เล่มที่ 4 บทที่ 99
มู่หรงฉิงเห็นคนที่อยู่ในความมืดปรากฏตัวในท้ายที่สุด
“ภาพนี้ เผาไม่ได้”
เสียงแหบแห้งทำให้ผู้คนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกเศร้าใจ มือสั่นเทาจับม้วนกระดาษภาพวาด และนางก็ไม่สามารถใช้แรงพยายามต่อไปได้แล้ว
ในจังหวะที่มู่หรงฉิงสบกับดวงตาอันเศร้าสร้อยของหลิงชิงป๋อ นางไม่แปลกใจ ไม่สับสน นางแค่ลดสายตาลงมองม้วนกระดาษภาพวาดที่ยังไม่โดนไฟเผาทำลาย
บนม้วนกระดาษภาพวาดนั้น หลิงชิงป๋อถือขลุ่ยหยกไว้ในมือ และท่านแม่นั่งอยู่ด้านหน้ากู่ฉิน ด้านข้างมีดอกท้อบานสะพรั่งสวยงามหนึ่งช่อ ด้านหน้าทั้งสองคน มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งกำลังรำดาบในมือ หน้าตาของนางดูฉลาดมีไหวพริบ ยิ่งฉายชัดถึงความเข้ากันได้ดีและความรักกันดีของท่านแม่และหลิงชิงป๋อ
“ในปีนั้นทีู่เาหนานซานในป่าท้อ นางบรรเลงกู่ฉิน ข้าเป่าขลุ่ย ชิงเอ๋อร์ร่ายรำดาบ นั่นเป็ความทรงจำที่สวยงามที่สุดในชีวิตของข้า คนที่ข้ารักและคนที่รักข้า ต่างก็อยู่เคียงข้างข้า ความรักที่มีต่อคนในครอบครัว ความรักที่มีต่อคนรัก ข้าไม่สูญเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง”
หยิบม้วนกระดาษภาพวาดออกจากมือของคนตรงหน้า มือของหลิงชิงป๋อสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุมได้ “ข้าเคยคิดว่า นั่นเป็ภาพลวงตาอันสวยงามที่นางสร้างขึ้น แต่ภาพวาดนี้เต็มไปด้วยจิติญญา ซึ่งบ่งชี้ถึงความรู้สึกในใจของนาง ในเมื่อเป็เช่นนั้น ทำไมนางถึงทรยศข้า ทำไมนางถึงทำร้ายชิงเอ๋อร์? นอกจากนี้ ทำไมนางถึงทิ้งข้า หรือความรักที่ข้าและชิงเอ๋อร์มอบให้กับนางนั้นไม่เท่ากับที่มู่หรงอั้นมอบให้นางกระนั้นหรือ?”
คำพูดของหลิงชิงป๋อเป็สาเหตุให้มู่หรงฉิงนึกถึงความปรารถนาอันยาวนานในจดหมายของท่านแม่ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ยกชายกระโปรงขึ้นและคุกเข่าลงตรงหน้าหลิงชิงป๋ออย่างมีมารยาท จากนั้นทำการคำนับอย่างเป็ทางการ “ฉิงเอ๋อร์ขอ... ขออาจารย์องค์ชายรัชทายาทได้โปรดอย่าพูดถึงท่านแม่ว่าทรยศอีกต่อไปเลย สิ่งที่ท่านแม่ทำในตอนแรก ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของท่าน ถ้าเปลี่ยนเป็อาจารย์องค์ชายรัชทายาทถูกสับเปลี่ยนความทรงจำ ย่อมทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจเช่นเดียวกัน”
ความทรงจำถูกสับเปลี่ยนหรือ? ดวงตาเศร้าโศกของหลิงชิงป๋อแปรเปลี่ยนเป็เย็นะเืทันทีทันใด “หมายความว่าอย่างไร?”
ความเย็นะเือย่างกะทันหันของหลิงชิงป๋อทำให้มู่หรงฉิงต้องโขกศีรษะสามหนและหยิบอวี้หวนออกมา
ท่านแม่เฝ้ารอความปรารถนาโดยหวังว่าพี่ชายใหญ่จะสามารถสารภาพผิดต่อครอบครัวหลิง แต่พี่ชายใหญ่มีความผิดอะไรหรือ? และท่านแม่มีความผิดอะไรหรือ? พี่ชายใหญ่เป็ทหารในกองทัพั้แ่ยังเป็เด็กหนุ่มและต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อนางและเพื่อท่านแม่ของนาง ในขณะที่ท่านแม่ของนางแสร้งทำเป็ไม่รู้อะไรเลย ซึ่งนั่นก็เพื่อนาง ถึงกระนั้นท่านแม่ก็ลอบต่อสู้กับอนุหนิงเพื่อช่วยนางให้รอดพ้นจากอันตราย
คนที่มีความผิดคือนาง... คือนางที่ไร้เดียงสาเกินไป คือนางที่คิดว่าในโลกนี้ไม่มีคนชั่ว คือนางที่อายุน้อยและประสบการณ์น้อย นางไม่รู้จักที่จะมองความเ็ปในสายตาของท่านแม่ และความโง่เขลาของนางเป็ต้นเหตุให้ท่านแม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากเพื่อช่วยนางให้ปลอดภัย...
ท่านแม่บอกว่า ท่านแม่ขอโทษครอบครัวหลิง และยังบอกว่ารู้สึกผิดต่อครอบครัวหลิง ฉะนั้นบาปเหล่านี้ ความผิดพลาดเหล่านี้ นางจะเป็คนรับไว้เอง
โขกศีรษะอย่างหนักสามหน จากนั้นยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อให้อวี้หวนปรากฏสู่สายตาของหลิงชิงป๋อ
ในขณะที่เขาเห็นอวี้หวนชิ้นนั้น ความเย็นะเืที่แผ่ซ่านออกมาของหลิงชิงป๋อได้ละลายหายไปทันที และกลับกลายเป็ความโศกเศร้ารันทดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันหนักหน่วงเกินไป หนักหน่วงมากจนกระทั่งทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกว่าอวี้หวนขนาดเล็กเสมือนกับหินนับพันก้อนที่กดบนตัวของนาง
มือทั้งสองข้างของนางสั่นเทิ้ม ถืออวี้หวนในฝ่ามือ จากนั้นมีหยาดน้ำฝนหยดลงบนฝ่ามือของนาง
“เป็นาง... เป็นางจริงด้วยๆ... นางดื่มสุราพิษเพื่อข้า... ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าค้นหาอย่างไร ก็ค้นหาไม่เจอ ไม่ว่าข้าจะค้นหาทั่วเมืองหลวงอย่างไร ข้าก็ตามหานางไม่เจอ ไม่นึกไม่ฝันว่า คนที่ช่วยชีวิตข้าคนนั้น ก็คือนาง...”
ร้องไห้อยู่สักพักหนึ่ง หัวเราะสักพักหนึ่ง ยามมู่หรงฉิงเงยหน้าขึ้น นางจึงเห็นหลิงชิงป๋อหยิบอวี้หวนอย่างมิอาจควบคุมตนเองได้ทั้งที่ยังหัวเราะทั้งน้ำตา อารมณ์โศกเศร้ารันทดระคนรู้สึกผิดแผ่ซ่านท่วมท้นทั้งท้องฟ้าและผืนดินจนแทบจะกลืนนางเข้าไป
หลิงชิงป๋อจมอยู่ในความเ็ปของตัวเอง เขาร้องไห้อย่างขมขื่น บางเวลาเขาก็หัวเราะ ฉากเช่นนั้นในกลางป่ายามดึกดื่นส่งผลให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกหวั่นกลัว
หลังจากร้องไห้มากเพียงพอและหัวเราะมากเพียงพอแล้ว หลิงชิงป๋อจึงมองมู่หรงฉิงด้วยสายตาว่างเปล่า “เหตุใดนางถึงได้โหดร้ายเช่นนั้น? เห็นๆ อยู่ว่านางอยู่ตรงหน้าข้า นางดื่มสุราพิษหนึ่งจอกต่อหน้าข้า แต่สุดท้าย นางก็จากไปโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด...”
“คำพูดสุดท้ายของท่านแม่ ในชีวิตนี้ข้าละอายใจต่อครอบครัวหลิงและละอายใจต่อชิงชิง ถ้าฉิงเอ๋อร์เดาไม่ผิด 'ชิงชิง' จากปากของท่านแม่จะต้องเป็ฮูหยินหลิง” ครั้นเห็นความเ็ปในดวงตาของหลิงชิงป๋อเพิ่มพูนมากขึ้น มู่หรงฉิงจึงกล่าวอีกว่า “ฉิงเอ๋อร์โง่เขลาเบาปัญญา ที่อาศัยอยู่เป็เวลานานกว่าสิบปีภายใต้การคุ้มครองของท่านแม่โดยเปล่าประโยชน์ จวบจนถึงเวลานี้ฉิงเอ๋อร์ถึงได้รู้ว่า ใน่เวลาสิบปีที่ผ่านมา ท่านแม่เ็ปมากแค่ไหน แม้บังเอิญเจอกับหมอเทวดาและฟื้นความทรงจำกลับมาได้ แต่ยังคงต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้ต่อไป เพื่อที่จะปกป้องคนที่ท่านแม่รัก ท่านแม่จะต้องอดทนอดกลั้นกับความเ็ปเหลือทน...”
“ใช่ สิ่งที่นางต้องแบกรับไม่ใช่สิ่งที่คนปกติสามารถทนได้...” ราวกับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของหลิงชิงป๋อยิ่งเ็ปมากขึ้นเรื่อยๆ จวบจวนผ่านไปเป็เวลานาน เขาถึงได้ช่วยประคองมู่หรงฉิงให้ลุกขึ้นยืน “แท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นหรือ? เ้าจงบอกข้าโดยละเอียดถี่ถ้วน”
“สิ่งที่ฉิงเอ๋อร์รู้นั้นไม่มากนัก ฉิงเอ๋อร์รู้แค่ว่าใน่เวลานั้น ท่านแม่รักท่านแต่สุดท้ายต้องตกหลุมพรางกับดักของมู่หรงอั้น จึงถูกเปลี่ยนความทรงจำ และหลังจากความทรงจำเปลี่ยนไป ท่านแม่ถึงแต่งงานกับมู่หรงอั้นโดยไม่สนใจสิ่งใด ส่วนมู่หรงอั้น้าใช้ประโยชน์จากท่านแม่ทำอะไรนั้น? ฉิงเอ๋อร์ไม่รู้ ฉิงเอ๋อร์รู้แค่ว่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านแม่ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อปกป้องคนที่ท่านแม่รักจากอันตราย” ทุกครั้งที่นางพูดถึงชื่อ 'มู่หรงอั้น' ความเกลียดชังในใจของนางจะทบทวีลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่ามู่หรงอั้นจะไม่สนใจและเ็าต่อนางและท่านแม่เป็อย่างมาก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็ท่านพ่อของนาง
แต่ท่านพ่อที่ดีคนนั้น้าจะฆ่านาง ้าฆ่าพี่ชายใหญ่ของนาง ที่มากไปกว่านั้นเขายังเป็ฆาตกรที่ฆ่าท่านแม่โดยตรง ท่านพ่อเช่นนั้น นางรับไม่ได้และมากไปกว่านั้น นางไม่อาจรับได้
หลิงชิงป๋อได้ยินน้ำเสียงยามพูดคำว่า ‘มู่หรงอั้น’ ของมู่หรงฉิงก็เกิดความแปลกใจเป็อย่างมาก หลังจากสอบถาม เขาถึงได้รับรู้ความชั่วร้ายต่างๆ ของมู่หรงอั้น
เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แต่ปรากฏว่ามู่หรงอั้นกลับ้าฆ่าลูกสองคนของเขา การกระทำเช่นนี้ ์ไม่อาจยอมรับได้
“ยาพิษของแม่ของเ้า ไม่ใช่ยาพิษของมู่หรงอั้น และยาพิษที่แม่ของเ้าดื่มจอกนั้นคือกุญแจสำคัญ” หลังจากที่มู่หรงฉิงพูดจบ หลิงชิงป๋อจึงถอนหายใจอย่างหนัก “บางทีนางอาจพยายามหลอกล่อมู่หรงอั้นและหนิงเชียนหรง นางถึงได้ให้ความร่วมมือด้วยการดื่มยาที่หนิงเชียนหรงใส่ แม้ว่าหนิงเชียนหรงจะไม่ได้วางยาพิษกับนาง แต่วิธีการตายของนางก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะสุราพิษที่นางดื่มแทนข้าจอกนั้นสามารถปลิดชีวิตของนางได้เช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยาพิษที่หนิงเชียนหรงมอบให้กับแม่ของเ้านั้น ร่นเวลาเสียชีวิตของแม่ของเ้าได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น”
คำบอกเล่าของหลิงชิงป๋อส่งผลให้มู่หรงฉิงประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนข้องเกี่ยวกับเขาจริงๆ กระนั้นหรือ?
“เ้าอย่าถามถึงเื่นั้นอีกเลย พูดง่ายๆ คือ ข้าเป็หนี้แม่ของเ้า และนางก็เป็ผู้หญิงที่น่าเวทนาคนหนึ่งที่ต้องมาลำบากเพราะข้า...” แม้รู้ว่ามู่หรงฉิงมีข้อสงสัย ทว่าหลิงชิงป๋อไม่้าพูดถึงเื่น่าเศร้าในอดีต เขาจึงดึงมู่หรงฉิงไปนั่งลงบนพื้นพลางสังเกตมองนางอย่างละเอียดถี่ถ้วน “เ้าและชิงหย่าเหมือนกันทุกประการ เมื่อข้าได้เห็นเ้าในวันนั้น ข้าคิดว่านางกลับมาแล้วเสียอีก มันเป็ความผิดของข้า ข้ารู้สึกขุ่นเคืองในใจ ั้แ่นางแต่งงานกับมู่หรงอั้น ข้าก็ไม่เคยถามถึงข่าวคราวของนางอีกเลย ถ้าข้าใส่ใจมากกว่านี้ เ้าคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
หลังจากนั้นเขาจึงยกมือขึ้นหมายจะลูบรอยฟกช้ำที่ลำคอของนาง สีฟ้าอมม่วงแทงทะลุเข้าสู่ดวงตาและหัวใจของเขาอย่างลึกล้ำด้วยความเ็ป
แต่ไม่คาดคิดว่า มือของเขาจะถูกดาบขวางไว้เสียก่อน และตามมาด้วยเสียงของจ้าวจื่อซินซึ่งมีแต่ความเ็าเช่นเดียวกัน “แม้จะเป็ผู้าุโแต่ควรจดจำไว้ว่า หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน”
ก่อนเขาจะดึงมู่หรงฉิงลุกขึ้น และให้นางนั่งลงบนกล่องที่ปิดไว้
มู่หรงฉิงพูดไม่ออก แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผล หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่ไม่เคยเห็นเขาจะเข้าใจกฎธรรมเนียมทั้งหลาย
สำหรับความหยาบคายของจ้าวจื่อซิน หลิงชิงป๋อไม่มีแก่ใจที่จะไปสนใจ เขาเดินไปใกล้กองไฟและมองกองขี้เถ้า “ชิงเอ๋อร์ขุ่นเคืองต่อท่านแม่ของเ้าอย่างสุดซึ้ง เ้าเดาไม่ผิด ‘ชิงชิง’ คนที่แม่ของเ้าพูดถึงนั้นคือ ชิงเอ๋อร์ นางเป็น้องสาวร่วมบิดามารดากับข้า”
หลิงชิงป๋อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน และพูดถึงความทรงจำที่ทำให้เขาเ็ปใน่เวลานั้น
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่เดิมเป็องค์ชายรองซึ่งเป็โอรสคนที่สอง ทั้งสติปัญญาและความเก่งกาจในการปกครองแคว้นไม่แพ้องค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ก่อน แต่ความน่าดึงดูดใจของเก้าอี้ัมีมากเกินไป องค์ชายรองที่ค่อยๆ หลงใหลในอำนาจ จึงวางแผนการทั้งหมดเพื่อแย่งชิงการเป็รัชทายาทโดยไม่สนใจสิ่งใด
แต่คงเป็ความประสงค์ของ์ด้วย ใน่เวลานั้นพลานามัยของฮ่องเต้องค์ก่อนค่อยๆ แย่ลงทุกวันเนื่องจากการทรงงานหนัก ดังนั้นองค์ชายรองจึงวางแผนที่จะเปลี่ยนราชโองการก่อนฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์โดยบังคับให้สละบัลลังก์เพื่อที่ตนจะได้ขึ้นครองบัลลังก์เสียแทน
ทุกอย่างอยู่ในแผนการ สำหรับการต่อสู้เพื่อบัลลังก์ แผนการขององค์ชายรองถูกวางไว้อย่างแเีมาก และแม้กระทั่งองค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ก่อนที่มักจะระแวดระวังอยู่เสมอยังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายซึ่งไม่รู้แน่ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และสิ่งที่องค์ชายรองไม่คาดคิดคือ ครั้นการบังคับให้สละจากตำแหน่งสำเร็จลุล่วง กลับพบว่าตราประทับหยกประจำแผ่นดินของแคว้นหายไป
การค้นพบดังกล่าวส่งผลให้องค์ชายรองโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก ไม่พบตราประทับหยกแผ่นดิน มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น นั่นคืออดีตองค์ชายรัชทายาทนำตราประทับหยกออกจากวังหลวง และ้าให้การขึ้นครองบัลลังก์ที่ไม่ถูกต้องขององค์ชายรองในเวลานั้นถูกผู้คนปฏิเสธ
องค์ชายรองผู้ซึ่งมักจะสงบนิ่งอยู่เสมอจึงพิโรธอย่างมาก และความพิโรธนั้นถึงกับโจมตีเข้าที่หัวใจ เขาจึงสอบถามที่ปรึกษาของเขาว่า พอจะมีวิธีแก้สถานการณ์ในปัจจุบันอย่างไร? หากไม่เห็นตราประทับหยกของแผ่นดินในพิธีบรมาาภิเษก ฮ่องเต้ผู้นี้ย่อมมีชื่อเสียงไม่ดี เกรงว่าเป็เื่ยากที่จะทำให้ขุนนางยอมรับและเชื่อฟัง
อาจเป็เพราะวิตกกังวลเกินไป และทุกคนก็หาวิธีการแก้ปัญหาที่ดีไม่ได้ เป็สาเหตุให้องค์ชายรองผุดความคิดที่จะฆ่า โดยหมายจะฆ่าทุกคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์คราวนั้น และแม้กระทั่งที่ปรึกษาของเขาก็ไม่ละเว้น ซึ่งหลิงชิงป๋อเป็หนึ่งในบรรดาที่ปรึกษาขององค์ชายรอง เขาเริ่มหวั่นกลัว ครั้นเห็นคนที่ทำงานร่วมกันเพื่อองค์ชายรองในอดีตตายตาไม่หลับทีละคน ด้วยความร้อนใจระคนวิตกกังวลจึงได้ทำการเสนอองค์ชายรองให้เปลี่ยนชื่อแคว้นและทำตราประทับหยกแห่งแคว้นขึ้นมาใหม่
ข้อเสนอนี้อันตรายมาก หากผู้คนเกิดความสงสัยขึ้นมา ขุนนาง้าเห็นตราประทับหยกของแคว้นให้ได้ จะแก้ไขสถานการณ์เช่นนั้นอย่างไร? ขณะที่ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ แม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดินก็กลับมาจากด้านนอกกำแพงเมืองด้วยความรีบร้อนโดยเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน เขาเป็คนที่สงสัยเกี่ยวกับราชโองการมากที่สุด หากเขา้าเห็นตราประทับหยกของแคว้นให้จงได้ เื่การบังคับให้สละราชบัลลังก์ขององค์ชายรองจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน และถึงเวลานั้นกลัวว่าจะถูกแม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดินผู้ซึ่งมีทหารจำนวนหนึ่งล้านคน เหยียบย่ำจนกลายเป็น้ำจิ้มเนื้อเป็แน่
องค์ชายรองวิตกกังวลระคนหวั่นกลัวตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งเข้าใกล้วันาาภิเษกขึ้นครองราชย์มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น และวันหนึ่งเมื่อเขาไปที่จวนหลิงชิงป๋อ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นหลิงชิงชิงและซูชิงหย่า การเห็นทั้งสองคนในขณะนั้นทำให้องค์ชายรองปรากฏความคิดในใจ
องค์ชายรองบอกหลิงชิงป๋อถึงความคิดของเขา และหลิงชิงป๋อก็ตะลึงพรึงเพริดจนพูดไม่ออกเป็เวลานาน เนื่องจากองค์ชายรอง้าใช้ซูชิงหย่าและหลิงชิงชิงสร้างความสับสนให้กับแม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดิน
ซูชิงหย่าเป็ผู้หญิงที่มีพร์และมีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้ที่รักและชื่นชมนางต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาสานสัมพันธ์ ฝ่ายหลิงชิงชิงเพิ่งมาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเป็ครั้งแรก และแทบไม่ได้เปิดเผยหน้าตาต่อหน้าผู้คน คิดได้ดังนั้นองค์ชายรองจึงใช้กลยุทธ์ยอมสูญเสียตัวหมาก
“หลิงชิงป๋อ ถึงเวลาแล้วที่เ้าจะต้องภักดีต่อเจิ้น* ตามการรายงานของสายลับ หลิงชิงม่อคนนั้นเป็พี่น้องร่วมบิดาของเ้ากับผู้หญิงด้านนอกซึ่งถือกำเนิดใน่เวลาที่พ่อของเ้าออกไปด้านนอกยามที่เขายังเป็หนุ่ม ลองเดาดูสิว่า ถ้าหลิงชิงม่อรู้ว่าภรรยาของเขาเป็น้องสาวที่แท้จริงของตัวเอง เขาจะปิดบังเื่นี้เนื่องจากกลัวว่าจะถูกผู้คนภายนอกรังเกียจหรือไม่? เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารเ่าั้ทิ้งเขาไป เ้าคิดว่าเขาจะเป็ขุนนางที่เชื่อฟังเจิ้นหรือไม่?”
(*เจิ้น เป็คำเรียกแทนตัวเองของฮ่องเต้)
คำพูดขององค์ชายรองส่งผลให้หลิงชิงป๋อโกรธจนดวงตาถึงกับจะแตกเป็เสี่ยงๆ และสิ่งที่มากไปกว่านั้น เขาเสียใจมากที่รับหลิงชิงชิงมาอาศัยอยู่ในเมืองหลวง? เพื่อปกป้องผู้หญิงทั้งสองคนที่เขารัก หลิงชิงป๋อจึงพาหลิงชิงชิงและซูชิงหย่าหลบหนีไป แต่ไม่คาดคิดว่าพวกเขากลับถูกองค์ชายรองจับได้ คืนนั้นองค์ชายรองได้พาซูชิงหย่าและหลิงชิงชิงไปที่วังหลวง ส่วนหลิงชิงป๋อถูกกุมตัวอยู่ในห้องขังใต้ดิน