ขณะเผชิญกับฝ่ามือที่ฟาดใส่หัวใจ ไป๋หยุนเฟยพลันถอยหลังครึ่งก้าวพร้อมกับกำหมัดแน่นจนเส้นเืดำเบ่งพองขึ้นก่อนจะชกหมัดออกไป!
วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดเก้าทบ!!
กระนั้นยามที่ไป๋หยุนเฟยชกหมัดที่วางแผนมาอย่างยาวนาน จางเจิ้นซานที่ตรงหน้าพลันส่งสายตาเย้ยหยัน!
ชั่วขณะที่หมัดและฝ่ามือจะกระทบกันด้วยระยะห่างเพียงน้อยนิด ฝ่ามือข้างเดียวพลันกลับกลายเป็ฝ่ามือสองข้างก่อนจะกลายเป็สี่ข้างแยกย้ายจู่โจมใส่หัวไหล่ซ้ายขวา หัวใจ และใบหน้าของไป๋หยุนเฟย
ภายใต้แววตาตื่นตะลึงของไป๋หยุนเฟย ฝ่ามือที่มุ่งเป้าจู่โจมหัวใจและกำปั้นก็ปะทะกัน ทว่าหมัดขวาไป๋หยุนเฟยกลับทะลุผ่านฝ่ามือนี้ไป --- นี่กลับเป็ภาพลวง!
ยามเผชิญกับฝ่ามือที่จู่โจมใส่ใบหน้า ไป๋หยุนเฟยไม่มีทางเลือกได้แต่เบี่ยงศีรษะไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน ฝ่ามือครึ่งข้างก็ทะลุผ่านใบหน้ามันไป --- นี่ก็เป็ภาพลวงอีกเช่นกัน!
ก่อนที่ไป๋หยุนเฟยจะทันได้ตอบสนองอันใด พลังอันหนักหน่วงสุดคาดคิดก็กระแทกใส่ไหล่ซ้ายของมัน --- มีเพียงฝ่ามือนี้เท่านั้นที่เป็ของจริง!
สิ่งที่สร้างความตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวงแก่ไป๋หยุนเฟยยามฝ่ามือนี้กระทบถูกก็คือ นอกพลังอันหนักหน่วงกระแทกเข้าใส่แล้วยังมีความเย็นะเืแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ยามที่ความเย็นนี้แทรกซึมเข้ามาไป๋หยุนเฟยถึงกับรู้สึกราวิญญาถูกผนึกแข็งด้วยความหนาวเหน็บ!
เื่ราวทั้งหมดบอกเล่าอย่างยืดยาว แต่ที่จริงกลับเกิดขึ้นและสิ้นสุดในชั่วพริบตาเดียว มือขวาไป๋หยุนเฟยยังคงยื่นค้างในท่าจู่โจม แต่ทั้งร่างมันกลับลอยละลิ่วไปด้านหลังดุจว่าวขาดป่านมองเห็นเพียงเงาร่างเลือนราง
“เฮอะ! เ้าเด็กไม่รู้จักดีชั่ว! เพียงเพราะหลักแหลมอยู่บ้างก็คิดจะวางอุบายต่อข้า? อย่าได้ประเมินตนเองสูงเกินไปนัก!” แววตาเหยียดหยามของจางเจิ้นซานฉายชัดเจนขึ้น แต่ขณะจะก้าวเท้าไล่ตามออกไปร่างก็พลันชะงักค้าง พร้อมกับสีหน้างงงันก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็เหลือเชื่อ
เนื่องเพราะไป๋หยุนเฟยที่ลอยละลิ่วออกไป ขณะจะกระทบพื้นกลับสามารถพลิกกายหยั่งเท้าลงพื้นก่อนจะย่อเข่าก้มตัวใช้มือยันพื้นเอาไว้ หลังจากไถลออกไปร่วมสองวาก็ยั้งกายไว้ได้
ยามไป๋หยุนเฟยเงยหน้าขึ้นมองจางเจิ้นซานที่ตะลึงงันอยู่ตรงหน้า มุมปากก็ปรากฏโลหิตไหลเป็ทาง เืลมมันพลุ่งพล่านจนแทบกระอักโลหิตออกมาแต่ก็ฝืนกล้ำกลืนลงไป
“ข้าคาดการณ์ผิดไป... หรือข้ายังด้อยประสบการณ์เกินไปจริงๆ? ศัตรูบรรลุด่านภูติญญาทั้งเป็ถึงผู้นำตระกูลจางที่ผ่านประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชน จะหลงกลข้าง่ายดายได้หรือ?... สุดท้ายข้ากลับหลงกลมันแทน หากมิใช่ฝ่ามือนี้ของมันเบี่ยงเข้าหาลำตัวกระแทกใส่ส่วนที่ถูกปกป้องด้วยเกราะิญญาไหมทอง ไหล่ข้าคงพิการไปแล้ว...”
“ภายใต้พลังป้องกันของเกราะิญญาไหมทองที่อัพเกรดถึง +10 ข้ายังคงาเ็สาหัส อีกทั้งที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็ความเย็นะเืนั้น หากมิใช่เพราะพลังป้องกันของเกราะิญญาไหมทองที่ช่วยให้ข้ามีเวลาโคจรพลังิญญาต่อต้านได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงถูกความเย็นแทรกซึมไปแล้ว ต่อให้ไม่ถูกแช่แข็งไปทั้งร่าง ความเร็วในการเคลื่อนไหวข้าก็ต้องเชื่องช้าลงมากมายนัก!”
“นี่หรือคือพลังของด่านภูติญญา? พลังในการควบคุมธาตุธรรมชาติ...”
ยามนี้ไป๋หยุนเฟยลุกขึ้นยืนหยัดได้แล้ว มันปาดเช็ดรอยโลหิตที่มุมปากก่อนจะนำทวนเปลวอัคคีออกมาอีกครา จากนั้นเขม้นมองจางเจิ้นซานที่เบื้องหน้า จางเจิ้นซานเหม่อมองการกระทำของไป๋หยุนเฟยด้วยสีหน้าสับสนงุนงง
“ไฉนเป็เช่นนี้ได้?! หลังจากถูกฝ่ามือข้ามันกลับาเ็เพียงเล็กน้อย! ต่อให้พลังข้าไม่สมบูรณ์พร้อม แต่ผู้บรรลุด่านวีรชนิญญาไม่สมควรจะต้านรับพลังฝ่ามือของผู้บรรลุด่านภูติญญาเช่นข้าได้อย่างปลอดโปร่งเช่นนี้!”
“จริงสิ! มันสวมใส่เกราะิญญาไหมทองของหานเซียวไว้บนร่าง! แต่เกราะนั้นเป็เพียงวัตถุิญญาชั้นมนุษย์ระดับต่ำ ไฉนมีพลังป้องกันมากมายถึงเพียงนี้? หรือเป็เพราะ... พลังิญญาข้าหลงเหลืออยู่น้อยกว่าที่คาดคิด?”
คนทั้งสองต่างมีความคิดในใจราวกับครุ่นคิดหาหนทางรับมือคู่ต่อสู้ ผ่านไปชั่วขณะสถานการณ์ก็กลับกลายเป็ชะงักงัน
ไป๋หยุนเฟยเร่งเร้าโคจรพลังิญญาเพื่อขับไล่พลังเย็นะเืออกจากร่าง ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาชำเลืองมองทวนเปลวอัคคีในมืออย่างลอบเร้นพร้อมดวงตาทอประกายวูบ
“คิดไม่ถึงว่าข้าจะสามารถชักนำคลื่นความร้อนจากทวนเปลวอัคคีเข้าสู่ร่างได้! เมื่อครู่ เพื่อขับไล่ความเย็นออกจากร่างโดยเร็วจึงกระทำไปโดยไม่รู้สึกตัว แต่ไม่คิดว่าจะกระทำได้สำเร็จ!! น่าเสียดายที่ไม่สามารถค้นพบได้ก่อนหน้านี้... ไม่เช่นนั้นย่อมสามารถใช้ประโยชน์ในการต่อสู้ครั้งนี้ได้!”
“ข้าไม่อาจรอคอยต่อไปได้แล้ว เราทั้งคู่กำลังฟื้นฟูพลัง แต่มันย่อมต้องฟื้นฟูได้เร็วกว่า! ต้องไม่ปล่อยให้มันฟื้นฟูได้เต็มที่ไม่เช่นนั้นข้าจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย!”
ถึงตรงนี้ไป๋หยุนเฟยกัดฟันกวัดแกว่งทวนเปลวอัคคี อาศัยท่าเท้าอันพิสดารแปรเปลี่ยนร่างเป็เงาพร่าเลือนพุ่งเข้าหาจางเจิ้นซานอย่างเร่งร้อน!
“มันมองออกอีกแล้ว? เห็นได้ชัดว่ามันด้อยฝีมือกว่าแต่กลับชิงลงมือก่อนทุกครา ความเข้มแข็งของจิตใจมันนับว่าไม่ธรรมดา!” เมื่อเห็นไป๋หยุนเฟยพุ่งเข้ามา ดวงตาจางเจิ้นซานก็ทอแววประหลาดใจ ก่อนจะแค่นเสียงอย่างเ็าพร้อมกับขยับกาย
เมื่อทราบว่าศัตรูเชี่ยวชาญวิชาหมัดมวย ยามนี้ไป๋หยุนเฟยจึงเฝ้าระวังการถูกประชิดตัวแต่แรก ด้วยความเร็วและความคล่องตัวเมื่อใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่น ทั้งอาศัยการกวัดแกว่งทวนมันกลับบีบจางเจิ้นซานล่าถอยได้ทุกครั้งที่พยายามจะรุกเข้าประชิด
ทวนเปลวอัคคีเป็อาวุธอันร้ายกาจทั้งยังมีผลกระทบการะเิปะทุ แต่ความร้ายกาจเกือบทั้งหมดกลับรวมศูนย์อยู่ที่ปลายทวนและจำต้องแทงถูกเป้าหมายจึงจะกระตุ้นให้เกิดะเิปะทุขึ้นได้ ั้แ่เริ่มแรกจางเจิ้นซานก็ทราบแล้วว่าทวนนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดาจึงไม่กล้าต้านรับทวนซึ่งหน้าเช่นเดียวกับที่ใช้มือปะทะหนามธารน้ำแข็งก่อนหน้า ดังนั้นแม้ไป๋หยุนเฟยจะกวัดแกว่งทวนอย่างคล่องแคล่วก็ไม่อาจทำอย่างไรกับศัตรูได้
ทั้งคู่ต่อสู้กันต่อเนื่องหลายสิบกระบวนท่า จางเจิ้นซานเนื่องเพราะกริ่งเกรงพลังของทวนเปลวอัคคีจึงไม่อาจตอบโต้ทันท่วงที แต่กลับรับมือกระบวนท่าไป๋หยุนเฟยได้อย่างปลอดโปร่ง กระนั้นไป๋หยุนเฟยยิ่งสู้ก็ยิ่งหวั่นวิตก มันทราบดีว่าศัตรูเจตนาลากถ่วงการต่อสู้ หากเป็เช่นนี้ต่อไป มันย่อมต้องสูญสิ้นพลังิญญามากมายกว่าศัตรู ซึ่งจะยิ่งทำให้เสียเปรียบลงไปทุกที
เมื่อจิตใจห่วงพะวงไป๋หยุนเฟยก็อดไม่ได้ต้องเร่งจู่โจม หลังจากจางเจิ้นซานหลบเลี่ยงทวนได้ ไป๋หยุนเฟยพลันสลับเท้าถอยครึ่งก้าวพร้อมชักทวนกลับ เส้นเืดำบนมือขวาก็ปูดขึ้นราวกับเร่งเร้าพลังในพริบตา ก่อนจะพุ่งทวนออกแทงสุดแรงด้วยความเร็วเหนือกว่าคราก่อนหลายเท่าตัว!
ทะลวงสามทบ!!
ยามเผชิญกับทวนที่พุ่งเข้าใส่หน้าท้องอย่างรวดเร็ว ดวงจางเจิ้นซานปรากฏแววตื่นเต้น แต่มันกลับไม่ตระหนกแม้แต่น้อย ชั่วขณะที่ปลายทวนจะกระทบถูกทั้งร่างพลันเคลื่อนขวางโดยไร้วี่แววล่วงหน้า หลบเลี่ยงท่าแทงนี้ได้อย่างง่ายดาย! จากนั้นจางเจิ้นซานเอนกายไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะพุ่งกายอย่างกะทันหันไปถึงเบื้องหน้าไป๋หยุนเฟยในชั่วพริบตา
ไม่งอเท้ายืดตัว ปราศจากวี่แววล่วงหน้า เพียงเคลื่อนขวางแล้วพุ่งไปเช่นนี้! แล้วร่างก็ไปปรากฏที่เป้าหมายราวกับไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย!
เคล็ดิญญาท่าร่าง ท่าเท้าธารน้ำแข็ง
ด้วยท่าเท้าที่ราวกับไถลบนพื้นน้ำแข็ง จึงไม่จำเป็ต้องขยับเอนร่างซ้ายขวาอย่างสับสนเช่นเดียวกับท่าเท้าเหยียบคลื่น แม้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเท่าท่าเท้าเหยียบคลื่น แต่กลับช่วยให้ผู้ใช้วิชาสามารถเคลื่อนไถลไปโดยไร้วี่แววอย่างกะทันหัน ยามใช้ออกร่างท่อนบนจะไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นอกจากว่าท่านจะจับจ้องสังเกตที่เท้าของมัน ไม่เช่นนั้นจะไม่อาจคาดเดาการเคลื่อนไหวอันพิสดารนี้ได้ --- แต่ใครจะเฝ้าสังเกตเท้าศัตรูยามต่อสู้ตลอดเวลาเล่า?
เมื่อการจู่โจมสุดกำลังถูกหลบได้ ก่อนที่ไป๋หยุนเฟยจะทันได้ร่ำร้องออกมา ศัตรูก็‘ไถล’มาถึงตรงหน้าแล้ว!
ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยจิตสังหาร จางเจิ้นซานยกมือขวาขึ้นฟาดฝ่ามือใส่ศีรษะไป๋หยุนเฟย!
ฝ่ามือนี้ของมันราวกับถูกห่อหุ้มด้วยชั้นน้ำแข็ง กระแสลมจากฝ่ามือแผ่กระจายออกส่งมวลอากาศเย็นกระทบถูกไป๋หยุนเฟยทำให้มันขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง --- ฝ่ามือนี้กลับน่าหวาดหวั่นกว่าฝ่ามือก่อนหน้าหลายเท่าตัวนัก!
ม่านตาไป๋หยุนเฟยขยายกว้าง ยามนี้สายเกินไปที่จะชักทวนกลับมาป้องกันแล้ว มันได้แต่กัดฟันถีบเท้าโดยแรง ร่างไป๋หยุนเฟยพลันทะยานถอยหลัง แม้จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายหากศัตรูมีท่าจู่โจมตามหลัง แต่มันจำต้องหลบเลี่ยงฝ่ามือนี้ให้ได้ก่อน! และเนื่องเพราะมันะโขึ้น ฝ่ามือนี้ที่ฟาดใส่ศีรษะจึงกลับกลายเป็ฟาดใส่ทรวงอกแทน
เมื่อทะยานถอยหลัง จึงยืดระยะห่างออกจากฝ่ามือไปอีกราวหนึ่งนิ้ว ดูเหมือนไป๋หยุนเฟยจะหลบเลี่ยงฝ่ามือนี้ได้เพียงเส้นยาแดงผ่าแปด!
กระนั้นขณะที่ฝ่ามือนี้ราวกับจู่โจมสุดล้า จางเจิ้นซานกลับเขม้นมองพลางแค่นเสียงเ็า ไหล่ขวามันสั่นระริกก่อนที่แขนขวาทั้งข้างจะบิดกระตุกอย่างพิสดาร ชั่วพริบตาแขนขวาข้างนั้นพลันยืดยาวกว่าเดิมอย่างกะทันหันอีกสองนิ้ว!
ภายใต้แววตาตื่นตระหนกของไป๋หยุนเฟย ฝ่ามือนี้ก็กระแทกใส่ทรวงอกมันอย่างถนัดถนี่!
