หลิงมู่เอ๋อร์ผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไป นางวางอาหารลงบนโต๊ะ กล่าวกับทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเตียงว่า "อาหารเสร็จแล้ว พวกเ้ารีบทานขณะที่ยังร้อนอยู่"
ครั้นโจวฉี่รุ่ยเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ ก็เดินเข้ามาจากด้านข้างเตียง "แม่นางมู่เอ๋อร์ ขอบคุณเ้าแล้ว"
“ไม่จำเป็ต้องขอบคุณ าแของพี่ชายเ้าน่าจะดีขึ้นมากแล้วใช่หรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสบายๆ
โจวฉี่เยี่ยนพินิจมองไปที่หญิงสาวนางนี้ ผิวพรรณของนางเหลืองเล็กน้อย เส้นผมแห้งกระด้างบางส่วน รูปร่างก็คล้ายกับเด็กน้อย ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายแวววาวเป็อย่างยิ่ง มองดูแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกรักใคร่เอ็นดู ถ้าไม่ใช่เพราะว่าในดวงตาคู่นั้นมีความเฉลียวฉลาดและความปราดเปรียวที่ไม่สมกับอายุของนางอยู่ เขาคงคิดว่านางเป็น้องสาวข้างบ้านผู้หนึ่งไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็เช่นนั้น
แม้ว่าใน่ระยะนี้เขาจะพักฟื้นรักษาาแอยู่ในห้องตลอดเวลา แต่ว่าเสียงของด้านนอกก็ดังกังวานอย่างยิ่ง ด้วยวรยุทธ์ของเขาย่อมได้ยินอย่างชัดเจน ปัญหาต่างๆ ภายในร้านแห่งนี้แทบจะเป็สาวน้อยคนนี้จัดการ ขอเพียงมีคนมากลั่นแกล้งสร้างปัญหา ในทุกครั้งล้วนเป็นางที่ออกหน้าเพื่อหยุดยั้ง เห็นได้ชัดว่าในบ้านมีผู้าุโจำนวนมาก แต่กลับไม่มีใครสักคนที่สามารถเป็ผู้นำได้
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าโจวฉี่เยี่ยนกำลังมองนางอยู่ แววตาของชายผู้นั้นเฉียบคมเป็อย่างยิ่ง เหมือนกับเ้าแห่งหมาป่าที่พร้อมจะจู่โจมทุกเมื่อ ท่าทางของเขาราวกับว่ากำลังเฝ้าดูเหยื่อของมันอย่างไรอย่างนั้น
ทุกครั้งที่นางมาล้วนต้องผ่านการมองสำรวจของชายผู้นี้ และนางมีภูมิต้านทานต่อสายตาของเขาแล้ว แต่ว่านางก็ยังอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่เขา "งามหรือไม่?"
แววตาของโจวฉี่เยี่ยนฉายประกาย "แม้ว่าแม่นางจะไม่ได้งามล่มเมือง แต่กลับมีสติปัญญาที่ไม่เหมือนหญิงสาวธรรมดา"
หลิงมู่เอ๋อร์หลุดหัวเราะคิกคักออกมา "ความหมายของเ้าก็คือ ข้ามีรูปโฉมอัปลักษณ์ แต่เพราะว่าข้ามีกำลังมากจึงทำให้จัดการสถานการณ์ให้มั่นคงได้ใช่หรือไม่?"
ขณะที่กล่าวนางก็ชำเลืองมองเขาอย่างไม่พอใจหนึ่งที
โจวฉี่รุ่ยเป็กังวลว่าคำพูดของโจวฉี่เยี่ยนจะไม่น่าฟัง และถึงเวลานั้นจะทำให้หลิงมู่เอ๋อร์โกรธ หากเป็แบบนั้นก็จะลำบากแล้ว ไม่ใช่ว่าเขากลัวหลิงมู่เอ๋อร์ แต่เป็เพราะเขารู้สึกว่าหลิงมู่เอ๋อร์คือผู้มีพระคุณของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาสองพี่น้องจะไม่มีทางตอบแทนนางได้ แต่ก็มิอาจทำให้ผู้มีพระคุณโกรธเอาได้
“ข้าคิดว่าแม่นางมู่เอ๋อร์งดงามยิ่ง” โจวฉี่รุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงระเรื่อ
หลิงมู่เอ๋อร์มองสำรวจไปยังพี่น้องคู่นี้ พี่ชายหล่อเหลาเคร่งขรึม เป็บุรุษที่หล่ออย่างชายชาตรีผู้หนึ่ง น้องชายหล่ออย่างงดงาม เหมือนกับประเภทหนุ่มหล่อเป็ที่นิยมชมชอบมากที่สุดในตอนนี้ เพียงแต่ว่า นางยังคงชื่นชอบความหล่อประเภทชายชาตรีของพี่ชายมากกว่า น้องชายน่ะหรือ เอ็นดูเขาในฐานะน้องชายคนเล็กยังพอใช้ได้ หากจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนบุรุษทั่วไป เช่นนั้นก็คงจะยากสักหน่อยแล้ว
“แม่นางคงเข้าใจความหมายของข้า” โจวฉี่เยี่ยนไม่กังวลใจว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะมีโทสะ สตรีนางนี้ไม่ใช่หญิงสาวในห้องหอธรรมดาทั่วไปอย่างเช่นสตรีคนอื่นๆ นางจะไม่เดือดดาลเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยค
“พวกเ้ามีแผนอย่างไร?” หลิงมู่เอ๋อร์นั่งลง ยกน้ำชาด้านข้างขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำ พลางขมวดคิ้ว "เย็นชืดแล้ว ข้าจะให้พวกเขารินน้ำชาร้อนเข้ามา"
"ไม่รบกวนแล้ว พวกข้าพี่น้องดื่มน้ำเย็นมาตลอดหลายปี และไม่ได้ให้ความสำคัญกับเื่เ่าั้" โจวฉี่รุ่ยรีบร้อนกล่าว "แม่นางจะขับไล่พวกเราออกไปหรือ?"
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยคิดถึงเื่นี้ ในเมื่อรับพวกเขาไว้แล้ว ต้อนรับอย่างดีมาเป็เวลานาน หากจะให้พวกเขาอยู่ต่อไปก็ไม่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าจะให้พวกเขากินดื่มอย่างเดียวโดยไม่ทำสิ่งใดย่อมเป็ไปไม่ได้ หากคิดจะอยู่ต่อไปก็จำเป็จะต้องทำงานช่วยนาง นางคงไม่อาจเลี้ยงดูพี่น้องคู่นี้ได้ตลอดไปจริงๆ หรอกกระมัง?
“ข้าเคารพในความคิดของพวกเ้า” หลิงมู่เอ๋อร์วางถ้วยชาลง “ถ้าพวกเ้าเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ช่วยข้าดูแลการค้าภายในร้าน ่ระยะนี้พวกเ้าน่าจะเข้าใจสถานการณ์ในร้านของพวกข้าแล้วบ้าง ร้านของพวกข้าไม่ได้ใหญ่โต แต่มีคนที่คอยจับตามองค่อนข้างมาก ถ้าหากพวกเ้าเต็มใจที่จะอยู่ต่อ คาดว่าปัญหาน่าจะลดน้อยลง"
โจวฉี่รุ่ยเป็บัณฑิตผู้อ่อนโยน มองดูแล้วน่าจะเป็คนสุภาพมีมารยาท น่าจะไม่มีพละกำลังมากพอ แต่โจวฉี่เยี่ยนผู้นี้แตกต่างออกไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็ยอดฝีมือ
นางใช้การต้อนรับครึ่งเดือนแลกมาด้วยยอดฝีมือหนึ่งคนที่มาคอยอารักขาคนในครอบครัวปกป้องจวน ผู้ใดก็ไม่อาจพูดว่านางเสียเปรียบได้แล้ว ถึงอย่างไรในยุคสมัยนี้ ข้ารับใช้ทั่วไปสามารถพบเห็นได้ทุกที่ แต่ยอดฝีมือนั้นยากที่จะเชิญมาทำงานด้วยได้อย่างแท้จริง
"พวกเรายังคงต้องรบกวนแม่นางสัก่เวลาหนึ่ง" โจวฉี่เยี่ยนผู้ซึ่งพูดน้อยเป็ทุนเดิมกล่าวเสียงเรียบราบ "ต่อจากนี้ไป พวกเราพี่น้องจะไม่ทำตัวไร้ประโยชน์ ถ้าหากเ้าไว้ใจพวกเราพี่น้อง เื่กิจการภายในร้านสามารถมอบหมายให้กับน้องเล็กได้ เื่ความปลอดภัยภายในร้านสามารถมอบหมายให้ข้าได้”
"นั่นเป็เื่ที่ดี ข้าไม่มีสิ่งใดที่ต้องเป็กังวล ต่อจากนี้ไปก็ขอให้ท่านทั้งสองดูแลคนในครอบครัวของข้าแล้ว" หลิงมู่เอ๋อร์แย้มรอยยิ้มสดใส "ถ้าพวกเ้าพักผ่อนเพียงพอแล้ว ตอนเย็นก็มาทานอาหารร่วมกับพวกเราเถิด! คนในครอบครัวของข้ารู้เพียงแค่การมีอยู่ของพวกเ้า ยังไม่เคยพบพวกเ้าอย่างเป็ทางการเลย"
ในระยะนี้ผู้ที่มาส่งอาหารล้วนเป็ข้ารับใช้ หยางซื่อและคนอื่นๆ ไปมาหาสู่กับพวกเขาน้อยมาก มีเพียงแต่หลิงต้าจื้อที่เคยเข้ามาเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ในเมื่อ้าให้พวกเขาเข้ากับครอบครัวนี้ได้ จึงต้องปล่อยให้พวกเขาอยู่ร่วมกับทุกคนอย่างเป็จริงเป็จัง
“ตกลง” โจวฉี่รุ่ยรีบร้อนพยักหน้า “แม่นางวางใจ พวกข้าจะไปถึงที่นั่นอย่างตรงเวลา”
หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์เดินจากไปแล้ว พี่น้องสกุลโจวก็นั่งลงข้างเตียงและเงียบงันไปครู่ใหญ่ ในท้ายที่สุดก็เป็โจวฉี่รุ่ยที่เป็ผู้ทำลายความเงียบขึ้นมา "พี่ชาย พวกเราจะอยู่ที่นี่นานเพียงใดขอรับ?"
“เ้าคิดว่าพวกเราจะสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเพียงใด?” โจวฉี่เยี่ยนย้อนถามคำถามนี้กลับไป
โจวฉี่รุ่ยมองไปยังจุดที่ได้รับาเ็ของเขาอย่างเป็กังวล "ตอนนี้พวกเรา้าตัวตนใหม่ ครอบครัวนี้จิตใจดีมีเมตตา สามารถที่จะช่วยปกปิดให้พวกเราได้ เมื่อใดที่ปลอดภัยแล้ว พวกเราถึงจะสามารถจากไปได้ใช่หรือไม่ขอรับ?"
“เ้ากล่าวได้ไม่ผิด” โจวเยี่ยนลูบเส้นผมของโจวฉี่รุ่ย “่ระยะเวลานี้ลำบากเ้าแล้ว ตอนนี้พี่ชายหายดีแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ให้พี่ชายปกป้องเ้าเถิด ั้แ่เด็กจนเติบใหญ่ เ้าไม่เคยได้รับความหวาดกลัวเหมือนดังในตอนนี้มาก่อนเลย”
“มนุษย์ล้วนต้องเติบใหญ่เสมอ เมื่อก่อนข้าถูกพวกท่านปกป้องดีเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่เคยได้รับความรู้สึกไม่เป็ธรรมมาก่อน” โจวฉี่รุ่ยยิ้มอย่างขมขื่น “บัดนี้ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่แล้ว พวกเหล่าพี่สาวก็ไม่รู้ว่าเป็หรือตาย ข้าเหลือเพียงแค่พี่ชายผู้เดียว ไม่ว่าจะให้ข้าทำสิ่งใด ข้าก็จะปกป้องท่านอย่างดีในทุกๆ ด้านขอรับ”
“น้องโง่” โจวฉี่เยี่ยนตบไปที่ไหล่ของโจวฉี่รุ่ย "พวกเราจะล้างแค้นให้กับท่านพ่อท่านแม่ จะต้องมีสักวันหนึ่ง ข้าจะสังหารศัตรูกับมือของข้าด้วยคมมีดเอง"
ยามราตรี คนสกุลหลิงนั่งทานอาหารด้วยกัน พี่น้องสกุลโจวนั่งอยู่ระหว่างหลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิว
หลังจากผ่าน่เวลาพักฟื้นนี้แล้ว สีหน้าของสองพี่น้องก็ดีขึ้นมาก ครั้นทุกคนเห็นรูปลักษณ์ของทั้งสองคน ก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนสามัญชน ไม่ว่าจะเป็กิริยาท่วงท่า หรือจะเป็รูปลักษณ์ของทั้งสองคน มีเพียงแค่ครอบครัวของคนมีเงินเท่านั้นถึงจะสามารถเลี้ยงดูออกมาให้มีลักษณะเช่นนี้ได้
"่ระยะที่พวกเราสองพี่น้องอยู่ที่นี่ต้องรบกวนพวกท่านแล้ว" โจวฉี่เยี่ยนยกจอกสุราขึ้น และกล่าวกับทุกคน "ข้าน้อยขอดื่มคารวะทุกท่านหนึ่งจอก"
"น้องชาย ผู้ใดจะไม่ประสบกับความยากลำบากในชีวิตบ้าง? เมื่อทุกคนจากบ้านมาแล้วลำบาก ถ้าหากสามารถช่วยได้ก็ช่วยสักหน่อย พวกข้าก็ไม่ได้ทำอันใด ถึงอย่างไรยามปกติพวกข้ากินสิ่งใด ก็ยกสิ่งนั้นส่งให้พวกเ้า ไม่ได้สุภาพกับพวกเ้า เ้าก็อย่าได้สุภาพกับพวกข้าเลย” หลิงต้าจื้อมองพี่น้องคู่นั้นด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
โจวฉี่เยี่ยนผู้ไม่ค่อยหัวเราะมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวนี้ เขาก็ยิ้มออกมาจากใจจริงของตนเอง
“นั่นเป็บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ที่มิอาจกล่าวคำขอบคุณได้แล้ว พวกเราพี่น้องยังคงต้องรบกวนอยู่ที่นี่อีกสักระยะหนึ่ง หลังจากนี้ทุกท่านได้โปรดอย่าถือสา” โจวฉี่เยี่ยนประสานมือทั้งสองข้างคารวะ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
"พวกข้าล้วนเป็ครอบครัวชาวนา ไม่ได้มีกฎเกณฑ์มากมาย เ้าก็อย่าได้ขอบคุณกันไปกันมาเลย" หยางต้าหนิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ซื่อตรง "รีบทานอาหารเถิด! ตอนที่เ้าเพิ่งจะมาที่นี่นั้นาเ็ร้ายแรง ถึงแม้ว่าพักฟื้นได้ระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าก็น่าจะยังไม่ฟื้นตัวดี นี่คือเนื้อไก่ กินบำรุงร่างกายให้มากสักหน่อย”
“พูดถึงเนื้อไก่” หลิงมู่เอ๋อร์คีบหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปาก “ครอบครัวพวกเราควรจะเลี้ยงไก่เองบ้าง ไก่ที่ซื้อมาจากข้างนอกไม่อร่อยเลยสักนิดเ้าค่ะ”
นางก็ยังคิดจะเลี้ยงไก่ในมิติอีกด้วย หากในมิตินอกจากจะมีสวนสมุนไพรแล้วก็เป็สวนผัก นำไก่ใส่เข้าไปในมิติก็จัดการดูแลได้ยาก นอกเสียจากว่านางจะทำรั้วกั้นในมิติแล้วนำไก่เข้าไปเลี้ยงอยู่ด้านในรั้ว เพื่อไม่ให้พวกมันออกมาทำลายสวนผักและสวนสมุนไพรของนาง เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็มีความคิดในใจของนางแล้ว
“มู่เอ๋อร์กล่าวได้ถูก พวกเราสามารถเลี้ยงไก่ได้ ลานบ้านใหญ่โตมากขนาดนี้ จัดการพื้นที่ตรงนี้สักหน่อย เลี้ยงไก่หลายสิบตัวล้วนไม่ใช่ปัญหา เมื่อก่อนบ้านพวกเรายากจนเลี้ยงไก่ไม่ได้ ตอนนี้สามารถเลี้ยงได้แล้วก็จะต้องเลี้ยงให้ยิ่งใหญ่ไปเลย” ดวงตาของถังซื่อดีขึ้นมากแล้ว และตอนนี้สามารถมองเห็นท่าทีของทุกคนได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่า ดวงตาของคนชราเสื่อมถอยลง อยากจะให้แจ่มแจ้งชัดเจนเหมือนคนหนุ่มสาวนั่นย่อมเป็ไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าถังซื่อมองไม่เห็นมาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่กลับมามองเห็นความสว่างไสวได้อีกครั้ง ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าในใจมีความสุขมากเพียงใด มนุษย์ประสบกับเื่ที่น่ายินดีจิตใจยิ่งแช่มชื่น เมื่อจิตใจดี ร่างกายก็จะดีขึ้น ผู้คนก็จะอ่อนเยาว์ลงหลายปี ระยะนี้ถังซื่อก็อ่อนเยาว์ลงไปไม่น้อย
“ฟังท่านแม่เ้าค่ะ” หยางซื่อก็คิดที่จะอยากเลี้ยงไก่เช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ยุ่งมากเกินไป พวกเขาไม่อาจละมือได้ ตอนนี้มีคนเพิ่มมาอีกแล้วสองคน นางจึงมีเวลาว่างที่จะไปจัดการเื่อื่น
ทุกคนในบ้านล้วนอยากเลี้ยงไก่ ครอบครัวชาวนามีความหมกมุ่นในสัตว์ปีกเป็อย่างยิ่ง เมื่อก่อนครอบครัวยากจน ทำได้เพียงแต่เฝ้ามองครอบครัวอื่นเลี้ยงโดยไม่อาจทำอันใดได้ ตอนนี้พวกเขาสามารถเลี้ยงได้แล้ว แน่นอนว่าความปรารถนาย่อมพุ่งพล่านขึ้นมา นอกจากนี้แล้ว ร้านที่พวกเขาเปิดนั้นเป็ร้านอาหาร ในทุกวันจำเป็ต้องใช้วัตถุดิบเป็จำนวนมาก หากไปซื้อวัตถุดิบทุกอย่างที่ตลาด ราคาต้นทุนก็จะสูงมาก ไก่ที่ซื้อกลับมาไม่เพียงไม่อร่อยเท่าไก่ที่บ้านพวกเขาเลี้ยงเอง แต่ยังมีราคาแพงมากอีกด้วย เมื่อคิดเช่นนี้ แน่นอนว่าซื้อไก่มาเลี้ยงเองย่อมดีกว่า
พี่น้องสกุลโจวเข้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว คนสกุลหลิงและสกุลหยางล้วนเป็คนจิตใจดี แม้แต่ลูกแมวและลูกสุนัขก็สามารถดูแลได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงมนุษย์ที่มีชีวิตอันยิ่งใหญ่ พี่น้องสกุลโจวก็ไม่ใช่คนอกตัญญู ด้วยเช่นนี้เองพวกเขาถึงเข้ากันได้เป็อย่างดี
"มู่เอ๋อร์..." หยางซื่อวิ่งกลับมาจากด้านนอก “มู่เอ๋อร์ เมื่อครู่ข้าเห็นอาสะใภ้รองเ้า นาง… นางกับบุรุษผู้หนึ่ง...”
หยางซื่อลากหลิงมู่เอ๋อร์กลับไปที่เรือนด้านหลัง กล่าวต่อหน้านางอย่างกระวนกระวาย "เ้าว่าเหตุใดพี่สะใภ้รองผู้นี้ถึงทำเื่เช่นนี้กัน?"
หลิงมู่เอ๋อร์เคยเห็นมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกแปลกใจ คนบ้านนั้นนอกจากครอบครัวของท่านลุงใหญ่และอาสะใภ้สี่ คนอื่นๆ ล้วนไม่ใช่คนดีอันใด
“ท่านแม่ นั่นเป็เื่ของพวกเขา ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา ท่านก็อย่าไปสนใจเื่นี้มากขนาดนั้นเลยเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ตบไปที่มือของนาง พลางเอ่ยปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้าเห็นเข้าแล้ว คงไม่อาจแสร้งหูหนวกเป็ใบ้ได้กระมัง? เ้ารู้นิสัยของแม่เ้าดี ปกติก็ไม่อาจปิดบังเื่อันใดได้” หยางซื่อทอดถอนหายใจพลางกล่าว
“ท่านแม่ ่นี้ท่านก็อยู่แต่ในร้านคอยจัดการเื่ภายใน เื่ออกไปหาซื้อวัตถุดิบก็มอบหมายให้แก่ข้า หากท่านไม่ออกจากบ้าน ก็จะไม่ได้พบเห็น จิตใจก็ไม่ว้าวุ่น เช่นนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอีกครั้ง "เอาล่ะ ตอนนี้เป็่ที่การค้ากำลังดี ทุกคนยุ่งมากไม่อาจปลีกตัวได้ ท่านยังคงเป็กังวลกับคนที่มไม่สำคัญอยู่อีก"
"เ้าเด็กผู้นี้...นั่นเป็อาสะใภ้รองของเ้าเชียวนะ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำเกินไปบ้าง แต่พวกเรายังคงเป็คนตระกูลเดียวกันอยู่" ปัญหาการเป็คนดีของหยางซื่อกำเริบขึ้นอีกครั้งแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าไม่อาจเปลี่ยนนางได้ในเวลาอันสั้น ขอเพียงแค่นางไม่ออกไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของผู้อื่น เื่อื่นนางก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน นิสัยของมนุษย์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน ถ้าหากเปลี่ยนได้ง่ายขนาดนั้น นางก็คงไม่ใช่มารดาของตนเองแล้ว
ครั้นหลิงมู่เอ๋อร์เห็นหยางทอดถอนหายใจทั้งวัน หลิงมู่เอ๋อร์กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของทั้งหลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิวเอาไว้ หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคนทั้งบ้านคงจะรู้เื่นี้เสียแล้ว
นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของครอบครัวนั้น และนางจะไม่ยอมให้พวกเขามายุ่งเื่ของพวกนางด้วยเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้