หลิวเปียวอารมณ์เสีย บิดาของหลิวเปียวก็เช่นกัน จ้าวผูยิ่งอารมณ์เสียกว่าผู้ใด
แต่ิหลานอารมณ์ดีมาก ท่าทางเขาในตอนนี้จะเรียกว่าหน้าชื่นตาบานก็ไม่ผิด
งานเลี้ยงวันนี้สร้างชื่อเสียงให้ตระกูลิเป็อย่างมาก สมกับเป็ตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองนี้ เด็กหนุ่มสองคนทั้งิเยี่ยและิหยวน คนหนึ่งรูปหล่อพ่อรวย อีกคนรูปงามเฉลียวฉลาด เข้ากันได้ดี เปล่งประกายฉายแววต่อหน้าผู้คนในงานเลี้ยง เหมือนเป็การตบหน้าพวกตระกูลเก่าแก่ มุ่งมั่นเพื่อเป็หน้าเป็ตาให้ตระกูลที่พึ่งอพยพมาอย่างพวกตน ยิ่งิหลานมองเด็กทั้งสอง เขาก็ยิ่งพอใจมาก
“เยี่ยเก้อเอ๋อร์ เ้าสองคนมานี่สิ”
ิหลานเปิดม่านรถม้าเรียกิเยี่ยมาหา ทว่าิเยี่ยกลับตื่นตระหนกใ พยายามคิดทบทวนว่าตนไปก่อเื่อันใดไว้หรือไม่ หลังใคร่ครวญดีแล้วพบว่าไม่มีก็พลันเบาใจ
“หลังงานเลี้ยงเลิกเฉินฝู่จวินพูดบางอย่างกับข้า และข้าก็เข้าใจดี วันนี้พวกเ้าสองคนทำดีมาก รางวัลเข้าศึกษาที่สำนักศึกษากลางตกเป็ของเ้าเยี่ยเก้อเอ๋อร์ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ล้วนประจักษ์แก่สายตาคนทุกผู้ในงานเลี้ยง จ้าวหยวนร่างย่อมไม่อาจขัดแย้ง แต่เ้ายังเด็กนัก ปีนี้คงต้องเสนอรายชื่อคนอื่นไปก่อน รอจนกว่าเ้าจะสิบห้าถึงจะส่งเ้าเข้าศึกษาต่อที่เมืองหลวง”
“หา?” ิเยี่ยหน้าสลด “ไยถึงเป็เช่นนี้? ไม่ไปไม่ได้หรือ?”
“พูดอะไรของเ้า!” จู่ๆ ิหลานก็โมโห พึ่งจะรู้สึกว่าบุตรชายก้าวหน้าขึ้น แต่พูดกันดีๆ ได้ไม่กี่ประโยค เ้าลูกคนนี้ก็กลับคืนสู่วิถีเดิม เขาได้แต่พยายามระงับความโกรธเอาไว้ “่นี้เ้ารู้จักขยันฝึกฝนพัฒนาตนเอง ต่อไปก็อย่าได้หย่อนยาน จะต้องตั้งใจต่อไป เสมอต้นเสมอปลายคือวิถีของปัญญาชน ที่สำนักศึกษากลางมีลูกหลานจากตระกูลผู้ดีมีเงินมากมาย ฉะนั้นอย่าทำให้ตระกูลิของเราอับอายเด็ดขาด!”
ิเยี่ยห่อเหี่ยวราวกับหญ้าเฉา ผู้คนมากมายต่างปีนป่ายเพื่อคว้ามันมา แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน แล้วเหตุใดมันถึงมาตกใส่เขาเล่า? เขาพอใจกับชีวิตที่เป็อยู่ทุกวันนี้มาก ไม่คิดจะอยากไปเหยียบเมืองหลวงด้วยซ้ำ ก้มหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าทวงสัญญา “แล้วเื่เสี่ยวชุ่ยที่ตกลงกันไว้เมื่อวานเล่า ท่านพ่อ?”
“ก็ตกลงกันแล้วว่าหากเ้าทำดีข้าจะให้รางวัล ข้าย่อมทำตามสัญญา”
“พัดไม้จันทน์ที่ท่านพึ่งได้มาจากเซียวเซียงมอบให้ข้าสักสองเล่มได้หรือไม่?”
ิหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “ได้”
“ชามดินเผาสีดำจากเหอเป่ยที่ได้มาเมื่อปีก่อน…” พอเห็นว่าความโกรธของิหลานกำลังจะปะทุ ิเยี่ยก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ถึงยามที่ข้าไปเมืองหลวง ท่านค่อยมอบให้ข้าสักอันได้หรือไม่? ข้ากลัวว่าพอข้าไปเมืองหลวงแล้วไม่มีของดีๆ ติดตัวไปด้วยเลย ตระกูลเราจะขายหน้าเอาได้นะขอรับ”
ิเยี่ยขอสาวใช้ ขอพัด ขอเครื่องปั้นดินเผา จากนั้นก็ก้มๆ เงยๆ มองซ้ายมองขวา ก่อนจะจ้องผู้เป็บิดาตาปริบๆ
“เ้ายังไม่พอใจอีกหรือ? ้าสิ่งใดอีกว่ามา”
ิเยี่ยยึกยักไปมา สุดท้ายก็เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ข้าขอพาหยวนเก้อเอ๋อร์ไปด้วยได้หรือไม่?”
“ไม่ได้!”
ในที่สุดอารมณ์คุกรุ่นของิหลานก็ปะทุออกมา ิหยวนที่พยายามทำตัวแค่อากาศ สังเกตสถานการณ์อยู่ข้างๆ รีบปฏิเสธทันที
ิหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากไปเมืองหลวงเพื่อชื่นชมความเจริญรุ่งเรืองก็จริง แต่ท่านก็รู้สถานการณ์ของข้าดีมิใช่หรือ ข้าเป็ลูกชายคนโตในครอบครัวยากจน บิดามารดาทำงานหนัก น้องๆ ก็ยังเด็ก หากขาดข้าไปสักคน ผู้ใดจะช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้าน”
ทว่าอารมณ์โทสะของิหลานก็มิได้ทุเลาลง ตำหนิบุตรชายเสียงดัง “เื่นั้นข้ารู้อยู่แล้ว! ตอนนี้เ้าสองคนเป็สหายร่วมสำนัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่หลังจากนี้ไปหยวนเก้อเอ๋อร์คือลูกหลานสายแยกของตระกูลิ เป็พี่น้อง มิใช่เด็กรับใช้ของเ้า!”
“ทุกวันนี้เขาก็ตามดูแลเ้า หากยังตามเ้าไปเมืองหลวงอีก เกรงว่าชาตินี้เขาคงต้องตามดูแลเ้าไปตลอดชีวิต!”
“หยวนเก้อเอ๋อร์มีพร์ด้านวรรณกรรม เรียนรู้เร็วและเข้าใจลึกซึ้งกว่าคนอื่นๆ นับว่าเป็คนมีพื้นฐานดี หากอนาคตสมัครเข้ารับราชการผ่านระบบฉาจวี่ ไม่แน่ว่าอาจได้รับเลือก ส่วนเ้าน่ะควรตั้งใจเรียน อย่าเอาแต่เล่น! แล้วเื่ที่เ้าโกงข้อสอบ ลอกการบ้านข้าจะไม่พูดถึงอีก หากมีคราวหน้า ข้าจะเตะเ้าให้ขาหัก!”
ิเยี่ยใจนตัวสั่น รีบคุกเข่าคำนับทันที ิหยวนเห็นอย่างนั้นก็รีบทำตาม
ิหยวนไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวิหลานเท่าิเยี่ย ก้มหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “บุญคุณที่ฝู่จวินมีต่อผู้น้อยนั้นยิ่งใหญ่ ผู้น้อยจะจดจำไม่มีวันลืม ผู้น้อยและเยี่ยเก้อเอ๋อร์เป็สหายร่วมสำนักมาหลายปี แม้ฐานะระหว่างเราจะแตกต่างกันมาก ทว่าความสัมพันธ์นั้นแน่นแฟ้น ใต้หล้าเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ ไม่ว่าวันหน้าจะต้องเผชิญสิ่งใด เราทั้งสองจะดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ผิดต่อบุญคุณและความเมตตาที่ฝู่จวินมีต่อผู้น้อยแน่นอนขอรับ”
“ยังจะเรียกฝู่จวินอยู่อีกหรือ?”
ิหยวนใ นึกย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงก็พลันยิ้มแหย “คารวะท่านลุง”
“เยี่ยเก้อเอ๋อร์ หยวนเก้อเอ๋อร์ ข้าจะบอกอะไรพวกเ้าสองคนเอาไว้ หลายร้อยปีมานี้ใต้หล้าวุ่นวาย เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ผู้คนมากมายรู้หน้าไม่รู้ใจ มีเพียงคนในตระกูลเท่านั้นที่จะคอยสนับสนุนและเป็ที่พึ่งพิงที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเ้า ในเมื่อเราสกุลิเหมือนกัน เราก็คือหนึ่งเดียวกัน จากนี้ไปจะไม่มีการแบ่งแยกผู้ใดสูงกว่าผู้ใดต่ำกว่า เ้าทั้งสองเปรียบเสมือนพี่น้อง ใดๆ ในใต้หล้านี้ แม้อยู่สูงก็ตกต่ำได้ แม้ต้อยต่ำก็ปีนขึ้นสูงได้ในสักวัน ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ต้นไม้ใหญ่มีหลายกิ่งก้าน บ้างก็แข็งแรงและเต็มไปด้วยใบเขียวชอุ่ม บ้างก็แห้งเหี่ยวและผุพัง มีเพียงความไว้เนื้อเชื่อใจและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้นที่จะทำให้ไม้ต้นนี้งอกงามได้ยืนยาว เข้าใจหรือไม่?”
“ลูกเข้าใจแล้วขอรับ!”
“ิหยวนน้อมรับคำสอน!”
แม้ทั้งสองจะตอบรับพร้อมกัน ทว่าน้ำเสียงนั้นต่างกันลิบลับ ิเยี่ยเอ่ยตอบรับทั้งที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ิหยวนเข้าใจทะลุปรุโปร่งราวกับมองผ่านกระจกใส หัวใจพลันร้อนผ่าวเพราะความอบอุ่นที่เติมเต็มเข้ามา ความรู้สึกชื่นชมนับถือที่มีต่อิหลานยิ่งทวีขึ้น
ทั้งที่เขาเป็เพียงเด็กอายุสิบสอง แต่พอิหลานได้เห็นความสามารถของเขาในวันนี้ จึงลองเอาชื่อเสียงตระกูลิมาเดิมพัน หมายซื้อใจเขาเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลและิเยี่ยในอนาคต นี่เป็กลยุทธ์ตบหัวแล้วลูบหลังเพื่อทำให้เขากลายเป็พวกเดียวกัน อนาคติหยวนได้ก้าวหน้าก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็ไร ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่เห็นต้องเป็กังวล ิหลานยังใช้โอกาสนี้บอกให้เด็กทั้งสองรู้ว่าตนรู้เื่ข้อตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซื้อขายโพยข้อสอบ ก่อเื่ทุจริตในสำนักศึกษา เพื่อทำให้ิหยวนรู้สึกผิด รู้สึกว่าตนด้อยกว่าผู้อื่น จากนั้นก็ผูกมัดด้วยคำว่าวงศ์ตระกูลเดียวกัน ซื้อใจด้วยความรู้สึก ซื้อความเข้าใจด้วยเหตุผล ทำถึงขนาดนี้แล้วผู้ใดเล่าจะไม่ใจอ่อนและยอมจงรักภักดี
คำพูดเ่าั้ฟังดูจริงใจและมีเหตุมีผลมาก แม้ิหยวนจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามซื้อใจตน ทว่าเขาก็อดอบอุ่นและซาบซึ้งใจไม่ได้
หากไม่นับครั้งล่าสุดที่ถูกเรียกตัวไปพบที่จวน นี่เป็ครั้งแรกที่ิหยวนเผชิญหน้ากับประมุขตระกูลิอย่างจริงจัง ซึ่งมันยิ่งทำให้ิหยวนประทับใจในตัวคนผู้นี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายตงเลี่ยงถึงบอกว่าตนเองยังเทียบคนผู้นี้ไม่ติด
“ฝู่จวิน ไม่สิ ท่านลุง ข้ายังมีอีกเื่…” ิหยวนลังเล “วันนี้พวกเราขัดแย้งกับหลิวเปียว แล้วจะเกิดปัญหาตามมาทีหลังหรือไม่ขอรับ?”
“คงไม่มีหรอก” ิหลานยังไม่ทันตอบ ิเยี่ยก็เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะสะใจ “เ้าไม่เห็นหรือว่าวันนี้บิดาเขาโมโหเพียงใด กลับไปเขาจะต้องถูกอบรมสั่งสอนอย่างเหมาะสมแน่นอน คงไม่มีเวลามาสนใจเราแล้ว”
“คนตระกูลหลิวรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร เื่เล็กน้อยเช่นนี้ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ อีกทั้งเื่วันนี้มันเป็ความผิดของคนตระกูลนั้น ไหนเลยจะมีหน้ามาสร้างปัญหาให้ตระกูลิอีก” ิหลานยิ้มแห้ง “แต่กับหยวนเก้อเอ๋อร์นั้นไม่แน่ ฉะนั้น่นี้เ้าต้องระวังตัว จะออกไปไหนมาไหนก็พาคนติดตามไปด้วยสักสองสามคน”
ช่างเป็การคาดเดาที่แม่นยำยิ่ง หลิวเปียวไม่กล้าสร้างปัญหาให้ตระกูลิ แต่เขากล้าสร้างปัญหาให้ที่อื่น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้