‘ป้า...อ่ะ...ทำไมไม่รั้งลินให้อยู่กับเราล่ะ ปล่อยให้กลับไปแบบนั้นมันอันตรายนะครับ’ รามเอ่ยบอกกับป้าของตนด้วยสีหน้าที่เป็ห่วงคนร่างบางอย่างไม่ปิดบัง
‘เห้ออออ แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อหลายปีมานี้หนูลินเขาเองก็เอาแต่เข้มแข็งมาโดยตลอดอีกทั้งไม่เคยเอ่ยปากพึ่งพาใคร หรือแม้แต่ระบายความในใจให้ป้าฟังเลยแม้สักครั้ง แล้วอีกอย่างป้าเองก็เป็ห่วงหนูลินไม่แพ้แกหรอกย่ะ...’ ป้านีบอกหลานชายอย่างถอดถอนใจ ก่อนจะมองตามหลังร่างบางไปโดยที่สายตาแสดงความเป็ห่วงไม่ต่างจากสายตาของหลานชายตน
เสียงของทั้งสองป้าหลานลอยแว่วตามหลังฉันมาและทำให้ฉันรู้สึกตื้นตันใจ แต่ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกตื้นตันใจกับความเป็ห่วงที่ทั้งสองป้าหลานมีให้ฉันมากแค่ให้ แต่ทว่า...ถึงยังไงฉันก็ต้องกลับไปที่บ้านของตัวเองอยู่ดี เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะหลบหน้าหนีปัญญาที่เกิดขึ้น เพราะถ้าฉันหนีฉันก็คงต้องหนีไปตลอดชีวิต...
ฉันเดินมาด้วยร่างกายที่โรยราเหนื่อยล้า จนกระทั่งสองขาพามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ร่างกายที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคล้ายกับขาที่ก้าวต่อไปไม่ออก สายตาที่จ้องมองไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวจนเผลอทำให้เกิดความกลัวขึ้นมา แต่เพราะว่าบ้านหลังนี้มันยังมีกลิ่นอายของพ่อและครอบครัวของฉันอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไปให้ได้
แกร๊ก ~~ แอ๊ดดดด...
ฉันกลั้นใจบิดลูกบิดประตูหน้าบ้านเข้าไป ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้งแล้วทำตัวเป็เสมือนธาตุอากาศอย่างที่เคยทำมาพร้อมกับรีบสาวเท้ายาว ๆ ไปด้วยความเร็ว เพื่อเดินผ่านสองร่างที่กำลังนัวเนียกันอยู่ที่โซฟาอย่างไม่นึกอายฟ้าอายดินไปให้เร็วที่สุด
‘อุ๊ย...คริคริ...อย่าจับตรงนั้นซี้...พี่จั๊กจี้ไปหมดแล้ว’ เสียงของยัยผู้หญิงไร้ยางอายที่เพิ่งเสียผัวอย่างอดีตแม่เลี้ยงของฉันกำลังหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับคู่ขาอย่างไม่มียางที่หน้า ส่วนฉันที่พยายามเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากรับรู้ภาพน่ารังเกียจก็ได้แต่รีบสาวเท้าก้าวเดินให้เร็วยิ่งขึ้น
แต่ทว่า...ความเร็วของขาก็ดูจะยังช้าไปสำหรับคู่ผีเน่ากับโลงผุที่กำลังจะเล่นบทเลิฟซีนตรงโซฟาอยู่ดี
‘อ้าว...นั่นลูกเลี้ยงพี่นี่ครับ สวัสดีครับ...เอ่อ...น้อง...’ เสียงของผู้ชายที่เป็คู่ขาของผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นะโตามหลังฉันมา และนั่นก็ทำให้ฉันใจนเปลี่ยนจากการก้าวขายาว ๆ เป็วิ่งขึ้นห้องไปแทน
พอถึงห้องนอนของตัวเอง ฉันก็รีบปิดประตูลงกลอนให้แ่าอย่างไว ก่อนจะพาร่างที่เหนื่อยล้าจนแทบจะยืมไม่ไหวเดินทิ้งตัวลงไปนั่งอย่างอ่อนแรงอยู่ด้านข้างที่นอน
และเมื่อความเงียบเหงาเข้าปกคลุมหัวใจดวงน้อย ๆ อีกครั้ง ก็ทำให้หยาดน้ำตาที่คิดว่าน่าจะแห้งเหือดไปั้แ่ส่งพ่อให้ออกเดินทางไกลแล้วให้กลับย้อนไหลออกมาอีกครั้งเป็ทาง
‘ฮึก ฮึก...ฮืออออ ~~ พ่อค่ะ...ลินคิดถึงพ่อจังเลยค่ะ’ ฉันเอามือกุมหน้าตัวเองร้องไห้อย่างสุดจะกักกลั้น พร้อมกับความรู้สึกของหัวใจที่พังทลายปวดร้าวไปหมดได้กลับคืนมาให้รู้สึกอีกครั้ง โลกทั้งโลกที่เหมือนกับว่ามันพัง แต่กลับมีฉันเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน
ความรู้สึกโหยหาความอบอุ่นจากคนเป็พ่อถาโถมเข้ามาจนไม่อาจจะพรรณนาเป็ความรู้สึกได้ แม้ว่าที่ผ่านมาฉันกับพ่อจะเฉยเมยต่อกันมากเพียงใด แต่ลึก ๆ แล้วในใจเราสองคนต่างรู้ดีว่าเรายังรักและคอยห่วงใยกันอยู่เสมอมา เพียงแต่ว่าพ่อของฉันท่านที่ได้รับความเ็ปกับสิ่งที่แม่ได้ทำเอาไว้ไม่ไหว จึงไม่อาจที่จะทำใจให้มองใบหน้าอันเป็ดั่งสัญลักษณ์ของความรักเมื่อครั้งยังหวานชื่นอย่างฉันได้อย่างสนิทใจ
ส่วนฉันเองก็มีความผิดต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่ต่างกัน นั่นก็เพราะถ้าฉันได้ปล่อยปละละเลยความรู้สึกผูกพันที่เคยมีต่อคนเป็พ่อมากเกินไปจนเกินเยียวยา เพียงเพราะคิดว่าถึงยังไงฉันก็ยังมีท่านอยู่ข้างกาย อีกทั้งยังคิดว่าถึงยังไงกลับบ้านมาก็ได้เจอหน้ากันทุกวันอยู่ดี และถึงแม้ว่ามันจะไม่อบอุ่นเหมือนดั่งเดิมก็ตาม แต่ฉันเองที่เลือกจะปล่อยทุกอย่างให้เป็ไปตามทางของมัน โดยลืมไปว่า...ทุกความสัมพันธ์ทุกคนก็ควรจะพยายามและทำให้ครอบครัวที่เหลืออยู่กลับมาอบอุ่นให้ได้เหมือนเดิม ไม่ใช่ปล่อยให้คนใดคนหนึ่งพยายามอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ความคิดที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายในวันที่สายไป ยิ่งตอกย้ำหัวใจฉันให้เ็ปเมื่อต้องจมอยู่กับความจริงที่ว่าฉันไม่อาจจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว แม้กระทั่งสิ่งที่ฉันคิดเอาเองง่าย ๆ อย่างเช่นว่า ถ้าทำตัวดีไม่มีปัญหา ทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองไม่มีตัวตน ฉันที่คิดแค่ว่าถ้าทำเพียงแค่นี้ก็คงพอที่จะไม่ทำให้พ่อของฉันต้องเหนื่อยใจแล้ว
แต่ทุกอย่างมันกลับ...ไม่ได้เป็อย่างนั้น แต่มันกลับกลายเป็ว่าฉันเองที่ใช้สองมือของตัวเองผลักทุกอย่างออกไปให้พ้นตัวจนหมด...จนทุกอย่างมันสายเกินไปอย่างไม่น่าให้อภัย...
และนอกเหนือจากสิ่งอื่นใดเมื่อบางสิ่งบางอย่างมันไม่เคยให้โอกาสเราเป็ครั้งที่สอง...
อย่างเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่เกิดขึ้นมันได้ตอกย้ำแล้วว่าฉันไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวหรือโอบกอดความรักของพ่อให้กลับมาได้อีกแล้ว โอกาสที่ไม่มีอีกแล้ว...ไม่มีแม้กระทั่งร่างกายของท่านที่จะให้ฉันได้กอดได้ััอีก ไม่มีอีกแล้วคนเป็พ่อ...คนที่เป็ดั่งสายใยความผูกพันเดียวที่เหลืออยู่ของฉัน...
น้ำตาที่ต่างพรั่งพรูไหลออกมาไม่ขาดสาย และเมื่อบวกเข้ากับความเหนื่อยล้าในตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้ฉันฟุบหลับไปั้แ่เมื่อไรไม่รู้
จนกระทั่ง...เมื่อฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างสาวเหมือนถูกอุ้มในท่าเ้าสาวจนตัวลอย...
‘พ่อ...ค่ะ’ เสียงแ่เบาถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูสวยที่แห้งผาก รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นโดยที่เปลือกตายังคงปิดปรือเสมือนอยู่ในความฝัน เนื่องจากความคิดถึงบิดาชั่วขณะนั้นทำให้หญิงสาวลืมไปว่า ณ เวลานี้บิดาของเธอไม่อยู่มาอุ้มเธอเหมือนเด็ก ๆ อีกแล้ว
และในขณะที่สมองกำลังประมวลผลหลังจากเพิ่งจะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ความจริงที่ฝังอยู่ในหัวใจว่าบัดนี้ผู้เป็บิดาไม่ได้อยู่ดูแลเธออีกแล้ว ก็ทำให้สติวิ่งเข้ากลับสมองมาจนขมวดคิ้วถามตัวเองในใจว่า...
แล้ว...คนที่อุ้มฉันอยู่ตอนนี้คือใครกัน!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้