“เ้า... เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ซูเฟยซื่อใจนผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
ไม่ว่าจะในฝันหรือความจริงก็ล้วนเป็เขา จนนางรู้สึกสับสนไปหมด
อวี้เสวียนจีกระดกริมฝีปากยิ้มทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ทำไม? เ้าฝันร้ายงั้นหรือ?”
“อย่างนั้นก็ดีสิ ที่ว่าฝันร้ายน่ะ” ซูเฟยซื่อถลึงตาใส่เขาทันใด
“งั้นหรือ? ฝันร้ายก็นับว่าดีด้วยหรือ? รสนิยมของเ้านี่ช่าง...” ท่าทางยียวนของอวี้เสวียนจี ทำให้ซูเฟยซื่อโกรธจนจุกไร้วาจา
เพราะอวี้เสวียนจีกินอิ่มแล้วว่างงานหรือไร ทำลายซูจิ้งโหยวจบก็วิ่งมาก่อกวนนางอีก?
คิดมาถึงตรงนี้ จึงหันหลังให้อีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด จัดการกับคนประเภทนี้ หากยิ่งโกรธ อีกฝ่ายก็ยิ่งมีความสุข
จู่ๆ อวี้เสวียนจีก็ก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวลงสบตาของซูเฟยซื่อ “นังหนู ดูเหมือนเ้ามีเื่ปิดบังข้าไม่น้อย?”
เรียกนังหนูด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายเช่นนั้นทำเอานางขนลุกขนพอง แต่ก็ยังตอบอย่างแสร้งใจเย็นสงบนิ่ง “ท่านอ๋องเก้าพันปีควบคุมเมืองหลวง แม้แต่พระตำหนักเสียนโหย่วต่างเต็มไปด้วยสายสืบของท่าน หญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างข้าจะมีเื่ปิดบังท่านได้อย่างไร?”
“งั้นหรือ? ทำไมข้าไม่ยักรู้ว่าคุณหนูสามแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีมีทักษะการขี่ม้าที่ยอดเยี่ยม กระทั่งฝีมือการฝึกม้าให้เชื่องล้วนน่าทึ่งจนผู้ชมต้องทอดถอนใจเล่า” แววตาลึกล้ำของอวี้เสวียนจีกลอกมองไปมา
ซูเฟยซื่อเงียบสนิท ถึงจะจงใจปิดบัง ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปกปิดจากอวี้เสวียนจีได้ แต่หากให้พูดความจริงนางย่อมไม่ยินยอม
“เฟยซื่อเป็เพียงคุณหนูสามในจวนอัครมหาเสนาบดีที่ไม่ค่อยเป็ที่รู้จักคนหนึ่ง สายสืบของท่านอ๋องเก้าพันปีละเลยไปก็นับว่าเป็เื่ปกติ”
ซูเฟยซื่อกล่าวพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง
อวี้เสวียนจีจะเชื่อวาจานางหรือไม่ มันก็แล้วแต่ใจของเขาแล้ว
“งั้นหรือ?” อวี้เสวียนจีพลันคว้าบีบข้อมือของนางไว้ แสงเบาบางภายในดวงตาสีดำกลับลุกโชน ยิ่งทำให้ผู้คนยากที่จะเห็นความรู้สึกข้างใน “ขณะที่ดูเ้าขี่ม้า ข้าได้คิดถึงอีกคนหนึ่งขึ้นมา”
“อ้อ? ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋องเก้าพันปีต่างเป็ยอดฝีมือ หญิงสาวที่มีความถนัดในศิลปะการขี่ม้าก็เป็เื่ปกติด้วย” ซูเฟยซื่อกล่าวยิ้มๆ แต่ในใจกลับไม่สบายใจรางๆ
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่ข้าพูดถึงก็เป็หญิงสาวคนหนึ่ง?” อวี้เสวียนจีพูดเสียงทุ้มต่ำทว่าทุกถ้อยคำล้วนชัดเจน
ในใจซูเฟยซื่อพลันสั่นระริก “นี่... ท่านอ๋องเก้าพันปีคงมิอาจมองข้าแล้วไปคิดถึงชายคนหนึ่งขึ้นมาหรอกนะ”
“เป็หญิงสาวคนหนึ่งจริงๆ แต่ไม่ได้เป็ลูกน้องของข้า ในเมื่อเ้าฉลาดแบบนี้ ลองเดาซิว่านางเป็ใคร?” ใบหน้าของอวี้เสวียนจีภายใต้แสงจันทร์ดูใสกระจ่าง งดงามทว่าเ็าราวกับรอบตัวอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งปีศาจ
ชั่วพริบตา ซูเฟยซื่อเพียงรู้สึกกระทั่งหายใจล้วนลำบาก เงียบไปสักพัก ในที่สุดเอ่ยปากพูดช้าๆ “ท่านอ๋องเก้าพันปี ไหนเลยเป็สิ่งที่ข้าคาดเดาได้เล่า เชิญท่านอ๋องเก้าพันปีพูดตรงๆ เถิด”
“ในเมื่อเดาไม่ออก ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องแล้วล่ะ” สีสันในดวงตาของอวี้เสวียนจีพลันเปลี่ยนเป็มืดมิด กลับหลังจะจากไป เมื่อเดินออกไปสองก้าว จู่ๆ ก็หันกลับมา “ซูเฟยซื่อ”
“หืม?” นี่เป็ครั้งแรกที่อวี้เสวียนจีเรียกชื่อนาง จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงอึ้งไป
“เมื่อครู่ในฝันนั้น เ้าได้เรียกชื่อคนคนหนึ่ง”
ประโยคเดียวเหมือนกับโยนซูเฟยซื่อเข้าไปในห้องแช่แข็ง นางเกือบหลุดปากออกมา “ใคร?”
ความจริงเป็ใคร ในใจนางมีแผนการ นางเห็นเพียงสองคนในความฝัน คนหนึ่งเป็ซ่งหลิงซิว อีกคนเป็อวี้เสวียนจี แต่ไม่ว่าจะเรียกใคร ด้วยสถานะปัจจุบันของนางก็ล้วนไม่ถูกต้อง
โดยเฉพาะซ่งหลิงซิว
“รอจนเวลาที่เ้าเดาได้ว่าคนที่ข้ากล่าวเป็ใคร ข้าย่อมบอกเ้าเอง” อวี้เสวียนจีกล่าวอย่างเอ้อระเหย
เมื่อสบตาที่ทั้งเกียจคร้านและน่าขนลุกของอีกฝ่าย จู่ๆ ซูเฟยซื่อก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่แสร้งทำต่อหน้าเขาล้วนไร้ประโยชน์ คล้ายว่าเขามองออกมาั้แ่ต้น
เขาแค่รอให้นางสารภาพออกมาเอง
ซูเฟยซื่อกำมือแน่นจนซีดขาว พยายามระงับความสับสนในใจ “คนนั้นที่ท่านอ๋องเก้าพันปีกล่าวถึง เกรงว่าคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”
ต้องพนันกันสักตั้ง
ในดวงตาของอวี้เสวียนจีปรากฏแสงเรืองรองกระแสหนึ่งวาบผ่าน “ข้าก็เคยคิดว่านางไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ตอนนี้...”
“ท่านคิดว่าคนผู้นั้นตายแล้วกลับมามีชีวิตอีก?” ซูเฟยซื่อกล่าวอย่างเยือกเย็น
ตามคาด คำถามนี้ทำเอาอวี้เสวียนจีสะอึกไปแล้ว ตายแล้วกลับมามีชีวิตอีก? ช่างเป็เื่เหลวไหลอะไรอย่างนี้
เป็เวลานาน เขาจึงถอนหายใจ “เป็ข้าที่คิดมากไปแล้ว เ้ากับคนผู้นั้น คล้ายกันมากจริงๆ”
“ใต้หล้ากว้างใหญ่ ได้พบเจอคนที่คล้ายกัน นั่นย่อมเป็เื่ปกติ เฟยซื่อโชคดีที่เหมือนคนที่ท่านอ๋องเก้าพันปีรำลึกถึง ทว่าข้าไม่ใช่นางอยู่แล้ว”
เฉลียวฉลาดดั่งอวี้เสวียนจี หากจะหลอกเขาก็คงไม่ง่าย เช่นนั้นใช้วิธีดึงฟืนไหม้ออกจากใต้หม้อ แก้ที่ต้นตอมิดีกว่าหรือ ปล่อยให้อวี้เสวียนจีตัดสินใจเอง
“ใช่ ใต้หล้ากว้างใหญ่ มีเพียงนางคนเดียว เ้าก็แค่คล้ายกับนางเท่านั้นเอง” ความผิดหวังในดวงตาของอวี้เสวียนจีมลายไปอย่างรวดเร็ว กลับมาเป็สีหน้าปกติ
ผิดหวังหรือ? ทำไมเขาต้องผิดหวังเล่า? หรือนี่จะเป็วีรบุรุษเสียดายวีรบุรุษตามที่โบราณกล่าวไว้?
นางต่อสู้กับอวี้เสวียนจีมานานขนาดนี้ แต่ถึงตอนนี้นางก็ยังทำความเข้าใจไม่ได้ ที่แท้อวี้เสวียนจีคิดอย่างไรกับนาง
ช่างเป็ผู้ชายที่เต็มไปด้วยปริศนาจริงๆ
“เฟยซื่อขอบคุณท่านอ๋องเก้าพันปีที่ให้ความช่วยเหลือในวันนี้ ไม่ว่าหม่อมฉันจะเป็นางหรือไม่ ศัตรูของหม่อมฉันกับท่านอ๋องเก้าพันปีล้วนเหมือนกัน ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเก้าพันปีสนใจช่วยหม่อมฉันสักแรงไหมเ้าคะ?” ซูเฟยซื่อครุ่นคิดสักครู่ก่อนกล่าว
ถ้านางได้รับความช่วยเหลือจากอวี้เสวียนจีละก็ เส้นทางการแก้แค้นคงง่ายขึ้นหลายส่วน ดูจากเหตุการณ์ในวันนี้เป็ตัวอย่างที่ดี ดังนั้นแทนที่จะปิดบังซ่อนเร้น สู้ขอให้เขาเข้าร่วมการสู้รบตั้งหนึ่งกับนางโดยตรงจะดีกว่า
“ฮ่าๆ ๆ นังหนูเอ๋ยนังหนู แผนการทั้งหมดของเ้าข้าล้วนรู้ดี” อวี้เสวียนจียิ้มพลางออกแรงบีบข้อมือซูเฟยซื่อแน่น
ซูเฟยซื่อปวดจนสูดลมหายใจลึกๆ อวี้เสวียนจีสามารถบดกระดูกข้อมือของนางให้แหลกตอนไหนก็ได้ “ไม่ใช่แผนวางกับดักใดๆ แต่เป็ความร่วมมือเ้าค่ะ”
“อย่าคิดว่าแค่เ้ามีบางส่วนที่คล้ายกับนางก็สามารถพูดคุยกับข้าแบบนี้ได้ ที่ช่วยเหลือในวันนี้ ก็แค่ยืดชีวิตเ้ามิให้ด่วนจากไปก็เท่านั้น การละเล่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป ส่วนวันข้างหน้าจะเป็อย่างไรนั้น ถ้าข้าได้ลงมือเอง เช่นนั้นจะยิ่งเห็นความสามารถของเ้าได้ถนัดตามากกว่า” อวี้เสวียนจีเผยยิ้มเ้าเล่ห์ แรงที่ข้อมือค่อยๆ คลายออก
ซูเฟยซื่อรู้ว่าถูกปฏิเสธแล้วก็ไม่ได้ผิดหวังนัก เพราะอวี้เสวียนจีคนนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ เล่นสนุกกับชีวิตมนุษย์ เมื่อได้คำตอบกลับมาเช่นนี้ ก็ไม่ผิดจากที่คาดไว้สักนิด
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ขอท่านอ๋องเก้าพันปีบอกหม่อมฉันว่า ในความฝันของหม่อมฉันเมื่อครู่ได้เรียกชื่อใครเล่าเ้าค่ะ” สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ นาง้าจะรู้ว่าอวี้เสวียนจีรู้มากน้อยเท่าไรแล้ว
“เ้ายังไม่ได้เรียกชื่อใคร เป็เพียงข้าอยากลองเ้าเท่านั้น ฮ่าๆ ๆ” อวี้เสวียนจีก้าวออกไปพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าขนลุก
เหลือเพียงซูเฟยซื่อที่มีสีหน้าไม่พอใจ ให้ตายสิ... นางเสียรู้ให้เขาแล้ว
หลังจากอวี้เสวียนจีจากไป ซูเฟยซื่อก็ไม่สามารถข่มตานอนได้อีก ในห้วงความคิดล้วนเต็มไปด้วยท่าทางที่เขาจากไปด้วยความภาคภูมิใจ นั่นทำให้ซูเฟยซื่อยิ่งโกรธจนเกือบจะะเิห้องโถงด้านทิศตะวันตกไปแล้ว
กล่าวไปแล้ว ั้แ่ที่นางได้เกิดใหม่ไม่ค่อยสูญเสียการควบคุมอารมณ์แบบนี้ แต่ทุกครั้งที่พบอวี้เสวียนจีกลับไม่อาจทนไว้ได้ อวี้เสวียนจีเป็ดาวดวงที่ข่มนางแท้จริง
ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกนานเท่าไร ฟ้ายังไม่แจ้ง ข้าราชบริพารของซูจิ้งโหยวได้มาแล้วในบัดดล ข้าราชบริพารคุกเข่าอยู่ที่ข้างเตียงด้วยสีหน้ากังวล “คุณหนูสาม แย่แล้ว พระสนมเกิดเื่แล้วเ้าค่ะ”