ท้ายที่สุดแล้ว เมืองอิ๋นเยวี่ยก็ต่างจากเมืองอื่นๆ ตรงที่มีนักดนตรีอาศัยอยู่เป็จำนวนมาก
ดังนั้น ‘แคนอนร็อก’ จึงราวกับจะกระตุ้นผู้ฝึกตนทั้งหลายให้กระตือรือร้นขึ้นมาทันที อีกทั้ง เมื่อมีหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนมาเปิดทำการที่นั่น ก็ทำให้ถนนที่เคยเงียบเหงา กลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง
ในทางกลับกัน กลุ่มปรมาจารย์กู่ฉินที่ได้รับเชิญจากหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ต่างก็รู้สึกโศกเศร้า
กิจการของหอกู่ฉินอันหนึ่งในใต้หล้า ซึ่งเป็สถานที่จำหน่ายกู่ฉินอันดับหนึ่งของแผ่นดิน กำลังประสบปัญหาในเื่ของคู่แข่ง ทำให้ยอดขายหดหาย ในขณะที่หอกู่ฉินฝั่งตรงกันข้ามนั้น นับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
เจียงเทียนอี้และคุณชายอาน มองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
ขายกางฉิน? พวกเขาเคยเป็หอกู่ฉินที่ดีที่สุดในใต้หล้ามาตลอด จนกระทั่งหอกู่ฉินแห่งนั้นมาเปิดแข่งกับตน จึงทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด
“ปรมาจารย์กู่ฉินที่เ้าเชิญมา ช่างไร้ประโยชน์นัก! กู่ไห่สามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้ในเพลงเดียว?” คุณชายอานกล่าวเสียงเรียบ
“คุณชายอานโปรดสงบใจลงก่อน กู่ไห่ถือว่าเป็อัจฉริยะทางการค้า เขาสามารถกระตุ้นความสนใจของลูกค้าได้ดียิ่ง คาดว่าเดิมที แคนอนนั้น ก็สามารถปรับแต่งท่วงทำนองได้อย่างหลากหลายอยู่แล้ว แต่เขากลับเก็บมันเอาไว้เป็ความลับ และเลือกที่จะปล่อยเพลงใหม่ออกมาใน่เวลาที่เหมาะสม นั่นก็คือรอให้เราเคลื่อนไหว จากนั้นก็ทำการตอบโต้ เพื่อตัดทางของเรา”
“ตอนนี้ ข้าควรทำอย่างไรดี?”
“หลายปีมานี้ เราไม่ได้พบกับคู่ต่อสู้มานานแล้ว คุณชายอย่าได้กังวล การทำการค้าก็ไม่ต่างกับการขึ้นเวทีต่อสู้ อย่างไรเสีย ก็ต้องเผชิญหน้ากัน ยามนี้ เพลงแคนอนได้กลายเป็เพลงที่ผู้คนต่างหลงใหล แต่ความตื่นเต้นเช่นนี้ ไม่นานก็ผ่านไป และผู้คนก็จะหมดความสนใจ ถึงตอนนั้น ต่อให้กู่ไห่มีสิ่งแปลกใหม่อื่นๆ มาเสนอ ก็ไร้ผล
ข้าเคยเอ่ยกับคุณชายอานไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าหอกู่ฉินของกู่ไห่เปิดกิจการ โดยไม่มีสินค้าสักชิ้นที่จะนำมาวางขาย... ช่างน่าขันนัก!
ปล่อยให้เขาโลดแล่นในวงการนี้สักสองสามวันเถอะ รอให้หอกู่ฉินของเขาตกแต่งเสร็จ ข้าจะส่งของขวัญไปให้” เจียงเทียนอี้พูด พลางหัวเราะเยาะ
นายน้อยอานระงับโทสะในใจ พลางนึกถึงยอดขายกางฉิน ที่กำลังเฟื่องฟูขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
“หึ! ไม่เป็ไร หลังจากหอกู่ฉินของเขาตกแต่งเสร็จ เมื่อความโด่งดังของแคนอนผ่านพ้นไป ถึงตอนนั้นข้าจะรอดู วันที่หอกู่ฉินของพวกมันปิดตัว” คุณชายอานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เป็ไปตามที่เจียงเทียนอี้ได้คาดการณ์ไว้ ไม่ว่าเพลงแคนอนจะเป็ที่ชื่นชอบมากเพียงใด แต่เมื่อผ่านไปได้เพียงหนึ่งเดือน เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็เริ่มรู้สึกเอือมระอา ทำให้ยอดขายกางฉินค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีผู้คนนับสิบมาเข้าแถวรอสั่งจอง ทว่าตอนนี้มีเพียงเล็กน้อย หรือบางครั้งก็ไม่มีเลย
ที่ฝั่งตรงกันข้าม คุณชายอานและเจียงเทียนอี้กำลังหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจ
ส่วนหลงหว่านชิง กลับค่อนข้างวิตก
“ท่านถังจู่อย่าได้ห่วงเลย หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน กำลังจะเปิดขายเครื่องดนตรีอื่นๆ อีกมากมาย กางฉินก็เป็แค่หนึ่งในเครื่องดนตรีที่เราขายเท่านั้น” กู่ไห่กล่าว พร้อมยกยิ้ม
“เช่นนั้น วันมะรืนนี้เ้าจะขายอะไร ต้องทำเครื่องดนตรีใหม่ เพื่อให้สั่งจองล่วงหน้าอีกหรือ?” หลงหว่านชิงถามอย่างกังวล
“ใครบอกว่าข้าไม่มีอะไรจะขาย? รู้ได้อย่างไร?” กู่ไห่ตอบยิ้มๆ
หลงหว่านชิงขมวดคิ้วแน่น ก่อนพยักหน้ารับ
“อืม... ท่านไต้ซือหลิวเหนียนออกไปข้างนอกกับซ่างกวนเหินอีกแล้วหรือ?” หลงหว่านชิงขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย ก่อนถาม
“ใช่แล้ว! ข้ามอบหินิญญาระดับสูงห้าแสนก้อน ให้ซ่างกวนเหินไปซื้อของกิน” กู่ไห่เอ่ย พลางพยักหน้า
มู่เฉินเฟิงที่กำลังดื่มชาอยู่ ต้องระงับความใอีกครั้ง
เงิน? มีกี่คนที่สามารถคาดเดาได้ว่า กู่ไห่หาเงินได้เท่าใด? นี่แค่เดือนเดียวเองนะ... เขาคืออสูรกลืนกินทองหรืออย่างไร?
มู่เฉินเฟิงรู้ว่ามีหินิญญาระดับสูงมากถึงหนึ่งล้านก้อน ในช่องว่างมิติเก็บของที่ซ่างกวนเหินได้ไป... หนึ่งล้านหินิญญาระดับสูง? ด้วยระดับเงินเดือนของตน ไม่รู้ต้องใช้เวลากี่ปี กว่าจะทำงานหาเงินได้มากขนาดนี้?
แต่กู่ไห่กลับให้ซ่างกวนเหินนำไปซื้อของกิน... แค่อาหารเนี่ยนะ?
ซ่างกวนเหินคือคนที่กินจุจริงๆ... เขากินหมดได้อย่างไร?
“หัวหน้าสังกัดวารีกู่ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนตกแต่งเสร็จแล้ว และใน่สองวันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่เ้าเล่นกางฉินเสร็จ ก็ได้ป่าวประกาศ เชิญชวนให้ผู้คนทั่วเมืองมาซื้อเครื่องดนตรีต่างๆ ของเ้า... เครื่องดนตรีเ่าั้ จะเอามาจากไหน?” มู่เฉินเฟิงถามด้วยความข้องใจ
“ข้ามิได้ยืมผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านมาหนึ่งพันคนหรอกหรือ? ข้าให้พวกเขาช่วยหาแหล่งผลิตแล้ว ไว้รอดูในวันมะรืนนี้เถอะ” กู่ไห่ตอบพลางยิ้มบางๆ
“เอ๋?” มู่เฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความสับสน
ทั่วทั้งเมืองได้รับข่าว และผู้ฝึกตนหลายคนต่างรับรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของกู่ไห่ดี ผู้คนในแวดวงการผลิตเครื่องดนตรี จะสามารถทนแรงกดดันของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้หรือไม่?
เขาจะไปเอาสินค้ามาจากไหน?
จะมีการขายกางฉินในวันเปิดร้านหรือไม่?
บนถนนสายหนึ่ง เ้าของร้านหลายคนมากันั้แ่เช้า เพื่อรอดูหอกู่ฉินแห่งใหม่ที่จะเปิดตัวในวันนี้ ว่าจะกลายเป็เื่ตลกหรือไม่?
ตอนเช้าตรู่ ผู้คนจำนวนมากต่างเริ่มพากันมาห้อมล้อมหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน
และหลังจากรอคอยมาพักใหญ่ เดือนนี้ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็ค่อยๆ ฟื้นตัว
เถ้าแก่เจียงเทียนอี้ให้คนเตรียมของขวัญไว้นานแล้ว เขายิ้มเยาะก่อนมองดูอาคารฝั่งตรงข้าม ยามนี้ ประตูของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนก็ยังคงปิดสนิท
รูปแบบการตกแต่งของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน ดูแปลกตาอย่างเหลือเชื่อ ตัวอาคารทั้งหลังเป็หินอ่อนขัด โดยใช้สีขาวเป็ส่วนใหญ่ ดูงดงามยิ่ง
บริเวณโดยรอบ เต็มไปด้วยเหล่าขุนนางแคว้นต้าฮั่นและบรรดาศิษย์หออี้ผิน
“ได้เวลาแล้ว...!”
ปังๆๆ...!
เสียงประทัดดังกึกก้อง
บรรยากาศช่างครึกครื้นนัก
กู่ไห่และหลงหว่านชิง ค่อยๆ เดินนำออกมา
“ถึงเวลาเจี๋ยนไฉ่[1]แล้ว...” ขุนนางหลวงของแคว้นต้าฮั่นะโขึ้น
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณ ต่างมองดูพิธีเปิดตรงหน้าด้วยความฉงน
ขุนนางเหล่านี้มาจากไหนกัน? พิธีเปิดนี้คืออะไร? เหตุใดมันจึงดูประหลาดนัก?
นี่คือรูปแบบการเปิดร้านของกู่ไห่ ซึ่งเป็ประเพณีที่นำมาจากโลกก่อน ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังเฝ้ามอง รู้สึกงุนงงกับความแปลกใหม่
กู่ไห่และหลงหว่านชิง ใช้กรรไกรตัดแถบผ้าสีแดงที่ขึงอยู่หน้าร้าน
“เปิดร้านได้!” กู่ไห่กล่าว พลางยิ้มร่า
พูดจบ เสียงประทัดก็ดังขึ้นอีกครั้ง หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนเปิดตัวอย่างเป็ทางการแล้ว!
ประตูร้านค่อยๆ เปิดออก
การตกแต่งภายใน ถูกออกแบบมาให้โล่งโปร่ง โถงกลางรับแสงแดด ทำให้ภายในดูสว่างไสวและกว้างขวางเป็พิเศษ
“ทุกท่าน ภายในสามวันนี้ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน จะทำการลดราคาสินค้าทุกชิ้นลงหนึ่งส่วน[2] โดยที่ท่านไม่ต้องต่อราคา กู่ฉินที่ดีที่สุดและถูกที่สุดในเมือง คือกู่ฉินจากร้านของเรา ขอเชิญทุกท่านเข้ามาเลือกชมด้านใน” กู่ไห่หัวเราะเสียงดัง
ลดหนึ่งส่วนทั้งร้าน?
ได้ยินเช่นนั้น ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที เจียงเทียนอี้ ที่เตรียมของขวัญพิเศษบางอย่างมาเพื่อเยาะเย้ย กลับต้องหยุดไป เพราะกู่ไห่ได้เปิดร้านในรูปแบบที่ตนคิดไม่ถึง
“เปิดร้านจริงๆ หรือนี่? เป็ไปไม่ได้? กู่ไห่จะไปหาของมาจากไหน? เขามีสินค้าคุณภาพดีจริงหรือ?” เจียงเทียนอี้เดินเข้าไปข้างใน อย่างไม่ยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“โอ้! นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ ทั้งห้าชั้น เต็มไปด้วยเครื่องดนตรีอันหลากหลาย”
“ชั้นนี้เป็กู่ฉินทั้งหมด คุณภาพของกู่ฉินเหล่านี้ ไม่ด้อยไปกว่าของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าเลย... ราคานี้คืออะไรกัน? เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? ทั้งยังจะลดให้อีกหนึ่งส่วน? ข้าอยากได้... ข้าจะซื้อ!”
“ขลุ่ยนี้ไม่เลวเลย คุณภาพเทียบเท่ากับหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ถูกว่าตั้งเจ็ดส่วน? อะไรกัน? นี่ยังจะลดอีกหนึ่งส่วนหรือ? ข้าอยากได้มานานแล้ว.. เอามาให้ข้า ข้า้ามัน!”
“ว่าอย่างไรนะ? ให้เอาสินค้าไปจ่ายที่นั่นหรือ? แล้วอย่างไรต่อ?”
ในอาคารทั้งห้าชั้น ประดับไปด้วยพื้นหินอ่อนขัด แม้แต่ผนังก็ยังเป็หินอ่อน จึงทำให้ดูโล่งโปร่งสว่างไสว ทั้งยังมีผู้บรรเลงกู่ฉินให้ฟัง ระหว่างเดินดูสินค้าด้วย ตอนนี้ทุกคนจึงรู้สึกเพลิดเพลินกับการมาเยือนหอกู่ฉินแห่งนี้
ส่วนพนักงานขายก็สุภาพมาก และจะคอยแนะนำถึงข้อดีข้อเสียของเครื่องดนตรีในแต่ละตัวอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม หน้าร้านภายในอาคารนั้น กลับแบ่งออกเป็ร้านค้าเล็กๆ มากมาย
“นี่คือร้านซอเอ้อร์หู[3]ที่อยู่สุดถนนมิใช่หรือ เหตุใดถึงมาเปิดที่นี่เล่า?” เจียงเทียนอี้เอ่ยอย่างนึกสงสัย
“นั่นคือร้านกู่ฉินที่อยู่บนถนนถัดไป ส่วนตรงนั้นก็เป็กลองที่ดีที่สุด พวกเขามาขายของที่นี่หรือ?”
“ร้านค้าพิเศษทั้งหมดในเมืองอิ๋นเยวี่ย มาเปิดขายของที่นี่?”
เจียงเทียนอี้มองไปยังร้านค้าอื่นๆ ด้วยความแปลกใจ
ในอดีต ร้านจ้งเสี่ยวนั้น ถือว่าแย่กว่าหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้ามาก แต่กระนั้นก็ยังมีเครื่องดนตรีที่ดีอยู่บ้าง พวกเขาจึงนำเครื่องดนตรีคุณภาพดีเ่าั้ มาขายในหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนแห่งนี้
นับว่าคิดถูกแล้ว!
“หืม? เถ้าแก่เจียง ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ ข้าก็มาเปิดร้านขายขลุ่ยเช่นกัน... นี่อย่างไรล่ะ ขลุ่ยที่ท่านเคยชื่นชม ดูสิ! ร้านของข้าเป็ที่นิยมมากเชียวละ” ชายในชุดดำคนหนึ่งทักทาย พลางมองไปยังโต๊ะคิดเงินเล็กๆ ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้เจียงเทียนอี้
“เถ้าแก่เฉิน ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ? ว่าห้ามจัดหาสินค้าให้กู่ไห่... นี่เ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร?” เจียงเทียนอี้ถามเสียงเย็น
“ไม่! เราไม่ได้จัดหาสินค้าให้เขา แต่มาเปิดร้านเองต่างหากเล่า ท่านเห็นหรือไม่ ว่าป้ายร้านของข้าก็ยังแขวนอยู่... ขลุ่ยเสี่ยวเฉิน” เถ้าแก่เฉินตอบ พลางยิ้มทันที
“เ้าหมายความว่าอย่างไร? มิได้หาสินค้า แต่ดูสิ... เ้าขายสินค้าก็จริง แต่เงินกลับถูกส่งให้คนของกู่ไห่” เจียงเทียนอี้ถามเสียงต่ำ
“มิได้เป็เช่นที่ท่านว่าหรอกเถ้าแก่เจียง เดี๋ยวเงินจะถูกส่งคืนมาให้เรา” เถ้าแก่เฉินตอบพลางยกยิ้ม
“หืม?”
“กู่ไห่บอกว่า ที่นี่คล้ายกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เราจะสามารถนำสินค้าเข้ามาวางขาย ในห้างที่กำลังเป็ที่นิยมแห่งนี้ได้ ก็ต่อเมื่อสินค้าของเรามีคุณภาพมากพอ แต่จะขายได้เท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเอง ซึ่งเขาจะขอหักเงินเพียงสองส่วนในร้อยส่วนจากยอดขายทั้งหมด” เถ้าแก่เฉินอธิบาย
“หักเงิน? เ้านำสินค้าเข้ามาขาย โดยไม่ต้องเสียเงินหรือ?”
“ใช่! และกู่ไห่ก็จะทำการสำรวจสินค้า หากว่าไม่ใช่ของดีก็ไม่อาจนำมาขายได้ หรือถ้านำของปลอม หรือของที่ไม่ได้มาตรฐานมาขาย เขาจะไล่เราออกจากหอกู่ฉิน ลูกค้าทุกคนจะต้องไปจ่ายเงินที่โต๊ะชำระเงิน เพื่อบันทึกการขายเสียก่อน” เถ้าแก่เฉินอธิบาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเถ้าแก่เจียงก็ค่อยๆ ซีดเผือด “ห้างสรรพสินค้า กิจการที่หักรายได้จากผู้ขายสินค้า กู่ไห่ เ้าคิดวิธีหาเงินทางอ้อมเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เถ้าแก่เจียง ข้าขอตัวก่อน ตอนนี้ที่ร้านกำลังยุ่งนัก ไว้วันหน้า ข้าจะไปเยือนร้านของท่าน” เถ้าแก่เฉินพูดจบ ก็รีบปลีกตัวไปดูแลลูกค้าทันที
เพียงเปิดกิจการวันแรก ก็ได้ผลตอบรับจากผู้คนอย่างล้นหลาม
คุณภาพดี ราคาย่อมเยา ทั้งยังมีการรับประกันสินค้า นี่ช่างเกินคาดฝัน... เหล่าผู้ฝึกตนจำนวนมาก จึงไม่ลังเลที่จะควักเงินซื้อทันที
การซื้อเครื่องดนตรีคราวนี้ ดูเหมือนทุกคนจะไม่เสียดายเงินเลย เพียงแต่้าซื้อเครื่องดนตรีเหล่านี้เท่านั้น
โต๊ะชำระเงิน ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังยืนต่อแถว เพื่อชำระเงิน
แม้การสั่งจองกางฉินจะซาลงไป แต่ในห้างแห่งนี้กลับคึกคักยิ่ง
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว ราวกับติดปีก
เจียงเทียนอี้เดินออกไปอย่างหมดหวัง พลางรำพึงเสียงแ่ “จบแล้ว… จบสิ้นแล้ว! หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ถึงคราวจบสิ้นแล้ว”
เงินลงทุนหรือ? กู่ไห่แทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ตราบใดที่เขาสามารถบริหารให้ห้างแห่งนี้ดำเนินการต่อไปได้ สิ่งที่ต้องทำ ก็แค่นั่งไขว่ห้าง คอยรับเงินที่เข้ามาทุกๆ วัน
แหล่งผลิตเครื่องดนตรี? ไม่จำเป็แม้แต่น้อย ในภายภาคหน้า เมื่อร้านค้าเหล่านี้ได้ลิ้มลองความหอมหวานไปแล้ว ก็จะเบียดเสียดยื้อแย่งกันเข้ามาขายสินค้าในห้างนี้เอง
ช่างน่าขันนัก ที่ข้าคิดจะปิดกั้นคู่ค้าของกู่ไห่ เช่นนี้แล้ว จะยังสามารถปิดกั้นได้อยู่อีกหรือ?
ร้านค้าเล็กๆ เหล่านี้ ต่างก็ด้อยกว่าหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญเช่นกัน นั่นก็คือการผลิตเครื่องดนตรี ที่มิได้ด้อยไปกว่าหอกู่ฉินของเราเลย ทั้งยังมีราคาถูกกว่ามาก
ผู้ฝึกตนเ่าั้ไม่ใช่คนโง่ ที่จะไม่รู้ถึงความต่างของหอกู่ฉินทั้งสอง ดังนั้น หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าต้องถูกทิ้งร้างแน่
เถ้าแก่เจียงเดินกลับไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ด้วยความสิ้นหวัง
ขณะนี้ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า กลับมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาเยี่ยมเยือน
“เถ้าแก่เจียง หอกู่ฉินฝั่งตรงข้ามเปิดตัวแล้ว ดูเหมือนจะมีคนไปเยี่ยมชมมากมายนัก เ้าไปที่นั่นมา เห็นว่าเครื่องดนตรีของเขาเป็อย่างไรบ้าง?” คุณชายอานที่กำลังดื่มชาเอ่ยถาม พลางคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นอีกฝ่ายก้าวเข้ามา
เจียงเทียนอี้ค่อยๆ เผยรอยยิ้มเศร้า ก่อนพูด “คุณชายอาน กู่ไห่ไม่เพียงแต่เป็อัจฉริยะทางการค้าเท่านั้น แต่ยังเป็อัจฉริยะในแวดวงดนตรีด้วย
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขาเพียงกระตุ้นความสนใจของผู้คนเท่านั้น เงินที่ได้จากการสั่งจองกางฉินนั้น ก็เพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ากิจการขายกางฉิน... พวกเราถูกเขาหลอกมาโดยตลอด”
“อะไรนะ? กระตุ้นความสนใจ?” คุณชายอานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“ใช่! การขายกางฉินเป็แค่การกระตุ้นความสนใจ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน คืออสูรกลืนกินทองที่น่ากลัวที่สุด หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติเสียแล้ว” เจียงเทียนอี้กล่าวอย่างทุกข์ใจ
---------------------------------------
[1] เจี่ยนไฉ่ (剪彩) หมายถึง การตัดริบบิ้นเพื่อเปิดงาน
[2] หนึ่งส่วน หมายถึง หนึ่งในสิบส่วน หรือ 10% และไม่ว่าจะพูดถึงกี่ส่วนก็ตาม จำนวนเต็มก็คือสิบ เช่น เจ็ดส่วน ก็จะหมายถึงเจ็ดส่วนในสิบส่วน หรือ 70% นั่นเอง (ยกเว้นในกรณีที่เป็เปอร์เซ็นต์น้อยๆ เช่น 2% จะใช้ว่า สองส่วนในร้อยส่วน เป็ต้น)
[3] ซอเออร์หู เป็เครื่องดนตรีประเภทสี ที่มีประวัติยาวนานมาั้แ่สมัยราชวงศ์ถัง ย้อนหลังไปมากกว่า 1,000 ปี
ในสมัยนั้น เรียกกันว่า ‘ซีฉิน’ ต่อมาเผ่าหู ได้นำมาพัฒนาและนิยมเล่นกัน เครื่องดนตรีนี้จึงถูกเรียกว่า ‘หูฉิน’ แต่ด้วยลักษณะซอที่มีสองสาย จึงถูกเรียกว่า ‘เออร์หู’ ในปัจจุบัน เพราะคำว่าเออร์ แปลว่า ‘สอง’ ในภาษาจีนนั่นเอง
ซอเออร์หูมีเสียงอันเป็เอกลักษณ์ ยามบรรเลงเพลงเศร้า ก็คล้ายคนร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อบรรเลงเพลงครึกครื้น ก็มีพลัง สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ทันที