ความงงงันในดวงตาของจวินจิ่วเฉินได้สลายหายไปนานแล้วและถูกยึดแทนที่โดยความรู้สึกเยือกเย็นเขย่าขวัญ เขาใช้แรงดึงแยกมือทั้งสองข้างของกูเฟยเยี่ยน ทำให้กูเฟยเยี่ยนล้มลงบนพื้นราบในทันที
กูเฟยเยี่ยนมีเพียงเสียงครวญครางคิ้วขมวดกันแน่นพลันหลับตาลง สองมือคลำไปตามพื้นดินประหนึ่งว่า้าหาััความอบอุ่นดั่งเช่นครู่นี้
์ทราบดีว่านางหนาวเย็นเพียงใด!
จวินจิ่วเฉินเหลือบมองด้วยอารมณ์ที่ไม่สะทกสะท้านใดๆ เขาพิงต้นไม้อยู่ด้านข้าง สองแขนกอดอกเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า เขาไม่อยากแตะต้องหญิงสาวผู้นี้อีก ไว้รอหมางจ้งมาก็แล้วกัน ทว่าผ่านไปไม่นานเขาก็ชำเลืองตามองไปยังกูเฟยเยี่ยนโดยไม่รู้ตัว กูเฟยเยี่ยนไม่คลำหาความอบอุ่นแล้วแต่ขดตัวเป็วงกลมตัวสั่นเทาเบาๆ
จวินจิ่วเฉินมองไปยังเส้นทางที่เขาผ่านมา เมื่อยังไม่เห็นร่างของหมางจ้ง ใบหน้าของเขาจึงปรากฏถึงความหงุดหงิดที่พบเจอได้ยาก ในที่สุดเขาก็เดินไปอุ้มกูเฟยเยี่ยนขึ้นมาแบกไว้บนไหล่ต่อ เขาไม่รู้ว่าจะอุ้มหญิงสาวอย่างไร ท่าทางการแบกเช่นนี้เรียนรู้มาจากเฉิงอี้เฟยนั่นเอง
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนััได้ถึงแหล่งที่มาของความอบอุ่น นางรีบโอบแน่นในทันที โดยแน่นกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก ประหนึ่งกลัวว่าที่มาของความอบอุ่นนี้จะสลายหายไปอีก จวินจิ่วเฉินใช้กระบวนการทั้งหมดเหยียบวิชาตัวเบาโดยใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดจากไป คิ้วที่ขมวดกันแน่นของเขาล้วนไม่คลายตัวออกจากกันเลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดแล้ว ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็สลบไสลไม่ได้สติอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะสลบไสลไม่ได้สติ ทว่านางยังคงโอบกอดจวินจิ่วเฉินเอาไว้อย่างเนืองแน่น นอกเหนือจากฝันร้ายในตอนที่นางยังอยู่แดน์ปิงไห่แล้ว นางก็ไม่เคยฝันมาก่อน ในครั้งนี้นางกลับฝันถึงสิ่งแปลกประหลาด
ในความฝันคือทะเลน้ำแข็งที่กว้างไกลไร้เขตจำกัด นางถูกใครบางคนจูงมือเดินไป ฝ่ามือของคนผู้นั้นใหญ่และอบอุ่นเป็อย่างยิ่ง นางพยายามอย่างหนักที่จะมองให้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ทว่าไม่ว่าจะมองอย่างไรก็มองไม่เห็น นางถามเขาว่าจะไปที่ใดเขาก็ไม่ตอบ มีเพียงแค่รอยยิ้ม ทันใดนั้นนางได้เหยียบไปบนอากาศและตกลงไปในทะเลน้ำแข็ง ส่วนคนผู้นั้นกลับปล่อยมือนาง
“ไม่เอา…”
กูเฟยเยี่ยนกรีดร้องแล้วดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนขึ้นมานั่ง แล้วจึงตระหนักได้ว่าตนเองเพียงแค่ฝันร้ายก็เท่านั้น นางพบว่าในปากของตนเองมีกลิ่นยาและไข้ก็ลดลงแล้ว ในหัวของนางสติยังคงเลอะเลือน ความทรงจำของนางหยุดอยู่ตรงตอนที่นางถูกจี้ชิงตัวไป สำหรับแหล่งที่มาของความอบอุ่นนั้นนางลืมเลือนไปนานแล้ว
“ที่นี่คือที่ใดกัน? ”
นางอดทนต่ออาการวิงเวียนศีรษะพลางมองไปบริเวณโดยรอบของห้องที่ไม่คุ้นเคย นางหันศีรษะโดยไม่ได้ตั้งใจ จู่ๆ ก็พบชายสวมใส่หน้ากากผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบเชียบแล้วมองมาที่นางอย่างเ็า
ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครคนอื่นแต่เป็นักฆ่าผู้สวมหน้ากากคนนั้น!
“อ๊า…”
กูเฟยเยี่ยนตื่นตระหนกใ ปฏิกิริยาแรกคือััไปบริเวณเอวบาง ทว่ากลับััได้ถึงความว่างเปล่า
หวางเป่าติงของนางเล่า?
พริบตาเดียวจวินจิ่วเฉินก็สังเกตได้ถึงการกระทำของนาง เขาเดินเข้ามาหยิบหวางเป่าติงขนาดเล็กออกมาจากด้านหลังแล้วโน้มร่างกายมายังกูเฟยเยี่ยนช้าๆ
“ทำไม เ้ายัง้าจะวางยาพิษอีกอย่างนั้นหรือ? ”
เขาสวมใส่อาภรณ์จิ้นจวงสีดำ รูปร่างสูงโปร่งงดงาม แม้ว่าจะเป็เพียงแค่การเคลื่อนไหวโดยการโน้มตัว แต่ก็เต็มไปด้วยความสง่างามและความแข็งแกร่ง ลักษณะท่าทีเต็มพร้อม ถึงแม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของกูเฟยเยี่ยนที่ได้ใกล้ชิดกับเขาเช่นนี้ แต่ก็ยังใกับความลึกลับซับซ้อนบริเวณหน้าผากของเขาที่แพร่กระจายออกมาด้วยอานุภาพความสง่างามน่าเกรงขามและมีท่าทางที่อันตราย
กูเฟยเยี่ยนถอยหลังโดยไม่รู้ตัว นางรู้สึกแค่ว่าเมื่อชายคนนี้เขยิบเข้ามาใกล้ความรู้สึกกดดันก็ยิ่งมากขึ้น ดูเหมือนว่าอากาศรอบตัวของพวกเขาจะค่อยๆ บีบรัดจนทำให้นางหายใจได้อย่างยากลำบากและไม่สามารถครุ่นคิดไตร่ตรองได้
โชคดีที่ว่าจวินจิ่วเฉินไม่ได้เขยิบเข้ามาใกล้นัก เขาถามอย่างเ็า “ทักษะทางด้านพิษของเ้าเรียนรู้มาจากที่ใดกัน? ”
กูเฟยเยี่ยนสงบลงเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ตอบกลับแต่ได้ยื่นมือไปแย่งหวางเป่าติงอย่างคาดไม่ถึง น่าเสียดายที่จวินจิ่วเฉินยกมือขึ้นสูงในทันที ทำให้นางเอื้อมไม่ถึง
“ตอบคำถามข้า” จวินจิ่วเฉินกล่าวน้ำเสียงเ็า
“เ้าเป็ใครกันแน่? เหตุใดความสามารถด้านการต้านพิษถึงดีเช่นนี้? อีกอย่างเ้าไม่ฆ่าปิดปากข้าแต่กลับจี้ชิงตัวข้ามาเพราะเหตุใดกัน? ”
กูเฟยเยี่ยนรู้ดีว่าชายผู้นี้จะไม่ตอบคำถามนางอย่างแน่นอน นางเพียงแค่้าที่จะแย้งจุดสนใจของเขาออก นางเอ่ยถามไปด้วย ใช้แรงไปด้วย แล้วทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างการกระโจนเข้าหาจวินจิ่วเฉินแล้วโอบกอดแขนข้างที่เขายกขึ้นสูง
“เอาของของข้าคืนมานะ! เ้าคนอันธพาล สารเลว! ”
นางทั้งโกรธทั้งกระวนกระวายใจ แม้ว่านางจะเคยพูดไว้ว่า ในเมื่อมาแล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข และเคยพูดไว้ว่าจะกลับไปแก้แค้นท่านอาจารย์ ทว่านางไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองนั้นจะยังกลับไปได้หรือไม่ ท่านอาจารย์นับได้ว่าเป็ญาติเพียงคนเดียวของนาง หวางเป่าติงเป็ของรำลึกชิ้นเดียวที่ท่านอาจารย์มอบให้แก่นาง ในโลกที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ หวางเป่าติงน้อยเป็ของรำลึกชิ้นเดียวของนาง ไม่ว่าหวางเป่าติงจะหยุดงานประท้วงหรือไม่ นางก็ไม่อนุญาตให้มันหล่นลงไปอยู่ในมือของผู้อื่นเด็ดขาด!
“ปล่อยมือออก” จวินจิ่วเฉินกล่าวน้ำเสียงเย็นะเื
“เอาคืนมาให้ข้า! ขโมยของของผู้หญิง เ้ามัน…”
ทันทีที่มือของจวินจิ่วเฉินแงะออกอย่างรุนแรงกูเฟยเยี่ยนก็หลุดออกมา นางเกิดอาการวิงเวียนศีรษะนั่งได้ไม่มั่นคง จึงตกลงมาจากบนเตียง หน้าผากถูกกระแทก ไข้ของนางเพิ่งจะลดลงหัวสมองเกิดความวิงเวียน ยิ่งร่างของนางกระแทกเช่นนี้ยิ่งวิงเวียนเข้าไปใหญ่ ดวงตามืดลงเป็เวลานาน
ดวงตาลึกลับคู่นั้นของจวินจิ่วเฉินเกิดความเย็นะเืสงบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวตรวจสอบนางอย่างละเอียดถี่ถ้วนจาก้า
กูเฟยเยี่ยนกัดฟันอดทนต่ออาการวิงเวียนศีรษะพลันลุกขึ้นยืนภายในอึดใจเดียวแล้วจ้องไปที่เขา “สารเลว เอาของของข้าคืนมานะ! ”
ใบหน้าของนางมีความดื้อรั้น แม้ว่าจะเตี้ยกว่าเขามากแต่ลักษณะอำนาจที่แสดงออกมาไม่แพ้เลย
ในสายตาของจวินจิ่วเฉินปรากฏถึงความชื่นชม เป็เื่ยากที่เขาจะชื่นชมเพียงแต่ว่าเขาก็ยังคงไม่เกรงกลัว เอ่ยถามน้ำเสียงเ็า “เป็เพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อยไม่เพียงแต่มีทักษะทางด้านพิษ แต่ในชั่วพริบตาเดียวยังมองออกว่าใบสั่งยาระดับสูงมีการปลอมแปลง? ทักษะพวกนี้เ้าได้มาจากที่ใด? ”
นี่…
กูเฟยเยี่ยนเงียบลงในทันที นางใมาก!
เื่ของใบสั่งยาปลอมเป็ความลับอย่างยิ่ง คนผู้นี้รู้ได้อย่างไร? เขากับคนที่ปลอมแปลงใบสั่งยาไม่ได้มีเจตนาที่เหมือนกันนี่นา! ในคืนวันนั้นเขายังสกัดกั้นใบสั่งยาอยู่เลย!
หรือว่า…
“เ้า เ้ารู้ั้แ่แรกแล้วว่าใบสั่งยาผิดปกติ ดังนั้นในคืนวันนั้นเ้าเลยมาสกัดกั้นใบสั่งยา? ”
กูเฟยเยี่ยนคาดเดาอย่างอาจหาญ นางไม่สามารถแน่ใจได้และไม่กล้าแน่ใจด้วย
จวินจิ่วเฉินไม่ได้แสดงท่าทีออกมา แต่กลับยื่นใบสั่งยาหนึ่งแผ่นกับห่อยาขนาดใหญ่หนึ่งชุดมอบให้แก่นาง กูเฟยเยี่ยนมองอย่างจริงจังก็ยิ่งใมากยิ่งขึ้น
อย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่นางคาดเดาไว้ถูกต้อง!
ใบสั่งยานี่ไม่ใช่อย่างอื่นอย่างใด แต่เป็ใบสั่งยาที่แท้จริงแผ่นนั้นที่ซูไท่อีเขียนมอบให้กับเฉิงอี้เฟย และสมุนไพรที่อยู่ภายในห่อยาก็คือยาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วตามใบสั่งยาที่แท้จริง
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือนางเข้าใจชายผู้นี้ผิดมาั้แ่แรก ชายผู้นี้ไม่ได้มาปล้นสะดมยารักษาหรือวางแผนประทุษร้ายเฉิงอี้เฟย แต่มาสกัดกั้นใบสั่งยาปลอมเพื่อช่วยเฉิงอี้เฟย!
นางสบตาเ็าของจวินจิ่วเฉินคู่นั้นแล้วเอ่ยถาม “หรือว่าเ้าก็เป็คนจากในพระราชวัง? ”
มีความสามารถในการเอาใบสั่งยาที่แท้จริง และตรวจสอบเจอถึงเส้นทางในคืนวันนั้นที่นางไปส่งมอบยา หากไม่ใช่คนจากในพระราชวังก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนภายในพระราชวัง
ชายผู้นี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนกับคนที่จะยอมอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้อื่น เขาจะต้องเป็เ้านายแน่ๆ !
อีกอย่างคือเฉิงอี้เฟยและศาลต้าหลี่ล้วนกำลังสืบสาวเื่ราวของเขา เขามีใบสั่งยาที่แท้จริงเหตุใดจึงไม่ไปพบเฉิงอี้เฟยเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเอง หรือว่าเขาก็เป็เหมือนกับนางที่้าจะช่วยชีวิตคนแต่ก็กลัวปัญหายุ่งยาก นางที่เป็เพียงแพทย์หญิงตัวน้อยเกรงกลัวปัญหายุ่งยาก แต่เขากลัวปัญหายุ่งยากอะไร?
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะเวียนหัวมากแต่ก็พยายามรักษาสติ ต่อให้สมองเกิดการวิ่งวนก็ตาม
เมื่อนึกถึงความชำนาญในด้านการต่อสู้ คนแรกที่นางนึกถึงคือจิ้งหวางจวินจิ่วเฉิน เพียงแต่ว่านางปฏิเสธในทันที จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแม้เป็องค์ชายกลับเป็พี่ชายแท้ๆ ขององค์รัชทายาท มีความเคารพและมีอำนาจเทียบเท่าองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์วัย หน้าที่การงานทั้งหมดของพระราชวังบูรพาล้วนตกมาที่จิ้งหวาง พระองค์จะมีเวลาว่างที่ไหนมาพัวพันกับนาง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยชายผู้ที่เป็ดั่งตำนาน ไม่มีทางเหมือนชายอันธพาลผู้นี้ที่ไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน!
กูเฟยเยี่ยนนึกไปถึงองค์ชายสองสามพระองค์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลแม่ทัพเฉิง เพียงแต่ว่านางไม่เคยได้พบพระองค์มาก่อนเลยไม่กล้าคิดถึงข้อสรุป
นางหยั่งเชิงอีกครั้ง “เ้าเป็เ้านายท่านไหนในพระราชวังกัน? ”
ดวงตาเ็าคู่นั้นของจวินจิ่วเฉินกลับไม่ตระหนกวิตกอะไรเลย ทำให้กูเฟยเยี่ยนจับไม่ได้แม้กระทั่งเบาะแสอันน้อยนิด เขากล้าที่จะให้นางดูใบสั่งยา จึงไม่กลัวการคาดเดาของนาง…