ฉินโจ้วหันหลังชนบริเวณหลุมกับดักสายตาจับจ้องฝูงหมาป่าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาด้วยความรวดเร็วอย่างสงบนิ่งคนที่ไม่เคยเจอหมาป่ามาก่อน ย่อมไม่มีวันเข้าใจสัญชาตญาณกระหายเือันน่าพรั่นพรึงของหมาป่าเป็แน่แม้ว่าพวกมันยังไม่ทันมาถึงตัว ลมหายใจหยาบๆ และความดุร้ายพวกนั้นก็พุ่งเข้ามาปะทะหน้าแล้วด้วยเขี้ยวที่แหลมคมกับความฉลาดที่เหนือกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป เพียงอาศัยคลื่นหมาป่ากับยุทธวิธีของพวกมันฝูงหมาป่าก็กล้าที่จะต่อกรกับสัตว์ทุกชนิดได้แล้ว
ขอเพียงมีจำนวนเพียงพอ หมาป่าจะไม่มีศัตรูตามธรรมชาติของมันเลยแต่แน่นอนว่าไม่รวมถึงมนุษย์
ลมพัดมาจากทางด้านหลัง อยู่ในทุ่งราบแบบนี้สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่สามารถใช้ให้เป็ประโยชน์ได้ก็คือลมฝนสายฟ้านอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือชัยภูมิ อยู่บนทุ่งราบแบบนี้ปกติจะสูญเสียความได้เปรียบ
เวลานี้ฉินโจ้วต้องอาศัยกำลังลม
100 เมตร
50 เมตร
30 เมตร
15 เมตร
ฉินโจ้วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสองตาหรี่แคบจนเท่ารูเข็ม สองมือสะบัดออกไปพร้อมๆ กัน สาดผงปูนขาว 14 กระป๋องที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกไปโดยอาศัยแรงลมบนทุ่งราบบังเกิดพายุฝุ่นสีขาวขึ้นหอบหนึ่งทันทีปูนขาวทั้งสิบสี่กระป๋องเยอะกว่าที่ฉินโจ้วคาดคิดไว้มากนัก แทบจะในพริบตาเดียวบริเวณพื้นที่ที่ต่ำกว่าเบื้องหน้าในระยะเกือบร้อยเมตรล้วนถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นขาวฝุ่นขาวฟุ้งกระจายออกไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว รัศมีกว้างขึ้นและกว้างขึ้นไปทุกที
กระแสลมนี้มาได้จังหวะพอเหมาะพอดี
ฝูงหมาป่าที่กำลังดาหน้ากันเข้ามาติดกับทันทีหมาป่ากลุ่มที่วิ่งนำอยู่หน้าสุดถูกผงปูนขาวเข้าที่ตา ภายใต้ความเ็ปถึงขีดสุด พวกมันจึงหยุดวิ่งอย่างกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัวฝูงหมาป่าด้านหลังจึงกระแทกเข้าใส่ฝูงหมาป่าด้านหน้าฝูงที่เคยเป็ระเบียบเรียบร้อยวุ่นวายขึ้นทันทีจากนั้นฝูงหมาป่าด้านหลังก็ถูกฝุ่นปูนขาวเข้าตาไปตามๆ กัน ด้วยความตื่นตระหนกบางตัวหยุดวิ่ง และหมาป่าบางส่วนเริ่มได้รับผลกระทบ เกิดอาการผิดปกติความสับสนอลหม่านเริ่มแผ่ขยายออกไปเป็วงกว้างอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้นมีหมาป่าบางตัวทนความเ็ปไม่ไหวเริ่มทำร้ายหมาป่าตัวอื่นๆ และไม่สนใจที่จะโจมตีฉินโจ้วอีกต่อไป
สายลมกับผงปูนขาวจำนวนหนึ่งก็สามารถขัดขวางฝูงหมาป่าด้านหนึ่งได้แล้ว
แต่ว่ายังเหลืออยู่อีกสามด้าน ฝูงหมาป่าสามด้านนี้ไม่ถูกฤทธิ์ปูนขาวโจมตีความว่องไวของพวกมันเหนือความคาดหมายของฉินโจ้วเป็ อย่างมากพวกมันรุดหน้าเข้าใกล้ตัวเขาในระยะรัศมี 10 เมตรแล้ว เวลานี้เองได้ยินเสียงวัตถุหนักๆหล่นดังตุ้บ ตามด้วยเสียงโหยหวนดังก้อง กับดักเริ่มทำหน้าที่ของมันแล้ว
ก่อนที่ฝูงหมาป่าทางด้านซ้ายและขวาจะเริ่มโจมตีฉินโจ้วรีบกระโจนเข้าไปในฝูงหมาป่าที่อยู่ตรงหน้า กริชพร้อมอยู่ในมือแล้วปลายกริชทอประกายวูบไหวเย็นะเื เขาลงมือจ้วงแทงกริชเข้าใส่ฝูงหมาป่าที่สองที่ตามองไม่เห็นแล้วทุกครั้งที่ลงมือโจมตี เป็ต้องมีหมาป่าตายลง เพียงไม่กี่อึดใจก็ฆ่าหมาป่าดุร้ายตายไปนับไม่ถ้วนทั้งรวดเร็วและแม่นยำ
ตูม...
การโจมตีไร้ซึ่งซุ่มเสียงฝูงหมาป่าทั้งด้านซ้ายด้านขวาในที่สุดก็โอบล้อมเข้ามาได้สำเร็จแต่ฉินโจ้วฉากหนีล่วงหน้าก้าวหนึ่งแต่แรก พุ่งตัวเข้าไปในฝูงหมาป่าตรงหน้าหนีจากเครื่องจักรสังหารที่เผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้ฝูงหมาป่าที่สูญเสียการมองเห็นไม่เพียงไม่อาจทำอันตรายเขาได้ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็ปราการป้องกันให้กับเขาได้เป็อย่างดีสถานการณ์เช่นนี้เป็เพราะเขาที่จงใจสร้างขึ้นกับมือนั่นเอง
เืสดๆ สาดกระจายประกายกริชส่องวูบวาบ หมาป่าดุร้ายล้มลงอย่างไร้ซุ่มเสียงไปทีละตัวๆ
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนเลเวลขึ้นหนึ่งขั้น
เลื่อนเลเวลแล้วนี่เป็เื่ที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่ว่าฉินโจ้วไม่มีเวลาสนใจระบบแจ้งเตือนด้านหนึ่งต้องหลบหลีกการโจมตีจากฝูงหมาป่าที่กำลังคลุ้มคลั่ง อีกด้านก็ต้องฆ่าหมาป่าให้ตายพร้อมกันนั้นก็ยังต้องคอยเก็บของต่างๆ ที่หล่นลงมา ยุ่งชะมัด
ราวสิบห้านาทีต่อมาเสียงหวานๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนเลเวลขึ้นหนึ่งขั้น
ฝูงหมาป่าทั้งซ้ายทั้งขวาพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งส่งเสียงคำรามก้อง เพียงแต่ไล่ตามเขาไม่ทันเสียทีถ้าไม่ใช่ถูกพวกเดียวกันคอยขวางทาง ก็ถูกฉินโจ้วชิงแซงหน้าหนีไปได้ก่อนก้าวหนึ่งจึงไม่อาจโจมตีได้อย่างซึ่งๆ หน้า
หลายนาทีต่อมาฉินโจ้วรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อมองไกลออกไป หมาป่าที่อยู่รอบด้านสะบัดหัวเร่าๆพบว่าฝุ่นปูนขาวเริ่มจางหายไปแล้ว หมายความว่านอกจากฝูงหมาป่าที่ติดกับก่อนหน้านี้เขาก็ไม่อาจจัดการกับหมาป่ากลุ่มอื่นได้อีก กับดักที่วางไว้ก็ไม่ได้ผลอีกต่อไปสถานการณ์ได้เปรียบที่เขาสร้างขึ้นกับมือวนกลับไปทางฝูงหมาป่า เพียงครู่เดียวบทของผู้ล่ากับผู้ถูกล่าก็สลับฝั่งกันเสียแล้ว
เขารู้สึกเสียใจอยู่นิดหน่อยเมื่อไม่กี่นาทีก่อนตัวเขากำลังจะถูกฝูงหมาป่าฉีกเป็ชิ้นๆแม้จะคาดไว้แต่แรกอยู่แล้วว่าผลลัพธ์ต้องเป็แบบนี้ แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ ก็อดปล่อยมือไม่ลงอยู่บ้างจะอย่างไรก็ยังเป็แค่คนธรรมดา ได้แต่เรียนรู้ไปทีหน่อย ได้เลื่อนมา 3 เลเวลต่อให้ตายและต้องหล่นลงไป 1 เลเวลก็ยังนับว่าคุ้มค่าอยู่
ผู้เล่นตายหนึ่งครั้งต้องลดลงไป 1 เลเวล แต่สมบัติต่างๆ ไม่หล่นหายไป
ที่ฉินโจ้วยังไม่เข้าใจนักก็คือขณะที่เขาถูกฝูงหมาป่ารุมล้อม ทั้งทุ่งราบสีเืกลับไม่มีผู้เล่นสักคนหากไม่ใช่หนีกันไปหมด ระบบก็คงค้างเป็แน่
ฝูงหมาป่าที่ยากจะพบเห็นได้ในรอบ 10 ปี ออกอาละวาดกวาดล้างสัตว์ชนิดอื่นๆไปจนหมด ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นธรรมดาทั่วไป แม้แต่ผู้เล่นมืออาชีพเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพหมาป่าฝูงใหญ่ขนาดนี้ก็มีแต่จะต้องวิ่งหนีป่าราบสถานเดียวดังนั้นหลังจบเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดก็คงมีมือดีเลเวล 6 ถึงสามคนตายในสถานการณ์ครั้งนี้
หากพูดถึงการเผชิญหน้ากับกองทัพหมาป่าทั้งฝูงหมาป่าที่มองไม่เห็นเป็เพียงส่วนน้อย หลังจากที่ถูกฉินโจ้วฆ่าตายไปหลายสิบตัวพวกหมาป่าาเ็ที่เหลือถูกตัวอื่นๆ ในกลุ่มปกป้องไว้นี่เป็ความแตกต่างระหว่างสัตว์จำพวกหมาป่ากับสัตว์ชนิดอื่นเื่ปกป้องสมาชิกในฝูง พวกมันทำได้ดีเยี่ยม แต่สำหรับฉินโจ้ว นี่ไม่ใช่เื่ดีแน่นอนทันใดนั้นเอง พื้นที่ที่เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ก็ถูกบีบแคบลงจนเหลือไม่ถึง 5 เมตร อีกทั้งระยะที่ว่านี้ยังกำลังหดลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ในกระเป๋าเก็บของยังมีพริกป่นอยู่อีก 2 กระป๋อง จะอย่างไรเสียฉินโจ้วก็เตรียมใจตายอยู่แล้วไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ปล่อยให้ฝูงหมาป่าได้สบายแน่แม้พริกป่นจะไม่มีฤทธิ์ทำลายมากมายนัก แค่เพียงขวางไว้สักครู่ก็ยังดี
เวลานี้มีกระแสลมอ่อนพัดมาเขายกฝ่ามือที่มีพริกป่นอยู่ขึ้นเหนือหัว กลิ่นพริกเผ็ดๆ ระลอกหนึ่งฟุ้งกระจายออกไปเต็มอากาศระยะที่กลิ่นกระจายออกไปไม่ไกลนัก แต่กลับมีประสิทธิภาพชัดเจนไม่ใช่แค่กลุ่มหมาป่าที่ได้รับผลกระทบ แม้แต่ตัวเขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วยโชคดีที่เขาหลับตาไว้ก่อนแล้ว ดวงตาจึงไม่เป็อะไร แต่กลั้นไอกลั้นจามไม่อยู่จริงๆ
ดังนั้นในฝูงหมาป่าจึงเกิดภาพน่าสนใจแบบนี้ขึ้นหมาป่าหลายสิบตัวมีน้ำหูน้ำตาไหลพรากเต็มหน้า พากันจามฟึดฟัดไม่หยุด
ฉินโจ้วก็ไม่อยู่ในสภาพที่ดีเช่นกันแม้มนุษย์จะกินพริกอยู่บ่อยๆ พอจะต้านทานพริกได้มากกว่าเมื่อเทียบกันแต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดเช่นนี้ก็ต้องน้ำหูน้ำตาไหลไอจามเหมือนๆ กันเมื่อตัวเองได้รับผลกระทบเช่นนี้จึงโจมตีไม่ถูกจุดตายของหมาป่าดุร้ายอยู่บ่อยๆพลาดไปหลายครั้ง
พร้อมๆ กับที่ฝูงหมาป่ากำลังโอบล้อมใกล้เข้ามาทุกทีแรงกดดันยิ่งมากขึ้นและมากขึ้น บนตัวของเขาเริ่มมีาแเพิ่มขึ้น พลังชีวิตลดลงอย่างรวดเร็วแต่ไม่มีเวลากินยาเติมเืชั่วขณะที่ฉินโจ้วสังหรณ์ใจว่าคงเหลือพลังชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนั่นเอง จู่ๆท้องฟ้าก็มืดลง หรือว่าฝนกำลังจะตก ฉินโจ้วเผลอเงยหน้าขึ้นมองนกอินทรีขนาดใหญ่สีดำตัวหนึ่งร่อนลงมาจากฟ้าเงาร่างแข็งแกร่งขนาดั์สร้างความตื่นตะลึงให้เขายิ่งนักนั่นมันนกอินทรีประเภทไหนกันนะ
จะงอยปากของมันเหมือนกับตะขอท่อนขาราวกับเหล็กหล่อ ร่างกายสง่างามคล่องแคล่ว ขนสีดำราวอีกาเป็ประกายยามสยายปีกมีความยาวร่วมห้าเมตร มันรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดดำทะมึนเขาเงยหน้าขึ้นั้แ่มันยังอยู่กลางฟ้าสูง และเพียงเสี้ยววินาทีเดียวมันก็มาอยู่ตรงหน้าเสียแล้วลมแรงที่พัดขึ้นปะทะหน้าจนเจ็บแสบ แถมยังกวาดไปตามพื้นดิน
เป้าหมายของนกอินทรีขนาดใหญ่ตัวนี้คือพวกหมาป่าดุร้ายกรงเล็บแหลมคมปานเหล็กของมันฉีกกระชากผิวเนื้อบนแผ่นหลังของหมาป่าเทาได้อย่างง่ายดายขย้ำเกี่ยวกระดูกสันหลังไว้อย่างแน่นเหนียว พริบตาเดียวก็จับเหยื่อได้มั่นมันส่งเสียงร้องแหลมออกมา จากนั้นทะยานขึ้นฟ้าไป นกอินทรีสีดำทะมึนมาไวไปไวรวดเร็วเสียจนน่าใ ฝูงหมาป่ายังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองอีกฝ่ายก็บินขึ้นไปเสียแล้ว
ฉินโจ้วคล้ายจะใจลอยเขาเผลอยื่นมือออกไป จับขาหลังของหมาป่าสีเทาพอดิบพอดีแรงดึงมหาศาลระลอกหนึ่งถ่ายทอดมาถึง เขาก็ลอยขึ้นจากพื้นด้วยแรงกระพือปีกเสียงดังฝูงหมาป่าหรี่ตาแคบลงโดยเร็วมองมนุษย์คนนั้นยิ่งนานก็ยิ่งลอยสูงขึ้นไปแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ห่างไปเป็ร้อยเมตรแล้ว
สายลมส่งเสียงหวีดหวิวไหลเข้าหูราวกับเสียงกรีดร้องของภูตผีเจือเสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่าความเ็ปสุดขีดจากลมที่เข้าปะทะหน้าช่างทำให้รู้สึกทุกข์ทรมานจนยากจะทานทน
หากจะบอกว่าไม่กังวลก็คงโกหกแล้วแต่ในสถานการณ์บ้าระห่ำเช่นนี้กลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกสนุกตื่นเต้นอย่างหนึ่งขึ้นมาจริงๆทำให้เขาหลงใหลไม่รู้จบ เขาเงยหน้าขึ้นมองหมาป่าเทาที่ตนจับไว้แน่นจึงพบว่ามันตายไปแต่แรกแล้ว เดาว่าคงถูกนกอินทรีั์ตัวนี้หักกระดูกสันหลังจนตาย
เขาบินอยู่อย่างนี้ราวสองสามนาทีก็ห่างออกมาได้หลายสิบกิโลเมตรอินทรีลดความเร็วลง เพดานบินค่อยๆ ลดต่ำลงเช่นกัน ฉินโจ้วเดาว่าคงใกล้ได้เวลาอาหารของเ้าอินทรีตัวนี้แล้วในใจจึงลอบวิตก หมาป่ายังสู้ไม่ได้ อินทรียิ่งไม่ควรไปยุ่ง หรือว่าจะหนีความตายไม่พ้น มีวิธีเดียวคือต้องไม่ให้อินทรีใหญ่เห็นจึงจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของมันได้ปัญหาคือถ้าหล่นลงไปจากที่สูงขนาดนี้ก็ต้องตายอยู่ดี
ชั่วขณะที่ฉินโจ้วไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่นั้นจุดพลิกผันก็ปรากฏขึ้น เบื้องล่างมีสระน้ำลึกแห่งหนึ่ง โชคยังดีตอนนี้อยู่ที่ความสูงน้อยกว่า 10 เมตร ฉินโจ้วจึงกัดฟันปล่อยมือทันที
เสียงลมพัดหวีดหวิว เป็ครั้งแรกที่ร่างของเขาลอยละลิ่วตกลงไปแบบนี้จากนั้นตัวก็จมดิ่งลงไปในสระน้ำลึกทันที สายน้ำแตกกระเซ็นไปรอบด้านตัวจมลงไปไม่รู้ทิศทาง ดีที่ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ลอยขึ้นมาฉินโจ้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีปีนกลับขึ้นฝั่งได้ เขานอนแผ่หราบนพื้น หอบหายใจอย่างแรง
“ที่นี่คือที่ไหนกัน”
เรี่ยวแรงค่อยๆฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย เขาเริ่มตรวจตราบริเวณนี้พบว่าบนแผนที่ยังไม่มีเครื่องหมายที่นี่จึงอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่านี่เป็แผนที่ใหม่ ยังไม่เคยถูกคนค้นพบมาก่อนพูดกันว่าแผนที่ใหม่จะมีของดีๆ ซ่อนอยู่จิตใจของฉินโจ้วจึงเริ่มเร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง
ขุนเขาเขียวขจี สายน้ำใสกระจ่าง หน้าผาสูงชันดูคล้ายกับหุบเขาไร้ใจ โชคดีที่ทางทิศตะวันตกมีทางเดินเล็กๆ สายหนึ่ง ฉินโจ้วไม่มีความคิดว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ไป 16 ปีหรอกนะ แล้วเขาก็ไม่ใช่เซียวเหล่งนึ่งและก็ไม่มีเอี้ยก้วยขี่นกอินทรีมาช่วยเสียด้วย
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างวาบสายตาหยุดอยู่ที่ก้นเหวไม่รู้ว่าใครมาแกะสลักรูปปั้นเด็กคนหนึ่งเอาไว้บนกำแพงหินโล้นๆ เขาเดินเข้าไปดูพบว่ารูปปั้นนั้นดูเหมือนจะไม่ธรรมดานักเพราะว่าบนนั้นไม่มีร่องรอยการแกะสลักอยู่สักนิดดูเหมือนเป็สิ่งที่สร้างขึ้นตามธรรมชาติ มีตามีจมูก แม้องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้า[1] จะคลุมเครือ แต่ก็ยังพอจำแนกได้แม้จะเห็นสีหน้าไม่ถนัด แต่มองออกได้ชัดเจนว่าเป็เด็กผู้ชายคนหนึ่ง เพราะมีเ้า *** เล็กๆ อยู่นั่นเอง เ้า *** น้อยนั่นหันออกมามีหยดของเหลวสีดำหยดลงมาหยดแล้วหยดเล่า มันมีสีดำเหมือนหมึกไม่รู้ว่าเป็ลูกเล่นอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ฉี่เพราะของเหลวสีดำนั่นส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาด้วย ฉี่ไม่มีกลิ่นหอมแบบนี้
ฉินโจ้วเหม่อมองอยู่นานก็ดูไม่ออกว่าเ้าของเล่นชิ้นนี้เป็ของธรรมชาติหรือฝีมืุ์สร้างขึ้นหลักๆ คือของเหลวสีดำนี่ ดูเหมือนจะเป็ของดีนะ คิดๆ ดูก็อยากลอง แต่แล้วก็ลังเลปกติของดีล้วนเป็สีขาวสว่างไสว แต่ของเหลวนี้ลักษณะภายนอกดูไม่ดีนักครั้นพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลือกที่จะไม่เสี่ยงดีกว่าเมื่อครู่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายกว่าจะเลื่อนได้ 3 เลเวลจึงไม่อยากลดลงไปเลเวล 1 อย่างไม่มีเหตุผลไว้ลองถามคนอื่นแล้วค่อยว่ากันใหม่ จะอย่างไรก็หนีไปไหนไม่ได้แผนที่ใหม่อย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นจะค้นพบได้ง่ายๆ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสจับได้ไพ่เรียงชุด[2]
หลังจากจดจำเส้นทางได้แล้ว ฉินโจ้วจึงออกจากที่นี่ไป
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงร้านอาวุธหมู่บ้านเริ่มต้น
“นายท่านท่าน้าอะไรหรือไม่?” พนักงานในร้านเอ่ยถาม
“มีอุปกรณ์หลายชิ้นอยากขาย” ฉินโจ้วเอาอุปกรณ์สิบกว่าชิ้นออกมาวางไว้บนเคาน์เตอร์นอกจากสองชิ้นที่สามารถใช้ได้ อย่างอื่นที่เหลือจึงขายทั้งหมด
เขาเลือกมาขายของต่างๆในร้านแทนที่จะไปตั้งแผงขาย นี่เป็ผลจากการไตร่ตรองอย่างดีแล้วอย่างแรกคือความรวดเร็ว ไม่เสียเวลา อย่างที่สองคือไม่ต้องกังวลเื่ขาดทุนในฐานะผู้มีพระคุณของหมู่บ้านเริ่มต้นที่ 888 พนักงานร้านค้าเหล่านี้ยังคงดูแลเอาใจใส่เขาเป็อย่างดี
พนักงานร้านเหลือบมองครู่หนึ่งส่วนใหญ่เป็อุปกรณ์ระดับเหล็กดำสำหรับเวลานี้นับว่าเป็ของระดับค่อนข้างสูงทีเดียว เขาพูดอย่างพออกพอใจเต็มที่ “นายท่านอุปกรณ์พวกนี้เป็ของที่ทางร้านเรากำลัง้าพอดี ทั้งหมดมี 16 ชิ้น หากเป็ผู้เล่นคนอื่น พวกเราจะเสนอราคาให้แค่ 12 เหรียญทองเท่านั้น แต่ว่านายท่านเป็ผู้มีพระคุณของหมู่บ้านเราดังนั้นเราขอเสนอราคาให้ที่ 13.5 เหรียญทองท่านพอใจหรือไม่?”
ฉินโจ้วย่อมไม่มีความเห็นเขาพยักหน้าตกลง ทันใดนั้นก็นึกถึงเื่ๆ หนึ่งขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม: “ข้ามีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง จำเป็ต้องประเมิน ไม่ทราบว่าควรจะไปหาใคร?”
พนักงานตอบอย่างสุภาพ “หมู่บ้านของเรามีแต่หัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่มีทักษะประเมินเขาเป็นักประเมินเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเรา ท่านลองไปหาเขาดูเถอะ”
“เป็เช่นนี้นี่เอง ขอบคุณมาก” ฉินโจ้วเอ่ยขอบคุณ
“นายท่าน เดินทางปลอดภัย” พนักงานร้านกล่าวอย่างสุภาพ
........................................................................................................................................................
[2] จับได้ไพ่เรียงชุด หมายถึง โชคดีมากๆ