กูเฟยเยี่ยนกระชับเสื้อคลุมและนั่งผึ่งเสื้อผ้าอยู่ข้างกองไฟ
หญิงสาวหันไปมองจึงพบว่าจวินจิ่วเฉินนั่งอยู่บริเวณปากถ้ำในระยะไกลโดยไม่ขยับเขยื้อน
กูเฟยเยี่ยนถึงกับรู้สึกไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงเื่ราวเมื่อสักครู่นี้ นางจึงเช็ดริมฝีปากอย่างรุนแรง ก่อนจะเบนสายตาออก ตัดสินใจไม่มองเขาอีกต่อไป
การกระทำของกูเฟยเยี่ยนเร็วมาก ่เวลาฟ้าสางนางก็ผึ่งเสื้อผ้าจนแห้งหมดแล้ว นางหันไปมองแวบหนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่านายก้อนน้ำแข็งเหม็นไม่ได้หันมา นางจึงสวมเสื้อผ้าแต่งกายให้เรียบร้อยด้วยความคล่องแคล่ว
ร่างบางก้าวเท้าเดินเข้าไปเร่งรัด “นี่ ตาเ้าแล้ว เร็วเข้า! ”
ทว่าจวินจิ่วเฉินไม่มีการตอบสนอง
กูเฟยเยี่ยนเกิดความสงสัยจึงะโเรียกอีกครั้ง “นี่ นายก้อนน้ำแข็งเหม็น ตาเ้าแล้ว รีบเข้ามาเร็ว! ”
จวินจิ่วเฉินยังคงไม่ตอบสนองใดๆ เขานั่งอยู่บริเวณปากถ้ำในระยะไกล แผ่นหลังนั้นดูคล้ายกับรูปปั้นเทพเ้าองค์หนึ่ง กูเฟยเยี่ยนตระหนักได้ในทันทีว่าเกิดความผิดปกติจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“นายก้อนน้ำแข็งเหม็น เ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่? ”
นางเห็นว่าเสื้อผ้าเปียกชุ่มของจวินจิ่วเฉินถูกลมพัดแห้งแล้ว ร่างกายของเขายังคงตั้งตรงและหลับตาทั้งสองข้างราวกับพักผ่อนร่างกายเท่านั้น
หน้ากากครึ่งหน้าบดบังใบหน้าของเขาไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยเผยให้เห็นเพียงแค่ปากกับคาง กูเฟยเยี่ยนเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจน นางทำได้เพียงมองไปที่ริมฝีปากเท่านั้น
ริมฝีปากของเขาในตอนนี้ขาวซีดอมม่วงจนทำให้ผู้คนมองออกในทันทีว่าหนาวไม่ไหวแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกูเฟยเยี่ยนกลับมองออกในพริบตาเดียวว่านี่คือการโดนวางยาพิษ กูเฟยเยี่ยนรีบตบไปที่เขา “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น เลิกนอนได้แล้ว ตื่นเร็ว! ”
“นี่ เ้าโดนวางยาพิษได้อย่างไร นายก้อนน้ำแข็งเหม็น! ”
การที่ปลุกเขาไม่ตื่นทำให้กูเฟยเยี่ยนไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาที นางรีบลงมือลากเขาเข้าไปในถ้ำ
“โดนวางยาพิษแล้วยังไม่บอกอีก โอ้อวดความสามารถอะไรกัน! ”
ชายหนุ่มสูงใหญ่สุขภาพดีโดนความเย็นไปไม่นับว่าเป็เื่ร้ายแรงอะไร อีกทั้งร่างกายของผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาก็ไม่เคยแม้แต่จะเป็หวัด ทว่าบุคคลที่ถูกวางยานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
เรียกได้ว่ากูเฟยเยี่ยนต้องใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดถึงจะลากจวินจิ่วเฉินเข้ามาอยู่ข้างกองไฟภายในถ้ำได้ ในขณะที่นางกำลังจะตรวจสอบว่าเขาถูกพิษอะไร ทันใดนั้นก็พบว่าจวินจิ่วเฉินกำเม็ดยาเล็กๆ หนึ่งเม็ดไว้บนมือ หลังจากที่นางหยิบออกมาดูก็ตกตะลึงอ้าปากค้างทันที
นี่มันยาระงับพิษแมงมุมกับแมงป่องเจ็ดดาวนี่นา!
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าพิษที่หมอนี่โดนไปก็คือพิษแมงมุมกับแมงป่องเจ็ดดาว!
พิษแมงมุมกับแมงป่องเจ็ดดาวคือพิษรุนแรงที่กำเริบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ั้แ่การกำเริบครั้งแรกไปจนถึงการกำเริบครั้งที่เจ็ด ในแต่ละครั้งล้วนรุนแรงกว่าครั้งก่อนถึงสองเท่า โดยทันทีที่พิษกำเริบถึงครั้งที่เจ็ด ต่อให้ทานยาถอนพิษไปมากเพียงใดก็ไม่เป็ผลแล้ว อีกทั้งร่างกายก็จะค่อยๆ ทรุดลงจนเสียชีวิตไป ใครมันชั่วร้ายถึงขนาดวางยาพิษชนิดนี้กับเขากัน!
อันที่จริงแล้วยาที่เขาทานลงไปคือการบีบบังคับให้พิษระงับการกำเริบ มันไม่มีผลต่อการขับพิษออกเลยแม้แต่น้อย การที่ความเป็พิษถูกระงับไม่ให้ปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ จะส่งผลให้พิษเกิดการปะทุครั้งใหญ่เร็วขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้คือเดิมทีระยะเวลาในการกำเริบของพิษแมงมุมกับแมงป่องเจ็ดดาวจะมีระยะห่างที่ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ บวกกับผลกระทบของยาถอนพิษที่ยับยั้งอาการ ระยะเวลาที่พิษจะกำเริบจะต้องสั้นลงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน!
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าโดยทั่วไปแล้วคนที่เสียชีวิตจากพิษนี้ต้องใช้ระยะเวลาสิบวัน แต่หมอนี่อย่างมากแล้วสามารถยืนหยัดได้แค่สามถึงสี่วันเท่านั้น!
“นี่มันก่อเื่วุ่นวายจริงๆ! หมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาคนไหนเป็คนให้ยาแบบนี้กับเ้ากัน! นี่คือการทำร้ายเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนโมโหผิดปกติราวกับลืมไปว่าตนเองเกลียดชายคนนี้มาโดยตลอด ครั้งที่แล้วนางยังแทบอยากจะให้เขาตายโดยไว!
นางรีบจับชีพจร แต่สภาพชีพจรของจวินจิ่วเฉินกลับทำให้นางอ้าปากค้างอีกครั้ง
นี่มันกำเริบเป็ครั้งที่หกแล้ว!
ซึ่งกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าเขาจำเป็ต้องรีบทานยาถอนพิษให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นจะไม่มีโอกาสแล้ว การกำเริบในครั้งต่อไปเขาจะต้อง…เสียชีวิตลงแน่นอน!
“ยาถอนพิษ ยาถอนพิษ…”
กูเฟยเยี่ยนรีบค้นหายาสมุนไพรที่ตนเองพกไว้บนร่างกาย แต่นางพบว่าไม่มียาตัวใดที่สามารถปรุงเป็ยาถอนพิษได้ หญิงสาวหันไปมองหวางเป่าติงน้อยที่ห้อยอยู่บนเอวด้วยความหวาดกลัวและตึงเครียด!
ต้องรู้ไว้ว่าพิษหยินหยางที่นางใช้ไปเมื่อวานนี้ไม่เพียงแต่จะเป็พิษร้ายแรง แต่ยังเป็หนึ่งในพิษมั่วโลกีย์ที่หวางเป่าติงเหยียดหยา และรังเกียจที่สุดอีกด้วย
—
เมื่อวานนี้ในตอนที่นางนำสมุนไพรสำรองออกมาจากหวางเป่าติงถือได้ว่าสิ้นเปลืองแรงไปมาก เห็นได้ชัดว่าหวางเป่าติงกำลังแง่งอนและไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่งของนาง
นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว ความเป็ไปได้ที่หวางเป่าติงจะเข้าสู่สถานะหยุดทำงานอย่างสมบูรณ์นั้นสูงมากทีเดียว!
กูเฟยเยี่ยนไม่เพียงแค่ตึงเครียด แต่ยังมีความลนลานเล็กน้อยอีกด้วย
หากว่าหวางเป่าติงหยุดทำงานแล้วจริงๆ นางจะไปตามหาสมุนไพรบนหน้าผาสูงชันแห่งนี้ได้อย่างไร! นางต้องทนดูชายคนนี้เสียชีวิตลงกับตา! กูเฟยเยี่ยนยิ่งคิดยิ่งลนลาน นางรีบปลดหวางเป่าติงลงมาจากเอว ใช้มือทั้งสองข้างประคองด้วยความเคารพนับถืออย่างยิ่ง จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยความจริงจัง จริงใจ และเคารพเลื่อมใส “พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าข้าผิดแล้ว! ข้ารับรองว่าในครั้งหน้า ไม่ๆๆ…ไม่มีครั้งหน้าแล้ว! ข้ารับรองว่าจะไม่มีครั้งหน้าแน่นอน! ข้าจะใช้ยาของท่านในการรักษาชีวิตผู้คนเท่านั้น ไม่มีทางทำร้ายใครแน่นอน! ท่านยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะน้า! ครั้งเดียว! ”
นับั้แ่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันคาดว่าคงจะมีเพียงแค่กูเฟยเยี่ยนที่ขอร้องวิงวอนมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งาที่มีพันธสัญญากับตนเอง ์ทราบดีว่าถ้าท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวมาเห็นฉากนี้เข้า เขาจะเกิดความรู้สึกอย่างไร!
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวจะเห็นหรือไม่นั้นไม่อาจพูดได้อย่างแน่นอน ทว่าจวินจิ่วเฉินเห็นแล้ว
แม้ว่าร่างกายของจวินจิ่วเฉินจะไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะไม่อยากขยับเขยื้อนเปลือกตา ทว่าจิตใต้สำนึกของเขาชัดเจนมาก เขาไม่ได้สลบไสลไม่ได้สติ! หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของกูเฟยเยี่ยนจึงเกิดความประหลาดใจจนอดไม่ได้ที่จะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
เขาสังเกตเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนไม่เพียงแค่ประคองหวางเป่าติงด้วยความเคารพนอบน้อม แต่ยังยกมันขึ้นเหนือศีรษะอีกด้วย นางหลับตาลงด้วยใบหน้าจริงใจและไม่ขยับเคลื่อนไหวราวกับกำลังอธิษฐานต่อฟากฟ้า
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้อธิษฐานแต่กำลังรวบรวมความคิดในการใช้ญาณสมาธิเข้าไปในหวางเป่าติง ไม่ช้าญาณสมาธิของนางก็เข้าไป นางดีอกดีใจมาก แต่ในขณะที่กำลังตามหาสมุนไพร ญาณสมาธิก็ถูกขับไล่ออกมาทันที
หญิงสาวเข้าไปอีกครั้ง แต่ก็ถูกขับไล่ออกมาอีกครั้ง!
นางยิ่งคิดยิ่งเกิดความลนลาน สถานการณ์นี้เหมือนกับครั้งนั้นทุกประการ!
“ข้าขอร้องเ้าแล้วยังไม่ได้อีกหรือ? ”
นางบ่นพึมพำไปพร้อมกับพยายามต่อไป
ผ่านไปชั่วขณะสีหน้าของนางก็ไม่เคารพเลื่อมใสแล้ว นางขมวดคิ้วกันแน่นจนปรากฏให้เห็นถึงความดื้อรั้นราวกับไม่ว่าอย่างไรก็จะดึงดันให้ถึงที่สุด
แม้ว่าจวินจิ่วเฉินจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม แต่เขาทราบว่านางกำลังขอยาสมุนไพร เขามองไปมองมาคิ้วก็เริ่มขมวดแน่นเช่นกัน ภายในใจปรากฏขึ้นถึงความปวดใจ
กูเฟยเยี่ยนไม่ทราบว่าจวินจิ่วเฉินจ้องมองมาที่ตัวนางเอง หญิงสาวยืนกรานครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งถึงครั้งที่สามสิบเอ็ดในที่สุดญาณสมาธิของนางก็ไม่ถูกหวางเป่าติงขับไล่ออกมาและได้เข้าไปในช่องว่างกักเก็บยาสมุนไพรอย่างราบรื่น
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็วางหวางเป่าติงลงพลางลืมตาขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาความวิงเวียนศีรษะก็ได้บังเกิดขึ้น แต่นางไม่แม้แต่จะหยุดพักหายใจ นางรีบป้อนยาถอนพิษให้จวินจิ่วเฉินทันที
จวินจิ่วเฉินหลับตาลงไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ตั้งนานแล้ว
กูเฟยเยี่ยนนั่งลงด้านข้างแล้วอดไม่ได้ที่จะล้มตัวนอนลงบนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนราวกับร่างกายกำลังทรุดตัวลง
ทว่านางกำลังยิ้ม “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น นับได้ว่าข้าช่วยชีวิตน้อยๆ ของเ้ากลับมาแล้ว เ้าช่วยข้าหนึ่งครั้ง ข้าก็ช่วยเ้าหนึ่งครั้ง เหอะๆ พวกเราไม่ติดหนี้กันและกันแล้ว”
จวินจิ่วเฉินฟังไป ภายในใจก็เกิดความจำใจเล็กน้อย
แต่ใครจะไปทราบว่าวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะอันอ่อนเพลียของกูเฟยเยี่ยนจะเปลี่ยนมาเ้าเล่ห์มากขึ้น “เหอะๆ เ้ารอข้า…รอข้า รอข้าพักครู่หนึ่ง ข้าจะต้อง…ข้าจะต้องดูให้ได้ว่าเ้าหน้าตาเป็เช่นไรกันแน่! ”