวๆ เข้าไปในจวนและรอจนประตูจวนปิดลงแล้ว ถึงได้พูดต่อ “ม่อหลิงหาน ท่านพูดมาให้ชัดเจน ใครกันที่ขายหน้า? ” ตอนนี้เยว่เฟิงเกอโกรธจนจะะเิ
จู่ๆ ชายสมควรตายผู้นี้ก็เป็บ้าอะไรขึ้นมาอีก เหตุใดก่อนหน้านี้ยังยิ้มแย้มกับนาง แต่พอเข้าวังไปรอบหนึ่ง ก็กลับมาเ็าไม่มองหน้านางเช่นนี้ คล้ายว่านางไปติดเงินเขามาั้แ่ชาติปางไหนอย่างไรอย่างนั้น
ม่อหลิงหานยิ้มเ็าใส่เยว่เฟิงเกอ “วันนี้พระชายาทำอะไรตอนอยู่ในวัง ตัวเ้าเองควรจะรู้ดีที่สุด” พูดจบก็หมุนกายไป ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา
ไม่ว่าเยว่เฟิงเกอจะโกรธจนกระทืบเท้าอย่างไร เขาก็ไม่หันศีรษะกลับมา
คนรับใช้ในจวนต่างอึ้งงัน พวกเขาไม่กล้ากล่าววาจาใด ทำได้แค่ก้มหน้าลงไป
เมื่อเยว่เฟิงเกอเดินไปยังเรือนเยว่เหยาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวแล้ว บรรดาคนรับใช้ถึงเพิ่งพากันวิพากษ์วิจารณ์
“ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องกับพระชายายังดีๆ กันอยู่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงได้ทะเลาะกันขึ้นมา? ”
“ดูจากท่าทางของท่านอ๋อง เหมือนว่าพระชายาจะทรงทำอะไรผิด”
“อย่ากล่าววาจาเหลวไหล พระชายาไม่ใช่คนมุทะลุ จะทรงทำเื่อะไรผิดพลาดไปได้ ข้าไม่เชื่อหรอก”
“ไม่เช่นนั้นจะเื่อะไร ประโยคเมื่อครู่ที่ท่านอ๋องตรัสหมายความว่าอย่างไร? ข้าว่า เป็ไปได้แปดส่วนที่ตอนเข้าวังไป พระชายาจะไม่รักษากฎระเบียบของวัง ทำให้ท่านอ๋องขายหน้า”
ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ พูดไปพูดมาต่างก็เห็นด้วยว่าคงเป็เพราะพระชายาไม่รักษากฎระเบียบ จึงทำให้ท่านอ๋องพิโรธถึงเพียงนี้
เยว่เฟิงเกอโกรธมาก เมื่อกลับไปถึงเรือนเยว่เหยาก็ล้มนอนลงบนเตียง ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม
ชิงจื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอกลับมาแล้ว ยังมีท่าทีโกรธเคืองอีกด้วย ก็รีบเข้ามาด้านใน เอ่ยถาม “พระชายาทรงเป็อะไรไปเพคะ? มีใครทำให้ทรงไม่พอพระทัยหรือ? ”
“หึ ยังจะมีใครได้อีก ถ้าไม่ใช่เ้าอ๋องม่อหลิงหานบ้านั่น จะยังมีใครทำให้ข้าโกรธได้อีกหรือ? ” เยว่เฟิงเกอส่งเสียงเกรี้ยวกราดออกมาจากผ้าห่ม
เ้าม่อหลิงหานน่าตายนั่น ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
เขายังมีหน้ามาบอกว่า นางทำอะไรไว้ ตัวนางรู้ดีที่สุด
มารดาเถอะ นางทำอะไรเล่า?
“โอ๊ยโกรธมาก โกรธจะตายแล้ว” เยว่เฟิงเกอเลิกผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นนั่ง
“ไม่ได้ ข้าต้องไปถามม่อหลิงหานให้ชัดเจนว่าเขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่? หากว่าเกลียดชังข้าถึงเพียงนั้น ก็หย่ากันไปเสียให้สิ้นเื่สิ้นราว” เยว่เฟิงเกอพูดจบก็คลานลงจากเตียง จ้ำอ้าวไปนอกห้อง
ชิงจื่อได้ยินคำว่าหย่าก็ใจนหน้าซีดขาว
ท่านอ๋องทำอะไรถึงทำให้พระชายาโกรธหนักเพียงนี้ แม้แต่คำว่าหย่าก็ยังกล้าพูดออกมา
เมื่อเห็นว่าเหมือนจะเกิดเื่ขึ้นแล้ว ชิงจื่อก็ไม่กล้ารั้งรอต่อไป รีบตามติดผู้เป็นายทันที
ทว่า ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังจะออกไปจากเรือนเยว่เหยานั้น กลับเห็นว่าประตูเรือนถูกใส่กุญแจไว้จากด้านนอก
เยว่เฟิงเกอออกแรงเตะประตู ะโลั่น “ใครเป็คนใส่กุญแจประตู หากข้ารู้ ข้าจะจับมันมาถลกหนังเสีย”
นางเพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงเ็าของม่อหลิงหานดังขึ้น “เป็เปิ่นหวางที่ใส่กุญแจประตู ในเมื่อพระชายาไม่รักษาคุณธรรมของสตรีที่ออกเรือนแล้วเพียงนี้ เช่นนั้นก็จงสำนึกผิดอยู่ด้านในนั้นเถอะ หากไม่ได้รับอนุญาตจากเปิ่นหวาง ชาตินี้พระชายาก็อย่าหวังจะได้ออกมาข้างนอกอีกเลย”
เมื่อได้ยินว่าม่อหลิงหานเป็คนใส่กุญแจประตูด้วยตัวเอง เยว่เฟิงเกอก็ยิ่งเตะประตูแรงขึ้น
“ม่อหลิงหาน เ้าหมายความว่าอย่างไร พูดมาให้ชัดเจนนะ อะไรที่เรียกว่าข้าไม่รักษาคุณธรรมของสตรีที่ออกเรือนแล้ว? ” เยว่เฟิงเกอโกรธจนจะเป็บ้าอยู่แล้ว
จู่ๆ ม่อหลิงหานคนนี้จะมาสวมหมวกคนทำผิดให้ผู้อื่นมั่วซั่วได้อย่างไร?
“หึ เ้ามีหน้ามาสวมหมวกเขียว [1] ให้เปิ่นหวาง หรือว่ายังไม่มีหน้ามายอมรับ” ม่อหลิงหานยืนอยู่หน้าประตู เขาเองก็โกรธจนหายใจแทบไม่ทันแล้ว
ถานอี้และเฉียวเฟยที่ยืนอยู่ด้วยต่างพากันอึ้งค้างไป
วันนี้ท่านอ๋องและพระชายาของพวกเขาเป็อะไรไป ก่อนหน้านี้ยังรักกันออกหน้าออกตา ตัวติดกันอยู่เลย เหตุใดพอกลับมาจากวังหลวงถึงได้ราวกับเป็ศัตรูคู่อาฆาตก็ไม่ปาน?
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] สวมหมวกเขียว(戴绿帽子)หมายถึง ภรรยามีชู้