“รุ่นพี่ ช่วยปล่อยฉันทีค่ะ...”
เหวินกวนจิ่งรู้สึกราวกับโดนเคาะลงบนหัวเหมือนกับกำลังโอบอุ้มเหล็กร้อนเอาไว้ มันร้อนเสียจนน่าใเขาจึงรีบวางหลินลั่วหรานลงในทันที
สถานการณ์ที่ดูน่าอายแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของ “นายทหารตัวอย่าง” ทั้งสามสิบกว่าปีของเหวินกวนจิ่งดังนั้นเพียงแค่หลินลั่วหรานไออ้อมแอ้มออกมาก็ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำแล้ว ใบหน้าของเขาแดงก่ำเขาจึงลืมถามไปว่าทำไมหลินลั่วหรานถึงหายไป อีกทั้งยังมาปรากฏตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วย!
หลินลั่วหรานไม่อยากให้เหวินกวนจิ่งพูดถึงเื่นี้ขึ้นมาดังนั้นแม้ว่าเธอจะเขินอายอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังคงหาข้ออ้างออกมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหวินกวนจิ่ง
“รุ่นพี่เหวินเจอของที่ตามหาหรือยังคะ?”
เหวินกวนจิ่งไม่ได้ตอบกลับคำถามของเธอเพียงแต่ถามกลับด้วยความไม่แน่ใจนัก “เธอคือรุ่นพี่หลิน?”
หลินลั่วหรานมองไปยังท่าทางระมัดระวังของเขามันดูตลกมากทีเดียว จึงแกล้งเขาออกไป “ใช่แล้ว!”
หลังจากได้ยินดังนั้นสีหน้าของเหวินกวนจิ่งก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่ว่าแอบสะสมแรงเอาไว้ และเริ่มการเตรียมตัวป้องกันขึ้นมาหลินลั่วหรานไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็รุ่นพี่ของเขา...
หลินลั่วหรานเห็นท่าทางของเขาแล้วก็พบว่าบรรยากาศอึมครึมนั้นหายไปมาก จนกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ “รุ่นพี่ฉันแค่หยอกเล่นน่ะค่ะ นี่ฉันแน่นอน ไม่ต้องสงสัย”
เหวินกวนจิ่งมองไปที่เธออย่างลังเลแม้ว่าภายนอกของคนนั้นจะเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน แต่ว่าท่าทางนั้นเกิดจากภายในและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนแววตาของหลินลั่วหรานชัดเจนไร้สิ่งผิดปกติ เหมือนในครั้งแรกที่ได้พบกัน ก่อนที่เธอจะกลายเป็หญิงสาวที่ดูราวกับนักรบผู้เก่งกาจ
คิ้วของเหวินกวนจิ่งขมวดเข้าหากันก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆ ออกมา “รุ่นพี่ ต่อไปอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ”
หลินลั่วหรานถูกสีหน้าแบบนั้นของเขาทำเอาขบขันขึ้นก่อนจะพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ ความจริงแล้วเพราะเื่ของโจวเหย้าเวยในตอนแรกเธอจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับเหวินกวนจิ่ง หรือแม้แต่ “หน่วยพิเศษ” เองก็ไม่ได้ดีด้วยเสียเท่าไร แต่ว่าเมื่อได้พบกับเื่เมื่อสักครู่แล้ว...ตอนที่หลินลั่วหรานถูกผีสาวเข้าควบคุมในตอนแรกจิตความคิดของเธอยังเด่นชัด เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจนเขาอยู่ข้างเธอมาั้แ่แรก
ทุกคนเพียงแค่รู้จักกันเพราะความจำเป็และก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วัน หากอยากจะให้เหวินกวนจิ่งมอบชีวิตให้เธอเธอเองก็ยังไม่ไร้ยางอายมากขนาดนั้น เขาทำถึงเพียงนี้ สำหรับหลินลั่วหรานแล้วก็ถือว่าเป็คนที่ดีมากคนหนึ่งแล้วเช่นกัน
“รุ่นพี่ ของที่ตามหาเจอแล้วหรือยังคะ?”
เหวินกวนจิ่งส่ายหน้า หรือว่ารอบนี้จะมาผิดแล้วจริงๆ?
หลินลั่วหรานขยับสายตาได้เพียงแต่ให้กำลังใจเขาเท่านั้น ทั้งสองปรึกษากันหากว่ามีของที่เหวินกวนจิ่ง้าจริง ที่แห่งนี้ก็เป็ห้องหินขนาดใหญ่การที่จะหาให้ครบทุกซอกทุกมุมนั้น ไม่อาจจะทำได้ในพริบตา
หลินลั่วหรานจึงเริ่มตรวจสอบจากทางซ้ายส่วนเหวินกวนจิ่งก็เริ่มหาจากทางขวา
ที่แห่งนี้ใหญ่มากแต่พื้นที่ว่างที่ติดกับผนังนั้นมีเพียงขนาดสามฟุต ส่วนที่เหลือก็เป็สระบัวหลินลั่วหรานใช้มือััไปอีกผนัง ผนังหินที่ราบรื่นไร้รอยเมื่อใช้จิตความคิดเข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่าด้านหลังของมันเป็เพียงก้อนหินเท่านั้นและไม่ได้มีอะไรที่ดูผิดปกติไป หลินลั่วหรานตั้งใจเสาะหาเพียงชั่วครู่ก็ตรวจสอบมันจนครบ
ไม่มี...มันเป็เพียงกำแพงหินธรรมดาเท่านั้นถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ภายใต้น้ำลึก มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากถ้ำธรรมดาทั่วไปและก็ไม่ได้ดูเป็ของที่เกี่ยวข้องกับนักฝึกศาสตร์เลยสักนิด
ไม่นานนักทั้งสองก็ตรวจสอบในส่วนของตัวเองจนเสร็จก่อนจะหันหน้ามาหากัน
“รุ่นพี่สิ่งที่ตามหาอยู่คืออะไรเหรอคะ ไร้ขอบเขตแบบนี้ จะหาเจอได้ยังไง?”
เหวินกวนจิ่งมองไปยังสระน้ำ ก่อนจะนิ่งเงียบไปในสถานการณ์แบบนี้ ปิดบังหลินลั่วหรานไปก็ไม่ได้อะไรอย่างไรบอกเธอไปให้ชัดเจนก็น่าจะดีกว่า
“สิ่งที่ฉัน้าจะหาคือตำราของเขาชู่ชานที่หายไปเมื่อหลายปีก่อน มีชื่อว่า ‘ทฤษฎีแห่งดาบ’ ในม้วนหนังแกะบอกเอาไว้ว่าน่าจะอยู่ที่นี่ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ในของแบบไหน”
โชคดีที่ตอนนี้เธอไม่ได้ดื่มน้ำอยู่ไม่อย่างนั้นหลินลั่วหรานคงจะพ่นมันออกมา!
ทฤษฎีอะไรนะ นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ท่านเทพป๋ายให้เธอมาราวกับเป็ผักกะหล่ำหรอกเหรอ? พระเ้า เพื่อของสิ่งนี้เหวินกวนจิ่งถึงได้ลากตัวเองมาจนถึงที่นี่ และเกือบจะถูกผีสาวเอาชีวิตไป...หลินลั่วหรานรู้สึกว่าที่เธอทำมาทั้งหมดนั้นมันต่างเป็ความผิดพลาด ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองมีของสิ่งนี้อยู่แต่ก็ไม่อาจจะบอกเหวินกวนจิ่งออกไปได้ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายได้อย่างไรศาสตร์ตำราของเขาชู่ชานที่หายไปหลายปี แต่กลับมาอยู่ในมือของหลินลั่วหรานได้อย่างไร?
ที่ว่ากันว่าคนเก่งมักถูกอิจฉานั้นหลินลั่วหรานเข้าใจมัน ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่ามันจะอยู่ที่นี่อย่างน้อยทั้งสองก็ไม่ต้องมาที่นี่เสียเปล่า แต่ก็ไม่อาจจะรับประกันได้เธอจึงถามเหวินกวนจิ่งออกไป “รุ่นพี่ ม้วนหนังแกะนั่น เป็ไปได้ไหมว่า เพียงแค่้าดึงดูดให้คนเข้ามาเป็หลุมพรางเพื่อให้ง่ายแก่การย้ายจิต...?”
ตอนแรกหลินลั่วหรานก็พูดออกมาเฉยๆ เท่านั้นแต่เมื่อพูดออกมาแล้ว แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังต้องใทำไมที่แห่งนี้ถึงต้องสร้างเอาไว้ใต้น้ำ ไม่ใช่ว่าเพราะผีสาวนั่นมีพลังธาตุน้ำเหรอ? แล้วรูปภาพที่อยู่ข้างฝาผนังนั่นภาพของนักปราชญ์ระดับแยกจิตที่โบยบินสู่แสงสีรุ้ง ความจริงแล้วพวกเขาบินขึ้นไปจริง หรือว่ามันเป็เพียงสิ่งที่สร้างขึ้นมาตามเื่ราวเล่าขานเพื่อดึงดูดคนที่เข้ามาที่นี่?
รูปภาพหลังจากนั้นยังคงถูกทำให้ดูราวกับถูกทำลายออกไปทำให้คนคิดว่าด้านในนี้มีคำตอบแต่ว่าที่ที่สำคัญขนาดนี้ทำไมเพียงแค่เหวินกวนจิ่งทดลองใช้เวทป้องกันไม่กี่อย่าง ก็สามารถเปิดเข้ามาได้แล้ว?
เมื่อมาคิดกลับไป ก็พบว่าขั้นตอนการป้องกันนั้นแม้ว่าไม่มีเวทปลดล็อก ก็สามารถที่จะบังคับเปิดมันออกมาได้อยู่ดี?
นี่มันไม่สอดคล้องกับความ้าของเ้าของสุสานในความคิดของคนจีนที่สืบทอดต่อกันมา คนตายนั้นไม่ควรที่จะถูกรบกวนยิ่งหากเป็นักฝึกศาสตร์ที่เก่งกล้าด้วยแล้ว ก็คงจะไม่หวังให้ใครมาปล้นสุสานของตัวเองง่ายๆ...หลินลั่วหรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆเมื่อคิดดูแล้ว การที่เธอหนีออกมาได้นั้น ช่างถือว่าโชคดีจริงๆ
เหวินกวนจิ่งนั้นไม่ใช่คนโง่เพียงแต่ทรัพย์สมบัตินั้นดึงดูดใจคน เขาชู่ชานนั้นต่างก็เป็นักดาบทฤษฎีที่หายไปนั้น มีความสำคัญมากแค่ไหน คนยุคใหม่อย่างเขานั้นเข้าใจมันดีสำหรับเขาแล้ว ทฤษฎีนั่นมีความยั่วยวนใจเขามากกว่าสมบัติชิ้นใดในโลก
แม้แต่หลินลั่วหรานยังมองกับดักนี้ออกตอนนี้เขาใจเย็นลง เขาเข้าใจว่า กว่าครึ่งคงเป็เพราะผีสาว้าร่างในการย้ายจิตสงสัยในตัวคนที่เคยมาก่อนหน้า เพื่อม้วนหนังแกะนี้เขาเกือบจะต้องตายในปากของสัตว์ประหลาด เหวินกวนจิ่งจึงยังคงรู้สึกไม่สบายใจนัก
ความไม่สบายใจของเขานั้นหลินลั่วหรานสามารถรับรู้มันได้อย่างชัดเจนยิ่งเมื่อเธอรู้ทฤษฎีนั่นอยู่แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมา จึงชี้ไปยังโลงคริสตัลใสก่อนจะพูดขึ้น “รุ่นพี่แม้ว่าจะเป็กับดับ แต่ว่าที่มาของมันอาจจะไม่ใช่เื่หลอกนะคะ พวกเราลองไปตรวจสอบโลงนั่นกันหน่อยไหม...ถ้าไม่โอเคจริงๆสระบัวนี่ก็คงจะต้องค้นกันสักรอบ ไม่ให้การมาครั้งนี้ต้องเสียเปล่านะคะ!”
เขามองไปยังท่าทางโมโหบนใบหน้าของเธอหาโลงศพอะไรนะ แล้วยังจะค้นสระน้ำอีกเห็นได้ชัดว่าเธออยากจะแก้แค้นการทดลองย้ายจิตของหญิงสาวคนนั้นเหวินกวนจิ่งไม่เคยเห็นหลินลั่วหรานที่ดูเด็กแบบนี้ความรู้สึกเศร้าใจที่หาทฤษฎีไม่เจอ ถูกท่าทางเด็กๆ ของเธอปัดเป่าออกไปมากจึงพยักหน้าตอบรับข้อเสนอนี้
ร่างของหญิงสาวนอนนิ่งอยู่ในโลงใสพวงแก้มของเธอประดับไปด้วยเืฝาด ดอกโบตั๋นที่ประดับอยู่บนเส้นผมก็ยังคงงดงามเหมือนเคย แม้ว่าหลินลั่วหรานจะมีความคิดโง่ๆ แบบนั้นขึ้นมาแต่ว่าเมื่อเห็นร่างของผีสาวแล้ว ก็ยังรู้สึกเกรงกลัวอยู่ดี
เหวินกวนจิ่งไม่ชอบการกระทำของผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาชู่ชานอย่างไร ก็ยังคง้าที่จะเปิดโลงนี่ออกเพื่อดูด้านในอยู่ดี
แต่หาอยู่นานสิ่งที่ผิดไปจากที่ทั้งสองคาดไว้ก็คือ รอบๆ ของโลงใสนี่กลับไม่มีรอยแยกเลยแม้แต่น้อยมันดูราวกับน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่ถูกแกะสลักแบ่งเป็สองส่วนโดยที่ไร้ซึ่งรอยต่อระหว่างฝาโลงและตัวโลงศพ
ร่างของหญิงสาวคนนั้นเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร?
หลินลั่วหรานมึนงง แล้วจิติญญาของเธอย้ายร่างออกมาได้อย่างไร?
หรือว่าโลงคริสตัลใสนี่อาจจะออกมาได้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถใส่อะไรเข้าไปได้...วิธีการของนักฝึกศาสตร์ทำให้มือใหม่อย่างหลินลั่วหรานนั้นได้เปิดโลกกว้างมากจริงๆ
แต่เหวินกวนจิ่งนั้นไม่ได้ล้มเลิกความพยายามง่ายๆเขายังคงคิดว่าภายนอกของโลงจะต้องมีกลไกอะไรอยู่เป็แน่ จึงนั่งลงเพื่อตรวจสอบ
หลินลั่วหรานยืนพิจารณาร่างสวมชุดขาวเธอมักจะรู้สึกว่าดอกโบตั๋นที่ผมของเธอคนนั้น ดูสดใหม่เกินกว่าความเป็จริงดูราวกับจะสามารถเห็นละอองหยาดน้ำค้างได้
เอ๋ การปักเย็บบนเสื้อของเธอนั่นมัน...
“รุ่นพี่เหวินมาดูนี่เร็วเข้าค่ะ!” ยิ่งมองเท่าไร หลินลั่วหรานก็ยิ่งรู้ว่าสัญลักษณ์พวกนั้นมันดูแปลกตามากขึ้นจึงรีบร้องะโให้เหวินกวนจิ่งรีบเข้ามาดู
แขนเสื้อ กระโปรง ต่างก็มีสัญลักษณ์แบบนี้เหวินกวนจิ่งมองลงไป ก่อนจะหันมาจ้องที่หลินลั่วหราน “นี่มันจารึกทอง!”
ใบหน้าของคนที่ไม่รู้อะไรอย่างหลินลั่วหรานร้อนขึ้นมาก่อนที่เธอจะตัดสินใจขึ้นมาว่าหลังจากกลับไปหากไม่ไปเรียนรู้เื่ตัวอักษรที่พบเห็นได้น้อยจากจารึกกระดูกไปจนถึง “อักษรสาว” ที่สาวๆ ชาวเซียงซีมักจะชอบสร้างสรรค์ขึ้นมาเธอก็คงจะไม่มีหน้าเดินออกมาจากบ้านแล้ว
“นักดาบและอาวุธ จิตทอง ิญญาไม้เป็ฐานดินไฟของ...” เหวินกวนจิ่งวิเคราะห์อักษรทีละตัวจากย่อหน้าก่อนหน้านี้มันเป็ของที่สืบทอดกันมาของเขาชู่ชาน จริงๆ แล้วมันคือทฤษฎีอย่างไม่ต้องสงสัยระหว่างที่เขากำลังดีใจนั้นก็ไม่ทันได้คิดว่าจะมีคนนอกอย่างหลินลั่วหรานอยู่ที่นี่ด้วย จึงอ่านทฤษฎีนั่นออกมา
หลินลั่วหรานรีบไออ้อมแอ้มออกมาเบาๆเพื่อเตือนเหวินกวนจิ่ง เขาถึงได้ปิดปากลง แล้วนำสารหยกขึ้นมาเพื่อที่จะจดทฤษฎีทั้งหมดที่เขาเห็นลงไป
ทฤษฎีนั้น หลินลั่วหรานเองก็มีมันมีตัวอักษรอยู่กว่าหมื่นตัว แม้ว่าสำหรับมือใหม่อย่างเธอนั้นมันจะเป็สมบัติล้ำค่าแต่กลับรู้สึกว่ามันก็เป็เพียงขั้นตอนการทำอาวุธและดาบบินบางส่วนเท่านั้นสำหรับเื่ของศาสตร์การใช้ดาบแล้วมีอยู่น้อยมากไม่รู้ว่าทำไมเขาชู่ชานถึงให้ความสำคัญกับมันมากขนาดนี้
ตัวเธอนั้นไม่เข้าใจทางด้านเหวินกวนจิ่งนั้นก็เศร้าโศกมากตัวอักษรเ่าั้ต่างปักเอาไว้ที่แขนเสื้อและชายกระโปรง้านั้นต่างก็เห็นได้อย่างชัดเจน แต่ว่าส่วนสำคัญนั้นดูเหมือนว่าจะอยู่ด้านหลังของชายกระโปรง และถูกร่างของหญิงสาวทับเอาไว้ทำเอาเหวินกวนจิ่งร้อนใจจนหยาดเหงื่อรินไหลออกมา
ในระหว่างที่เหวินกวนจิ่งกำลังสับสนแต่หลินลั่วหรานนั้นกลับมีสติอยู่มาก
“รุ่นพี่เหวินโลงนี่มันโปร่งใสทุกด้านนี่คะ ยกโลงขึ้นมาก็น่าจะเห็นอักษรส่วนที่ทับอยู่แล้วนี่?“
หลินลั่วหรานนั้นรู้สึกว่าตัวเองใจแคบเหลือเกินคำพูดนี้ตั้งใจจะเอาคืน การ “เยาะเย้ย” ที่เธอไม่รู้จารึกทองของเหวินกวนจิ่งก็เท่านั้น
แต่ว่าเหมือนเธอพูดขึ้นมาในตอนนี้เหวินกวนจิ่งกลับรู้สึกขอบคุณเธอขึ้นมาจับใจ
มันไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้วเหวินกวนจิ่งวางมือลงที่ข้างโลง แม้ว่าจะมองดูแล้วไม่รู้สึกอะไรแต่ว่าความจริงนั้นโลงนี้กลับเย็นจนทำให้ปวดร้าวไปถึงกระดูก เขาไม่อาจจะอดทนได้จึงต้องใช้พลังไฟล้อมรอบมือ ก่อนจะยกโลงนั้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพลังไฟเข้าไปัักับตัวโลงน้ำ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงลมที่กระทบกับใบไม้ดัง “ซู่ๆ” ขึ้นมา หลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงอันตรายในทันที หลังของเธอตั้งตรงนิ่งก่อนจะใช้ความกล้าในการหันกลับไปดู
งู ในสระบัวที่กระจายกลิ่นหอมไปทั่วทุกสารทิศบัดนี้กลับเต็มไปด้วยงูชนิดต่างๆ ที่มีขนาดและสีสันแตกต่างกันออกไปแต่กลับมีกลิ่นคาวน่ารังเกียจเหมือนๆ กัน
ไม่เพียงเท่านั้นประตูหินที่ทั้งสองเข้ามาในตอนแรก อุโมงค์ และทั่วทุกมุมของที่แห่งนี้นอกจากที่แท่นวางโลงใสแล้ว ไม่มีตรงไหนมีที่ว่าง เพียงในเวลาสั้นๆ นี้ทั่วทั้งสถานที่ก็ถูกพวกงูที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน เข้ามายึดครองพื้นที่ไปจนหมด!
แม้แต่ผู้ชายห้าวหาญอย่างเหวินกวนจิ่งเมื่อเห็นเหล่างูที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเกลือกกลิ้งอยู่ในสระน้ำเมื่อนึกไปว่าตัวเองเคยแช่อยู่ในนั้นสักพักขึ้นมา ก็ขยะแขยงจนแทบจะอ้วก...
ในหัวของหลินลั่วหรานนั้นสะเปะสะปะไปหมดไม่ว่าจะเป็ “คำสาปฮ่องเต้” หรือ พวกความคิดน่ารำคาญอย่างความสุขมากๆ มักจะนำพาซึ่งความทุกข์ความสุขความทุกข์เป็ของคู่กัน
แต่ปัญหาก็คือ จะออกไปได้อย่างไร?