“น้องหลิน ข้าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเ้า แต่เ้ายังไม่ได้ตอบเลย ทำไมต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อย่างน้อยหลังจากเ้าชนะข้าแล้ว ถึงจะไปท้าน้องเิได้”
เฟิงเซียวกล่าวถากถาง เิชงได้ยินจึงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่! หลินเฟิง เ้าพยายามหนีไม่กล้าต่อสู้ ทำไมต้องเปลี่ยนเื่กัน หากเ้าสามารถชนะพี่เฟิงเซียวได้ล่ะก็ เ้าค่อยมาต่อสู้กับข้า”
เมื่อครู่เิชงถูกหลินเฟิงพูดจาถากถางจึงได้แต่เงียบ ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรถึงจะดี แต่ตอนนี้ได้โอกาสเอาคืนแล้ว
“เ้าหมายความว่าหากข้าเอาชนะเขาได้แล้ว ก็จะต่อสู้กับเ้าได้?” หลินเฟิงมองเิชงด้วยแววตาหยอกล้อ ทำให้เิชงต้องหลบสายตาหลินเฟิง แล้วคิดสักครู่ จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ต้องเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว”
ฝีมือของเฟิงเซียวนั้นนับว่าไม่ได้อ่อนแอ อีกทั้งเขายังอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 เขายังไม่เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างหลินเฟิงและเฮยม่อ เพียงได้ยินจากข่าวลือมาเท่านั้น และวันนั้นที่ลานประมูล หลินเฟิงยังอยู่แค่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 แต่หลินเฟิงก็สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ได้
แม้ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงจะถูกองค์ชายรองชมเชยอย่างมาก แต่เฟิงเซียวจะต้องเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน
สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่หลินเฟิง เ้าหมอนี่ได้รับการชมเชยจากองค์ชายรองเช่นนี้ ทำให้ในใจของพวกเขาต่างรู้สึกไม่ชอบใจ หากสามารถทำให้หลินเฟิงขายหน้าได้ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องมีความสุขมาก
ความแข็งแกร่งของหลินเฟิง จะเป็จริงอย่างในข่าวลือหรือไม่?
หลินเฟิงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบอย่างเ็า เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วกวาดสายตามองแขกทุกคน ในที่สุดสายตาของเขาก็ไปหยุดที่ร่างของเฟิงเซียว
ในเมื่ออีกฝ่ายอยากให้หลินเฟิงแสดงฝีมือของตัวเองนัด อย่างนั้นเขาจะสนองความ้าให้
“แล้วจะสู้กันที่ไหน?”
หลินเฟิงถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา ทำให้ผู้คนต่างตัวแข็งทื่อได้แต่กะพริบตาปริบๆ หลินเฟิงรับคำท้าของเฟิงเซียวแล้ว
เฟิงเซียวประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นรอยยิ้มบางๆ พลันปรากฏที่มุมปาก และกล่าวว่า “ระหว่างดูการต่อสู้ก็จิบเหล้าไปด้วย มันช่างเป็ภาพที่สวยงามมาก งั้นต่อสู้บนแพไผ่กลางทะเลสาบ เ้าคิดว่าไง?”
“ย่อมได้” หลินเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่ผู้คนโดยรอบกลับแสดงสีหน้าเยาะเย้ย ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าเฟิงเซียวมีจิติญญาพายุที่แข็งแกร่งมาก ที่เขาเลือกต่อสู้กลางทะเลสาบนั่นทำให้เขายิ่งได้เปรียบ และคาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะยอมรับคำท้า
“งั้นข้าจะไปก่อน” ร่างของเฟิงเซียวพลันสั่นไหว ทันใดนั้นด้วยการเคลื่อนไหวที่สง่างาม เขาก็ไปถึงแพไผ่เพียงชั่วพริบตา สายตาของผู้คนต่างมองไปที่แพไผ่ลำนั้น
“การเคลื่อนไหวช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก” ฝูงชนต่างประหลาดใจ จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองหลินเฟิง และยิ่งสังเกตสีหน้าของหลินเฟิงว่าจะเป็อย่างที่พวกเขาคิดหรือไม่ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาอยากรู้ว่าหลินเฟิงจะแสดงออกเช่นไร จึงลุกขึ้นมาดูเงียบๆ
หลินเฟิงค่อยๆ เดินชิดริมศาลาแล้วะโไปยังแพไผ่ การกระทำของเขาดูธรรมดาเป็ที่สุดซึ่งใครๆ ก็สามารถทำได้ ไม่น่าตื่นเต้นเลยสักนิด นั่นทำให้ผู้คนสามารถละความสนใจจากหลินเฟิงโดยง่าย
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้หลินเฟิงจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย มีหลายคนนึกเสียดายที่ไม่ได้ท้าหลินเฟิงก่อนเฟิงเซียว เดิมทีแล้วโอกาสที่จะได้โอ้อวดฝีมือนี้ควรเป็พวกเขาถึงจะถูก
หลังจากที่เฟิงเซียวมาถึงแพไผ่แล้ว เขาก็หันไปมองหลินเฟิงอย่างเยือกเย็น รอยยิ้มที่มุมปากพลันปรากฏขึ้นน้อยๆ
“น้องหลิน ข้าได้ยินแต่เื่ความแข็งแกร่งของเ้า แต่วันนี้ข้าจะได้เห็นแล้ว ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่เป็จริง เ้าว่าข้าควรจัดการกับเ้าอย่างไรดี?”
เฟิงเซียวมองอย่างทะเล้น เขาในตอนนี้ไม่ได้พูดเป็พิธีรีตองอีกต่อไป และเผยนิสัยที่แท้จริงออกมา
“จะอย่างทำอะไร ก็เชิญตามสบาย” น้ำเสียงของหลินเฟิงยังคงไม่แยแส มันช่างเป็เสียงที่สงบจนทำให้ผู้คนคิดว่าเล่ห์เหลี่ยมของหลินเฟิงนั้นยากที่จะเข้าถึง
“ฮ่าๆๆ ข้ากับน้องหลินเหมือนกับสหายเก่า แน่นอนว่ามันอาจยากเกินไปหน่อย แต่ถ้าเ้าทำลายการบ่มเพาะของเ้าตอนนี้ล่ะก็… ข้าจะยกเลิกการต่อสู้ครั้งนี้ให้เ้าก็ได้นะ” มุมปากของเฟิงเซียวยิ้มอย่างชั่วร้าย เมื่ออยู่เหนือทะเลสาบ คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกล้ารับคำท้าของเขา ช่างไม่กลัวตายเสียจริง
เฟิงเซียวคิดว่า หากหลินเฟิงต่อสู้ไม่ดีล่ะก็ เขาจะขายหน้าขนาดไหนกัน ช่างเป็โอกาสที่หาดูยากนัก
“เมื่อครู่เ้าบอกว่าแค่ชี้แนะไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมต้องทำลายการบ่มเพาะของข้าด้วย?” หลินเฟิงถามอย่างเฉยเมย ภายในใจเยือกเย็นเหลือประมาณ คนเหล่านี้เป็ลูกหลานของชนชั้นสูง แต่ละคนนั้นล้วนมีนิสัยหยิ่งผยองอย่างยิ่ง เห็นชีวิตของผู้อื่นไร้ค่าและมีความคิดที่ต่ำทราม ตอนที่หลินเฟิงและเฟิงเซียวเจอกันครั้งแรกนั้น พวกเขาไม่มีความเกลียดชังใดๆ ต่อกันแม้แต่น้อย ทว่าอีกฝ่ายกลับ้าทำลายการบ่มเพาะของเขา และยังกล่าวถึงเื่นั้นได้อย่างใจเย็นเช่นนี้อีก
เมื่อเฟิงเซียวได้ยินคำพูดของหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ผู้คนที่อยู่ในศาลาก็หัวเราะเช่นกัน หลินเฟิงคนนี้ช่างน่าสนใจเสียจริง
“มีอะไรน่าตลกเหรอ?” หลินเฟิงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้เฟิงเซียวต้องหุบยิ้มและมองหลินเฟิงเขม็ง “ข้าไม่ได้ฆ่าเ้า ก็ถือว่าข้าเมตตาเ้ามากแล้ว”
หลังจากกล่าวจบฝ่ามือของเฟิงเซียวก็ขยับ ชั่วพริบตาพายุอันแหลมคมที่บ้าคลั่งได้โจมตีไปยังแพไผ่ของหลินเฟิง
“ตูม!” เกิดเสียงดังสนั่น ทันใดนั้นแพไผ่ที่อยู่ใต้เท้าของหลินเฟิงได้แตกออกเป็เสี่ยงๆ น้ำในทะเลสาบสาดกระเซ็นจนบดบังร่างของหลินเฟิงเสียมิด
อย่างไรก็ตามผู้คนกลับเห็นร่างของหลินเฟิง ที่ดูเหมือนว่ายังลอยอยู่เหนือน้ำและไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
เมื่อม่านสายน้ำพลันสลายไป พวกเขาจึงเห็นแพไผ่ของหลินเฟิงที่แตกออกเป็เสี่ยงๆ แล้วร่างของหลินเฟิงลอยอยู่เหนือน้ำจริงๆ
“ไม่เกี่ยงสถานที่ แล้วเ้าจะต่อสู้กับข้าอย่างไร” เฟิงเซียวมองหลินเฟิงอย่างทะเล้น การต่อสู้กับเขาเหนือทะเลสาบเช่นนี้เท่ากับว่าหลินเฟิงรนหาที่ตาย
“จัดการคนอย่างเ้า ยังจำเป็ต้องเกี่ยงสถานที่ด้วยเหรอ?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย จู่ๆ ร่างของเขาก็ะเิเจตจำนงการต่อสู้ที่ร้อนแรงออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ทุกฝีเก้าของหลินเฟิงพลันทำให้เกิดน้ำกระเซ็นขึ้นเล็กน้อย หลินเฟิงในยามนี้เดินอยู่บนผืนน้ำอย่างสง่างาม
ผู้คนััได้ถึงเจตจำนงอันบ้าคลั่งของหลินเฟิงจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง หลินเฟิงเมื่อครู่นั้นสงบนิ่งราวกับน้ำ แต่หลินเฟิงในตอนนี้กลับปล่อยลมปราณที่แหลมคมราวกับดาบออกมา
นอกจากนี้แต่ละก้าวของหลินเฟิง กลับทำให้เจตจำนงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้หัวใจของผู้คนต่างต้องสั่นระริก
“หืม?”
เฟิงเซียวขมวดคิ้วขณะมองหลินเฟิงกำลังเดิน เขาสง่างามผ่าเผยและเจตจำนงการต่อสู้ก็ช่างหนาวสะท้านยิ่งนัก
“ฮ่า!”
เฟิงเซียววาดฝ่ามือลงมาวูบหนึ่งราวกับดาบ ทันใดพลันเกิดพายุบ้าคลั่งมุ่งไปหาหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว
“ตูม!”
ทางด้านหลินเฟิงที่เหยียบผิวน้ำก็สร้างเกลียวคลื่นขึ้นมา คลื่นนี้ราวกับดาบอันแหลมคมที่สามารถหยุดพายุของเฟิงเซียวได้
หลินเฟิงก้าวเท้าออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นเกิดคลื่นกระแทกไปยังแพไผ่ใต้เท้าของเฟิงเซียวจนแตกออกเป็เสี่ยงๆ
ผู้คนมองหลินเฟิงอย่างประหลาดใจ เขาในตอนนี้กำลังเหยียบย่ำผิวน้ำจนน้ำกระเพื่อม น้ำบริเวณรอบๆ เขาได้ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งราวกับทะเลพิโรธ
หลินเฟิงในตอนนี้แม้จะก้าวเดินอย่างสงบ แต่เขากลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญกับเทพเ้าแห่งา และดูโอหังอย่างยิ่ง
สีหน้าของเฟิงเซียวเปลี่ยนเป็บิดเบี้ยวและอึมครึมในที่สุด ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งตระหนักได้ถึงความน่าหวาดกลัวของหลินเฟิง
ขณะนั้นสายตาของหลินเฟิงได้จ้องไปที่เขา แล้วพลันเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเืว่า “ที่ข้ายอมแพ้และไม่สู้กับเ้า นั่นไม่ได้หมายความว่าข้ากลัวเ้า เพียงแต่เ้าไม่คู่ควรเท่านั้น ในเมื่อเ้า้าทำลายการบ่มเพาะของข้า ข้าก็จะสนองให้”
หลังจากหลินเฟิงกล่าวจบ เขาก็ก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันคล้ายกับว่าร่างของเขาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ทะลวง!”
เสียงเยือกเย็นของหลินเฟิงดังกึกก้อง ผู้คนในบริเวณนั้นไม่อาจมองการเคลื่อนไหวของหลินเฟิงได้ทัน แต่สีหน้าของเฟิงเซียวกลับดูซีดเซียว ในสายตาของเขา หลินเฟิงในตอนนี้ก็เหมือนชนะไปแล้ว การเคลื่อนไหวราวกับภาพมายานั้นกำลังพุ่งมาหาเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะมองการเคลื่อนไหวของหลินเฟิงขาด
“หนี”
พายุอันบ้าคลั่งได้เข้าปะทะร่างของเฟิงเซียวจนเขาต้องถอยร่นไป จากนั้นไม่นานร่างของเฟิงเซียวพลันสั่นสะท้านและคำรามออกมา คลื่นดาบที่ทรงพลังได้ทะลุร่างกายของเขาจนทำลายชีพจรรวมไปถึงทำลายการบ่มเพาะของเขาด้วย
“ที่ไม่สู้ ไม่ใช่ว่ากลัว เพียงแต่รังเกียจก็เท่านั้น”
เหล่าผู้คนต่างมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยสีหน้าลุ้นระทึก ร่างของหลินเฟิงเริ่มปรากฏให้เห็นอีกครั้ง และย่างกรายไปหาเฟิงเซียวขณะใช้ดัชนีพิฆาต กลิ่นอายการทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่ว
หลินเฟิงรังเกียจที่จะต่อสู้กับเฟิงเซียว แต่เขากลับชนะเฟิงเซียวได้อย่างง่ายดาย
เฟิงเซียวได้ท้าทายหลินเฟิง หลังจากหลินเฟิงยอมรับคำท้าแล้ว เขาจึงพูดจายโสโอหังและ้าทำลายการบ่มเพาะของหลินเฟิง เพราะคำพูดของเขาจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงย้อนกลับเข้าตัวเองเช่นนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้