ใครจะรู้ ใน่เวลาที่หันกลับมา หางตาของมู่จื่อหลิงเหลือบเห็นหลังมือผอมซีดของหลงเซี่ยวอวี่ที่มีรอยสีแดงสด
ทันใดนั้นนางก็เบิกตากว้างเพื่อให้มองมันชัดๆ ปรากฏว่าเป็รอยฟันที่นางกัดไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน
มันแปลกๆ ในยามนั้นนางกัดลงไปไม่แรง อีกทั้งยังไม่มีเืไหลออกมา เป็ไปได้อย่างไรที่มันยังไม่ดีขึ้น? ทั้งยังดูเหมือนรอยที่เพิ่งโดนกัดได้ไม่นาน
สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือผิวด้านนอกนั้นดูไร้ร่องรอย และรอยฟันสีแดงสดที่เรียงแถวอยู่นั้นดูเหมือนจะฝังอยู่ภายใต้ผิวสีซีดของเขา เติบโตในเนื้อหนัง และดูเหมือนจะไม่หายไป
ไม่เพียงแต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเท่านั้น แต่มันยังดูเหมือนว่าจะกลายเป็ร่องรอยที่แสดงถึงความกระหายเื ทั้งยังดูน่าเกรงขามอีกด้วย และมันได้กลายเป็เครื่องประดับที่สวยงามที่สุดบนหลังมือสีขาวซีดนี้ไปแล้ว
มู่จื่อหลิงตกตะลึง นางไม่อยากจะเชื่อ รอยฟันจะฝังแน่นได้อย่างไร?
ฟันของนางจะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งยังไม่ทำร้ายิั? กัดลงไปบนเนื้อโดยตรงโดยที่ไม่ผ่านิัได้หรือ? มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ด้วยความสิ้นหวังในยามนั้น นางกัดมันลงไปแล้ว และหลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่ได้ทวงถามความรับผิดชอบ แต่ในยามนี้ถ้ามันไม่หายไป แล้วหากเขาทวงถามความรับผิดชอบ ความผิดของนางก็จะกลายเป็เื่ใหญ่
นิ้วเรียวของมู่จื่อหลิงชี้ไปที่หลังมือของหลงเซี่ยวอวี่ ก่อนจะถามอย่างอ่อนแรงว่า “หลง...ท่านอ๋อง มือของท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่? เหตุใดถึงยังไม่ดีขึ้น?”
หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกมานานแล้วว่าดวงตาของมู่จื่อหลิงกำลังจ้องมองไปรอบๆ มือของตน
จากมุมที่มู่จื่อหลิงมองไม่เห็น มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาในดวงตาของเขา ก่อนจะหายวับไป
เห็นเพียงแค่ในยามที่เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขามีความเ็า แล้วจ้องมองมาที่มู่จื่อหลิงอย่างขุ่นเคือง แสดงออกด้วยสีหน้าของผู้บริสุทธิ์ว่าสิ่งนี้เ้าทำมันขึ้นมา จะมาถามข้าทำไม ก่อนที่เขาจะถามอย่างเ็าว่า “เ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ข้า…” เมื่อเห็นสีหน้าของหลงเซี่ยวอวี่มืดมนลง มู่จื่อหลิงก็รู้สึกผิดขึ้นมาเป็อย่างมาก
ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปหยิบขวดยาออกจากล่วมยาที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะยื่นให้หลงเซี่ยวอวี่ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “หลังใช้ยานี้ประมาณสองถึงสามชั่วยามก็จะดีขึ้นแล้ว”
โดยไม่คาดคิด หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้มองที่ขวดยา ใบหน้าของเขามืดมนมากยิ่งขึ้น เขาจ้องมองมู่จื่อหลิงอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อเห็นเขาเป็เช่นนี้ มู่จื่อหลิงก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น คิดว่าเขาคงจะไม่เชื่อ จึงพูดอีกครั้งด้วยความมั่นใจว่า “จริงๆ นะ ยานี้สามารถลบรอยแผลเป็ได้ ทำได้แม้กระทั่ง…”
ก่อนที่มู่จื่อหลิงจะพูดจบ หลงเซี่ยวอวี่ก็หยิบขวดยาขึ้นมา แล้วโยนมันทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตกของขวดดังมาจากด้านนอก
ความหวังดีที่ไม่ได้รับการชื่นชม ทั้งยังถูกมองเป็สิ่งไร้ค่า!
มู่จื่อหลิงจ้องมองเขาอย่างโกรธเคืองในทันที “ท่าน…” หลงเซี่ยวอวี่ขัดจังหวะก่อนที่นางจะเอ่ยคำว่าทำไม
“มู่มู่ เก็บมันไว้ ยังมีอีกจุดที่ไม่ได้คิดบัญชี เ้าคิดที่จะทำลายหลักฐานใช่หรือไม่?” มุมปากของหลงเซี่ยวอวี่กระตุกขึ้นจนเป็เส้นโค้งจางๆ เขาลากเสียงยาวที่ให้ความรู้สึกถึงความมีเสน่ห์และเย้ายวน
เป็เพราะเขาโหดร้ายมาก มันไม่ใช่เพราะรอยฟันไม่หายไป แต่เป็...เขาที่้าเก็บมันไว้หรือ?
อะไรที่บอกว่านางคิดที่จะทำลายหลักฐาน?
ทันใดนั้น ความรู้สึกละอายใจและความรู้สึกผิดทั้งหมดในหัวใจของมู่จื่อหลิงก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เรียกว่าบัญชีจากปากของเขา ประกอบกับน้ำเสียงที่คลุมเครือ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกท้อแท้ จนแทบรอไม่ไหวที่จะตบตนเองแรงๆ เกลียดตนเองที่เข้าไปยุ่งจนได้เื่
ในยามนี้ เขาทวงถามความรับผิดชอบอะไรกัน ผู้ชายที่น่ารังเกียจ เขา้าที่จะชำระบัญชีกับนางอีกครั้งผ่านรอยฟันบนมือของเขา
ความพิโรธของฉีอ๋องจางหายไปแล้วใช่หรือไม่?
แต่ในยามนี้ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถช่วยพันแผลของนางอย่างอ่อนโยนได้ และยังทำตัวไร้เหตุผลได้เช่นนี้ ดูเหมือนว่าความโกรธของเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!
ดังนั้นเมื่อเดาได้ว่าความโกรธของหลงเซี่ยวอวี่หมดไปแล้ว ความกล้าหาญของมู่จื่อหลิงจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“แล้วเหตุใดท่านถึงต้องทิ้งยาของข้าไป” มู่จื่อหลิงจ้องเขาอย่างโกรธเคือง ยาของนางมีค่ามาก ชายผู้นี้กลับรับมาแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่สนใจ
“ไม่ใช่ว่าเ้า้ามอบยาให้แก่เปิ่นหวางหรือ ในเมื่อมันถูกมอบให้กับเปิ่นหวางแล้ว มันย่อมเป็ของเปิ่นหวาง” หลงเซี่ยวอวี่ตอบอย่างมั่นใจ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งของของข้า ข้าอยากโยนก็จะโยน
“ท่าน...” มู่จื่อหลิงกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้
นางอยากจะมอบมันให้กับเขาจริงๆ แต่ชายผู้นี้หน้าด้านเกินไป!
น่าเกลียด! หากรู้ก่อน นางจะไม่ใจดีเช่นนี้ เพียงแค่ไม่สนใจมันก็พอแล้ว
ไม่ว่ามือของเขาจะดีขึ้นหรือไม่ นางก็จะไม่สนใจ นางยังมีเื่ให้ต้องรับมือกับหลายสิ่งหลายอย่าง และนางเองก็ไม่ใช่ลูกสุนัข ที่จะป่วยหลังจากถูกนางกัด
หึ! เขาสมควรถูกกัดนัก ในวันหน้าจะเป็การดีที่สุดที่เขาจะไม่มาหานางเพื่อขอยา แม้ว่าจะมาหานาง นางก็จะไม่มอบยาให้อีก รอยฟันบนมือเขาที่ไม่มีวันหายไปเหมือนดั่งคำสาป ทำให้นางสะใจแทบตายแล้ว
มู่จื่อหลิงไม่รู้ว่าในวันหน้า ไม่ใช่เขาที่จะเข้ามาขอยาจากนาง แต่เป็นางเองที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดรอยฟันนี้ออกไป แต่ก็ไม่มีผู้ใดทำได้สำเร็จ
นางไม่รู้ว่าเพราะรอยฟันนี้จะทำให้ตนต้องสูญเสียไปมากเพียงใดในวันข้างหน้า
นางไม่รู้ว่าคำสาปชั่วชีวิตของนางในครั้งนี้มันได้กลายเป็จริงแล้ว
เมื่อมองไปยังแก้มที่พองออกของมู่จื่อหลิง ดวงตาที่ลึกล้ำของหลงเซี่ยวอวี่ก็เปล่งประกายรอยยิ้มแห่งความสำเร็จ แต่บนใบหน้าของเขาราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
เขายังก้มหน้ารักษาาแของนางต่อไปอย่างจริงจังและรอบคอบ จากนั้นจึงใช้ผ้าเนื้อนุ่มเช็ดทำความสะอาดแขนของนางออกทีละน้อย ค่อยๆ เช็ดไปทีละนิ้วอย่างอ่อนโยน
มู่จื่อหลิงมองดูฉีอ๋องผู้ที่สง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาถึงกับยอมช่วยเช็ดเืบนมือของนางให้อย่างอ่อนโยน นางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจของตน
นางกล่าวไว้หลายครั้งว่านางสามารถรับมือกับมันได้ แต่ก็ถูกเบี่ยงเบนด้วยคำพูดที่เฉียบแหลมของหลงเซี่ยวอวี่
สุดท้ายนางก็หมดหนทาง ทำได้เพียงหรี่ตาลงมองเขา ราวกับอยากจะจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา ในใจมีความโกรธที่ไม่อาจปลดปล่อยออกมาได้ ความรู้สึกเช่นนี้มันแย่มาก เลวร้ายที่สุด!
ในท้ายที่สุดนางก็สามารถเก็บไฟไว้ในใจของตน หันหน้าออกไปด้วยความเกลียดชัง หลับตาลงแล้วถอนหายใจอยู่เพียงลำพัง
การเปลี่ยนแปลงของชายผู้นี้เร็วมากจนหัวใจดวงน้อยของนางตอบสนองไม่ทัน
นี่ไม่ใช่เื่ปกติ มันผิดปกติมาก
ก่อนหน้านี้ชายผู้นี้โกรธเคือง ราวกับการลงมาจุติของมารร้าย ราวกับทั้งใต้หล้าล้วนทำให้ขุ่นเคือง และ้าที่จะสังหารคนทั้งใต้หล้าอย่างดุเดือด
แล้วในยามนี้เล่า? ความโกรธหายไป แต่ความเยือกเย็นและหยิ่งยโสยังไม่จางหาย เขากลับกลายเป็คนเ้าเล่ห์อีกครั้ง เดี๋ยวก็อ่อนโยน เดี๋ยวก็หยาบคาย เอาแน่เอานอนไม่ได้
ในยามนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาพูดกับนางอย่างแ่เบา มีคำกล่าวไว้ว่าคมมีดซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้ม ทำให้นางคิดไปว่าความโกรธของเขากำลังทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
มันทำให้หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอยู่นาน ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ นางกลัวจะทรยศต่อใจตนเอง
นางรู้สึกว่าวันนี้หลงเซี่ยวอวี่ดูผิดปกติเล็กน้อย ไม่เหมือนน้ำแข็งที่หนาวเหน็บอย่างที่นางรู้จัก เป็ฉีอ๋องผู้เฉยเมยและไร้ความปรานี
แม้ว่าในยามปกติเขาจะเป็คนที่มีความชั่วร้าย แม้ว่าเมื่อคืนนี้จะเป็ครั้งแรกที่นางเห็นเขาโมโหและโกรธจัด แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดแปลกแต่อย่างใด ด้วยเป็นางที่เข้าท้าทายอำนาจของฉีอ๋อง จึงเป็เื่ธรรมดาที่เขาจะโกรธ
แต่หลังจากที่ความโกรธเคืองลดน้อยลง เขาก็ยังอ่อนโยนกับนาง และในยามนี้เขายังคอยช่วยจัดการกับาแของนางให้อย่างระมัดระวัง ทั้งยังทำได้ถูกต้องและราบรื่น แต่นางกลับรู้สึกไม่คุ้นชินกับมัน
จิตใจของมู่จื่อหลิงสว่างวาบขึ้นมา ใบหน้าไร้ที่ติของหญิงสาวผู้นั้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็คงอ่อนโยนกับเธอมากถึงเพียงนี้เช่นกันหรือ?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หัวใจของนางก็รู้สึกได้ถึงรสเปรี้ยวและขมขื่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
มู่จื่อหลิงหลับตาลง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ หากเป็เช่นนี้ต่อไป...นางเกรงว่า
เดิมทีนางเคยคิดว่านางสามารถคุมหัวใจตนเองได้อย่างแ่า แต่ในยามนี้การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของหลงเซี่ยวอวี่สามารถส่งผลกระทบต่อนางได้ นางกลัวมาก เกรงว่าตนเองจะไม่สามารถควบคุมมันได้ในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม ความจริงบางครั้งการกลัวสิ่งใดมักจะได้รับในสิ่งนั้น
หลงเซี่ยวอวี่ทำสองสิ่งในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ช่วยมู่จื่อหลิงเช็ดเืที่มือของนาง เขาก็ให้ความสนใจต่อนางไปด้วย ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาดูเหมือนจะมองเห็นทุกสิ่ง
ยามที่มู่จื่อหลิงละทิ้งอารมณ์ด้านลบในหัวใจของนางลงได้ และกำลังจะลืมตาขึ้นมา หลงเซี่ยวอวี่ก็เหยียดแขนเรียวของเขาเพื่อโอบรอบเอวบางของนางเอาไว้จากด้านหลัง ก่อนจะดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา กอดนางแน่น
หัวใจของมู่จื่อหลิงสั่นสะท้าน นางลืมตาขึ้นในทันที และพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้น
“เด็กดี อย่าขยับ!” หลงเซี่ยวอวี่แตะแขนที่เพิ่งพันผ้าพันแผลเบาๆ แล้วกระซิบว่า “มู่มู่ เ้ายังกล่าวโทษเปิ่นหวางอยู่อีกหรือ?”
ร่างกายของมู่จื่อหลิงแข็งทื่อไปในทันที ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งยังมีร่องรอยของความสงสัยแวบเข้ามาในดวงตา จากนั้นก็หันไปมองหลงเซี่ยวอวี่อย่างว่างเปล่า
ในเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กันมากจนรู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างกายของกันและกัน
เมื่อเห็นความสงสัยของมู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวอวี่ก็เอนตัวเข้าไปใกล้หูของนางแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “เปิ่นหวางประมาทมากไปในวันนั้น เ้าไม่ควรถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง และไม่ควรได้รับอนุญาตให้กลับมาตามลำพัง”
หลังจากที่เขาจากไปในวันนั้น เขาไม่คิดว่านางจะถูกลอบสังหารอีกครั้ง แต่โชคดีที่นางสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย
เมื่อครู่ในยามที่เขากำลังพันแผลก็พบว่านางได้รับาเ็จากลูกธนู ซึ่งยิงทะลุเข้าแขนโดยตรง ั้แ่วันถัดไปของการสมรส เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้กลัวเข็มมาก เขายังจำได้จนถึงยามนี้ และจะจดจำไว้ตลอดไป
ยามที่นางต้องเห็นลูกธนูยาวเช่นนั้นติดอยู่ในแขนของตน นางจะหวาดกลัวมากเพียงใด เมื่อคิดเกี่ยวกับมันก็ทำให้เขารู้สึกลำบากใจมาก
คนฉลาดเฉกเช่นเขา เมื่อคืนยามที่ได้ยินนางกล่าวหาเขาว่าให้นางอยู่เฉยๆ แม้ตนกำลังถูกรังแกและถูกตามล่า เขาก็รู้แล้วว่านางนึกถึงวันนั้นที่ถูกเขาทิ้งให้อยู่ตามลำพังในถิ่นทุรกันดาร
นางกำลังกล่าวโทษเขา ดังนั้น เมื่อคืนนางจึงเป็เหมือนเม่น แม้ว่าแขนที่าเ็จะถูกจับไว้แน่น แม้ว่าแผลจะเปิด ก็ยังอดกลั้นไว้โดยไม่คร่ำครวญ
ไม่สนใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเกลียดชัง ในยามตื่นตระหนกก็พูดออกมาอย่างรีบร้อนจึงพูดผิดพูดถูก ทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้นไปอีก
บางที ในใจของนางอาจจะไม่ใช่เพียงแค่เขาทิ้งนางไปเท่านั้น บางที มันอาจจะมีเหตุผลอื่นร่วมด้วย แต่ว่า เหตุผลอื่นนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น
หลงเซี่ยวอวี่กอดมู่จื่อหลิงเอาไว้แน่น ปล่อยให้นางเอนกายพิงหน้าอกของเขา ในขณะที่คางของเขาวางอยู่บนหัวของนาง ในตอนท้าย มุมปากของเขากระตุกเป็รอยยิ้มเล็กๆ
เขาชอบความคิดของนางมาก
ความอ่อนโยนที่มีอย่างกะทันหันของหลงเซี่ยวอวี่ทำให้มู่จื่อหลิงรู้สึกทนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาพูดก็ไม่อาจรับได้
ปรากฏว่าเขารู้ เขารู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่
แต่เขาหมายความว่าอย่างไร? เขากำลังโทษตนเองอยู่หรือเปล่า? กำลังขอโทษนางใช่หรือไม่?
มู่จื่อหลิงเงยศีรษะขึ้นไปมองเขาอย่างเงียบๆ ในขณะที่หลงเซี่ยวอวี่ก็กำลังก้มศีรษะลงมาเล็กน้อยเพื่อให้นางได้มอง ดวงตาของพวกเขาประสานกัน
ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองกันและกัน มองเห็นตนเองในแววตาของอีกฝ่าย!
ทันใดนั้นหัวใจของมู่จื่อหลิงก็เต้นผิดจังหวะไป ทั้งยังเต้นเร็วขึ้น
เพราะในคราวนี้นางเห็นถึงความอ่อนโยนในสายตาของหลงเซี่ยวอวี่ได้อย่างชัดเจน มีความสำนึกผิด และนอกจากนี้ยังมี......
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้