ในตำราแพทย์มีบอกไว้ว่า หยินหยางสองขั้วซึ่งเป็สองขั้วพลังที่ทั้งเสริมกำลังและยับยั้งซึ่งกันและกัน ผลไม้ชนิดนี้สามารถทำร้ายชีวิตผู้คนได้ และจะต้องมีสมุนไพรช่วยชีวิตคนอยู่รอบๆ ต้นไม้ แต่แค่ไม่รู้ว่าอยู่ในระยะทางที่ไกลแค่ไหน?
ปี้เอ๋อร์เห็นมู่หรงฉิงกำลังมองหาบางสิ่ง นางจึงลดสายตาลงมองอย่างสับสน “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่กำลังมองหาอะไรอยู่หรือ?”
“กำลังหาหญ้าชนิดหนึ่ง มีรูปร่างเหมือนแหน รากเหมือนหญ้าแห้ง และใบนั้นมีลายเส้นที่ชัดเจน คล้ายกับระบบเส้นลมปราณของมนุษย์” ปี้เอ๋อร์ไม่เคยเห็นภาพของหญ้าชิงโยวมาก่อน ถึงอธิบายออกไปก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเข้าใจสิ่งที่พูดหรือไม่?
ปี้เอ๋อร์ไม่ได้ถามอะไรมาก แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง นางก็ก้มศีรษะลงและมองหามันพร้อมกับมู่หรงฉิง
“เ้าหาฝั่งนั้น ข้าจะหาฝั่งนี้ ทำเช่นนี้จะได้ประหยัดเวลา” หญ้าชิงโยวมีลักษณะที่แปลกมาก มันจะแตกออกจากดินระหว่าง่เวลาซื่อฉือ[1]เท่านั้น และหลังจาก่นี้ใบไม้จะเหี่ยวเฉาทันทีและรากเหง้าก็จะหดตัวลงสู่ใต้ดิน ซึ่งเป็เื่ยากที่จะหามันเจอ
ในใจคิดแต่จะหาหญ้าชิงโยว นางค่อยๆ แยกตัวออกจากฝูงชนโดยไม่รู้ตัว ครั้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็พบว่าใกล้จะถึง่เวลาซื่อฉือ ถ้าวันนี้หาไม่เจอ นางทำได้แต่มาหาใหม่ในวันรุ่งขึ้น นางแค่หวังว่าจะอยู่บนูเาเป็เวลาหนึ่งวันเท่านั้น ถ้าคนรู้เื่การหายตัวไปของนางและเฉินเทียนหยู จะต้องเกิดความวุ่นวายทั่วเมืองหลวงเป็แน่ ถึงเวลานั้นแม้นางจะหาเหตุผลอย่างไรก็เป็เื่ยากที่จะแก้ตัว
ระหว่างกำลังวิตกกังวล นางถึงได้ตระหนักว่าตนเองอยู่ห่างไกลจากฝูงชน สายลมบนูเาพัดมาซึ่งยังเหลือความเยือกเย็นอยู่หลายส่วน แต่ความเยือกเย็นเช่นนี้ไม่ได้ทำให้คนสบายกายนัก ตรงกันข้ามกลับทำให้คนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อยมาทำอะไรที่นี่หรือ?” ในจังหวะที่มู่หรงฉิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเย็นๆ ซึ่งโชยเอื่อยในสายลม จู่ๆ เสียงของชิงยวี่ที่ฟังดูเหมือนภูตผีก็ดังแว่วมาจากด้านหลังของนาง
การมาของชิงยวี่นั้นราวกับภูตผี มู่หรงฉิงถึงกับตะลึงพรึงเพริดยามได้เห็นชิงยวี่ขณะที่ไม่มีการป้องกันทางจิตใจ หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะทันที จากนั้นหัวใจของนางก็เต้นราวกับกลอง “ก่อนที่เ้าจะพูด เ้าช่วยส่งเสียงอะไรก่อนได้หรือไม่?”
บ่นพึมพำต่อชิงยวี่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนเท้ามือค้ำต้นไม้ใหญ่และหอบหายใจเล็กน้อย
เห็นว่ามู่หรงฉิงใกลัวอย่างง่ายดาย แต่ชิงยวี่รู้สึกว่าตนเองบริสุทธิ์และไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เ้านายเห็นว่าปี้เอ๋อร์และมู่หรงฉิงเดินไปไกล ก็คิดว่าเป็เพราะผู้หญิงสองคนรีบร้อนที่จะถ่ายหนักหรือถ่ายเบา ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่า หลังเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม ปี้เอ๋อร์กลับมาที่ต้นไม้ทว่ามู่หรงฉิงไม่ได้กลับไปเป็เวลานาน แม้ว่าเ้านายจะพูดว่า ‘ไม่ต้องไปสนใจ’ ถึงกระนั้นเขาก็รู้ว่า เ้านายเป็ห่วงฮูหยินน้อยว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จึงอาสารับหน้าที่สำคัญในการมาหาฮูหยินน้อย ปรากฏว่าเป็ไปตามคาดจริงๆ ปากของเ้านายบอกว่าไม่ต้องไปสนใจ ทว่าเ้านายก็ยังคงห่วงใยถึงความปลอดภัยของฮูหยินน้อย
เพียงแต่ชิงยวี่ไม่เข้าใจว่าด้วยสาเหตุใด เห็นๆ อยู่ว่าเ้านายวิตกกังวล แต่ทำไมถึงต้องทำหน้าบึ้งตึงด้วย? เริ่มจากเมื่อวาน เ้านายก็ทำตัวเหมือนมีคนติดหนี้เขาเป็ทองหนึ่งหมื่นเหลียงอย่างไรอย่างนั้น และท่าทีที่เ็าของเขาทำให้ชิงยวี่รู้สึกแปลกอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ถูก
เขากับปี้เอ๋อร์เดินมาจากทิศทางที่มู่หรงฉิงออกเดินทาง แต่อาจเป็เพราะหาไม่เจอเป็เวลานาน ปี้เอ๋อร์ถึงได้กระวนกระวาย ก่อนหารือกันสองคนว่าจะแยกกันหา และจะไปพบกันที่สถานที่เดิมหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งเค่อ ถ้ายังหาไม่เจอก็จะระดมคนทั้งหมดมาตามหา
ปี้เอ๋อร์ไปหาทางด้านซ้าย ฝ่ายชิงยวี่นั้นไปตามหาทางด้านขวา และหลังจากหาไม่นาน เขาก็เห็นมู่หรงฉิงโน้มตัวลงมองหาบางอย่างบนพื้นคล้ายกับแมว
“ฮูหยินน้อยกำลังมองหาอะไรอยู่หรือ?” ชิงยวี่สอบถามด้วยน้ำเสียงประจบประแจง เมื่อมู่หรงฉิงหายใจเป็ปกติแล้ว เขาก็อาสาที่จะช่วยนางค้นหาบางสิ่ง นับได้ว่าเป็การชดเชยความผิดที่ทำให้นางใกลัวในชั่วครู่ก่อน
มู่หรงฉิงพูดสิ่งที่นางบอกกับปี้เอ๋อร์ซ้ำอีกหน ครั้นเห็นใบหน้าของชิงยวี่เปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจ นางจึงอธิบายว่า “หญ้าชนิดนี้มีความสำคัญต่อข้าเป็อย่างมาก ถ้าเ้าหาเจอแล้ว ก็ไม่ต้องถอนมัน เ้าแค่บอกข้าก็เพียงพอแล้ว”
หญ้าชนิดนั้นจะมีพิษร้ายแรงทันทีที่โผล่ออกมาจากดิน หากชิงยวี่ถอนออกมา เขาจะไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน ครั้นฉุกคิดได้ มู่หรงฉิงก็ใ หลายอึดใจก่อนนางแค่สนใจที่จะมองหาหญ้าชิงโยว โดยลืมบอกปี้เอ๋อร์ว่าอย่าถอนมันออกมา
จังหวะที่คิดในใจ นางก็รีบหมุนตัวหมายกลับไป การหาหญ้าชิงโยวเป็เื่เล็กน้อยแต่ถ้าปี้เอ๋อร์พบเจอมันแล้ว กลับต้องสูญเสียชีวิตเนื่องจากมัน นั่นจะเป็ความผิดของนาง
หลังจากเดินไปสองก้าว ชิงยวี่ก็ส่งเสียง “อี๋” อยู่ด้านหลัง “ฮูหยินน้อย นี่คือสิ่งที่ตามหาหรือไม่?”
ชิงยวี่ย่อตัวนั่งอยู่ด้านข้างต้นไม้ขนาดสองคนโอบ มองดูใบไม้สีเขียวออกมาใหม่ใต้ต้นไม้ “สิ่งนี้ จะบอกว่ามันคือหญ้า แต่ก็ไม่เหมือนหญ้า จะบอกว่ามันเป็ต้นไม้ มันก็ไม่ใช่ต้นไม้ ฮูหยินน้อย นี่คือหญ้าที่ฮูหยินน้อยกำลังมองหาอยู่หรือ?”
มู่หรงฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก นางรีบหันกลับไปและวิ่งไปดูบริเวณใต้ต้นไม้ ท่าทางของนางมีความสุขอย่างยิ่ง
มีหญ้าสีเขียวใสอยู่ใต้ต้นไม้ ใกล้ๆ กับต้นไม้ใหญ่ ลักษณะใบเป็รูปทรงวงรี ใบสีเขียวมรกตบนกิ่งไม้ จะมีลายเส้นคล้ายกับเส้นเืที่เห็นได้ชัดเจนมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลายเส้นสีแดงราวกับเส้นเืบนใบสีเขียวมรกตบนกิ่งไม้ให้ความรู้สึกถึงความชั่วร้ายและน่าลุ่มหลง
“ฮูหยินน้อย สิ่งนี้ดูชั่วร้ายมาก นี่คือสิ่งที่ฮูหยินน้อยกำลังมองหาอยู่ใช่หรือไม่?” ชิงยวี่มองมู่หรงฉิงซึ่งออกอาการมีความสุขอย่างสงสัย โดยข้องใจว่าสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดที่สุดนี้คืออะไรกัน? คิดไม่ถึงว่าฮูหยินน้อยที่ดูอ่อนแอและบอบบางจะไม่หวาดกลัว แต่กลับมีความสุขมากถึงเพียงนี้
“มัน... มันคือสิ่งที่ล้ำค่า” ถอนหายใจเบาๆ เหยียดมือขาวเนียนออกแล้วดึงหญ้าออกมาเบาๆ
เมื่อรากของหญ้าชิงโยวถูกแยกออกจากพื้นดิน ใบไม้สีเขียวก็เหี่ยวเฉาทันที แม้กระทั่งลำต้นยังคล้ายต้นไม้แห้งตาย แต่เดิมใบมีขนาดเท่าฝ่ามือทั้งสองก็ย่อขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็วด้วยระดับความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ และในที่สุด ใบไม้แต่ละใบก็กลายเป็ใบไม้ที่มีขนาดเท่านิ้วมือหนึ่งนิ้วเท่านั้น
โชคดีที่หญ้าชิงโยวนี้เรียกว่าหญ้า และนับได้ว่าเป็ต้นไม้เล็กๆ ที่มีใบมากมาย หลังจากเหี่ยวแห้งไป ก็ดูเหมือนว่าจะเป็ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้
การเปลี่ยนแปลงต่อหน้าส่งผลให้ชิงยวี่ถึงกับเบิกตากว้าง เขาเคยเห็นของหายากมากมาย แต่ภายในระยะเวลาสั้นๆ มันก็เหี่ยวแห้งกลายเป็กิ่งไม้แห้ง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนจริงๆ
“ฮูหยินน้อย นี่มันคือสิ่งล้ำค่าอะไรหรือ?” ด้วยความที่อยากรู้เป็อย่างมาก ชิงยวี่อยากจะยื่นมือไปแตะมัน และเขาก็อยากจะลองดมกลิ่นหญ้าด้วย? เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเป็ยาอายุวัฒนะ?
“เ้าแตะต้องมันไม่ได้” รีบถอยออก ปลดสัมภาระออก และห่อหญ้าชิงโยวอย่างแ่าหลายต่อหลายชั้นด้วยกระดาษน้ำมันที่เตรียมไว้ในตอนเช้า กระทั่งพิจารณาแล้วว่าจะไม่มีการปล่อยพิษออกมา นางถึงใส่ห่อกระดาษน้ำมันลงไปในถุงผ้า จากนั้นบรรจุลงไปในสัมภาระอีกหนและแบกไว้บนแผ่นหลัง “ไม่ใช่ว่าข้าเสียดายมัน แต่เป็เพราะสิ่งนี้มีพิษร้ายแรงมาก ถ้าเ้าแตะต้องมันเล็กน้อย จะทำให้เ้าถึงแก่ชีวิตได้”
ชิงยวี่พูดไม่ออก ถ้าเป็เช่นนั้น ทำไมฮูหยินน้อยถึงััได้ล่ะ?
แน่นอนว่า เขาสามารถคิดในใจได้เท่านั้น คนที่อยู่ใต้บัญชาย่อมไม่สามารถแอบดูสิ่งของของเ้านายได้ ถึงแม้ว่าฮูหยินน้อยคนนี้จะไม่ใช่เ้านายโดยตรงของเขา ทว่านางก็เป็เ้านายของเ้านายของเขา คิดได้ดังนั้น ระดับตำแหน่งของฮูหยินน้อยก็นับว่าสูงมากและสูงมาก
มู่หรงฉิงรู้ว่าชิงยวี่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่นางไม่้าอธิบายเช่นเดียวกัน เวลานี้พบหญ้าชิงโยวแล้ว และการช่วยเฉินเทียนหยูก็ทำสำเร็จได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนหญ้าชิงโยวชนิดนี้จะมีผลต่อเฉินเทียนหยูหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับความประสงค์ของ์
หลับตาลงอย่างเป็สุข สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางรู้สึกว่าอากาศในป่านี่มันช่างดีจริงๆ ได้กลิ่นหอมของหญ้าสีเขียวที่เข้มข้นเจือด้วยกลิ่นดอกไม้ที่ไม่รู้จักชื่อซึ่งทำให้คนรู้สึกอารมณ์ดีเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากอารมณ์ดี จึงหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ทว่าคราวนี้กลิ่นคาวเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะหายไปจากคราวแรกกลับเริ่มได้กลิ่นชัดเจนมากขึ้น แม้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เดียว แต่กลิ่นคาวกลับฉุนจัดชัดขึ้นอย่างผิดปกติ ก่อนมู่หรงฉิงจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น นางได้ถูกชิงยวี่ดึงออกไปไกล
ทั้งที่นางรู้สึกเพียงว่า ก่อนหน้าเป็เพียงแค่สายลมพัด ทว่ามันกลับรุนแรงมากจนยากที่จะลืมตา เมื่อหันศีรษะ เป็ต้องตกตะลึงเพราะพวกเขากำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผาแล้ว
่ก่อนหน้านางมองหาแค่หญ้าชิงโยว มิหนำซ้ำแถวนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากโดยไม่รู้ว่าที่นี่คือหน้าผา และข้างหน้าของพวกเขาก็เป็งูหลามั์ที่คล้ายกับัในตำนาน มันแลบลิ้นสีแดงเข้ม จ้องมองคนทั้งสองด้วยดวงตาดุร้ายคล้ายกับโคมไฟ
ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อเสริมกำลังและยับยั้งซึ่งกันและกัน ที่ใดมียาพิษ ที่นั่นย่อมต้องมียาถอนพิษ ที่ใดมีของวิเศษ ที่นั่นย่อมต้องมีสิ่งที่ปกป้องไว้อยู่ เมื่อนางเห็นงูหลามั์อยู่ด้านหน้า มู่หรงฉิงเพิ่งจะตระหนักได้ว่า นางพลาดขั้นตอนที่สำคัญที่สุด นั่นคือสัตว์ประหลาดปกป้องยา
“ฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อยจะะโลงไป? หรืออยากจะโดนมันกลืนกิน?”
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด ชิงยวี่หันศีรษะไปเอ่ยถามมู่หรงฉิงด้วยท่าทางจริงจัง มู่หรงฉิงไม่ได้ตอบสนองต่อคำถามของชิงยวี่อยู่ชั่วขณะ นางเหลือบมองใต้หน้าผาโดยสัญชาตญาณซึ่งแทบไม่เห็นจุดสิ้นสุด และนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าด้านล่างหุบเขานั้นคืออะไร? หรือจะเป็แม่น้ำ?
เมื่อมองลงไป นางถึงกับรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และรีบถอนสายตา ก่อนที่จะพูดกับชิงยวี่อย่างจริงจัง “ข้าคิดว่า ข้า้ากลับไปที่จวนเฉินด้วยวิธีปกติ”
การสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองมีแต่ความเ็า ขณะที่งูหลามั์ซึ่งอยู่ด้านหน้าพวกเขาก็มีั์ตาสีแดงก่ำ และทันใดนั้นเทพัก็เหวี่ยงหางใส่พวกเขาทั้งสองโดยไม่ส่งสัญญาณใด
“ฮูหยินน้อยล่วงเกินแล้ว” ทันทีที่คำพูดของชิงยวี่สิ้นสุดลง เขาได้ยกแขนซ้ายไปโอบเอวของมู่หรงฉิง ะโทวนกระแสข้ามหางของงูหลามั์ และอาศัยวิชาตัวเบาใช้แรงจากการเก็บหางของงูหลามั์ เหาะเข้าไปยังทิศทางในป่า
วิชาตัวเบาของชิงยวี่ทำให้มู่หรงฉิงถึงกับอ้าปากค้าง นางคิดในใจว่า นางจะต้องใช้เวลานานเท่าไร ถึงจะสามารถฝึกวิชาตัวเบาราวกับเหยียบหิมะโดยไม่ปรากฏร่องรอย?
“ฮูหยินน้อย การฟุ้งซ่านเป็สิ่งที่อันตรายมากในเวลานี้” หลังจากะโขึ้นๆ ลงๆ ก็ไม่ได้สลัดงูหลามออกไป ชิงยวี่ทำได้เพียงใช้ต้นไม้ในป่าจำนวนมากเพื่อหยุดงูหลามชั่วคราว
ในตอนแรก เขาคิดว่ามู่หรงฉิงก็น่าจะให้ความร่วมมือด้วย แต่ไม่นึกไม่ฝันว่า ฮูหยินคนนี้กลับก้มศีรษะลงด้วยท่าทางเหม่อลอย การเหม่อลอยได้ใน่เวลาคับขันเกรงว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถทำได้
“เฮอะ เ้าจะสามารถยืนหยัดได้นานแค่ไหน?” เมื่อถูกชิงยวี่ตักเตือน มู่หรงฉิงก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของนางแปลกเกินไป ด้วยสถานการณ์อันตราย นางควรจะหวั่นกลัวกึ่งตื่นตระหนกสับสนถึงจะถูก แต่ทำไมนางถึงแค่ตื่นตระหนกเล็กน้อยแล้วก็เหม่อลอย?
หรืออาจเป็เพราะทักษะการต่อสู้ของชิงยวี่อยู่ในระดับสูง? นั่นเป็เหตุผลที่นางรู้สึกสงบใจ?
“ถ้าพวกเรายังคงวนเป็วงกลม ป่าจะถูกปรับระดับให้ราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ถึงเวลานั้นพวกเราจะกลายเป็ปลาที่อยู่บนเขียง ปล่อยให้มันบดขยี้ได้ตามใจ”
ขณะที่เขาพูด ได้ยินเสียง 'ตูม' ดังขึ้นอีกหน มู่หรงฉิงรีบหันกลับไปมอง แต่นางถึงกับหอบหายใจ งูหลามั์ตัวนั้นช่างน่าทึ่งจริงๆ เพียงกระดิกหางต้นไม้ใหญ่ก็ล้มลงทันใด
มองไปทางด้านซ้ายและมองไปทางด้านขวา แม้ว่าจะมีต้นไม้จำนวนมากอยู่ข้างหน้า แต่ถ้าถูกงูหลามกวาดจนเรียบเตียนต่อไป ในไม่ช้าก็เร็ว พวกนางจะกลายเป็เป้าหมายของปลายหางใหญ่ั์ นอกจากนั้นชิงยวี่หอบหิ้วตัวของนางไปด้วย การเคลื่อนไหวย่อมถูกสกัดกั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็สาเหตุให้ต้องใช้กำลังภายในอย่างสิ้นเปลือง ซึ่งมันจะหมดในเวลาอีกไม่นาน และถึงเวลานั้นคงไม่ต้องดิ้นรนแล้ว แค่รอป้อนอาหารให้งูหลามโดยตรง
จะจัดการงูหลามั์ตัวนี้ให้ได้เร็วที่สุดได้อย่างไร? ทิศทางที่ชิงยวี่กำลังหลบหนีนั้นเป็ทิศทางที่ออกห่างจากผู้คน วิธีการของเขาง่ายมาก หากพิจารณาจากพลังทำลายล้างของงูหลามั์ตัวนี้ แม้ว่าเขาจะวิ่งไปที่ต้นไม้ ถึงกระนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้ มันมีแต่จะทำให้ผู้อื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้น
วันนี้มาเก็บผลไม้ ย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าจะเจอเ้าถิ่นตัวใหญ่ จึงพาคนมาแค่ห้าคนเท่านั้น นอกจากนั้นคนดูแลต้นไม้ยังบอกอีกว่า สัตว์ในูเาส่วนใหญ่จะเป็หมูป่า พวกเสือและพวกหมาป่า และรอบๆ ก็มีกับดักอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ เป็เื่ยากที่สัตว์เ่าั้เข้าไปในวงกลม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้นำธนูหน้าไม้เ่าั้มาด้วย
หากล่องูหลามั์ไปที่ต้นไม้ ไม่เพียงแต่จะไม่รอดชีวิต แต่ยังทำให้คนเ่าั้ต้องตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต
คิดได้ดังนั้น ชิงยวี่ลอบคำนวณระยะทางในใจ เนื่องจากมีกับดักอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ บางทีอาจจะสามารถลองล่องูหลามั์ไปที่กับดักก็ได้ ทว่า กับดักอยู่ที่ไหนหรือ?
-----------------------------
[1] ่เวลาซื่อฉือ แปลว่า เวลาซื่อ หมายถึง ่เวลา 09:00-11:00 น.