หลงเหยียนแสร้งทำเหมือนไม่เห็น ต้องยอมรับว่าลั่วเฉิงมีพละกำลังไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทุกคนนึกไม่ถึงว่าเขาจะได้หัวใจศพมารมาถึงเจ็ดสิบดวง นั่นเป็จำนวนที่มากกว่าพี่ชายของเขาด้วยซ้ำ เวลานี้ลั่วซางรู้สึกเบิกบานยิ่งกว่าลั่วเฉิงเสียอีก เพราะหากเป็เช่นนี้ พวกเขาสองพี่น้องตระกูลลั่วอาจได้รับการดูแลที่มากยิ่งขึ้น และสามารถนำทรัพยากรที่มากยิ่งขึ้นมาหล่อเลี้ยงพวกเขาให้แข็งแกร่งได้
หากคนในครอบครัว ท่านพ่อ หรือท่านปู่รู้ นั่นเป็ถึงหน้าตาของตระกูลอย่างไรเล่า คิดว่าทุกคนคงมีความสุขนัก ลั่วเฉิงไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ เชื่อว่าหลังกลับไป พวกเขาต้องจัดงานเฉลิมฉลองสามวันสามคืนแน่
โอวหยางโพ่จินมองลั่วเฉิง สีหน้าซีดเผือด ‘นึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเฉิงจะไม่ธรรมดาจริงๆ ได้หัวใจมากกว่าข้าตั้งยี่สิบดวง นี่มันอะไรกัน! คะแนนสูงเพียงนั้น เขาคงได้ที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงอย่างไรข้าก็ยังติดหนึ่งในสิบอยู่ดี”
ทว่าเมื่อหันไปมองหลงเหยียนที่อยู่ตำแหน่งสุดท้าย เขาก็หัวเราะ นึกในใจว่าหลงเหยียนไม่มีทางได้หัวใจมากกว่าเขาแน่ ต่อให้ได้จำนวนเท่ากัน ทว่า่ใต้เท้าซือถูต้องพิจารณาตนก่อนแน่
เวลานี้ การรอคอย การคาดเดาต่างๆ นานา ต่างตกมาอยู่บนถุงผ้าเฉียนคุนของหลงเหยียน ทุกคนแทบหยุดหายใจ เพราะถุงผ้าเฉียนคุนของเขาเป็ใบสุดท้าย มันคือตัวกำหนดชะตาของพวกเขา
ลั่วเฉิงเงยหน้าขึ้น มองหลงเหยียนด้วยสายตาเหยียดหยาม โอวหยางโพ่จินรอคอยอย่างไร้ความเกรงกลัว ยกมุมปากขึ้นด้วยความมั่นใจ ในเมื่อเขารู้ดีว่าพละกำลังที่หลงเหยียนมีนั้นทำให้เขาเกือบไม่ได้เข้ามาทดสอบด้วยซ้ำ แล้วมีหรือที่เขาจะสามารถทำคะแนนดีกว่าตน?
ลั่วซางส่งสายตาให้ลั่วเฉิงอย่างลับๆ หากหลงเหยียนถูกตัดออกจากผู้เข้าแข่งขัน คนที่ตกรอบทั้งหมดต้องกลับบ้าน แล้วมีหรือที่ลั่วซางจะปล่อยหลงเหยียนไป? ให้เขากลับบ้านอย่างปลอดภัย?
ลั่วซางเข้าใจความหมายของพี่ชาย เขาจึงพยักหน้า ทุกคนจับจ้องอย่างตั้งใจ ราวกับเวลาหยุดลงั้แ่วินาทีนี้ บรรยากาศอยู่ในความตื่นเต้น
“คิดว่าหัวใจศพมารแค่ไม่กี่ดวง คงทำให้เขามีความสุขมากแล้วกระมัง”
ขณะที่ทุกคนกำลังมองบนเวทีอย่างใจจดใจจ่อ ลั่วซางก็อ่านประวัติของหลงเหยียนทีละคำๆ
“ชื่อ-สกุล หลงเหยียน สถานที่เกิด หมู่บ้านั มีพลังระดับชีพัขั้นที่แปด เป็ผู้ฝึกยุทธ์อสูร!”
คนที่อยู่ด้านล่างหัวเราะพร้อมกัน “เป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์อสูรขั้นที่แปดหรือ?”
จากนั้นลั่วซางก็หยิบหัวใจศพมาร ออกจากถึงผ้าเฉียนคุนทีละดวงๆ
หลงเหยียนยืนอยู่ด้านล่างเพียงลำพัง ต่อหน้าคนที่หัวเราะเยาะ เขากลับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“หนึ่งดวง สองดวง สามดวง…”
โอวหยางโพ่จินไม่อยากมองด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาเข้ารอบหนึ่งในสิบคนแล้ว ในที่สุดปีนี้ตนก็ทำสำเร็จมีโอกาสเข้ารวบแข่งขันด่านที่สองแล้ว ต่อให้แพ้ในด่านประลองยุทธ์ ทว่าอย่างน้อยก็สามารถอยู่ตระกูลอู่ตี้ ในตำแหน่งเล็กๆ ได้แล้ว
เขาหัวเราะในใจพลางนึก ‘ข้าได้หัวใจห้าสิบดวงเชียวนะ หากเ้าได้หัวใจมากกว่าข้า ข้าโอวหยางโพ่จิน ยอมตัดหัวตนให้เ้านั่งเลย!’
เมื่อลั่วซางประกาศถึงจำนวนสิบดวง สีหน้าของโอวหยางโพ่จินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ปรายตาหันไปมอง
“สิบดวงงั้นหรือ? เหนือความคาดหมาย”
ลั่วซางพูดต่อ “สิบเอ็ด สิบสอง… ยี่สิบดวง…”
‘อะไรนะ? เ้าหมอนั่นได้หัวใจมาถึงยี่สิบดวงเชียวหรือ ยังไม่หมดอีก?’ โอวหยางโพ่จินเก็บความประหลาดใจไม่ไหว แววตาเริ่มจริงจังขึ้น
ลั่วซางอ่านด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “สี่สิบแปดดวง สี่สิบเก้า…”
ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นเหลือเกิน นึกไม่ถึงว่าเ้าหมอนี่สามารถนำหัวใจศพมารจำนวนมากมาได้ขนาดนี้? โอวหยางโพ่จินเบิกตาโพลง ตอนแรกเขาตกตะลึงมากแล้ว ทว่าในตอนที่ได้ยินว่าหลงเหยียนได้หัวใจสี่สิบเก้าดวง ร่างเขาสั่นเทาขึ้นมาทันใด เมื่อครู่เขายังมีท่าทีผ่อนคลายอยู่เลย ตอนนี้กลับตื่นเต้นจนอธิบายไม่ได้
“ช้าก่อน ช้าก่อน!” โอวหยางโพ่จินะโเสียงดัง มองไปทางลั่วซาง
“ผู้ฝึกลั่วซาง ในถุงผ้าเฉียนคุนยังเหลือหัวใจอีกกี่ดวง?”
การนับช้าๆ แบบนี้เหมือนเป็การทรมานเขาไม่มีผิด สู้รู้ผลทีเดียวเลยดีกว่า
ลั่วซางยืนอยู่บนเวที ขมวดคิ้วมุ่น ในถุงผ้าเฉียนคุน อย่างน้อยยังเหลือเศษหนึ่งส่วนสามที่ยังไม่ได้นับ แล้วลั่วซางก็พูดอย่างเบื่อหน่าย “ยังเหลืออีกเยอะ เข้ารอบหนึ่งในสิบ เ้าไม่มีหวังแล้ว”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ราวกับเป็เสียงสายฟ้าที่ดังผ่าเข้าไปกลางใจเขา เขาไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ หัวใจแทบะเิ
“เป็ไปไม่ได้ เ้าหมอนี่จะได้หัวใจศพมารมากกว่าข้าได้อย่างไร เป็ไปไม่ได้ สามปีแล้ว ข้ารอมานานสามปีเชียวนะ ปีนี้ข้าอายุสามสิบแล้ว หมดสิทธิ์เข้าคัดเลือกแล้ว”
เขาดูตื่นตระหนกมาก คล้ายเสียสติไปแล้ว ทุกคนมองเขาด้วยความแปลกใจ เกรงว่าความเสียใจครั้งนี้ หากเป็คนอื่นก็คงรับไม่ได้เช่นกัน
“ไม่ เป็ไปไม่ได้” เขาถอยหลังไปหลายก้าวจนล้มลงนั่งกับพื้น
แววตาเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แม้ปกติเขาจะเป็คนไม่ใสสะอาด ทว่าก็มีพลังระดับชีพัขั้นที่เก้า อีกทั้งยังชอบท่องไปในสถานที่ใหญ่ๆ พวกนี้ ดูดรับธาตุพลังจากอากาศ แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งกว่าหลงเหยียนที่มาจากสถานที่เล็กๆ มาก
ลั่วเฉิงนั่งกอดตัวเอง
ลั่วซางก็โมโหมาก เขาไม่มองโอวหยางโพ่จินที่อยู่บนพื้นด้วยซ้ำ ด้วยคะแนนนี้ เกรงว่าจำนวนที่ได้อาจมากกว่าน้องชายตน เขาพูดต่อ “ห้าสิบดวง… หกสิบดวง…”
“อะไรนะ? หกสิบดวงแล้วอย่างนั้นหรือ! ดูเหมือนสหายหลงเหยียนไม่ธรรมดาเหมือนกัน”
คะแนนของเขาติดหนึ่งในสาม ตอนนี้คะแนนของเขาอยู่ที่อันดับสอง ตอนนี้นี้แววตาของทุกคนเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนจำนวนที่หลงเหยียนได้ ดึงดูดความสนใจของใต้เท้าซือถูหม่า ทำให้ลั่วซางไม่อาจยอมรับความจริงได้
“เ้าหนุ่ม เ้ามีความสามารถอย่างที่คิดไว้เลย มีเพียงพลังระดับชีพัขั้นที่แปดเท่านั้น เหตุใดถึงมีความสามารถมากเช่นนี้ สามารถสังหารศพมารได้มากขนาดนี้ ต่อให้จะเป็อย่างนั้น ทว่าเมื่อถึงด่านที่สอง ข้าก็จะทำให้เ้ารู้อยู่ดีว่าการเข้าตระกูลอู่ตี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
ลั่วเฉิงก็โมโหเช่นกัน “หรือเขาได้มากกว่าข้าอีก? ข้าได้เจ็ดสิบดวงเชียวนะ!” เมื่อนึกถึงอันตรายที่ผ่านมาเมื่อครู่ เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาส่ายหน้าแล้วมองหลงเหยียนด้วยสายตาอำมหิต
ลั่งเฉิงยืดตัวขึ้น เมื่อก่อนเขาคิดว่าหลงเหยียนแค่แสร้งทำเหมือนเก่งเท่านั้น ตอนนี้เกรงว่าเขาคงคิดแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะดูเหมือนเ้าหมอนี่มีความสามารถอยู่เหมือนกัน
“หกสิบเก้าดวง…” เมื่อลั่วซางนับถึงตรงนี้ เขาหยุดหายใจครู่หนึ่ง หันไปมองสีหน้าของใต้เท้าซือถูหม่า ซึ่งตอนนี้ใต้เท้าซือถูหม่ากำลังประกายรอยยิ้มชื่นชมหลงเหยียน
ทำให้ความเคียดแค้นในใจเพิ่มมากขึ้น ‘เ้าหนุ่ม เ้าได้หัวใจมากขนาดนี้ เกรงว่าข้าคงปล่อยเ้าไว้ไม่ได้เสียแล้ว คะแนนเ้าเหนือน้องชายข้า ได้ ดูสิว่าเ้าจะได้มากเท่าไร’
“เจ็ดสิบดวง เจ็ดสิบเอ็ดดวง…”
ลั่วเฉิงกำหมัดแน่น ไฟที่อยู่ในใจเขาเริ่มปะทุ เพราะหลงเหยียนได้หัวใจศพมารมากกว่าเขา อนาคตหลงเหยียนต้องมีชื่อเสียงเป็ที่เลื่องลือในตระกูลอู่ตี้แน่ เมื่อนึกเช่นนั้น ความโกรธแค้นที่อยู่ในใจก็เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกว่าการใช้พลังที่โหดร้ายทำร้ายหลงเหยียนนั้นไม่ใช่การทำเกินไป นั่นคือการลงทัณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว
--------------------