แต่นางไม่้าให้เฉินเนี้ยนหรานเข้ามาในจวนเช่นนี้ จะต้องรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเคยกล่าวไว้ว่าอีกสองปี จะจับคู่ให้นางกับเหล่าคุณชายในเรือน...
และบรรดาคุณชายในเรือนนี้ ที่นางชอบมากที่สุดคือคุณชายห้า
ดังนั้นแม้จะรู้ว่าคราแรกที่มีอนุคนหนึ่งตั้งครรภ์ แต่กลับถูกพูดว่านางแอบมีบุรุษอื่น นางจึงไม่้าพูดให้มากความ
“หงเอ๋อร์ เ้าคิดว่ามีความเป็ไปได้เพียงใดที่สาวใช้คนนั้นจะตั้งครรภ์ทายาทของสกุลโจว?” จะอย่างไรฮูหยินเฒ่าก็ยังไม่วางใจ สะกิดมือของหงเอ๋อร์มาถามอีกครั้งอย่างทนไม่ไหว
ครั้งนี้แววตาของหงเอ๋อร์วาววาบเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป “หากจะพูด คนที่เคยดื่มน้ำแกงระงับการตั้งครรภ์เข้าไป พูดกันตามเหตุผลแล้วไม่มีทางที่จะตั้งครรภ์ได้ ตอนแรกข้าเพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น ตอนนั้นหรานเอ๋อร์คนนั้นเป็สตรีที่ชอบหว่านเสน่ห์มาก ก่อนจะมาเจอกับคุณชายห้า ได้ยินมาว่าใกล้ชิดกับญาติของผู้ดูแลคนหนึ่งนอกเรือน เพียงแต่ เื่นี้ข้าเพียงได้ยินมาเท่านั้น เื่ราวเป็อย่างไรนั้น เ้าของเื่เท่านั้นจึงจะรู้”
คำพูดของนางทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่ได้ยินมีความโกรธแฝงอยู่ในแววตา
“แต่ก่อนสาวใช้คนนี้ไม่เคารพกฎ เหตุใดพวกเ้าไม่พูดกันสักคำ หากรู้ก่อนหน้าข้าไม่ให้นางไปอยู่กับเหล่าอู่หรอก สตรีต่ำต้อยแพศยาเช่นนี้จะอยู่กับคุณชายสกุลโจวของข้าได้อย่างไร!”
หงเอ๋อร์ก้มหน้าอย่างหวาดกลัว “ฮูหยินอย่าโมโหเลยเ้าค่ะ เื่นี้ ตอนนั้นข้าเองก็อยากจะพูด เพียงแต่ตอนนั้นคุณชายห้าเลือกมากจริงๆ พวกเราต่างคิดว่าเขาไม่มีทางเลือกสาวใช้มาเป็หญิงอุ่นเตียงแล้ว แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าเขากลับเลือกหรานเอ๋อร์ เื่นี้...พวกข้าจะกล้าพูดที่ใดกันเล่าเ้าคะ ฮูหยินโปรดอภัยด้วย!”
หงเอ๋อร์จะอย่างไรก็ไม่เคยคิดว่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะมาตำหนินางเพราะว่าหรานเอ๋อร์ไม่รักษากิริยาให้ดี ดูเหมือนว่าสำหรับชื่อเสียงของสกุลโจว ฮูหยินผู้เฒ่าจะใส่ใจมากจริงๆ
“เ้าเป็คนเก่าแก่ที่อยู่ข้างกายข้ามานาน เื่ในเรือนของข้าเองก็เยอะ หากสาวใช้เช่นพวกเ้าไม่สามารถแบ่งเบาภาระข้าได้ ข้าจะเลี้ยงพวกเ้าเพื่ออะไร! ต่อไปช่วยใส่ใจเื่เหล่านี้ด้วย”
เมื่อถูกสั่งสอน ทำให้หงเอ๋อร์ซื่อสัตย์มากยิ่งขึ้น ฮูหยินเฒ่ายิ้มอย่างพอใจ ในเื่การจัดการคน นางชำนาญนัก
“หงเอ๋อร์ ั้แ่นี้ไป เ้าส่งคนไปจับตามองเฉินเนี้ยนหราน หากสืบแล้วว่าเป็ลูกของเหล่าอู่จริง ให้รีบอุ้มกลับมาทันที”
หงเอ๋อร์ค้อมหัวรับคำแล้วหมุนตัวออกไปสั่งคนให้ดำเนินการ
…..
จ้าวซื่อถือขนมหวานยืนอยู่หน้าห้องอย่างลังเลใจ หลังจากนายหญิงกลับมาก็อยู่ในห้องตลอดไม่ยอมออกมา
หนิวซื่อเห็นนางเดินไปมาอยู่หน้าประตู จึงเดินเข้าไปรับขนมในมือของนาง “ข้าเอาเข้าไปให้แล้วกัน เ้าช่วยไปดูลูกให้ข้าที”
“อืม เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะไปดูน้องชายให้ นายหญิงมีลูกแฝดเชียวนะ สามปากท้อง อีกทั้งตอนนี้ใกล้คลอดแล้วด้วย หากไม่ทานให้มากสักหน่อยถึงตอนคลอดจะยิ่งทำให้คนปวดใจนะ” จ้าวซื่อกำชับแล้วออกไป
หลังจากหนิวซื่อมองส่งแผ่นหลังของนางไปแล้ว ถึงได้ขมวดคิ้วผลักประตูเข้าไป
เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ในห้องกำลังถักชุดเด็กอยู่ ั้แ่รู้ว่าในท้องมีลูกสองคน นางก็มีความรู้สึกเร่งร้อน จะต้องรู้ว่าเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มีเพียงสองชุดเท่านั้น
หนิวซื่อเข้าไปในห้องแล้ววางขนมหวานตรงหน้านาง “ทานสักหน่อยเถิดเ้าค่ะ ในท้องยังมีอีกสองปากท้องนะเ้าคะ หากแค่ท่านคนเดียวก็ไม่เป็ไรหรอก แต่เด็กสองคนจะหิวไม่ได้นะเ้าคะ”
เฉินเนี้ยนหรานหยุดมือ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มอ่อนละไม “พี่สะใภ้ ข้า...จะมีลูกสองคนจริงๆ หรือ? เหจุใดข้าถึงได้รู้สึกประหลาดเช่นนี้?”
หนิวซื่อหัวเราะออกมา “เช่นนั้นจะบอกว่า ตอนนี้นายหญิงยังรู้สึกว่าทั้งหมดอยู่ในความฝันหรือเ้าคะ? เฮ้อ ใช่สิเ้าคะ นายหญิงเป็คนดีเช่นนี้ เด็กทั้งสองคนผู้ใดเห็นต้องรักแน่นอนเ้าค่ะ”
เฉินเนี้ยนหรานยิ้มดีใจ มือลูบไปที่ท้องกลม “ลูกของข้าน่ารักที่สุดอยู่แล้ว”
“ใช่ ใช่เ้าค่ะ ลูกของท่านจะต้องน่ารักที่สุด แต่จะน่ารักอย่างไร นายหญิงก็ต้องทานข้าวนะเ้าคะ หากไม่ทาน เด็กน่ารักจะมาอาละวาดใส่ท่าน บอกว่าท่านเป็มารดาที่ไม่ดี”
เฉินเนี้ยนหรานหยิบขนมหวานขึ้นมาหนึ่งชิ้นขึ้นมาทานอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นว่านางไม่ได้คิดว้าวุ่นอีก หนิวซื่อจึงวางใจลงตอนที่นางทานได้พอสมควรแล้ว หนิวซื่อถึงได้เอ่ยปากถาม “เด็ก...คือลูกของคุณชายห้าใช่หรือไม่เ้าคะ!”
“ตุ้บ...” ขนมที่เพิ่งจะหยิบขึ้นมาหล่นตุ้บ นางมองสตรีตรงหน้าด้วยความใ “เหตุใดจึงถามเช่นนี้?” เหตุใดนางถึงรู้ได้? เื่ที่เกี่ยวข้องกับโจวอ้าวเสวียน นอกจากเฉินจื่อิสองสามีภรรยาแล้ว คนอื่นรู้ได้อย่างไรกัน!
“เฮ้อ นายหญิงของข้า ท่าทางของท่านกับคุณชายห้าแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ ข้าที่เป็คนโง่ก็สามารถมองออก นายหญิงท่านเองก็เหมือนกัน เพราะอะไรถึงได้ไปมีเื่กับคุณชายห้า คนสกุลนี้ไม่ได้จะมีเื่ด้วยง่ายๆ นะเ้าคะ เด็กสองคนนี้ท่านจะรักษาไว้ได้หรือ? หากจวนสกุลโจวรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กสองคนนี้ ท่านคิดว่าพวกเขาจะปล่อยท่านไปหรือ?”
ั้แ่กลับมาหนิวซื่อคิดถึงปัญหานี้ตลอด เื่เกี่ยวกับสกุลโจว นางรู้มากอยู่แล้ว แม้จะเป็การฟังมา แต่ถือว่าได้ยินมาไม่น้อยนะ!
“เขาไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ!” เฉินเนี้ยนหรานพูดเสียงแข็ง แต่แววตาของนางกลับฉายใจจริงออกมา...
หนิวซื่อยกมือขึ้นไปกุมมือเย็นๆ ของนาง “ไม่ต้องกลัวนะเ้าคะ ท่านยังมีข้าอยู่ ฟังข้านะ เื่เช่นนี้ท่านไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลจริงๆ เ้าค่ะ ท่านจะเป็มารดาคนแล้ว ทั้งยังเป็แม่ลูกสองเสียด้วย ดังนั้นพวกเราจะต้องใจเย็นและต้องคิดดีๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับสกุลโจวอย่างไร จะทำเช่นไรถึงจะสามารถปกป้องลูกไว้ได้ ตอนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจถึงความหวาดหวั่นของท่าน และเข้าใจถึงความลำบากของท่าน เพราะว่าสกุลโจวเป็จวนใหญ่ที่พวกเราแตะต้องไม่ได้จริงๆ”
เฉินเนี้ยนหรานที่ไร้ทางช่วย ในตอนนี้เหมือนเจอกับต้นไม้ใหญ่ จิตใจที่ว้าวุ่นของนางจึงค่อยๆ สงบลงจากการปลอบใจของหนิวซื่อ
“พี่สะใภ้ เ้าช่วยข้าคิดสักหน่อยสิว่าต่อไปข้าควรทำเช่นไรดี!”
หนิวซื่อยิ้มบาง มองสตรีที่ปกติมักจะเฉลียวฉลาด ในตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็คนลังเลเพราะลูก
“ท่านที่เป็เช่นนี้ ถึงจะเป็หญิงสาวที่สมกับอายุสักหน่อย อืม ความจริงแล้วข้าคิดไม่ค่อยจะรอบคอบเท่าไรนัก แต่ท่านพิจารณาได้นะเ้าคะ ท่าน้ารักษาเด็กเอาไว้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพูดโน้มน้าวบิดาของลูกๆ ขอแค่คนเป็พ่อยินยอม ท่านถึงจะสามารถรักษาลูกไว้ได้”
เพียงคำพูดเดียวก็เหมือนตื่นจากฝัน ดวงตาของเฉินเนี้ยนหรานวาววับขึ้นมา นางหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ข้าเข้าใจแล้ว พี่สะใภ้ มีท่านอยู่นี่ดีจริงๆ” มีคนอยู่ข้างกายในยามที่้าอย่างเร่งด่วน ยังมีคนที่สามารถออกความคิดได้
วันเวลาได้ผ่านไปเหมือนปกติ
อายุครรภ์แปดเดือนแล้ว ลูกทั้งสองคนในท้องก็ดิ้นแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งร่างของเฉินเนี้ยนหรานเหมือนกับคนที่เต็มไปด้วยลม เท้าและหน้าบวมเล็กน้อย
แม้เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกหายใจหอบแล้ว แต่นางยังอดทนเดินไปที่ด้านหลังของเรือน และเดินอยู่ที่นั่นสักหลายๆ รอบ
ยิ่งใกล้คลอดมากเท่าใด นางยิ่งต้องออกกำลัง
ในวันนี้นางออกมาเดินเล่นด้านหลังเรือนเหมือนเช่นปกติ ขณะที่เดินวนได้รอบที่สาม ตรงหน้าพลันมีร่างหนึ่งเดินเข้ามาดึงดูดสายตาของนาง
ไม่ได้หวาดหวั่นจนต้องหลบเหมือนครั้งนั้นที่เจอเขาตรงถนน ครั้งนี้เฉินเนี้ยนหรานยืนนิ่งมองบุรุษที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาตนเองทีละก้าว
สายตาของเขามองมาที่ท้องโตของนางอยู่ตลอด
“ท่านมาแล้วหรือ!” ถามออกมาเสียงเบาราวกับทั้งสองคนไม่เคยแยกจากกันอย่างไรอย่างนั้น นางที่เป็เช่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนภรรยาที่แสนซื่อสัตย์
มีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่โจวอ้าวเสวียนบังเกิดความรู้สึกราวกับว่า สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเขามาตลอด เมื่อครู่เขาเพียงไปทำงานและเพิ่งกลับมาเท่านั้น ภรรยาที่รักเช่นนางรอคอยเขาอยู่ที่เรือน...
เฉินเนี้ยนหรานพยายามรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าไว้ ให้ตัวเองยิ้มเป็ธรรมชาติสักหน่อย แต่เมื่อเห็นสายตาสงสัยของชายหนุ่ม นางอดจะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
แสงอาทิตย์ส่องไปยังร่างของเขา คล้ายมีชุดคลุมสีเหลืองอ่อนปกคลุมอยู่ ยามที่โจวอ้าวเสวียนแย้มยิ้มอบอุ่นออกมา เฉินเนี้ยนหรานมองค้าง นางไม่เคยคิดเลยว่าบุรุษตรงหน้าจะมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเช่นนี้
ดวงตาที่มักจะลึกลับอยู่ตลอด ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะล่อลวงหัวใจคนได้มากมาย
“ตั้งครรภ์ลำบากมากใช่หรือไม่”
“อืม เพียงเล็กน้อย ลูกดิ้นเก่งมาก แต่พวกพี่สะใภ้บอกว่านี่เป็การแสดงออกของเด็กที่แข็งแรง ไม่ขยับสิน่าเป็ห่วง”
“ใช่สิ เด็กน่ะควรจะซนสักหน่อยจึงจะดี ไม่ขยับสิถึงจะทำให้คนรำคาญใจ!”
“ข้าคิดว่า ลูกจะต้องเป็ผู้ชายแน่” โจวอ้าวเสวียนพูดออกมาเสียงเบา ในแววตามีความคาดหวัง
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานก็ยู่ปากด้วยความโกรธ “แต่ข้าคิดว่านางคือลูกสาว ลูกสาวเชื่อฟังนัก ลูกชายดื้อเกินไป”
โจวอ้าวเสวียนตั้งใจคิดอย่างหนัก ก่อนริมฝีปากปากจะยกยิ้มสวย “อืม ก็จริง หากเป็ลูกสาวที่สวย ฉลาดเหมือนเ้า ข้าคิดว่าดีกว่า” เขาเดินเข้ามาหาก่อนจะมองไปยังท้องของนางอย่างระมัดระวัง “ข้า ลูบได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขา เฉินเนี้ยนหรานจึงหัวเราะออกมา “อืม ได้สิ”
เหมือนกับเด็กที่ได้รับรางวัล โจวอ้าวเสวียนยกมือขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อมองท้องกลมของนาง เขาก็ตื่นเต้นอีก คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น “เหตุใดท้องถึงได้ใหญ่เช่นนี้เล่า? นี่ใหญ่มากเชียวนะ”
“จุ๊ๆ ไม่ต้องกลัวนะ ลูกกำลังขยับ ดูสิ เขากำลังขยับจริงๆ” เฉินเนี้ยนหรานรีบจับมือที่กำลังลังเลของเขามาวางตรงทางด้านซ้ายของท้อง “ดูสิ ลูกคนนี้ขยับใหญ่เลย”
มือของโจวอ้าวเสวียนถูกกดเอาไว้แน่น อาจเพราะรู้สึกถึงแรงกดเด็กน้อยในครรภ์ถึงได้เตะกลับมาครู่หนึ่ง แม้จะมีหนังท้องปกคลุมอยู่ แต่แรงถีบทำให้ดวงตาของโจวอ้าวเสวียนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “์ เขากำลังขยับจริงๆ เขา เขา เขามีแรงมากเลยนะ ฮ่าๆ...”
เขาหัวเราะออกมาอย่างไร้ความกังวล มือของโจวอ้าวเสวียนขยับไปตามการขยับของเด็ก เขาลงไปคุกเข่าพร้อมเข้าใกล้ท้องของนาง อยากจะฟังเสียงเด็ก
“ฮ่าๆ โจวอ้าวเสวียนตอนนี้เขายังพูดไม่ได้นะ ท่าทางของท่านเช่นนี้...น่าขำเสียจริง”
“ฮ่าๆ...” โจวอ้าวเสวียนลุกขึ้นอย่างขลาดเขิน ยกมือลูบหัว เขาในตอนนี้ไม่ได้มีท่าทางเ็าอย่างเช่นปกติ เป็แค่คนคนหนึ่งที่แสนซื่อสัตย์ซึ่งกำลังจะเป็พ่อคนเท่านั้น
