บทที่ 81 สถานการณ์ตึงเครียด
“กลุ่มัเหล็กของข้าฆ่าคนของเ้าหรือ?”
ดวงตาของซ่งอี้กะพริบปริบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดกับเริ่นอวี่สิงด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “น่าขัน เ้าไม่มีหลักฐาน อย่ามาใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้! คนของเราจะไปฆ่าผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร!?”
“ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือ? ฮ่าๆ หัวหน้าซ่งช่างโกหกเก่งเสียจริง ครั้งที่แล้ว คนของเ้าฆ่าคนของกลุ่มหมาป่าไปหลายสิบชีวิตทั้งยังพรากลมหายใจของน้องชายข้าไป ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเลย!” ใบหน้าของเริ่นอวี่สิงเ็า ดวงตาของเขาน่ากลัว จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นอยู่ไกลๆ อย่างเกลียดชัง
ก่อนหน้านี้ ฉู่อวิ๋นต่อสู้นองเืกับกลุ่มหมาป่าที่นำโดยเริ่นหู่ในหมู่บ้านหงอู้ เขาฆ่าคนไปมากกว่ายี่สิบคนเพียงลำพังและยังใช้กลอุบายเพื่อหลบหนีจากเงื้อมมือของเริ่นอวี่สิงในวินาทีสุดท้าย ปล่อยให้อีกคนได้แต่กัดฟันแค้น
หากตอนนั้นซ่งอี้ไม่หยุดเขาเอาไว้ เริ่นอวี่สิงคงหั่นฉู่อวิ๋นออกเป็ชิ้นๆ แต่ตอนนี้ที่เขาเห็นฉู่อวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ย่อมโกรธจนหน้าบูดบึ้ง
เมื่อเห็นเริ่นอวี่สิงจ้องไปที่ฉู่อวิ๋นและกัดฟัน ซ่งอี้ก็ยิ้มและพูดว่า “ฮ่าๆ สิ่งที่รองหัวหน้าเริ่นพูดช่างน่าสนใจจริงๆ ครั้งที่แล้วสิ่งที่ฉู่อวิ๋นทำเรียกว่าฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือ? ในความคิดของข้า พวกเ้าขโมยไก่ไม่ได้แถมยังเสียข้าวสาร[1]ไปอีกกระมัง”
“เ้าพูดอะไร?!” เริ่นอวี่สิงขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมาก ทั้งดุทั้งเ็า
“หรือไม่ใช่? พูดแล้วก็น่าขำ ตอนนั้นพวกเ้ามีกันตั้งยี่สิบกว่าคนพากันมาฆ่าฉู่อวิ๋น แต่กลับถูกเด็กน้อยในระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณโต้ตอบเข้า สุดท้ายเพราะฝีมือไม่สู้คนเขา ทั้งกลุ่มที่พากันมาก็ตกตายไปตามๆ กัน”
“อีกอย่าง เ้าเป็รองหัวหน้าที่จะมาจับตัวเขายังล้มเหลว แล้วตอนนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์อีก ไร้ยางอายจริงๆ” ซ่งอี้หัวเราะ
“เ้า...เ้า! ฮึ่ม!”
เริ่นอวี่สิงถูกความจริงปิดปาก สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วเป็ไปตามที่ซ่งอี้พูดจริงๆ กลุ่มหมาป่าผิดจริง ไม่อาจแก้ตัวให้กระจ่างได้
พวกเขา้าปล้นฆ่าฉู่อวิ๋น แต่กลับถูกฆ่าแทน สิ่งนี้ต้องโทษตนเอง ไม่อาจโทษผู้อื่น
ในขณะเดียวกัน ทุกคนในกลุ่มัเหล็กก็หัวเราะออกมา เริ่นอวี่สิงเป็ถึงระดับสี่ขั้นมหาสมุทร กลับถูกนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณตัวเล็กๆ หลอกเอาจนหลบหนีไปได้ เื่นี้ดังไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น
“ไม่คิดว่าหัวหน้าซ่งจะเป็แต่เพียงวีรบุรุษเท่านั้น แต่ยังพูดเหน็บแนมเก่งอีกด้วย” ฉู่อวิ๋นแอบหัวเราะในใจ เริ่นอวี่สิงที่ไล่ล่าเขาไปตามถนนเมื่อครั้งที่แล้วกลั้นใจแล้วกลั้นใจอีก ช่างสะใจจริงๆ!
ฉู่อวิ๋นจ้องมองไปที่เริ่นอวี่สิงอย่างเ็าด้วยท่าทีเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด อีกคนโกรธมากจนควันออกหู มือกำหมัดแน่นจนม่วงคล้ำขาดเื คล้ายจะะเิความโกรธออกมา
“หึ! ในเมื่อเ้าบอกว่าคนของเ้าบริสุทธิ์ เช่นนั้นเ้าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างไร?!” ใบหน้าของเริ่นอวี่สิงจริงจังขึ้นมา จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเื่และะโถามเสียงดัง
หลังจากนั้น เขาก็เล่าเื่ราวของการโจมตีและสังหารสมาชิกสองคนของกลุ่มหมาป่าและการลักพาตัวพ่านพ่านออกมา ทุกคำพูดทุกประโยคราวกับกำลังบอกว่าเป็ความผิดของกลุ่มัเหล็กอย่างแน่นอน
หลังจากฟังคำพูดของเริ่นอวี่สิง ทุกคนยกเว้นฉู่อวิ๋นก็หันมามองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยออกจากค่ายไปไหนมาไหน จะไปพบกับคนของกลุ่มหมาป่าได้อย่างไร?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ป่าสีเืก็เต็มไปด้วยอันตราย และไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าบุกเข้าไปข้างในนั้น
“เราตั้งค่ายที่นี่ตอนค่ำแล้ว และไม่มีใครออกไปไหนอีก” ซ่งอี้พูดอย่างเด็ดขาดอย่างไม่ลังเลสงสัย “เกรงว่าคืนนี้เ้าคงต้องกลับไปมือเปล่าแล้ว พวกเราไม่เจอทาสหญิงที่พวกเ้าเรียกหา เชิญกลับ!”
ขณะที่พูด ซ่งอี้ก็แทงดาบกลับหัวต่อหน้าอีกคน ความตั้งใจของเขาชัดเจนมากว่าเขา้าให้เริ่นอวี่สิงและคนอื่นๆ ล่าถอยไป
ทุกคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พวกเขาไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน ต่างก็ลุกขึ้นยืนและมองตรงไปยังสมาชิกของกลุ่มหมาป่าที่อยู่รอบๆ
“หัวหน้าซ่งรู้อยู่แก่ใจว่าข้าออกไปฝึกยุทธ์ตอนกลางคืน แล้วทำไมเขาถึงโกหกเพื่อปกป้องข้ากัน ข้าควร... พูดความจริงออกไปหรือไม่?” ต่างจากคนอื่นๆ ตอนนี้ฉู่อวิ๋นเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของเขาสั่นไหว ใจเต้นแรง
ในเวลานี้ มู่หรงซินแอบเหลือบมองฉู่อวิ๋นเล็กน้อย นางรู้เื่การมีอยู่ของพ่านพ่าน ดังนั้นจึงอนุมานได้ถึงเื่ทั้งหมดจากคำอธิบายของเริ่นอวี่สิง
ดูเหมือนว่าฉู่อวิ๋นคงฆ่าคนของกลุ่มหมาป่าเพื่อช่วยพ่านพ่าน ไม่ใช่การพบเจอกันใต้แสงจันทร์อย่างที่นางคิด
“หึ พูดปากเปล่าไร้ประโยชน์! ที่นี่นอกจากพวกเ้าแล้วยังจะมีใครอีก?”
“บริสุทธิ์หรือไม่ค้นดูก็รู้! ถ้าหากพบทาสหญิงที่เราจับได้ ต่อให้พวกเ้าะโน้ำล้างตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าคนของเราก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!” เริ่นอวี่สิงสะบัดแขนเสื้อ แค่นเสียงกล่าว
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีคนส่งเสียงเหล็กกระทบกันเล็กน้อย ทุกคนในกลุ่มหมาป่าชักอาวุธพร้อมมือ สะท้อนแสงเย็นเยียบ และมองดูซ่งอี้อย่างเ็า ทำให้เขาขมวดคิ้ว
แม้ว่าซ่งอี้จะไม่ยี่หระกับการยั่วยุของกลุ่มหมาป่าและไม่กลัวที่จะมีเื่ด้วย แต่ที่นี่คือในป่าสีเื หากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน อาจทำให้สัตว์ปีศาจทรงพลังที่อยู่ใกล้ๆ ตื่น แม้ว่าเขาจะเอาตัวรอดได้แต่สมาชิกก็ใช่ว่าจะไม่าเ็
“ตกลง! ข้าจะค้นดูให้เอง!”
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ซ่งอี้ก็ตอบรับคำของเริ่นอวี่สิง จากนั้นก็รีบหันกลับไปค้นกระโจมทุกหลังท่ามกลางสายตาของทุกคน
ทว่าเขาไม่ปล่อยให้กลุ่มหมาป่าเข้ามาใกล้ ทำเพียงค้นหาตามลำพัง
ครู่ต่อมา หลังจากการค้นหาจนรอบ ในที่สุดซ่งอี้ก็มาถึงกระโจมของฉู่อวิ๋น แต่ก่อนจะเข้าไป เขาก็จ้องมองฉู่อวิ๋นเงียบๆ อย่างสื่อความหมาย
เมื่อเห็นสายตาเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เขาไม่เคยบอกซ่งอี้เกี่ยวกับเื่นี้มาก่อน ตอนนี้ซ่งอี้ก็มาถึงตัวแล้ว เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“เฮ้อ จะปล่อยให้คนอื่นรับเคราะห์ไม่ได้ เรียนผูกต้องเรียนแก้!”
ฉู่อวิ๋นถอนหายใจและเดินตามซ่งอี้เข้าไปในกระโจมเพื่อสารภาพ
ในกระโจม ซ่งอี้มองดูพ่านพ่านที่ยังคงหลับสนิท ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ บอกไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นี่ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นและกำหมัดแน่น
เขาเปิดปากอธิบาย “หัวหน้า...ข้า...”
“เอาล่ะ” ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะพูดจบ ซ่งอี้ก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมาและพูดว่า “เ้าไม่จำเป็ต้องอธิบายหรอก เ้าพาผู้หญิงเข้ามาในค่าย คิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ?”
“ข้าผิดเอง” ฉู่อวิ๋นหลุบตาลง ที่แท้ซ่งอี้ก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ทุกการกระทำไม่อาจหลบซ่อนสายตาของผู้แข็งแกร่งขั้นมหาสมุทรได้จริงๆ
“เ้าไม่ผิด ไม่ต้องกังวลหรอก” ซ่งอี้ตบไหล่ฉู่อวิ๋นแล้วพูดเบาๆ “ผู้หญิงคนนี้สวมเสื้อผ้าหนังสัตว์ น่าจะมาจากชนเผ่าสุนัขป่า ทั้งยังหน้าตาหมดจด เ้าฆ่าคนของกลุ่มหมาป่าเพื่อช่วยนางใช่หรือไม่?”
“กลุ่มหมาป่าทำตัวน่ารังเกียจ คิดจะทำให้แม่นางคนนี้แปดเปื้อน ข้าทนไม่ได้จริงๆ” ฉู่อวิ๋นพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด แต่เขาไม่เสียใจที่ได้ช่วยพ่านพ่านไว้
“เอาล่ะ จอมยุทธ์ฉู่ เ้าไม่ต้องพูดแล้ว เื่ทั้งหมดข้าก็พอจะเดาออก กลุ่มหมาป่าเองก็ไม่ใช่กองเพชรอันใด พวกเขาเคยค้าทาสมาก่อน มือเปื้อนเืมานับไม่ถ้วน เ้าไม่ต้องโทษตัวเองไป”
“เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย ข้าจะออกไปก่อน เื่ที่หมดนี้ปล่อยให้เป็หน้าที่ข้าซ่งอี้เอง! เ้าวางใจเถอะ!” ซ่งอี้ตบไหล่ฉู่อวิ๋นอีกครั้ง จากนั้นหันหลังกลับและเดินออกไปจากกระโจมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉู่อวิ๋นซาบซึ้งในใจ ซ่งอี้มีไมตรีต่อเขาจริงๆ แม้ว่าเขาจะพาพ่านพ่านกลับมาโดยไม่บอกไม่กล่าว แต่ก็ไม่ได้ตำหนิเขาเลย
ผ่านไปสักพัก ในที่สุด ซ่งอี้ก็เสร็จสิ้นการตรวจค้น ภายนอกเขาสงบนิ่งและควบคุมสติได้ดี โดยแสร้งทำเป็ว่าไม่พบอะไรเลย
เขากลับไปยังจุดที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน และกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เริ่นอวี่สิง ทำเ้าผิดหวังแล้ว ข้าค้นแล้วก็ไม่เจอทาสหญิงที่เ้า้าตัว รีบกลับไปเสียเถอะ!”
“โอ้?!” เริ่นอวี่สิงยังคงยกยิ้มอย่างสงสัย “เ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่หรือ? เหตุใดข้าต้องเชื่อเ้าด้วย? ไม่ได้ ข้าต้องค้นเอง!”
ทันทีที่พูดจบ เริ่นอวี่สิงก็ก้าวออกไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ดาบั์ก็พุ่งไปนาบที่ลำคอของเขา ดุร้ายทรงพลัง
นั่นคือดาบของซ่งอี้
“ข้าบอกว่าไม่ ก็คือไม่!”
“ฮะ... ฮะ ไม่คิดว่าเ้าจะเย่อหยิ่งและไร้เหตุผลเช่นนี้นะ! ซ่งอี้!" แม้ว่าเริ่นอวี่สิงจะไม่ยอมแพ้ แต่เหงื่อเย็นๆ สองสามหยดก็ยังคงไหลออกมาจากหน้าผากอยู่ดี สมบัติเหล็กอันวิจิตรดาบัเหล็กของซ่งอี้นี้ ไม่ใช่เื่ล้อเล่น
เสียงลมหนาวพัดผ่านทั่วบริเวณ
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศริมแม่น้ำเย็นเยียบ ทุกคนไม่กล้าหายใจแรง พวกเขาพร้อมต่อสู้เสมอ เพราะถ้าซ่งอี้ยกดาบขึ้นฟัน ที่นี่คงถูกกำหนดให้เป็แม่น้ำสีเืและสุสานฝังศพ
มันเป็เื่ของชีวิตและความตาย ทุกคนมองไปที่ซ่งอี้และเริ่นอวี่สิงอย่างเคร่งเครียด
“ฮ่าๆๆ!”
“ดี ดี! ไม่คิดว่าซ่งอี้ผู้โด่งดังจะเผด็จการและไร้เหตุผลเช่นนี้!”
เมื่อความตึงเครียดเข้าขั้นวิกฤติ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากกลุ่มหมาป่า
ทันใดนั้นก็มีคนเห็นชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเริ่นอวี่สิงเดินออกมาช้าๆ แต่จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็เปลี่ยนไป เร็วราวกับเงาหมาป่า เร็วมากจนมาถึงตรงหน้าซ่งอี้ในพริบตา
คนคนนี้มีสีหน้าจริงจัง คิ้วเข้มเคร่งครัด จมูกแหลมเพรียวบาง และริมฝีปากบางราวกับเส้นไหม ร่างกายของเขาเปล่งรัศมีความน่ากลัวออกมาไม่หยุด แต่กลับแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวหรูหรา ดูไม่เข้ากับสถานการณ์เลยสักนิด
ทันทีที่เขาปรากฏตัว คนในกลุ่มหมาป่าก็ดูเคร่งขรึมและจริงจังขึ้นกว่าเดิม ไม่กล้าแม้จะผ่อนคลาย
“เป็เ้า? หลางซื่อ ไม่คิดว่าคืนนี้เ้าจะสอดมือเข้ามายุ่งเื่ของคนอื่นด้วย!” ซ่งอี้ขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาเ็า และเก็บดาบกลับมาทันที แสดงท่าทีระมัดระวังอย่างยิ่ง
หลางซื่อเป็หัวหน้าของกลุ่มหมาป่าและยังเป็หัวหน้าที่แท้จริงอีกด้วย แต่เขาหายตัวไปนานแล้ว ว่ากันว่ากำลังฝึกตนอย่างสันโดษ ได้พบเขาในตอนนี้ ซ่งอี้ย่อมประหลาดใจ
ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือพลังปราณของหลางซื่อดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“ชายคนนี้คือหัวหน้ากลุ่มหมาป่าหรือ? หึ มิน่าหน้าตาถึงได้น่าเกลียดน่ากลัวนัก ซ้ำยังสวมเสื้อผ้าหรูหราเหมือนสุนัขเลียนแบบคน ดังคาด มีผู้นำแบบใดก็มีคนแบบนั้น” ฉู่อวิ๋นยิ้มเยาะในใจ หัวหน้ากลุ่มหมาป่าคนนี้มีนิสัยแปลกประหลาด เห็นได้ทันทีว่าไม่ใช่คนดี
“หัวหน้าซ่ง เดิมทีข้าก็ไม่อยากออกหน้า แต่เ้าก็รังแกคนเกินไปแล้ว เ้าบอกจะให้ค้นก็ย่อมต้องเป็คนของเราไปค้น! ไม่เช่นนั้น เ้าพูดเองเออเอง พูดอะไรก็ได้สิ! ฮ่าๆ” หลางซื่อบอกให้เริ่นอวี่สิงหลีกทางและเดินไปเผชิญหน้ากับซ่งอี้ เสียงของเขาแหบห้าว ฟังดูไม่พอใจ
หลังจากพูดจบ เขาก็กลอกตาเล็กๆ นั่นแล้วกล่าวเสริม “จิ๊จิ๊ บางทีอาจจะเป็หัวหน้าซ่งที่ขโมยทาสหญิงของเราไปเองด้วยซ้ำ กลางค่ำกลางคืนมีความสุขดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไม่ว่าซ่งอี้จะสงบแค่ไหน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยเพลิงโทสะทันที หลางซื่อผู้นี้จับชาวเผ่าในป่าสีเืไปค้าทาส ซ้ำตอนนี้ยังมาทำตัวเป็คนผิดฟ้องศาลก่อน ไร้ยางอายเหลือทน!
----------
[1] ฉวยโอกาสไม่สำเร็จยังขาดทุนอีกต่างหาก