เื่นี้ทำให้พ่อบ้านของจวนป๋อชางโหวมาตามหาท่านโหวโดยเฉพาะั้แ่เช้าตรู่ ไม่มีทางที่จ้าวอี๋เหนียงจะไม่รู้
เพียงแต่ท่านโหวมีความเห็นอย่างไรกับเื่นี้บ้าง?
หากท่านโหวเห็นด้วย และไท่จื่อมีประสงค์ เช่นนั้นไม่ว่าเฉินจิ้งเจียจะดิ้นรนเช่นไร การแต่งงานย่อมต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หากการแต่งงานกำหนดแล้ว คุณชายเผยก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป
ครั้นนึกถึงตรงนี้ มีหรือจ้าวอี๋เหนียงจะไม่ร้อนรน เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินจิ้งโหรว นางมิอาจแสดงอาการออกมาได้
ยามอยู่ต่อหน้าเฉินจิ้งโหรว นางเป็มารดาที่ไม่เคยบกพร่องทางความคิด ทั้งยังหนักแน่นดุจเขาไท่ซาน
“เอาละ เอาละ จักร้อนรนไปทำไม” จ้าวอี๋เหนียงเอ่ย ยกมือตบบ่าเฉินจิ้งโหรวเบาๆ “เื่นี้ยังไม่เสร็จสิ้น ตอนนี้ฮูหยินล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งยังไม่พ้นวันโถวชีเลยนี่ ต่อให้ไท่จื่อจะมีแผนอย่างไร นั่นจำต้องคอยเวลาระยะหนึ่งก่อนเสนอออกมาอยู่ดี”
พูดจบ นางพลันกลอกตา แววเหี้ยมโหดดุร้ายกะพริบวูบ เร็วจนใครต่อใครมองไม่ทัน
“ก่อนหน้านั้น จัดการเื่คุณชายเผยให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ถึงครานั้นต่อให้เป็ไท่จื่อ ก็มิอาจฝืนบังคับแต่งงานได้ จริงหรือไม่?”
เฉินจิ้งโหรวขยับเข้าในอ้อมกอดนาง หน้าตาคร่ำเคร่งประหนึ่งเมฆทมิฬเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็รอยยิ้มสดใสในบัดดล
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านแม่สุดยอดที่สุด!”
นางฟังแค่คำที่จ้าวอี๋เหนียงเอ่ยจากปากเท่านั้น หาได้ล่วงรู้ความคิดในใจจ้าวอี๋เหนียงแต่อย่างใด
หากจัดการเฉินจิ้งเจียกับไท่จื่อไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงส่งเฉินจิ้งเจียไปตามมารดาชะตาสั้นของนางเท่านั้น
จ้าวอี๋เหนียงยกมือขึ้นลูบผมเฉินจิ้งโหรว เื่สกปรกโสมมเช่นนี้ ให้นางเป็คนทำเอง ปล่อยให้โหรวเอ๋อร์ของนางเป็คุณหนูแห่งจวนป๋อชางโหวก็พอแล้ว ในอนาคตนางต้องก้าวขึ้นสู่เบื้องสูง ได้รับความรักความโปรดปรานมหาศาลอย่างแน่นอน
ท้องนภาเริ่มมืด จ้าวอี๋เหนียงยืมห้องครัวในวัด ลงมือตุ๋นพระะโกำแพง[1]หม้อหนึ่งด้วยตนเอง ครั้นเห็นระดับความร้อนและเวลาตุ๋นได้ที่ นางจึงยกหม้อกลับไปยังเรือนพัก
ด้านอื่นที่ดีมากของป๋อชางโหวนั้น คือความใจอ่อน ต่อให้บางครั้งนางทำผิดพลาดเล็กน้อย ขอเพียงยอมรับผิด ป๋อชางโหวก็มองข้ามไปได้โดยเร็ว
ครั้นเห็นคนเดินเข้ามา จ้าวอี๋เหนียงรีบปั้นยิ้มแต้มใบหน้าทันใด “ท่านโหว ท่านกลับมาแล้ว”
เอ่ยเสร็จจึงยกถ้วยข้างมือส่งให้ “วันนี้ข้าเห็นเหล่าพ่อครัวเก็บเห็ดสดมา นึกขึ้นได้จึงทำพระะโกำแพงถ้วยนี้ ท่านโหวลองชิมดูเ้าค่ะ”
จังหวะของนางถือว่าเป็ใจยิ่ง เพิ่งเอ่ยไปป๋อชางโหวก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นทันที ว่าแล้วจึงรับถ้วยอาหารพร้อมรับประทาน
“ข้าไม่ได้ทำนานแล้ว อาจฝีมือตกไปบ้าง ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วรสชาติจะเป็เช่นไรบ้าง” จ้าวอี๋เหนียงกล่าว ลอบแทรกสอดความประจบเอาใจไปด้วยเล็กน้อย
ป๋อชางโหวได้ยินนางพูดเช่นนั้น จึงเงยหน้ามองสตรีที่คอยเคียงข้างเขามานานหลายปี
ต่อให้ผ่านไปหลายปีแล้ว บุตรสาวของพวกเขาล้วนเติบโตขึ้น หากแต่จ้าวอี๋เหนียงกลับยังคงเป็สตรีผู้แสนอ่อนโยนและจิตใจดีเหมือนยามแรกเริ่มไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
เขาถอนหายใจ สีหน้าอ่อนโยนยิ่งกว่าที่เคย “รสชาติดีทีเดียว ลำบากเ้าแล้วละ”
ไม่ง่ายกว่าจะได้รับคำพูดเช่นนี้จากป๋อชางโหว จะบอกว่าจ้าวอี๋เหนียงไม่รู้สึกซาบซึ้งก็คงเป็ไปไม่ได้
“ท่านโหว...” นางเรียกเสียงอ่อน พลางขยับกายเข้าหา ขณะมาดหมายทำบางสิ่ง ป๋อชางโหวกลับหันตัวไปทางเตียง “ดึกแล้ว เ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน พักผ่อนเร็วหน่อยก็ดี”
ความรู้สึกเต็มเปี่ยมเมื่อครู่เสมือนถูกสาดน้ำเย็นเข้าหน้า เพียงครู่เดียวความเย็นเยียบก็แทรกซึมเข้าในก้นบึ้งจิตใจ
เหตุใดเขาถึงมิอาจมองนางสักนิด?
ก่อนหน้านี้เป็เพราะมีซูเหยาอยู่ ในหัวใจและสายตาล้วนมีแต่ซูเหยาทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ซูเหยาตายไปแล้วนี่!
ใช่ ก่อนหน้านี้นางเป็เพียงสาวใช้ตัวน้อย ขึ้นเตียงกับป๋อชางโหวใช่ว่าจะไม่มีความคิดในการก้าวสู่ตำแหน่งสูงสมหวังดั่งใจในฉับพลันเสียหน่อย
แต่นางรู้ดีเช่นกันว่าตนมีความรู้สึกกับป๋อชางโหว นางเข้าจวนมาก็เพราะป๋อชางโหวเลือกตนมาเองกับมือ
เพราะเื่นี้ตอนนั้นนางถึงได้ดีใจตั้งนาน แต่ใครเล่าจะรู้ว่าจะถูกจัดแจงให้มาคอยปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าแทน
ไม่เป็ไร ปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าแล้วอย่างไร การปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าน่ะ นางมิต้องขึ้นเตียงเหมือนปรนนิบัติป๋อชางโหว แล้วกลายเป็อนุของป๋อชางโหวเสียหน่อย?
“จ้าวซื่อ? เ้าเป็อันใดไป?” น้ำเสียงเจือความเป็ห่วงของป๋อชางโหวดังขึ้นข้างหู จ้าวอี๋เหนียงถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง
นางพับเก็บความคิด ก่อนเผยรอยยิ้มราบเรียบ “ไม่มีอะไรเ้าค่ะ เกรงว่าคงเป็เพราะสองวันนี้ฟังธรรมเทศนา ตื่นแต่เช้าจึงรู้สึกอ่อนเพลียไปบ้างเ้าค่ะ”
ป๋อชางโหวเองไม่ถามไถ่ให้มากความ แค่นางอธิบายมาเช่นนี้ตัวเขาก็เชื่อแล้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปแล้วละ”
เขาเอ่ยพลางนั่งลง ก่อนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเอง “พรุ่งนี้เ้ากับข้าไปเจอคุณชายเผยผู้นั้นด้วยกันเถิด”
ครั้นได้ยินคำว่าคุณชายเผยสามคำนี้ จ้าวอี๋เหนียงก็กระตือรือร้นขึ้นทันใด “คุณชายเผย? คุณชายเผยไหนหรือเ้าคะ?”
คุณชายเผยไหนน่ะหรือ? มิใช่คนที่เจียเอ๋อร์ของเขาโวยวายอยากแต่งงานด้วยหรือไร?
“คนที่เจียเอ๋อร์ชื่นชอบอย่างไรเล่า”
ป๋อชางโหวไม่อยากพูดมาก จึงแนะนำไปเพียงสั้นๆ จากนั้นจึงเอนตัวนอนลง
จ้าวอี๋เหนียงไม่เห็นเขาอธิบายอะไรต่อ จึงปิดปากเอนตัวลงตาม หากแต่ในใจกลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้น
ต่อให้ป๋อชางโหวไม่ยอมให้ตำแหน่งสามีภรรยากับนางเสียที ทว่าสุดท้ายเขาก็ยังเก็บนางไว้ในหัวใจอยู่ดี
ครั้นคิดเช่นนี้ จ้าวอี๋เหนียงจึงชื้นใจขึ้นบ้าง ดูเอาเถิด มิใช่ว่านางพูดไปเพียงนิดเดียว เขาก็พิจารณาลองไปเจอคุณชายเผยผู้นั้นดูแล้วหรือไร?
จะว่าไปหน้าตาคุณชายเผยนับว่าดูดีทีเดียว ถึงได้ทำให้เฉินจิ้งเจียไม่สนแม้แต่ไท่จื่อ หัวใจเอาแต่คิดถึงเขามิใช่หรือ?
ในความมืด นางค่อยๆ หันหน้ากลับมา มองชายผู้นอนข้างกาย
กาลเวลาผ่านไปรวดเร็ว แต่กลับรู้สึกเหมือนไม่เคยแตะต้องชายผู้นี้มาก่อน รูปร่างหน้าตาเขายังคงรูปงามดุจแรกพบไม่เปลี่ยนแปร
หากนางเป็ซูเหยา หากนางมีต้นตระกูลสูงส่งเหมือนกันละก็ เช่นนั้นชายข้างกายผู้นี้จะปฏิบัติต่อนางต่างไปหรือไม่?
หากเป็เช่นนี้ นางก็ทำได้เพียงคิดอยู่ในใจอยู่ดี อย่าว่าแต่ถามต่อหน้าป๋อชางโหวเลย แม้แสดงความคิดออกมาเพียงเล็กน้อยก็ไม่กล้าแล้ว
กระนั้นก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยคำพูดของนางก็ยังเข้าหูป๋อชางโหว ขอแค่เขาจดจำไว้ในใจได้ แม้จะต้องพูดเพื่อเฉินจิ้งเจียก็ตามที
ต่อให้จะพูดเพื่อเฉินจิ้งเจียทว่าก็เป็คำพูดจากปากจ้าวอี๋เหนียง แค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ด้วยเหตุนี้จ้าวอี๋เหนียงจึงปิดตาลงได้อย่างสงบใจ หลับใหลเข้าสู่ห้วงภวังค์ฝัน
แม้นจะบอกว่าวันนี้มิได้ตื่นเช้าไปฟังธรรม ทว่าจ้าวอี๋เหนียงหาได้ตื่นสายแต่อย่างใด นางเลือกสวมอาภรณ์เข้าชุดเสร็จ จึงหันมองชุดป๋อชางโหวที่ตระเตรียมไว้อย่างเหมาะสมแล้ว
“ท่านโหว ท่านว่าข้าสวมชุดนี้ดีหรือไม่เ้าคะ? ประเดี๋ยวต้องไปเจอคุณชายเผยแล้วเหมาะสมหรือไม่เ้าคะ?”
ป๋อชางโหวยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “เ้าเป็ผู้าุโ ไปเจอผู้น้อยรุ่นเยาว์ ไฉนต้องขะมักเขม้นไตร่ตรองเพียงนั้นเล่า? อีกอย่าง เผยฉางชิงกับเจียเอ๋อร์นั้นไม่มีทางเป็ไปได้ด้วยซ้ำ เ้าจะใส่ใจขนาดนั้นไปไย?”
แม้ปากพูดเช่นนี้ หากแต่ในใจกลับพึงพอใจในตัวจ้าวอี๋เหนียงยิ่งยวด
ขอเพียงใส่ใจในเื่เจียเอ๋อร์ของเขา เขาก็พอใจมากแล้ว!
จ้าวอี๋เหนียงเข้าใจในจุดนี้เป็อย่างดี จึงได้พยายามต่อหน้าเขาขนาดนี้อย่างไรละ
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ การที่นางสามารถวางตัวเป็าุโได้ สามารถแสดงท่าทีเป็นายหญิงของจวนโหวได้ในสายตาคนนอก ทั้งยังไม่ยั่วยุโทสะป๋อชางโหวนั้น หากสิ่งนี้ค่อยๆ ซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว เช่นนั้นมิได้หมายความว่านางกลายเป็ฮูหยินแห่งจวนโหวเข้าแล้วจริงๆ หรือ?
-------------
[1] พระะโกำแพง คืออาหารจีนประเภทซุปราคาแพง มักตุ๋นปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากป่าและทะเล เช่น หูฉลาม หอยเป๋าฮื้อ กระเพาะปลา โสม เก๋ากี้ ฯลฯ ทำให้มีโภชนาการสูง โดยมีความเป็มาคือตอนที่ซุปถูกเก็บอยู่ในโถเหล้า เมื่อเปิดฝาแล้ว ส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวนใจออกมา จนพระที่พักอาศัยอยู่ที่วัดใกล้ๆ นั้น ถึงแม้กินมังสวิรัติ ก็ทนไม่ไหว จึงะโกำแพงวัดเพื่อขอลิ้มรส กลายเป็ที่มาของชื่อนั่นเอง
