งานชมดอกฉยงฮวาที่หนึ่งปีมีหนึ่งครั้งก็ได้จัดขึ้นตามกำหนดการ
และเพราะว่าอากาศตลอดปีของหนานเจียงล้วนอยู่ในเขตอบอุ่นทำให้เวลาย่างเข้าเดือนสามในตอนนี้มีดอกไม้ผลิบานจำนวนมากแสงอาทิตย์สาดส่องมาสร้างความอบอุ่นให้กับผู้คนโดยทั่ว
ปีนี้งานชมดอกฉยงฮวาได้จัดขึ้นโดยฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นป่ายฮวาเชื้อพระวงศ์และอ๋อง ขุนนางผู้มียศศักดิ์สูงของทั้งสามแคว้นล้วนนั่งเรียงกันตามลำดับที่กำหนดเอาไว้
สิ่งที่ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ คือการที่ด้านหลังของสกุลเซียวมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนั่นก็คือเซียวซู่ซู่ซึ่งเป็คุณหนูเล็กแห่งสกุลเซียวผู้มีสติฟั่นเฟือนยาวนานถึงสิบห้าปี และไม่เคยเผยโฉมหน้าให้ผู้คนพบเห็นมาก่อน
กลุ่มคนของสกุลเซียวก็ถือได้ว่าใหญ่โตไม่น้อยแม้ว่างานชมดอกฉยงฮวาจะถือเป็วันสำคัญของหนุ่มสาวที่ไร้คู่ครอง แต่ว่าผู้คนจำนวนมากที่แต่งงานมีเรือนเป็ของตนเองแล้วก็มาคอยดูความครึกครื้นของงานเช่นกัน
เซียวเหยียนและเซียวจู๋เองก็ถือเป็สองคนในกลุ่มคนเ่าั้
หนึ่งคือพวกนางกลัวว่าเซียวซู่ซู่จะทำให้สกุลเซียวขายหน้าสองคือเพราะว่าไม่มียศขุนนางทำให้พวกเขาว่างงานอยู่ที่จวนการมาร่วมงานเลี้ยงหรรษากับผู้คนก็ถือว่าเป็ทางเลือกที่ไม่เลวอีกทั้งยังสามารถวางแผนอนาคตให้กับบุตรชายทั้งหลายของพวกนางอีกด้วย
ฮูหยินเฒ่าแม้จะไม่ได้อยู่รวมกลุ่มกับพวกนางแต่ว่านางก็ได้มาถึงสถานที่จัดงานชมดอกฉยงฮวาอยู่ก่อนแล้วพร้อมทั้งยังรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายอีกด้วย
องค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อพร้อมทั้งหนานกงม่อก็นั่งอยู่ที่นั่งแถวบนด้วยฐานะของพวกเขาแล้ว พวกเขามิได้มาที่นี่เพื่อร่วมแข่งขันแต่กลับมาเพื่อเลือกสาวงามสาวงามของสกุลใดถูกเลือกให้เป็ยอดบุปผา พวกเขาก็จะคิดหาทางรับตัวหญิงสาวผู้นั้นไป
มีบุตรสาวชาวบ้านมากมายกำลังเฝ้ารอโอกาสเช่นนี้
แต่วันนี้ ป๋ายหลี่ม่อนั้นกำลังรอให้สกุลเซียวขายหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะทนรอไม่ไหวแล้ว เขาชะเง้อคอมองไปด้านหน้าไม่หยุด
“องค์รัชทายาทแห่งแคว้นโยวเจิ้นสวี่เว่ยหราน เสด็จ”
เสียงโห่ร้องและบรรยากาศตื่นเต้นดีใจบังเกิดขึ้นโดยไม่สนว่าฮ่องเต้หญิงเองก็กำลังประทับอยู่ที่นั่น แน่นอนว่าเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นของสตรีนั้นมิได้รวมไปถึงสตรีของแคว้นป่ายฮวา
ข่าวลือว่ากันว่าสวี่เว่ยหรานนั้นเป็บุรุษที่อ่อนโยนทั้งยังรู้จักเอาใจคนที่สุดในแผ่นดินอีกทั้งโครงหน้าของเขายังงามสง่าดุจภาพวาด และยังมีท่าทีสุขุมอ่อนโยนต่อสตรีข้างกายทุกคนรวมไปถึงสตรีสามัญชนเขาก็ยังรู้จักเอาอกเอาใจพวกนางเสมอ
แต่เขากลับไม่ใช่คนเ้าชู้ อายุย่างเข้ายี่สิบทว่าในตำหนักตะวันออกก็มีเพียงพระชายาคนเดียวเท่านั้น
การที่เขามางานชมดอกฉยงฮวานั้นย่อมทำให้หญิงสาวทั้งหลายรู้สึกตื่นเต้นดีใจเสมือนมีดอกไม้กำลังบานสะพรั่งอยู่ในหัวใจ
บุรุษของแคว้นอ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นนั้นก็มาที่นี่เพราะตำแหน่งยอดบุปผาอย่างมิต้องสงสัย และสตรีของแคว้นป่ายฮวาก็มาเพื่อบุรุษที่ได้ตำแหน่งยอดบุปผา
เสียงโห่ร้องอย่างยินดีดังขึ้นอีกครั้งเมื่อสวี่เว่ยหรานปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์บนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น เขาก้าวไปด้านหน้าก่อนจะโค้งแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้หญิงของแคว้นป่ายฮวา “ถวายพระพรฮ่องเต้หญิง”
“รัชทายาทมิต้องมากพิธี เชิญนั่ง” ฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นป่ายฮวา ฮวาหรูเสวี่ย ใกล้จะถึงวัยกลางคนแล้ว ทว่ากลับดูแลร่างกายของตนเป็อย่างดีผิวพรรณของนางขาวเนียนไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ในสิบส่วนที่นางแสดงออกต่อผู้คนนั้นสามส่วนคือความสูงส่ง สามส่วนคือความน่าเกรงขาม อีกสามส่วนคือความองอาจและอีกหนึ่งส่วนสุดท้ายคือความอ่อนโยน
ด้านหลังของนางมีบุรุษกำนัลนั่งอยู่สิบกว่าคนทุกคนนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปแต่ก็ล้วนมีรูปโฉมงดงาม
สวี่เว่ยหรานนั้นก็ก้าวไปนั่งลงที่ตำแหน่งของตนอย่างว่าง่ายพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง รอยยิ้มสดใสยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ให้คนที่พบเห็นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ ก่อให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างดังสนั่นของสตรีจำนวนมาก
“เ้าสำนักเหลยเหลยอวี๊เฟิง มาถึงแล้ว”
จากนั้นก็เกิดเสียงร้องะโของเหล่าขุนนางหญิงดังตามมาเขามีท่วงท่าอิสระเสรีดุจสายลมที่ไม่อาจไขว่คว้า เขาเหาะเข้ามาในงานพร้อมกับชุดคลุมยาวสีม่วงโบกพลิ้วไปกับสายลมเมื่อเข้ามาถึงงาน เขาก็หยุดลงบนพื้นอย่างสง่างามที่เบื้องหน้าของฮ่องเต้หญิง
ท่าทางมิได้ดูหยิ่งยโสแต่กลับสง่างามน่านับถือ
เขานั้นเป็คนที่ชื่นชอบความครึกครื้นเพราะอย่างนั้น งานเลี้ยงประเภทนี้แน่นอนว่าจะขาดเขาไปมิได้
อีกทั้งเมื่อยามอยู่ที่สำนักเหลยเขาก็ได้สมยานามว่าเป็ปรมาจารย์นักรัก มักจะคอย “หลอกล่อให้ผีเสื้อมาห้อมล้อม”เริงร่าท่ามกลางสวนบุปผาแห่งสาวงาม และแน่นอนว่าเขาเพียงแค่เริงร่าหยอกล้อกับพวกนางมิเคยจริงจังเลยสักครั้ง
เขาเพียงแค่ชื่นชอบความรู้สึกเช่นนั้น
วันนี้เป็วันที่สาวงามจากสามแคว้นจะมารวมตัวกันทำให้เขายิ่งต้องมาร่วมงานให้เป็บุญตาเสียให้ได้
เหลยอวี๊เฟิงมาที่นี่ทุกปีทำให้ขุนนางหญิงหลายคนคุ้นชินเสียแล้ว แต่ว่าบุรุษผู้นี้ไม่มีใครกล้าเป็ปรปักษ์ด้วยทุกคนล้วนแต่มีท่าทางเคารพนอบน้อมต่อเขากระทั่งฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยก็ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับเขาเช่นกัน
เพราะไม่ว่าอย่างไรฐานะและอำนาจของสำนักเหลยก็ล้วนมิใช่สิ่งที่แคว้นแคว้นหนึ่งอย่างพวกเขาจะกล้ามีปัญหาด้วย
โดยเฉพาะการที่หนานเจียงได้แบ่งการปกครองเป็สามส่วนเดิมสถานการณ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ค่อยสงบสุขเท่าใดนักจึงล้วนแต่คิดอยากจะดึงให้สำนักเหลยมาเป็พรรคพวกสนับสนุนอยู่เื้ัพวกเขา
“มิได้พบกันนานเลย”เหลยอวี๊เฟิงยกมือขึ้นกอดฮ่องเต้หญิงพลางเอ่ยออกมาอย่างเอื่อยเชื่อยมุมปากของเขาประดับด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย
“เ้าสำนักเหลยยังดูสง่างามมิเปลี่ยนเลย”ฮวาหรูเสวี่ยนั้นหาได้รู้สึกสนใจไม่ นางยิ้มตอบเขาก่อนจะกอดเหลยอวี๊เฟิงคืนเช่นกันท่าทางประหนึ่งมิตรสหายที่ไม่ได้พบกันนานหลายปี
“ขอบพระทัยคำชมของฮ่องเต้หญิง ฮ่องเต้หญิงก็ยังคงงดงามมิเปลี่ยนเช่นกันทำให้คนที่พบเห็นอดมิได้ตกตะลึงในความงามของพระองค์เลยทีเดียว” เหลยอวี๊เฟิงในตอนนี้ไม่มีท่าทีเ็าและเคร่งเครียดเสมือนตอนที่อยู่ต่อหน้าซูฉีฉีแล้ว
ฮ่องเต้หญิงตบมือลงบนบ่าของเหลยอวี๊เฟิงเบาๆก่อนจะเชิญเขาให้ไปนั่ง้า นั่งเคียงข้างกับนาง อยู่ในตำแหน่งเสมอภาคกัน
ป๋ายหลี่ม่อและสวีเว่ยหรานล้วนเห็นเหตุการณ์นั้นกับตาของตนเองพวกเขาล้วนกำลังแอบลอบดูสถานการณ์เงียบๆ อีกทั้งยังกำลังนึกคิดถึงความสัมพันธ์ของสำนักเหลยและแคว้นป่ายฮวา
ปีก่อนๆ เชื้อพระวงศ์ของแคว้นอ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นนั้นไม่มีผู้ใดเข้าร่วมงานชมดอกฉยงฮวาปีนี้มีโอกาสมาที่นี่เห็นทีจะได้รับรู้อะไรไม่น้อยเลย
“ฮ่องเต้หญิงมีฝีมือไม่เลวจริงๆถึงขั้นสามารถมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเ้าสำนักเหลยได้” หนานกงม่อขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้นทว่าดวงตาของเขายังคงไม่ละออกจากเหลยอวี๊เฟิง
พวกเขาเองก็อยากจะพึ่งพาสำนักเหลยแต่ก็ติดตรงที่ไม่มีโอกาสเสียที ดูเหมือนว่า งานชมดอกฉยงฮวาในปีนี้จะยิ่งครึกครื้นมากขึ้นแล้ว
“ทายาทสกุลเซียวมาถึงแล้ว”
หลังจากที่บรรยากาศกลับมาเงียบสงบ ก็มีเสียงรายงานดังออกมาอีกครั้ง
สกุลเซียวแม้จะไม่ได้เป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้หญิงทว่าอำนาจของพวกเขายังคงอยู่ตำแหน่งของฮูหยินเฒ่าในราชสำนักนั้นก็ยังคงทำให้ผู้คนต้องหวั่นกลัวอยู่ถึงสามส่วนแม้ว่าจะไม่มีทายาทสืบทอด ทว่าใน่เวลาอันสั้นนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถรังแกพวกเขาได้
เพราะฉะนั้นตำแหน่งของสกุลเซียวก็ยังคงอยู่้าเช่นกัน อยู่ต่ำกว่าฮ่องเต้หญิงและองค์ชายและรัชทายาทของทั้งสองแคว้นเท่านั้น
และเพราะว่าจำนวนสมาชิกของสกุลเซียวมีมากอีกทั้งเซียวซู่ซู่ก็ได้ถูกกลืนเข้าไปในผู้คนเ่าั้จนมองนางไม่ชัดแล้ว
ป๋ายหลี่ม่อได้มองซ้ายมองขวาตลอดหลังจากที่มีเสียงรายงานดังขึ้นก่อนจะส่ายศีรษะอย่างผิดหวังเล็กน้อย จากที่เขาคิดนั้นสกุลเซียวมิได้ทำตัวเอิกเกริกจะต้องเป็เพราะกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่เป็แน่ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นไม่ผิดแน่สตรีในวันนั้นหาใช่เซียวซู่ซู่ไม่
เซียวซู่ซู่ที่ก้าวเดินพร้อมกับผู้คนก็มิได้ตั้งใจเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆแต่กลับยังคงสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม วันนี้นางสวมชุดสีม่วงอ่อน มิได้เป็ที่สะดุดตาภายในกลุ่มคนที่มากมายนี้นางยังเทียบไม่ได้แม้แต่เซียวเหยียนหรือเซียวจู๋เสียด้วยซ้ำ
ฮูหยินเฒ่าที่กำลังคุมองครักษ์ให้คุ้มครองบริเวณรอบๆก็เกิดความบีบรัดขึ้นในหัวใจ นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางที่สกุลเซียวกำลังนั่งอยู่บนใบหน้าก็ฉายแววแห่งความกังวลออกมาแวบหนึ่ง
เมื่อคิดถึงว่าเซียวซู่ซู่เพิ่งจะฟื้นได้ไม่นานนักอีกทั้งทุกคนในจวนสกุลเซียวก็ล้วนมิกล้าเอ่ยถึงเื่ที่นางสติไม่สบประกอบในอดีตอีกทว่าวันนี้กลับต้องมาแสดงความสามารถต่อหน้าผู้คนมากมาย นางกลัวเหลือเกินว่าเซียวซู่ซู่จะรับความกดดันนั้นไม่ไหว
คนในราชสำนักมากมายกำลังรอดูสกุลเซียวขายหน้ากันทั้งนั้น
มิรู้ว่าเป็เพราะใจสื่อถึงกันหรือไม่ทำให้เซียวซู่ซู่ในตอนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองฮูหยินเฒ่าเช่นกัน ดวงตาสองคู่ประสานเข้าหากันทว่าในแววตาของเซียวซู่ซู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ฮูหยินเท่ารู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
นางบอกกับตนเองว่าต้องเชื่อว่าสาวน้อยผู้นี้สามารถทำได้ทุกอย่าง
เหล่าขุนนางหญิงล้วนกำลังยุ่งกับการแจกจ่ายช่อดอกไม้ในมือของตนบุรุษและสตรีที่ขึ้นเวทีแสดงความสามารถนั้นหากมีฝ่ายใดชนะ ก็จะได้รับช่อดอกไม้ดอกหนึ่งสุดท้ายก็จะนับจำนวนของช่อดอกไม้ ผู้ใดที่มีช่อดอกไม้เยอะที่สุดจะถือว่าเป็ผู้ชนะ
นี่เป็กฎที่ตั้งขึ้นมาตลอดหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ก็ได้มีคนเริ่มทำการแสดงแล้ว การแข่งขันด่านแรก คือการแข่งขันประเภทพิณ
บนโต๊ะนั้นมีพิณโบราณที่งดงามคันหนึ่งตั้งอยู่เซียวซู่ซู่เบิกตาขึ้นมองไปทางพิณคันนั้น ทันใดนั้นก็มีภาพหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของนางภาพนั้นมีนาง มีม่อเวิ่นเฉิน มีเฝินเหวิน...
ในวินาทีนั้น สมองของนางก็สับสนเป็อย่างมาก ครั้งนั้นนางดีดพิณก็เพื่อม่อเวิ่นเฉินเพื่อที่จะช่วยชีวิตของเขา โดยที่นางยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะ แต่สิ่งที่แลกกลับมาคือเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว
ครั้งนี้นางจะทำการบรรเลงพิณเพื่อตัวเองเพื่อสกุลเซียว เพื่อฮูหยินเฒ่า และเพื่อชีวิตใหม่ของนาง...
บนเวทีก็มีเสียงพิณของผู้คนเริ่มบรรเลงออกมาแล้ว
เซียวซู่ซู่แหงนหน้าขึ้น ประสานเข้ากับแววตาที่ไม่ปรารถนาดีขององค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อทว่านางกลับยิ้มตอบกลับเขา ในรอยยิ้มนั้นก็แฝงด้วยความไม่ปรารถนาดีเช่นกันอีกทั้งยังมีความท้าทาย ความมั่นใจ ความหยิ่งทะนง และความเ็าเล็กน้อยอีกด้วย