เยว่เฟิงเกอมีจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือพอตกกลางคืน นางชอบหลงทิศจำทางไม่ได้
อีกอย่าง เดิมทีตัวนางก็ไม่คุ้นเคยกับจวนอ๋องแห่งนี้อยู่แล้ว ยิ่งยามนี้ตกกลางคืนท้องฟ้าก็ยิ่งมืดสนิท นางยิ่งไม่รู้ว่าควรจะมุ่งไปยังทิศทางใด
หลังเดินวนไปอีกหนึ่งรอบใหญ่ เยว่เฟิงเกอก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็อย่างยิ่ง ทั้งยังปวดขาทั้งสองข้างจนเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
“จวนอ๋องน่าตายนี่ จะสร้างให้ใหญ่ไปเพื่ออันใด ทำเอาข้าหาเรือนเยว่เหยาไม่เจอแล้ว”
เยว่เฟิงเกอทุบเข่าทั้งสองข้าง ปากก็อดบ่นขมุบขมิบไม่ได้
นางมองไปรอบๆ ที่ที่นางยืนอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยเงาไม้ทอดยาว แต่ไร้ซึ่งเงาคน
รอบด้านเงียบสงัดจนน่าประหลาดใจ แม้จะอยากหาคนถามทางสักคนก็ยังหาไม่เจอ
“แปลกจริง เหมือนข้าจะเพิ่งเดินผ่านที่นี่ไป” เยว่เฟิงเกอยืดตัวตรงพยายามแยกทิศทางอย่างตั้งใจ
ยามนี้นางหวังอยากให้ชิงจื่ออยู่ข้างกายจริงๆ เช่นนี้จะได้มีคนช่วยนำทางนางกลับไปยังเรือนของตนเอง
เป็ในตอนนั้นเองเสียงเ็าสายหนึ่งพลันดังขึ้นทำลายความเงียบ “ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว พระชายายังไม่พักผ่อน มาทำอันใดที่นี่?”
ทันทีที่เอ่ยจบ ม่อหลิงหานก็ก้าวเท้ายาวๆ มาถึง
เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาเยว่เฟิงเกออดตัวสั่นไม่ได้
ทว่า ทันทีที่เห็นว่าผู้มาคือม่อหลิงหาน นางก็อดถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างดุร้ายไม่ได้ “ม่อหลิงหาน เหตุใดท่านจึงเดินได้เงียบเชียบเช่นนี้”
โดยปกติแล้วเยว่เฟิงเกอเป็คนหูดี บวกกับรอบด้านของที่นี่เงียบสงัด หากม่อหลิงหานปรากฏตัวขึ้น นางจะต้องได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายแน่
แต่เมื่อครู่ม่อหลิงหานกลับไม่ส่งเสียงใดออกมาเลยแม้แต่น้อย
ในใจของเยว่เฟิงเกอเพิ่มความระแวดระวังต่อม่อหลิงหานขึ้นอีกชั้นหนึ่ง คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ นางต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีแล้ว
ม่อหลิงหานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ สายตาที่เขาใช้มองนางช่างเ็าจนน่ากลัว รอบกายแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบออกมา
เยว่เฟิงเกอถูกบรรยากาศหนาวเหน็บรอบกายของม่อหลิงหานทำให้ร่างทั้งร่างแข็งค้างไป ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตากับม่อหลิงหานมากขึ้นเรื่อยๆ
อ๋องหน้าน้ำแข็งคนนี้ เหตุใดทุกครั้งที่เห็นนางถึงต้องทำท่าทำทางราวกับอยากจะสังหารนางให้ดับสิ้นอยู่ร่ำไป เป็บ้าหรืออย่างไร
คิดถึงตรงนี้ เยว่เฟิงเกอก็อดถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้ายอีกครั้งไม่ได้
ม่อหลิงหานยังคงไม่กล่าววาจา เขาทำเพียงจ้องเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบอยู่อย่างนั้น คล้ายว่าจะจ้องนางให้ตายก็ไม่ปาน
จู่ๆ เยว่เฟิงเกอก็คิดถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ ยามนี้นางยังมีผ้าปิดบังใบหน้าอยู่ ยิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้ด้วยแล้ว ม่อหลิงหานจดจำนางได้อย่างไร?
ม่อหลิงหานมองสตรีตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นกลอกไปมา ถึงแม้นางจะใช้ผ้าสีดำสนิทปกปิดใบหน้า ทว่า ดวงตาคู่นั้นกลับเป็สิ่งที่เขาเห็นเพียงครั้งเดียวก็จำติดชนิดที่ลืมไม่ลง
ยามที่ยังอยู่ในเรือนน้ำอุ่นด้วยกันเมื่อครู่ ม่อหลิงหานได้เห็นใบหน้าของนางที่ปลดเปลื้องเครื่องประทินโฉมไปแล้ว
ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะถูกความโกรธครอบงำจนไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเยว่เฟิงเกอในทันที แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไป เมื่อเขาลองนึกย้อนกลับไปอีกครั้ง กลับจดจำดวงตาคู่นั้นของเยว่เฟิงเกอได้ขึ้นใจ
เขาไม่เคยพบสตรีนางใดที่ั์ตามีชีวิตชีวาเช่นนี้มาก่อน
ยามดวงตากลมโตคู่นั้นจับจ้องมองมาที่เขา ความเ็าและความดื้อรั้นในนั้นฉายประกายปรากฏชัด
ม่อหลิงหานเปิดปากถามอีกครั้ง “ดึกดื่นเพียงนี้แล้ว เหตุใดพระชายาถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่า มาทำเื่อะไรที่เปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้?”
เยว่เฟิงเกอนึกไปถึงเื่เมื่อครู่ที่นางขโมยกางเกงในของม่อหลิงหานมา ก่อนจะนำไปแขวนไว้บนหลังคา นางอดรู้สึกอยากหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้
ตอนนี้นางจึงแสร้งทำทีเป็ไม่สนใจสิ่งใด กล่าวว่า “หม่อมฉันเพียงแค่นอนไม่หลับ จึงออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศในจวน ในเมื่อท่านอ๋องทรงเป็ห่วงหม่อมฉันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นหม่อมฉันจะรีบกลับไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้เพคะ”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็หมุนตัวไปอีกทางด้วยคิดจะจากไป
แต่นางยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ก็ถูกม่อหลิงหานจับแขนไว้แล้วออกแรงกระตุกดึงร่างนางกลับมา
แม้เยว่เฟิงเกอจะรู้ตัวอยู่เสมอยามที่ร่างทั้งร่างเหวี่ยงหมุน อีกทั้งยามที่ร่างของนางปะทะเข้ากับแผงอกของม่อหลิงหาน ทว่าม่อหลิงหานลงมือได้ว่องไวเหลือเกิน กระทั่งนางยังไม่ทันได้มีโอกาสตอบสนอง ยามที่ได้สติกลับมาร่างทั้งร่างก็ถูกม่อหลิงหานพันธนาการไว้เรียบร้อยแล้ว
เยว่เฟิงเกอคิดจะดิ้นรน เพียงแต่วินาทีต่อมาร่างของนางกลับถูกม่อหลิงหานดันไว้จนไปชนเข้ากับต้นไม้ด้านหลัง ก่อนที่เขาใช้แรงกดร่างของนางไว้
ร่างของม่อหลิงหานมีจิตสังหารแผ่กำจายออกมา ยามที่เขามองเยว่เฟิงเกอก็คล้ายกับกำลังมองศัตรูในสนามรบก็ไม่ปาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้