ตอนที่จ้าวอี้กำลังครุ่นคิดถึงปริศนาของใบสูติบัตรและใบผลตรวจร่างกาย ฉือผิงฮุยก็เดินกระแทกเท้าเข้ามาด้วยความโมโห
“คุณดูหนังสือพิมพ์พวกนี้สิ มันกล้าพูดอะไรแบบนี้ได้ยังไง บางครั้งผมก็อิจฉาพวกคุณนะ อย่างน้อยตอนจัดการคดีก็ไม่ต้องโดนรบกวนขนาดนี้! ผมอยากจับพวกเขาให้หมดจริงๆ” ฉือผิงฮุยวางหนังสือพิมพ์อย่างแรงตรงหน้าจ้าวอี้
จ้าวอี้กวาดตามองแค่รอบเดียวก็รู้แล้วว่า ทำไมฉือผิงฮุยถึงได้โกรธขนาดนี้
หนังสือพิมพ์เหล่านี้ต่างพาดหัวเื่เดียวกัน รายงานถึงคดีการเสียชีวิตของหลี่ต้าเฮิง ในนั้นวิจารณ์ตำรวจฮ่องกงว่าไร้ความสามารถ บอกว่าจับฆาตกรได้ในที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน แต่เพราะสถานะอีกฝ่าย ทำให้เกิดความล่าช้าไม่ตัดสินว่าความผิดหรือไม่ แม้แต่พนักงานสอบปากคำก็เป็คนของเขา และอื่นๆ อีกมากมาย คำพูดใส่ร้ายป้ายสีดังกล่าวร่ายยาวเป็หางว่าว
จ้าวอี้อ่านจนเส้นเืบนหน้าผากกระตุกแทบจะตลอด แสดงให้เห็นว่าในใจไม่สงบเป็อย่างมาก
หนังสือพิมพ์พวกนี้พูดเื่จริงอยู่บ้าง แต่ก็ผสมกับความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนลงไปด้วย ซึ่งชัดเจนว่ามีแนวโน้มชักจูงไปในทางที่ผิด
จ้าวอี้วางหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะพูดอย่างปวดหัว “พวกเขาอยากพูดอะไรก็ให้พูดไปเถอะครับ ยังไงตอนนี้พวกเราก็ประกาศความจริงอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่?”
ข้อกฎหมายของฮ่องกงกำหนดไว้ว่า หนังสือพิมพ์สามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ เลยยากที่จะเอาเื่พวกเขาในแง่นี้ แม้ว่าจะทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาส เพราะถ้าทำเช่นนั้น แสดงว่าเราเป็วัวสันหลังหวะไม่ใช่หรือไง?
ปล่อยไปก่อน ท้ายที่สุดก็ใช้ความจริงมาตอกกลับสื่อ นั่นเป็วิธีที่ถูกต้องที่สุด
จ้าวอี้มั่นใจอย่างมากว่าจะตามหาฆาตกรตัวจริงที่ซ่อนอยู่เื้ัได้
แต่มันต้องใช้เวลา
และสื่อไม่ให้เวลากับเขาอย่างแน่นอน
“คุณดูที่ประตูสถานีเราสิ คุณก็น่าจะรู้นะว่าเราต้องแก้ไขปัญหานี้ก่อน คุณจะบอกว่าไม่สนใจไม่ได้หรอกนะ ผมคงต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้วล่ะ”
ฉือผิงฮุยได้ยินคำตอบของจ้าวอี้ก็หายใจเข้าออกอยู่หลายเฮือกถึงจะกดความโกรธในใจไว้ได้ แน่นอนว่าพอคุณจัดการคดีเสร็จก็ปัดก้นกลับไป ทิ้งความยุ่งเหยิงไว้ให้ผมจัดการนี่นะ? ไม่มีทาง ต้องลำบากด้วยกันสิถึงจะถูก
จ้าวอี้ไปที่หน้าต่างแล้วมองลงไปด้านล่าง เห็นนักข่าวอยู่ที่ประตูใหญ่ราวกับฉีดเืไก่1 อีกนิดเดียวไมค์ก็อุดปากเ้าหน้าที่ตำรวจได้แล้ว
ใบหน้าของเ้าหน้าที่ทุกนายที่รักษาความสงบอย่างสุดความสามารถเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ พวกเขาลงมือไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกผลักถูกดันจนถอยหลังมาเรื่อยๆ
“สื่อมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง!”
“กรุณาให้คำตอบที่สมเหตุสมผลกับพวกเราด้วย!”
แม้แต่จ้าวอี้ที่อยู่ชั้นบนก็ได้ยินเสียงะโจนแหบแห้งอย่างชัดเจน
“พวกคุณที่อยู่ที่นี่เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ สินะ? ไม่จัดการหน่อยเหรอ?”
จ้าวอี้มองเหตุการณ์ด้านล่างอย่างใ มันยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ แม้พลังของาาไร้มงกุฎ2เหล่านี้จะมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบุกเข้ามาอยู่ดีสินะ?
ฉือผิงฮุยยิ้มอย่างขมขื่น “คนพวกนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อข่าว เอาผู้บริหารระดับสูงมายกตัวอย่างแล้วกัน ปาปารัสซี่โดนสั่งให้หาว่าอาหารแต่ละมื้อของผู้บริหารระดับสูงกับคนธรรมดาต่างกันยังไง ก็เลยปลอมเป็คนทำความสะอาดแล้วหลบซ่อนอยู่ในที่พักของผู้บริหาร...ไม่ต้องพูดถึงสถานีตำรวจเล็กๆ อย่างเราเลย แม้จะเป็ถ้ำเสือบึงั3 แต่เพื่อข่าวแล้ว พวกเขาก็กล้าที่จะแหกเข้ามา”
ในใจนั้น จ้าวอี้อดยกย่องการอุทิศตนในการทำงานของคนเหล่านี้ไม่ได้ เพียงแต่การอุทิศตนของอีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็ของตนเอง นั่นไม่ใช่เื่ที่สวยงามอะไรเลย
ฉือผิงฮุยพูดต่อ “เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าว เผยความคืบหน้าของคดีสักหน่อย น่าจะปิดปากพวกเขาได้ชั่วคราว แถมอิทธิพลของหลี่ต้าเฮิงนี่มีไม่น้อยเลยจริงๆ ถ้าพวกเราเอาเนื้อหาสาระออกมาไม่ได้ ขั้นตอนการทำงานตามปกติของเราคงทำได้ยากแน่ๆ ส่วนการแถลงข่าว อะไรที่ควรพูดและอะไรที่ไม่ควรพูด คุณตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”
“ผม?”
จ้าวอี้ชี้ไปที่จมูกของตน รู้สึกประหลาดใจในการตัดสินใจของฉือผิงฮุย
“ใช่ คุณนั่นแหละ สาเหตุใหญ่ของหนังสือพิมพ์พวกนี้ก็คือผู้รับผิดชอบหลักของคดีนี้ ซึ่งก็คือการมีอยู่ของคุณ ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าไอ้เวรคนไหนมันพูดเื่นี้ออกไป เพราะงั้นคุณต้องออกโรงแล้วล่ะ”
ฉือผิงฮุยพยักหน้ายืนยัน
“แต่ถ้าพูดความคืบหน้าของคดีจริงๆ ออกไป ฆาตกรตัวจริงจะไม่ไหวตัวก่อนเหรอ? ถ้าทำแบบนั้นมันจะไม่ดีต่อความคืบหน้าของคดีพวกเรานะครับ”
ในใจจ้าวอี้ยังคงไม่เห็นด้วย พยายามโน้มน้าวฉือผิงฮุยเต็มที่
“ตอนนี้เรามีทิศทางที่ถูกต้องงั้นเหรอ? ไม่เลย ไม่มีเบาะแสที่เป็ประโยชน์จริงๆ สักอย่าง!”
ท่าทางของฉือผิงฮุยสงบมาก
คำพูดของเขาทำให้จ้าวอี้ชะงัก ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลย มือปืนที่สุสานยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาต้องรู้แน่ว่าตัวเองกำลังถูกแกะรอยตามตัวอยู่ ส่วนคนอื่นยังไม่มีอะไรผิดปกติ
“อีกทั้งคนที่พูดก็คือคุณ อะไรที่พูดได้ อะไรพูดไม่ได้ คุณก็รู้ดี เอาล่ะ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปกันเถอะ พวกเขาอาจถามถึงสถานะของโจวเหวินิด้วย ผมหวังว่าคุณจะเตรียมตัวไว้อย่างดีแล้วนะ”
ฉือผิงฮุยตัดสินใจครั้งสุดท้าย จ้าวอี้ไม่อาจปฏิเสธได้
งานของพวกเขาจำเป็ต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าอย่างไร สองวันมานี้ ภายนอกของฉือผิงฮุยไม่ได้แสดงความอึดอัดใจต่อจ้าวอี้เลย เขาให้จ้าวอี้เป็คนแถลงข่าว จ้าวอี้จึงไม่อาจปฏิเสธอะไรได้
ฉือผิงฮุยที่อยู่ตรงหน้าจ้าวอี้ใช้โทรศัพท์ของสำนักงานแจ้งคนเฝ้าประตู สิบห้านาทีต่อมา การแถลงข่าวย่อยเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของสองพี่น้องตระกูลหลี่กำลังจะเริ่มขึ้น สถานที่จัดงานอยู่บริเวณประตูทางเข้าสถานี
จ้าวอี้ไตร่ตรองปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอยู่ในใจพลางจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ จากนั้นก็เดินไปทางประตูทางเข้าสถานี
นักข่าวมากันเยอะมาก จึงต้องใช้สถานที่ที่กว้างพอ มีห้องโถงที่ใช้ประชุมอยู่ แต่นักข่าวกลุ่มนี้วุ่นวาย แถมยังไม่ได้จัดเตรียมสถานที่อะไรเลย เพื่อรองรับความเป็ระเบียบในการทำงาน การจัดงานตรงหน้าประตูจึงเป็ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด และอากาศวันนี้ยังไม่เลวอีกด้วย
เมื่อจ้าวอี้มาถึง โต๊ะแถวหนึ่งถูกจัดวางไว้แล้ว ไม่มีเก้าอี้ เงื่อนไขเรียบง่ายมาก นักข่าวเ่าั้ก็ไม่ได้ใส่ใจกันเลย
“คุณจ้าว คุณช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหม?”
“ขอโทษนะครับ ผู้ต้องสงสัยกับคุณเป็เพื่อนร่วมงานกัน คุณคิดเห็นยังไงต่อเื่นี้ครับ?”
“…”
แค่เห็นจ้าวอี้ออกมา พวกนักข่าวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทุกคนตื่นเต้นราวกับผึ้งแตกรัง จ้าวอี้เคยเจอสถานการณ์ใหญ่ๆ มาก่อน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับนักข่าว โชคดีที่เขายังสงบได้
แต่แล้วก็ถูกฉือผิงฮุยทำให้ใ เขาะโเสียงดัง “เงียบหน่อย พวกเราทำตามความ้าของเหล่านักข่าวที่เคารพ กรุณารักษาความสงบด้วย ผู้แถลงการณ์ในวันนี้ก็คือคุณจ้าว จ้าวอี้ที่มาจากแผ่นดินใหญ่! ช่วยยกมือทีละคนหาก้าถามคำถาม”
คำพูดนี้มีผลอยู่บ้าง ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านข้าง สถานการณ์ก็เป็ระเบียบยิ่งขึ้น
“ขณะนี้ คดีนี้กำลังเข้าสู่่การสืบสวนที่สำคัญ เราไม่ควรเปิดเผยความคืบหน้าของคดีออกสู่ภายนอก ส่วนบางคำถามที่เกี่ยวข้องกับความลับ ทุกท่านโปรดเข้าใจด้วยนะครับว่าผมไม่สามารถตอบคำถามเ่าั้ได้ ส่วนคำถามที่ผมตอบได้จะทำให้ทุกท่านพอใจอย่างแน่นอน ผมหวังแค่ว่าทุกท่านที่อยู่ที่นี่จะรายงานคดีนี้อย่างถูกต้องและเป็กลาง”
จ้าวอี้พูดอย่างไม่นอบน้อม เสียงผ่านไมค์ลอดเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจน
“ต่อไปนี้หากใครมีคำถามอะไร คุณสามารถยกมือได้”
นักข่าวที่อยู่ที่นี่ยกมือขึ้นอย่างพร้อมเพรียง พวกเขามีคำถามมากมายที่อยากถามอยู่เต็มอก
“ให้สุภาพสตรีก่อน คุณคนสวย เชิญครับ”
สามารถเลือกคนที่จะถามได้ ในใจคนต่างเลือกคนที่พอใจและดึงดูดสายตา
นักข่าวสาวสวยถามอย่างดีใจ “ขอถามนะคะ คุณจ้าว คุณเข้าร่วมการสืบสวนด้วยสถานะอะไรเหรอคะ? การเกิดคดีร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นในฮ่องกง ไม่ใช่ว่าตำรวจท้องที่ต้องเป็คนสืบสวนเหรอคะ? ทำไมคุณถึงเข้ามาพัวพันได้ล่ะคะ?”
“บอกได้ว่ามันมีอยู่สองปัญหาครับ ขอผมตอบละกันนะครับ คดีที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินฮ่องกงนั้น แน่นอนว่าต้องเป็ตำรวจท้องที่ที่เข้ามาสืบสวน ซึ่งจริงๆ แล้วต้องขอบคุณทุกคนสำหรับการทำงานอย่างเต็มที่ด้วย ั้แ่เกิดคดีขึ้น การทำงานล่วงเวลาจนถึงเที่ยงคืนกลายเป็เื่ปกติไปแล้ว พวกเขาทำงานกันหนักมาก ผู้บัญชาการสูงสุดของสถานีตำรวจเขตใต้ที่ยืนอยู่ด้านข้างของผมท่านนี้ พวกคุณรู้ไหม? วันนี้เขาเพิ่งได้พักผ่อนตอนตีสี่ตีห้านี้เอง”
จ้าวอี้ยกฉือผิงฮุยที่อยู่ด้านข้างเป็ตัวอย่าง ถึงอย่างไรสิ่งที่พูดก็เป็ความจริง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับผม ส่วนนี่เป็ใบรับรองของผมครับ ทุกท่านสามารถดูได้ ผมมีเงื่อนไขพื้นฐานในการเข้าร่วมสืบสวนอยู่ ผ่านการพิจารณาจากเบื้องบนแล้ว พวกเขาคิดว่าครั้งนี้เป็การบังคับใช้กฎหมายร่วมที่ดีระหว่างฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่!”
จ้าวอี้หยิบบัตรประจำตัวออกมา เปิดออกและแสดงให้นักข่าวรอบๆ ดู เสียงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพดังอยู่ในหู หลังแสดงให้ดูรอบหนึ่ง จ้าวอี้ก็เก็บกลับเข้าไป
นักข่าวสาวคนเดิมถามขึ้นอีก “ในใบรับรองของคุณ คุณเป็หัวหน้าส่วน ซึ่งพบได้น้อยมากจากอายุของคุณ เท่าที่ฉันทราบ การเลื่อนตำแหน่งที่แผ่นดินใหญ่เป็เื่ที่ยากมาก ขอถามได้ไหมคะว่าปูมหลังของคุณเป็อะไร? พ่อแม่ของคุณทำงานอะไรงั้นเหรอคะ?”
สายตาของเธอราวกับพิษร้าย ด้วยตำแหน่งที่มีพลังของเธอ ทำให้เธอมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วถามขึ้นมาอีกทันที
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวอี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ แม้ว่าเขาจะได้ััเขี้ยวอันแหลมคมของนักข่าวฮ่องกงแล้ว แต่นักข่าวสาวสวยตรงหน้านี้เฉียบแหลมอย่างคาดไม่ถึง
“อนุญาตให้ถามเพียงคนละคำถามเท่านั้นครับ ต้องขอโทษด้วย เชิญนักข่าวท่านต่อไปถามครับ นักข่าวชายคนนี้ละกัน คุณมีคำถามอะไรครับ”
จ้าวอี้หลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้
ใจเขารู้ดีว่า คำถามนี้ค่อนข้างละเมิดกฎระเบียบ จ้าวอี้ที่เคยอยู่ตำแหน่งผู้บังคับบัญชา โดยปกติแล้ว หากปลดประจำการจะต้องรับงานในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหนึ่งขั้น โดยเฉพาะเขาที่ถูกให้ออกจากทัพ เพียงแต่หัวหน้าเบื้องบนมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ขุดความเกี่ยวข้องออกมาเพื่อเขา เลยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แม้จะย้ายมาด้วยขั้นยศเดิม แต่ก็ไม่ง่ายเลย
จ้าวอี้จำได้ถึงความดีของผู้บัญชาการกองทัพ เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก
นักข่าวชายที่สวมแว่นตาชะงัก ก่อนจะเอ่ยถามทันที “คำถามที่ผมอยากถามก็คือคำถามที่ผู้หญิงคนเมื่อครู่ถามนั่นแหละครับ คุณจ้าว กรุณาอย่าเลี่ยงคำถามนี้ ผมคิดว่าคำถามนี้ไม่น่าใช่ความลับอะไรนะครับ?”
เขามองนักข่าวสาวอย่างหวานชื่น นักข่าวสาวยกนิ้วโป้งให้
จ้าวอี้ค่อนข้างหดหู่ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว นิ่งเงียบไม่อยากตอบคำถาม
“พูดสิ พูดมาสิ! เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าอะไรที่ไม่ใช่ความลับจะตอบให้หมดน่ะ? คราวนี้ทำไมไม่พูดล่ะ?”
ทันใดนั้นก็มีคนโวยวายขึ้นมา มีคนอยู่เยอะมาก เลยไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้
จ้าวอี้เงยหน้าขึ้นทันที สองมือเริ่มปลดกระดุมออก ท่าทางของเขาทำให้ผู้คนรอบด้านซุบซิบ ไม่รู้ว่าเขา้าทำอะไรกันแน่
เขาถอดเสื้อคลุม ถอดเสื้อเชิ้ตออก จ้าวอี้เปิดเผยท่อนบนอันแข็งแกร่งให้เห็น
กล้ามเนื้อของเขาชัดเจน แต่กลับเต็มไปด้วยรอยแผลเป็ต่างๆ มากมาย ที่เลวร้ายที่สุดคือรอยแผลเป็ที่สะดุดตาบนหน้าอกของเขา มันอยู่ห่างจากตำแหน่งหัวใจเพียงไม่กี่เิเเท่านั้น
คนที่อยู่ในเหตุการณ์กรีดร้องอย่างใทันที บางคนจ้องเขม็งอย่างอดไม่ได้ แน่นอนว่า เสียงรัวชัตเตอร์กลับดังขึ้นไม่น้อย
เสียงของจ้าวอี้ทุ้มต่ำ “อย่างที่ทุกท่านเห็น ผมเคยเป็ทหารนายหนึ่ง และรอยแผลเหล่านี้คือรางวัลของผม ผมเป็เด็กกำพร้าคนหนึ่ง ดังนั้นปูมหลังที่ทุกท่านพูดกันมันไม่มีอยู่หรอกครับ ผมที่ได้รับการปฏิบัติในตอนนี้ รางวัลบนตัวผมคือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด”
นักข่าวที่อยู่ด้านล่างเงียบ ฟังน้ำเสียงทุ้มต่ำของจ้าวอี้ ก่อนจะโหวกเหวกขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอถามนะครับ คุณจ้าว คุณได้รับรอยแผลบนตัวมาจากที่ไหน เท่าที่พวกเราเข้าใจ สถานการณ์บนแผ่นดินใหญ่่นี้สงบมาก แถมไม่มีการสู้รบเลยนี่ครับ?”
ทุกคนในตอนนี้ให้ความสนใจไปที่ตัวตนของจ้าวอี้ เหมือนมีแนวโน้มที่จะมองข้ามคดีไป
“ขอโทษด้วยครับ มันเกี่ยวข้องกับความลับของประเทศ ขออภัยที่ผมไม่สามารถตอบคำถามได้ พวกเรากลับมาที่เื่คดีเถอะครับ กรุณาใช้เวลาให้เป็ประโยชน์ การแถลงข่าวย่อยนี้มีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”
----------------------------------------
1 เปรียบเปรยว่า คึกคัก
2 เปรียบเปรยว่า คนที่ไม่มีฐานะอะไร แต่สามารถชักจูงคนได้
3 เปรียบเปรยว่า สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย