ตามตำนานเล่าขานทางตอนเหนือของโลกเทวะ สมบัติ์ที่ยากจะพบเจอ คือ น้ำแข็งพันปี
มันเป็สมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่งอีกทั้งมีสภาวะจิตเป็ของตัวเอง! เมื่อถูกรุกรานโดยผู้ฝึกวิถีเซียนจากภายนอก ก็จะปล่อยชั้นกำแพงน้ำแข็งเย็นเยียบออกมาป้องกันตัวจากผู้รุกราน
เย่เฟิงกำลังเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือ ขนาดในโลกเทวะยังบอกว่ามันเป็เพียงเื่เล่าในตำนานเท่านั้น
เหตุใดจึงปรากฏขึ้นบนโลกนี้? ทั้งยังไม่ได้ปรากฏทางตอนเหนือสุดอีกด้วย
น้ำแข็งพันปีซึ่งแฝงพลังแห่งน้ำแข็งอย่างไม่มีสิ้นสุดเป็เวลาพันปี การดูดซับครั้งแรกสามารถเพิ่มระดับพลังลมปราณได้อย่างน้อยสิบปี หลังจากนั้นสามารถฟื้นฟูพลังฟ้าดินได้อย่างรวดเร็ว หากเย่เฟิงได้น้ำแข็งพันปีมาล่ะก็ เขาสามารถให้คนอื่นดูดซับพลังได้ด้วยเช่นกัน
ว่ากันว่า สมบัติ์ของสำนักผู้ฝึกวิถีเซียนอันโด่งดังทางตอนเหนือของโลกเทวะ เช่นสำนักเจิ้นก็มีน้ำแข็งพันปี
เพราะฉะนั้นศิษย์ระดับหัวกะทิทุกคนจึงมีระดับพลังลมปราณสิบปีั้แ่แรกเริ่ม!
ความอยุติธรรมไม่มีทั้งในโลกเทวะหรือโลกใบนี้ เห็นได้ชัดว่า บนโลกนี้ คนที่เกิดมาในตระกูลร่ำรวยหรืออยู่ในสังคมชั้นสูงย่อมมีโอกาสมากกว่าคนอื่น
ขณะที่คนอีกมากต้องเริ่มต้นั้แ่ศูนย์
หากไม่ขยันทำงานหนักก็จะอยู่ในสถานะยากจนไปตลอดชีวิต
คนอ่อนแอมักใช้ชีวิตได้ลำบากกว่า โลกทั้งสองใบจึงมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าฉงน ต่างกันตรงที่โลกเทวะมีแต่การแย่งชิงด้วยกำลัง
การใช้ชีวิตในโลกเทวะจึงค่อนข้างลำบากกว่า
“ถ้าเป็น้ำแข็งพันปีจริงก็วิเศษไปเลย...”
เย่เฟิงพลันใจสั่นด้วยความตื่นเต้น เขาต้องสำรวจที่แห่งนี้ให้ละเอียด!
แน่นอนว่าอาศัยความแข็งแกร่งในตอนนี้ ไม่เพียงพอทำลายกำแพงน้ำแข็งนั้นได้
ยิ่งกว่านั้น เส้นลมปราณของเขารับระดับพลังลมปราณได้เพียงสิบสามปี
ถึงจะมีาาปะการังอยู่ในมือก็ไม่สามารถดูดซับมันได้
มิฉะนั้น เส้นลมปราณของเขาอาจะเิออกมา
“นำกลับไปให้หว่านเอ๋อร์ดูดซับจนมีระดับพลังลมปราณถึงสิบห้าปีแล้วให้ฝึกฝนวิชาศรฝังดวงดาว
ด้วยความแข็งแกร่งของร่างชีพจรเซียน เธออาจทะลวงผ่านกำแพงน้ำแข็งนี้ได้”
ศรฝังดวงดาว เป็วิชาเซียนที่สืบทอดในสำนักสุสานดวงดาว
วิชานี้สามารถเริ่มฝึกได้เมื่อมีระดับพลังลมปราณสิบห้าปีขึ้นไป
การดูดซับพลังแห่งหมู่ดาวจะควบแน่นกลายเป็วิชาศรฝังดวงดาว
ซึ่งมีพลังทะลุทะลวงร้ายกาจมาก!
หากดูดซับพลังเป็เวลานานพอ อานุภาพของมันก็ยิ่งมาก แม้จะมีระดับพลังลมปราณสิบห้าปี
แต่ก็สามารถปลดปล่อยพลังโจมตีได้เทียบเท่าคนที่มีระดับพลังหนึ่งร้อยปี
ในโลกเทวะ เดิมทีวิชานี้ไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก
เพราะในการต่อสู้ มักไม่มีให้เวลาให้ดูดซับพลังนานขนาดนั้น
ต่อให้เป็การลอบโจมตี มันก็เป็เื่ง่ายที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามพบตัว
สิ่งสำคัญที่สุดคือหากเริ่มดูดซับพลังงานแล้วไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางการโจมตีได้
“มันจะช่วยย่นเวลาได้ครึ่งหนึ่ง
การทะลวงกำแพงน้ำแข็งก็จะไม่เป็ปัญหาอีกต่อไป”
เมื่อเย่เฟิงวางแผนเสร็จสรรพก็หันหลังกลับไปทันที
ระยะเวลาในการดูดซับพลังของศรฝังดวงดาวคือประมาณครึ่งชั่วโมงจึงสามารถดูดซับพลังแห่งหมู่ดาวได้เพียงพอเพื่อเพิ่มขอบเขตการทะลวงให้มากที่สุด
ถ้าหากไม่ให้เวลาดูดซับพลังมากพอ อานุภาพของมันก็ไม่อาจเทียบกับกระบี่พลังปราณสยบัที่อยู่ในน้ำได้เลย
เพื่อกำจัดเป้าหมายที่ไม่เคลื่อนไหว
เช่น กำแพงน้ำแข็งอันเย็นเยียบนี้
ศรฝังดวงดาวจึงเป็ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
เขาว่ายน้ำกลับชายฝั่งด้วยความว่องไวโดยไม่พบภยันตรายใดๆ
แต่กลับบังเอิญพบศพที่ก้นทะเลและปะการังต้นเล็กสองต้น
ปะการังต้นเล็กน่าจะแยกตัวจากาาปะการังนานเกินไป
จนทำให้พลังฟ้าดินที่สะสมอยู่ข้างในเหลือน้อยไปด้วย
าาปะการังและปะการังต้นเล็กมีการดำรงอยู่คู่กัน หากพวกมันแยกจากกันก็จะไม่สามารถกักเก็บพลังฟ้าดินไว้ได้
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าพลังฟ้าดินที่อยู่ในาาปะการังก็กำลังลดลงช้าๆ เช่นเดียวกับหินจิติญญาครึ่งก้อนก่อนหน้านี้
“ตอนอยู่ในโลกเทวะ เราไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสมบัติ์แปลกๆ
แบบนี้มาก่อน ดูเหมือนโลกใบนี้จะมีสมบัติ์ที่ล้ำค่าอยู่ทั่วทุกแห่งจริงๆ” เย่เฟิงคิดในใจ “รอให้เื่ราวทุกอย่างจบลง
บางทีถ้าได้เดินทางไปทั่วทุกแห่ง
คงจะเก็บพวกมันมาได้ไม่น้อยเลย”
เขาคลายเคล็ดวิชาเต่าัอุดลมปราณเมื่อขึ้นฝั่ง ก่อนใช้ทักษะล่องหนอีกครั้ง และพบว่ามีผู้ฝึกวรยุทธ์จำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในป่าใกล้ชายทะเล
ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว น่าจะเป็พวกที่มีสังกัดสำนัก
“หึหึ
พวกแกรอต่อไปเถอะ พี่ใหญ่คนนี้ไม่ไปเล่นสนุกกับพวกแกหรอก”
เย่เฟิงลอบยิ้มกับตัวเอง และเดินผ่านป่าอย่างเงียบเชียบ โดยไม่มีใครจับได้!
ชายหนุ่มเดินไปตลอดทาง ไม่นานก็ถึงหมู่บ้านที่ตนใช้พักผ่อนก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันก็ใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองโดยรอบ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย
เมื่อพบว่ามีคนจำนวนมากอยู่รอบบริเวณ
น่าสนใจ!
…………
ในเวลาเดียวกันที่อีกด้านหนึ่ง สำนักงานความมั่นคงแห่งชาตินำโดยเหลยิกำลังฝ่าท้องทะเลนรกนี้ไปแม้แต่เรือสปีดโบตประสิทธิภาพสูงของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ไม่สามารถแล่นผ่านบริเวณที่มีคลื่นรุนแรงแถบนี้ได้
แม้จะอยู่ใกล้เกาะูเาน้ำแข็งเพียงเอื้อมมือก็ตาม เนื่องจากเื่นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง
เหลยิจึงได้รับอนุมัติจากกองทัพเรือให้ใช้เรือพิฆาตรุ่นศูนย์ห้าสองเพื่อปฏิบัติการรอบนี้
แต่พวกเขาในตอนนี้ทำได้เพียงนั่งรออยู่ที่ชายฝั่ง
เหลยิขมวดคิ้ว สภาพอากาศวิปริตเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยั้แ่เขาเข้าทำงานในหน่วยนี้
อีกทั้งเขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เคราะห์ดีที่แนวชายฝั่งนี้ไม่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น
ดูเหมือนขอบเขตการขยายตัวของเกาะูเาน้ำแข็งจะหยุดลงแล้ว
ทำให้เขาโล่งใจขึ้นเล็กน้อยที่ไม่ได้สูญเสียทรัพย์สินและชีวิตคนเพิ่มขึ้น
เพราะเป้าหมายหลักของเขาก็คือ
การรับประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในประเทศ
“หัวหน้าเหลยิ รับทราบคำสั่งล่าสุดด้วย” น้ำเสียงเคร่งขรึมดังจากเครื่องรับส่งวิทยุของเหลยิ
“ไม่นานมานี้ กองทัพตรวจพบการเคลื่อนไหวของกองทัพเรือสหรัฐฯ
เป็ไปได้อย่างยิ่งว่าพวกเขาสนใจเหตุการณ์ในฝั่งเรา เราต้องเตรียมพร้อมรับมือด่วน!”
“รับทราบครับ”
สีหน้าของเหลยิพลันเข้มขึ้น
แน่นอนว่า เื่ที่เกิดขึ้นไม่สามารถหลบซ่อนสายตาของกองกำลังทหารของประเทศั์ใหญ่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกได้เลย
เกาะูเาน้ำแข็งตั้งอยู่ในเขตประเทศเขา
ฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่กล้าลุกล้ำเข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง
อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็ต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อจะได้จัดการถูก
…………
ภายในบ้านหลังหนึ่ง ณ หมู่บ้านใกล้ฝั่งทะเล
หลังจากเย่เฟิงออกไป หลงหว่านเอ๋อร์และคนอื่นๆ ก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบใจได้นัก เธอใช้ทักษะจิตหยั่งรู้กวาดมองรอบทิศ
ก่อนจะพบว่ามีคนมากมายซ่อนตัวอยู่ในป่าไม่ไกลจากเนินเขา
ตอนแรกเธอไม่สนใจ คิดว่าแค่คนบังเอิญผ่านมา
แต่แล้วเธอก็พบว่าอีกฝ่ายทำเพราะมีจุดประสงค์!
ด้วยผลของทักษะจิตหยั่งรู้ หลงหว่านเอ๋อร์จึงได้ยินเสียงสนทนาจากระยะไกล คนปลายแถวพวกนั้นพูดคำว่า
‘หน้ากาก’ ‘ผู้ชายและผู้หญิง’ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือเธอและเย่เฟิง
ทันใดนั้นหญิงสาวก็นึกถึง่เช้า ตอนที่เธอออกจากโรงแรม และบังเอิญเจอชายหนุ่มท่าทางไฮโซสวมสร้อยหยกโบราณรูปสุนัขที่คอ
เมื่อได้ยินคำว่า
‘ฆ่าชายสวมหน้ากากและโยนลงทะเล’ จากพวกปลายแถว
หลงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธขึ้นมาทันที
แค่ถูกเตะที่โรงแรม
ถึงกับต้องฆ่าแกงกันแล้วโยนลงทะเลเลยหรือ?
ต้องให้บทเรียนคนพวกนี้เสียแล้ว!
เธออยากจะพุ่งตัวออกไปเสียตอนนี้เลย แต่เพราะใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองรอบทิศทาง จึงพบว่ามีบุคคลแปลกประหลาดอีกคนปรากฏตัวไม่ไกลจากที่พักของพวกเขา! คนคนนั้นเป็ชายหนุ่มสวมเสื้อกันลมสีดำคนหนึ่ง ดูเหมือนเป็คนต่างแดนยืนอยู่คนเดียวบนเนินเขาท่ามกลางลมพัดรุนแรง
พร้อมทั้งสะพายหน้าไม้ขนาดเล็กไว้บนหลัง
ท่าทางลึกลับมาก
นั่นใครกัน?
หลงหว่านเอ๋อร์ไม่รู้และไม่กล้าเสี่ยง จึงรีบเรียกชูชูและหนานฟางเพื่อหารือทันที
“คนคนนั้นเป็
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้