Chapter 25
“เค้าขอแกะของขวัญพี่กรีนบ้างสิ”
หลังจากที่ชื่นชมของขวัญที่ป๋ายซื้อมาให้กรีนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวที่ป๋ายจะชื่นชมของขวัญของกรีนบ้าง กรีนจูงมือป๋ายมาที่กลางบ้านและหยุดอยู่ตรงหน้าของขวัญกล่องใหญ่
"ทำไมวันนี้กล่องใหญ่จัง" หลังจากที่เห็นขนาดของกล่องของขวัญ คนตัวเล็กก็ถามขึ้น
"ไม่ชอบเหรอครับ? ไม่เบื่อสร้อยหรือกำไลข้อมือเหรอ?"
"ถ้าพี่กรีนให้ก็ไม่เบื่อนะ เค้าใส่ได้ทีละ 20 เส้นเลย" หลังจากที่ฟังน้องพูดจบ กรีนก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ
"เปิดสิ"
กรีนหันไปยิ้มให้ป๋าย จากนั้นป๋ายก็เดินเข้าไปเพื่อเปิดของขวัญกล่องใหญ่ของเขา ในวันครบรอบ 3 เดือนที่ได้เข้ามาอยู่ด้วยกัน มือเล็กคลายปมของโบว์ที่อยู่หน้ากล่องออกช้า ๆ เรียบร้อยแล้วก็เปิดฝากล่องออก ปรากฏตุ๊กตารูปแมว 2 ตัวตรงหน้าป๋ายทันที
"ตุ๊กตาเหรอพี่กรีน?" คนตัวเล็กถามออกมาด้วยความตื่นเต้น
"ใช่ครับ ชอบไหม?" กรีนรอลุ้นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ว่าชอบตุ๊กตาที่เขาให้หรือเปล่า
"เค้าชอบมาก ๆ เหมือนเค้ามากเลย" สายตาของคนตัวเล็กที่ไม่ได้ละออกจากตุ๊กตาแต่อย่างใด ไล่สำรวจตุ๊กตาช้า ๆ และพบว่ามันเหมือนกับเขาในร่างแมวมาก ๆ เ้าตุ๊กตารูปแมวขนฟูสีขาวนวลและปลายหางสีเข้ม
"พี่โล่งใจแล้วครับ"
"ว่าแต่ ทำไมเ้าเหมียวถึงมีสองตัวล่ะ เหมือนเค้าสองตัวเลยด้วย" ป๋ายหันมาถามคนพี่
"อีกตัวก็คุณแม่ของเธอนั่นแหละ"
"หื้ม? แม่เค้าเหรอ? แม่เค้าเป็แบบนี้เหรอพี่กรีน?"
"ครับ จำที่พี่เคยบอกเธอได้ไหม? ว่าั้แ่ครั้งแรกที่เจอเธอ พี่รู้สึกคุ้นเคยหรือผูกพันอย่างบอกไม่ถูก"
"เค้าจำได้นะ"
"นั่นแหละครับ พี่คิดว่ามันเป็เพราะว่าพี่เคยอยู่กับแม่เธอมาก่อน"
"อยู่กับแม่เค้า? ได้ยังไง พี่กรีนแพ้ขนแมวนี่" คนตัวเล็กเอียงคอด้วยความสงสัย
"ก่อนที่พี่จะเกิด ที่บ้านพี่ก็เลี้ยงแมวปกติเหมือนที่บ้านอื่นเขาเลี้ยงกัน พอแม่พี่คลอดพี่ออกมา แมวตัวนั้นถูกส่งกลับไปที่ศูนย์เพราะพี่แพ้ขนสัตว์ พ่อกับแม่พี่เคยเล่าให้ฟังว่า พี่ดูชอบแมวตัวนั้นมาก ๆ เหมือนอยากจะเล่นกับมันอยู่ตลอดเวลา แต่พอเข้าใกล้ก็ร้องไห้ออกมาเลย เพราะว่าแพ้ ก็เลยไม่สบายตัว"
"แม่เค้าเหรอ?"
"ใช่ครับ แมวที่บ้านพี่เคยเลี้ยงก็คือแม่ของเธอ"
"แล้ว แล้วแม่เค้าเป็แมวยังไง? น่ารักไหม?" คนถามถามออกมาด้วยน้ำตา
"พี่ไม่รู้เลยครับ จำอะไรไม่ได้เลย ตอนนั้นพี่ยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำครับ"
"เค้าถามใครก็ไม่ได้แล้วใช่ไหม?" ป๋ายถามด้วยน้ำเสียงที่แ่เบา
"อยากลองถามพี่บลูหรือเปล่า? ก่อนที่แม่ของเธอจะถูกส่งกลับศูนย์ พี่บลูน่าจะพอได้เล่นกับแม่เธออยู่บ้างนะ"
"เค้าอยากถามนะ"
"ได้ครับ เดี๋ยวโทรถามพี่บลูกัน แต่ก่อนโทร พี่มีอะไรให้เธอดูก่อนนะ"
คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำของกรีน จากนั้นกรีนก็ส่งรูปถ่ายให้ดู เป็รูปที่ครอบครัวกรีนถ่ายด้วยกันตอนที่กรีนเพิ่งเกิด และหนึ่งสมาชิกของบ้านก็คือแม่ของป๋าย
"สีขาว ๆ ตัวนี้แม่เค้าใช่ไหม?" ป๋ายชี้ที่รูปถ่ายแล้วถามออกมา
"ใช่ครับ เธออยากฟังเื่ที่น่ารักกว่านั้นหรือเปล่า?"
"ฟัง ๆ ๆ"
"จำได้ใช่ไหมครับว่าความหมายของชื่อเธอคืออะไร?"
"เค้าจำได้ พี่กรีนบอกว่าชื่อเค้าแปลว่าสีขาว อีกความหมายหนึ่งก็คือบริสุทธิ์"
"ใช่ครับ เธอลองพลิกไปดูที่ด้านหลังของรูปถ่ายสิ"
ป๋ายทำตามคำบอกของกรีน พลิกรูปถ่ายที่ถืออยู่ไปที่ด้านหลัง จากนั้นก็เห็นข้อความเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกเขียนด้วยปากกา มันเขียนไว้ว่า
Ines ต้อนรับ Green
ดั่งความบริสุทธิ์ที่โอบล้อมธรรมชาติ
"มันแปลว่าอะไรพี่กรีน?" คนตัวเล็กที่ยังงงกับความหมายของภาษาก็ถามขึ้นมา
"ถึงจะอ่านแล้วยิ้ม แต่พี่ก็ไม่แน่ใจความหมายของมันเหมือนกันครับ เื่นี้อาจจะต้องถามพี่บลูนะ"
"งั้นโทรหาพี่บลูกัน ๆ"
กรีนต่อสายหาพี่ชายเพื่อถามเื่ราวความเป็มาของรูปถ่ายใบนี้ ที่ถูกถ่ายขึ้นในขณะที่กรีนเพิ่งจะเกิดขึ้นมาบนโลกได้ไม่นาน ถือสายรอได้ไม่นานพี่ชายของกรีนก็รับสาย จากนั้นกรีนก็เปิดสปีคเกอร์โฟนเพื่อให้คนน้องได้ฟังด้วย
[ว่าไงน้องชาย?]
"พี่บลูเห็นรูปที่กรีนส่งไปให้ใช่ไหมครับ?" กรีนถามถึงรูปที่เขาส่งไปให้พี่ชายของเขาทางกล่องข้อความก่อนที่จะโทรไป
[เห็นแล้วครับ รูปนานมากแล้ว]
"พี่บลูพอจะจำแมวในรูปได้ไหม?"
[จำได้สิ แมวตัวแรกและตัวสุดท้ายที่บ้านเราเลี้ยงไว้ ชื่อคุณอีเนส]
"พี่รู้หรือเปล่า ว่าแมวตัวนี้คือแม่ของป๋าย"
[หื้ม? แม่ของตัวเล็กเหรอ?]
"ใช่ครับ กรีนเพิ่งไปให้ศูนย์ดูแลยืนยัน"
[พรหมลิขิตชัด ๆ เลยนะ ตัวเล็กดีใจแย่เลย]
"กรีนมีเื่ที่อยากรู้นิดหน่อย"
[ได้ครับ ถามมาสิ]
"มันมีข้อความที่เขียนไว้ด้านหลังรูปถ่าย ว่า Ines ต้อนรับ Green ดั่งความบริสุทธิ์ที่โอบล้อมธรรมชาติ พี่บลูรู้หรือเปล่าครับว่ามันหมายความว่าอะไร?"
[รู้สิ ข้อความนั้นแม่เป็คนเขียน ความรักแมวของกรีนอาจจะได้รับจากแม่มาเต็ม ๆ เลยก็ได้นะ เพราะแม่รักแมวมาก ๆ]
กรีนที่ได้ฟังก็ยิ้มออกมาทันที
[ส่วนเื่ข้อความ ดั่งความบริสุทธิ์ที่โอบล้อมธรรมชาติ มันหมายความว่าคุณอีเนสต้อนรับกรีนอย่างดีเลยครับ อีเนสคือชื่อแม่ของตัวเล็ก ความหมายของชื่อคือความบริสุทธิ์ ส่วนความหมายของชื่อกรีน แม่นิยามไว้ว่ามันคือธรรมชาติ]
[พอรู้ว่าป๋ายกับคุณอีเนสเป็แม่ลูกกันแล้วก็แปลกใจเื่ความหมายของชื่อเหมือนกันนะ แล้วนี่ก็คงเป็เหตุผลที่ว่าทำไมกรีนถึงรู้สึกผูกพันแล้วก็คุ้นเคยกับตัวเล็กั้แ่ครั้งแรกที่เจอเลยใช่ไหม?]
"กรีนคิดว่าใช่นะพี่บลู"
หลังจากที่ได้รับฟังเื่ราวจนอิ่มเอมใจแล้ว ป๋ายก็มานั่งมองรูปถ่ายครอบครัวของกรีนที่มีแม่ของเขาอยู่ในรูปนั้นด้วย มันเป็ความรู้สึกอบอุ่นที่อธิบายออกมาไม่ถูก ป๋ายไม่ได้หวังว่าเขาจะได้เจอแม่เขาสักครั้ง เพราะมันคงเป็ไปไม่ได้ แล้วจริง ๆ ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้รับฟังเื่ราวของแม่จากใครที่ไหนนอกจากคนที่ศูนย์ดูแลเลย
เคธเคยเล่าให้ป๋ายฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าแม่ของป๋ายก็สวยเหมือนป๋ายนี่แหละ อีเนสเป็แมวที่ใจดี ตอนอยู่ที่ศูนย์ดูแลก็ช่วยดูแลความเรียบร้อยในศูนย์ได้ดีมาก เป็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่มีแต่คนนับถือ เพราะอีเนสเป็แมวที่ใจเย็น ควบคุมสติของตัวเองได้ดีเสมอ ไม่เคยปล่อยให้อารมณ์นำเหตุผลเลยสักครั้งเดียว และเพราะมีน้อยคนที่ทำแบบนี้ได้ อีเนสเลยเป็แมวที่น่าเคารพสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเป็แบบนั้น ถึงแม้ว่าป๋ายจะไม่เคยเจอแม่เลยสักครั้ง ไม่เคยได้ััว่าสิ่งที่คนอื่นพูดมามันจริงหรือเปล่า แต่เขาคงจะจำเอาไว้ในใจตลอดไป ว่าแม่ของเขาถูกพูดถึงไว้แบบไหน
"คิดอะไรอยู่ครับ?" กรีนที่เพิ่งจัดการเก็บกล่องของขวัญเสร็จก็ถามขึ้น เมื่อเห็นคนน้องนั่งเหม่อ
"เค้าแค่กำลังคิดว่าถ้าโชคดีกว่านี้อีกสักนิด แล้วได้ถูกแม่ดูแล เค้าจะรู้สึกอบอุ่นขนาดไหน"
"ตัวเล็กครับ" กรีนหน้างอออกมาทันทีที่ได้ยินความในใจของคนตัวเล็ก
"ขนาดแค่ฟังเื่ราวจากคนอื่นเค้ายังมีความสุขได้ขนาดนี้เลย แม่เค้าต้องใจดีมากเลยแน่ ๆ"
"กอดพี่กรีนไหม?" กรีนพูดขึ้นพร้อมกับอ้าแขนรอรับน้อง
"เค้าไม่ได้เศร้านะพี่กรีน แต่ว่ากอด ๆ ก็ได้" คนตัวเล็กยิ้มออกมาพร้อมกับลุกขึ้นกอดพี่เบา ๆ
"เก่งมาก ๆ เลยนะรู้ไหม?"
"เค้ารู้ พี่กรีนบอกเค้าทุกวันเลย พี่ก็เก่งมากเลยนะ" ทั้งคู่ที่กำลังมอบกอดให้กันก็ต่างคนต่างลูบหลังอีกคน
เป็อย่างที่ป๋ายบอก เขาไม่ได้รู้สึกเศร้ามากขนาดนั้น เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างมันก็ผ่านมานานแล้ว ถ้ามีโอกาสได้รับความอบอุ่นจากแม่จริง ๆ ก็คงต้องอยากได้มันแน่นอน แต่ในเมื่อเื่ราวมันถูกลิขิตมาแบบนี้ ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ นอกจากนึกถึงในรูปแบบที่จินตนาการไว้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องจินตนาการแบบเสียเปล่า เพราะรู้แล้วว่าแม่หน้าตาเป็ยังไง แม่ชื่ออะไร
ส่วนเื่ความอบอุ่นที่อยากจะให้แม่มอบให้ ทุกวันนี้ตัวป๋ายเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดมัน เพราะเขาได้รับมันจากคนรอบข้างที่มีในตอนนี้อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว ทั้งพี่บลู พี่ดีน่า พี่เวย์ เกรซ รวมไปถึงเพื่อนบ้านอย่างคุณเพิร์ธ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากเ้านายคนโปรดของเขา มันทำให้ทุกวันนี้เขาไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเลย และปรารถนาที่จะให้มันเป็ไปแบบนี้อีกนาน ๆ เท่าที่จะมีโอกาส
"มาครับ ไหนว่าจะทำอาหารให้พี่กิน"
หลังจากเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงขั้นตอนของการทำอาหารแบบที่คนตัวเล็กตั้งใจไว้ั้แ่แรก ในตอนแรกป๋ายใจหายมากที่กรีนไม่สบาย เพราะตัวเขาเองก็จำได้ว่าวันนี้คือวันที่ครบรอบ 3 เดือนที่มาอยู่ด้วยกัน แล้วก็ตั้งใจเตรียมของขวัญไว้ให้ พอรู้ว่ากรีนไม่สบาย ก็กลัวว่าสิ่งที่คิดไว้วันนี้จะล่ม แต่กลับเป็เื่ดีที่ได้เพิ่มการฉลองเป็ขั้นตอนการทำอาหารขึ้นมา
"มาเลย ครัวเหมียวพร้อมแล้ว"
"ทำเป็เหรอตัวเล็ก?"
"เค้าศึกษาจากยูทูปมาเป็อย่างดี ในนั้นสอนเค้าละเอียดมาก เหมือนมาสอนข้าง ๆ"
"โอเวอร์จริง ๆ"
"เปล่าน้า พี่กรีนต้องรอชิม ส่วนตอนนี้ไปนั่งรอก่อน"
"ครับ ๆ"
ถึงความเป็ห่วงจะโผล่ขึ้นมาในหัวเป็อันดับแรก แต่กรีนก็ไม่ได้ห้ามอะไรที่คนตัวเล็กจะเข้าครัวคนเดียว เพราะตัวเขาก็ไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหนไกล ก็คงอยู่แถวนี้นี่แหละ เพียงแค่อยากให้รู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่ได้ไปยืนกดดันแต่อย่างใด อยากให้คนตัวเล็กได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ แสดงความสนุกออกมาได้อย่างเต็มที่ในการทำอาหารครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็แบบไหน แต่ในขณะที่ยืนดูก็รับรู้ได้แล้วว่าความตั้งใจของคนตัวเล็กนั้นมากเหลือเกิน
ป๋ายยืนงงอยู่กับส่วนผสมที่จะทำ ที่คิดว่าตัวเองศึกษามาเป็อย่างดีแล้ว พอได้เริ่มทำจริง ๆ ก็สับสนเอาเื่ วัตถุดิบบางอย่างที่มองดูเชฟที่สอนในวิดีโอทำแล้วมันง่าย พอลงมือเองจริง ๆ เขากลับทำแต่ละอย่างได้ไม่เหมือนกับในวิดีโอเลยสักนิด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ป๋ายท้อในการทำอาหารแต่อย่างใด เขายังคงใส่ใจในทุกขั้นตอนต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงขั้นตอนสุดท้าย นั่นก็คือการจัดจาน ป๋ายยิ้มทันที เพราะมันดูจะเป็ขั้นตอนที่ง่ายที่สุดสำหรับเขา และเขาก็ชอบมันมาก
"เรียบร้อย!"
"เสร็จแล้วเหรอครับ?"
"เสร็จแล้ว ๆ พี่กรีนมาลองชิม"
กรีนเดินเข้าไปในครัวตามคำบอกของน้อง พอมองดูหน้าตาของอาหารก็ทำให้กรีนยิ้มออกมา เพราะคนตัวเล็กน่าจะมีพร์ด้านนี้เอามาก ๆ ถึงทำให้มันออกมาดูน่ากินขนาดนี้
"เธอลองชิมไปหรือยัง?"
"ชิมแล้ว ๆ อร่อยแบบบินได้"
กรีนหัวเราะให้กับท่าทางและน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นของป๋าย จากนั้นก็หยิบช้อนที่คนตัวเล็กวางเอาไว้ข้างจาน ตักเม็ดข้าวที่เรียงตัวสวยขึ้นมา เป่าไล่ความร้อนเล็กน้อยจากนั้นก็เอาเข้าปากทันที ััแรกที่รู้สึกคือมันแทบจะไม่มีรสชาติอะไรเลย แน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกปากกรีน แล้วถึงจะเป็อย่างนั้น กรีนก็ยังคงส่งยิ้มกลับไปให้น้อง
"อร่อยหรือเปล่า?" คนตัวเล็กยืนทำตาแป๋ว
"พี่ว่ายังไม่ค่อยอร่อยนะครับ" กรีนตัดสินใจที่จะบอกน้องออกไปตรง ๆ แล้วก็เป็อย่างที่คิด หน้าของคนตัวเล็กงอลงทันตาเห็น
ในความรู้สึกของป๋าย แน่นอนว่าเขาหวังว่าอยากจะให้อาหารจานนี้ถูกปากกรีน เพราะในตอนเช้าที่เขาทำข้าวต้มเข้าไปให้ กรีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แถมยังยิ้มในตอนที่กินมันเข้าไปอีก ตัวป๋ายเองเลยคิดว่าเขาอาจจะเก่งในด้านนี้ก็ได้ สำหรับความรู้สึกที่ค้นพบว่าตัวเองเก่งหรือมีพร์ในด้านไหน มันก็จะเป็ความรู้สึกที่ดีมาก แต่พอรู้อีกว่าสิ่งที่คิดมันผิด ความเสียใจมันก็ถาโถมเข้ามา
และสำหรับตัวกรีนเอง แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะสปอยล์ป๋าย ถ้าสิ่งไหนที่น้องทำแล้วมันดี เขาก็จะบอกว่ามันดี แต่ถ้าสิ่งไหนที่ทำแล้วน้องยังทำได้ไม่ดี เขาก็จะบอกไปตรง ๆ เพราะความจริงมันก็คือความจริง รู้เร็วดีกว่ารู้ช้า เวลามันผ่านไปเรื่อย ๆ อาจจะมีสิ่งที่ดีรออยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งที่กรีนคิดก็คืออยากให้น้องก้าวต่อไป
"เสียใจใช่ไหมครับที่พี่พูดว่ามันไม่ค่อยอร่อย?"
"อื้ม" คนน้องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงแค่ส่งเสียงในลำคอแล้วก็พยักหน้าเบา ๆ
"ถ้าพี่พูดว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็ยังไงเธอก็เก่งแล้ว เธอจะโอเคขึ้นไหม?"
"ไม่รู้สิ คือเค้าคิดว่าเค้าทำได้ดี เพราะเมื่อเช้าพี่กรีนดูชอบข้าวต้มที่เค้าทำ"
"เด็กดีครับ สูตรข้าวต้มของพี่มันเป็สูตรตายตัว เวย์บอกใช่ไหมว่าให้ใส่อะไรบ้าง?"
"พี่เวย์บอกเค้าหมดเลย ั้แ่ปริมาณของข้าว จนถึงตอนตักใส่ถ้วยให้พี่กรีน"
"นั่นแหละครับ ข้าวต้มเวลาป่วยของพี่มันเลยจะออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ว่าใครจะทำก็ตาม"
"แปลว่าเค้าไม่ได้เก่งใช่ไหม? เค้าแค่คิดไปเอง" กรีนเดินอ้อมเก้าอี้ไปยืนตรงหน้าน้อง ประคองใบหน้าสวยให้ละสายตาจากพื้นแล้วมองหน้าเขา
"ฟังพี่นะครับ คนเราไม่ได้เก่งทุกเื่ อาจจะมีเื่ที่เราเก่งแล้วก็ไม่เก่ง พี่ก็เหมือนกัน รวมไปถึงเธอด้วย รสชาติของอาหารที่เธอทำมันอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่รู้ไหมสิ่งที่เธอทำดีคืออะไร? คือหน้าตาของมันครับ ถึงความอร่อยของอาหารจะไม่ได้ขึ้นอยู่ที่หน้าตา แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำอาหารให้หน้าตาออกมาน่ากินได้นี่ จริงไหม? ซึ่งเธอทำมันได้ มันแปลว่าเธอเก่งแล้ว" กรีนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและรอยยิ้มบาง ๆ
"และอีกอย่างนึงนะป๋ายป๋าย ที่พี่ถามเธอว่าเธอชิมมันแล้วใช่ไหม เธอตอบพี่ว่าชิมแล้ว แล้วเธอคิดว่ามันอร่อยไหมครับ?"
"อร่อย เค้านึกว่ามันอร่อย เลยคิดว่าพี่กรีนจะอร่อยด้วย"
"นั่นแหละครับ สิ่งที่พี่อยากจะบอก คือเธอค้นพบอาหารที่เธอทำเองแล้วมันอร่อยด้วยนะวันนี้ ไม่ต้องคิดถึงพี่ว่าพี่จะพูดว่าอะไร เพราะตัวเธอเองบอกว่ามันอร่อย แค่นั้นก็พอแล้ว"
"แต่เค้าตั้งใจทำให้พี่กรีน"
"งั้นพี่ก็ยินดีมาก ๆ ที่จะกินมันให้หมด แล้วก็ดีใจมากที่เธอทำมันออกมาให้อร่อยถูกใจตัวเอง เธอโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้วนะรู้ไหม? เพราะตอนนี้เธอสามารถทำอาหารที่ตัวเธอเองชื่นชอบมันได้แล้วนะ ไม่ดีเหรอครับ?"
"ทำไมพี่กรีนชอบพูดอะไรที่เค้าอยากร้องไห้ตลอดเลย" ป๋ายซุกหน้าลงที่อกของกรีนทันที กรีนก้มหัวลงไปหอมที่ผมนุ่มของป๋ายเบา ๆ แล้วผละออก
"พี่พูดเพราะพี่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ลองบอกความรู้สึกของเธอให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม? คนเก่งของพี่กำลังรู้สึกอะไร?"
"ก็ตอนแรกเค้าคิดว่าเค้าทำอาหารอร่อย แต่พอมารู้ว่ามันไม่จริงเค้าก็เลยเสียใจ"
"เธอรู้ไหม? ว่าที่พี่ชมเธอว่าเก่งบ่อย ๆ พี่ไม่ได้มองว่าเธอเก่งเพราะผลลัพธ์มันออกมาดี แต่เธอเก่งเพราะระหว่างทางที่ทำมัน เธอพยายามเต็มที่แล้ว เธอเก่งั้แ่ตอนนั้น ั้แ่ตอนที่ผลลัพธ์ยังไม่ปรากฏ ตอนที่เธอตั้งใจแล้วก็พยายามกับมันมาก ๆ สำหรับพี่มันเป็แบบนั้นมาเสมอเลยครับ"
ถึงกรีนจะไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปจะช่วยให้น้องรู้สึกดีขึ้นได้มากแค่ไหน หรือมันอาจจะไม่ได้ช่วยเลย แต่เขาก็อยากจะพูดมันออกไป หวังว่ามันจะเป็พลังด้านบวกที่ทำให้ความรู้สึกลบ ๆ ในใจของป๋ายหายไปได้บ้าง
ถ้าในใจของน้องรู้สึกว่าน้องไม่เก่ง เขาก็พร้อมจะพูดมันออกไปว่าเขารู้สึกว่าป๋ายเก่งแล้ว ถึงสุดท้ายมันจะอยู่ที่ตัวน้อง ว่าจะรู้สึกกับตัวเองแบบไหน แต่กรีนก็อยากให้น้องได้รู้ในมุมของคนมอง ว่าเขามองเห็นถึงความพยายามนั้นจริง ๆ
"ไว้สอนพี่ทำบ้างนะ เธอคิดว่ามันอร่อย พี่จะได้ทำให้กินบ่อย ๆ"
"สุดท้ายพี่กรีนก็ทำให้เค้าอยู่ดี ทำไมเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยแบบนี้ล่ะ"
"เธอนั่งน่ารักไปวัน ๆ ก็พอแล้วครับ"
นั่นแหละครับตัวเล็ก
อยู่น่ารัก ๆ ให้พี่เห็นไปนาน ๆ ก็พอ
่สุดท้ายของวันก็คงจะเป็อะไรไปไม่ได้นอกจากการพักผ่อน คนตัวเล็กยืนยันที่จะนอนกับกรีนในวันนี้ แล้วก็จะนอนในร่างของมนุษย์ด้วย แถมยังดื้อที่จะเอาไฟที่กรีนใช้ตกแต่งตรงบันไดมาติดไว้ในห้องนอนกรีนอีก เ้าเหมียวจัดการทั้งหมดใน่เวลาที่กรีนอาบน้ำ พอคนเป็เ้านายออกมาก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ เพราะเห็นว่าน้องปีนอยู่บนเก้าอี้
"ทำไมปีนขึ้นไปทำเอง ตกลงมาจะทำยังไง?" กรีนเดินไปใกล้ ๆ และเงยมองน้อง
"ไม่ตกนะ เก้าอี้พี่กรีนไม่ลื่นเลย"
"ลงมาครับตัวเล็ก" คนถูกเอ็ดก้มลงมามองคนพี่ที่อ้าแขนรอรับอยู่ข้างล่าง อยากจะดื้อใส่ แต่สุดท้ายก็โน้มตัวลงไปให้คนพี่อุ้มลงจากเก้าอี้แต่โดยดี
"อาบน้ำแล้วมาปีนเล่นแบบนี้เหงื่อก็ออกอีก เดี๋ยวตอนกลางคืนก็จะมาบ่นร้อน"
"พี่กรีนขี้บ่น ตัวเองเปิดแอร์หนาวจะตาย เค้าจะร้อนอะไร" พอได้พูดเสร็จก็เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของคนพี่เพื่อเช็คอุณหภูมิเบา ๆ
"วัดไข้พี่อีกแล้ว"
"ไม่ป่วยแล้วเหรอ? ทำไมตัวเย็นจัง"
"พี่เพิ่งจะอาบน้ำมา จะไม่เย็นได้ไง?"
"จริงด้วย" กรีนหัวเราะเล็กน้อยให้กับความน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า จากนั้นก็เดินไปปิดไฟก่อนจะจูงมือน้องมาที่เตียง
"นอนได้แล้วครับ วันนี้ทำอะไรตั้งเยอะแยะเลย เสียพลังงานหมดแล้ว"
"พี่กรีนให้เค้านอนไปแล้วไง"
"แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลานอนแล้ว"
"เปิดไฟเล็ก ๆ ก่อน"
กรีนเอื้อมหยิบรีโมทสำหรับบังคับไฟตกแต่งห้องที่ป๋ายย้ายมาติดในห้องนอนเขาและกดเปิดทันที จากนั้นก็ดึงแขนน้องลงมาที่เตียงให้นอนลงบนแขนของตัวเอง และรวบเอวป๋ายมากอดไว้หลวม ๆ ส่วนคนน้องที่ยังไม่ง่วงก็เอาแต่นอนมองหน้ากรีน
"มองทำไม?" กรีนถามออกไปหลังจากที่เห็นน้องเอาแต่จ้องตัวเองไม่หยุด ั้แ่นอนลงมา
"หล่อจัง"
"เธอก็สวยครับ"
"ยิ่งมองใกล้ ๆ พี่กรีนยิ่งหล่อ" กรีนยิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหุบยิ้มทันทีที่น้องขยับเข้ามาใกล้ ๆ
"ป๋าย ทำอะไร?"
"เค้าอยากจูบ"
ห้ะ?