ตกกลางคืน อวิ๋นซีบอกเล่าความคิดลับๆ ของตนต่อจวินเหยียน ชายหนุ่มเงียบขรึมไปก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้ากล่าวว่า “ดียิ่ง หากว่าอาจารย์อาน้อยและท่านพ่อตาสามารถอยู่ด้วยกันได้จริงๆ นี่จะถือเป็เื่ที่ดีอย่างที่สุด”
เขายังไม่ลืมที่ตอนนั้นเคยให้สัญญาไว้กับอวิ๋นซานว่า ท้องสองของอวิ๋นซีจะให้เด็กมีแซ่อวิ๋น แต่หากพ่อตาของเขาได้แต่งภรรยา ในอนาคตคนย่อมมีลูกเป็ของตนเอง และอาซีของเขาก็ไม่ต้องคำนึงถึงเื่คลอดลูกท้องที่สองอีกแล้ว
คิดถึงตรงนี้ หากเื่ทั้งหมดนี้สำเร็จได้จริง ก็คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
“ก่อนหน้านั้น พวกเราจำต้องให้ท่านพ่อตามาที่เมืองหลวงเสียก่อน” จวินเหยียนกล่าวเสียงขรึม
อวิ๋นซียิ้มๆ “หากข้าเดาไม่ผิดละก็ ท่านพ่อเองคงกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมาเมืองหลวงได้พักหนึ่งแล้วกระมัง” อวิ๋นซีเป็ลูกสาวเพียงคนเดียวของอวิ๋นซาน หากข่าวที่นางให้กำเนิดแฝดชายนี้แพร่ไปถึงหูท่านพ่อเมื่อไร แน่นอนว่าเขาจักต้องเดินทางมาเมืองหลวงอย่างไม่มีข้อสงสัย
อวิ๋นซีและจวินเหยียนพำนักอยู่ที่เรือนรับรองแห่งนี้ได้สองสามวัน ระหว่างนี้พวกนางได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขเหลือล้น แต่อวิ๋นซีรู้ ภายใต้วันคืนแห่งความสุขนี้ยังคงแฝงไว้ด้วยฉากนองเืฉากแล้วฉากเล่า
ยามที่จวินเหยียนเดินเข้ามาในห้องก็เห็นอวิ๋นซีกำลังจ้องมองตนอยู่พอดี เขายิ้มถามว่า “เหตุใดจึงมองสามีเช่นนี้? ”
“นี่เป็การลอบสังหารครั้งที่เท่าไรแล้วนับแต่ที่พวกเรามาพักอยู่ที่นี่ คนพวกนั้นจะพอได้หรือยัง” ตอนนี้อวิ๋นซีเรียกได้ว่าโกรธแล้ว เพราะทุกๆ ครั้งเขาล้วนใช้ตัวเองรับเื่ทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะเมื่อวานเขากลับมาพร้อมกลิ่นคาวเืบนร่าง นางคงคิดไปแล้วจริงๆ ว่าสองสามวันมานี้ช่างเป็วันคืนที่แสนสงบสุข
ตอนนี้ดูเหมือนว่า อันตรายทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็เขาที่สกัดกั้นไว้ให้อยู่เพียงด้านนอกของบ่อน้ำร้อนแห่งนี้
จวินเหยียนยิ้ม ก่อนจะได้กลิ่นคาวเืบนร่างตน เขาขมวดคิ้วพูดว่า “ภรรยา ขออภัย ข้าลืมไปว่าควรอาบน้ำให้สะอาดก่อนกลับมา” ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดโกรธแค้นหน่อยๆ ทั้งๆ ที่เขาอาบน้ำไปรอบหนึ่งแล้วแท้ๆ แต่เหตุใดจึงยังมีกลิ่นเืจางๆ อยู่อีก
อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็ามองเขา “ไม่ใช่ว่าท่านไม่ได้อาบให้สะอาด แต่เพราะสองสามวันมานี้ ท่านฆ่าคนไปมากเกินไปต่างหาก ทำให้บนร่างมีกลิ่นคาวเืติดตัวไปแล้ว นอกจากนี้ เป็เพราะท่านกังวลว่าข้าจะเรียกหาท่าน จึงได้อาบน้ำให้สะอาดเรียบร้อยแล้วรีบกลับมา”
พูดถึงตรงนี้นางก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ จากนั้นจึงขึ้นหน้าไปบีบมือเขาโดยแรง “เหตุใดจึงไม่ให้ข้าไปจัดการเ้าพวกคนที่น่ารังเกียจเ่าั้กับท่านด้วย สมควรตายนัก”
“ฮูหยิน นี่เ้าด่าข้าหรือ? ” จวินเหยียนรู้สึกน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย เขาเพียงอยากให้นางได้พักผ่อนดีๆ แต่เ้าพวกสารเลวนั่นถึงกับกล้ามารบกวนครอบครัวพวกเขา คนเ่าั้ก็สมควรตายอยู่ เพียงแต่เขาไม่อยากให้มือคู่นี้ของภรรยาต้องอาบย้อมไปด้วยเื
อวิ๋นซีถูกชายหนุ่มจดจ้องด้วยแววตาน้อยใจ ชั่วขณะนั้นนางก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี จู่ๆ เขาก็กุมมือนาง “มือคู่นี้ของฮูหยินมีไว้ช่วยคน สามีหวังว่า วันหน้าก็ยังจะเป็เช่นนั้น” ส่วนเื่คาวเืทั้งหมดที่ด้านนอกก็มอบให้เป็หน้าที่เขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะค้ำยันผืนฟ้านี้ไว้ได้ เพื่อพวกนางแม่ลูกทั้งสี่
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำของเขาก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ “ได้” แม้นางจะไม่ลงมือ แต่ในมือนางก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยินดีขายชีวิตให้นาง ชาตินี้ นางมีคนที่อยากปกป้อง มีบ้านที่ต้องปกป้อง ดังนั้น ขุมกำลังของหอรุ่งอรุณ นางจะต้องใช้ประโยชน์อย่างดีแน่
จวินเหยียนเห็นนางตอบตกลงอย่างง่ายดายก็ให้รู้สึกไม่อยากจะเชื่อนิดหน่อย อย่างไรเสีย ภรรยาตนก็มักจะมีแผนลับมากมาย หากไม่ระวังเพียงนิด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอาจติดกับได้ ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาคงต้องจับตาดูนางไว้หน่อย
เพียงมองปราดเดียว นางก็รู้ได้ว่าเขาคิดอะไร เมื่อเห็นเขามีท่าทีระแวงระวังเตรียมจะป้องกันนาง อวิ๋นซีก็อดหัวเราะไม่ได้ “มองอันใด ยามนี้ท่านควรพาตัวเองไปอาบน้ำชำระกายให้สะอาดก่อน ไปเร็วๆ เถอะ ช่างสกปรกนัก ส่วนวันนี้ท่านก็ไปนอนห้องข้างๆ เสีย”
จวินเหยียนอุ้มคนขึ้นมา ยิ้มพูดว่า “ในเมื่อฮูหยินมีน้ำใจเชิญสามีไปอาบน้ำเช่นนี้ หากสามีไม่ทำตาม ฮูหยินจะไม่ผิดหวังหรอกหรือ” เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มคนมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำร้อน
อวิ๋นซีดิ้นรนไม่หยุด พูดเสียงขรึม “จวินเหยียน เ้าคนสารเลว ข้าอาบแล้ว”
“เช่นนั้นก็อาบอีกรอบเถอะ สามีรับประกันว่าจะปรนนิบัติฮูหยินให้สบายไปทั้งตัว”
ความสบายที่ว่า เมื่อแรกเริ่มนางก็รู้สึกราวกับจะตาย ราวกับกำลังจะได้ขึ้น์ แต่ในตอนสุดท้ายกลับต้องไร้เรี่ยวแรง เ้าบุรุษสมควรตายนี่มือไม้ยังคงอยู่ไม่สุข หากนางยังมีแรงอยู่ก็อยากจะเตะคนให้กระเด็นในทีเดียว...
อวิ๋นซีและคนอื่นๆ ยังคงพักอยู่ที่บ่อน้ำร้อนจนกระทั่งวันที่ยี่สิบเดือนสิบสองถึงได้กลับมา และวันที่สองหลังกลับไปถึงจวนอ๋องในเมืองหลวง จวินเหยียนก็ต้องไปที่กรมขุนนาง เพื่อสะสางงานราชการ จากนั้นก็เตรียมการเื่การพักผ่อน่ปลายปี
่ปลายปีในแคว้นหนานเย่า ขุนนางทั้งบุ๋นบู๋ และฮ่องเต้ต่างก็เริ่มผนึกตรากันในวันที่ยี่สิบหกเดือนสิบสอง จากนั้นก็จะเข้าสู่่เวลาของการพักผ่อนอย่างเป็ทางการ ก่อนจะกลับมาทำงานอีกครั้งในวันที่สิบเดือนหนึ่งของปีถัดไป
เมื่ออวิ๋นซีกลับมายังจวนอ๋อง นางก็เริ่มยุ่งวุ่นวายอยู่กับบัญชีมากมายที่ส่งมาจากหานโจว ยามนี้เงินในคลังที่เคยน้อยๆ ของพวกเขาเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทำให้อวิ๋นซีรู้สึกเบาใจขึ้นมาก อีกทั้ง ตอนนี้ตระกูลิหลันก็ได้ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งในเื่นี้ ฮ่องเต้ถือเป็ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนพวกเขา นอกจากจวนสองหลังและเงินแล้วก็คว้าอะไรไม่ได้อีก
อวิ๋นซีคิดมาถึงตรงนี้ก็ดันกองบัญชีออกไปอีกด้าน แค่นเสียงเ็า “เป็เ้าจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ เปิ่นเฟยเกือบจะกลายเป็หนึ่งศพสามชีวิตแล้ว แต่สุดท้ายเ้าฮ่องเต้ชรานั่นกลับได้ประโยชน์ไป”
ทรัพย์สินเงินทองของคนตระกูลิหลันตั้งกี่รุ่นนับร้อยปีถูกดึงเข้าท้องพระคลังทั้งหมด ส่วนคนที่ขาดทุนมากที่สุดในเื่นี้คงเป็ตัวนาง
ตอนนี้เองที่ด้านนอกประตูกลับมีเสียงหัวเราะดังลอดเข้ามา “ท่าทางอาซีเช่นนี้ ในใจคงจะอัดอั้นมากสินะ”
อวิ๋นซีมองจี้หยวนที่เดินเข้ามา นางเบะปากพูดว่า “ใช่แล้ว ครั้งนี้ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นอกจากจะมีฮ่องเต้คนหนึ่งแล้ว ก็ยังมีท่านที่เป็เสนาบดีกรมพระคลัง”
ตอนนี้กรมพระคลังมีเงินแล้ว วันหน้าไม่ว่าจี้หยวนจะทำเื่ใดก็คงจะไม่ขัดมือขัดเท้า และแม้ว่าเื่ราวจะดำเนินไปเช่นนี้ ตัวนางเองจะคิดว่าไม่เลว แต่เสี้ยวเหวินตี้ก็ไร้คุณธรรมเกินไป รู้ทั้งรู้ว่านางยากจน แต่กลับพระราชทานทรัพย์สินมาให้แค่นั้น ส่วนกิจการร้านค้า ที่ดิน หรือหมู่บ้านเกษตรกรรมอะไรนั่นกลับไม่ยกให้แม้แต่อย่างเดียว
จี้หยวนเดินเข้ามา นั่งลงตรงที่นั่งด้านข้างอวิ๋นซี เขามองบัญชีที่มีสัญลักษณ์จวนหนิงอ๋องอยู่ จากนั้นจึงยิ้ม “มิใช่ว่า พี่มาหาถึงนี่เพื่อนำข่าวดีมาบอกเ้าหรอกหรือ”
“ข่าวดีอันใดกัน? ” อวิ๋นซีมองไปยังเขา ถามเรียบๆ
จี้หยวนพูดเสียงเบา “หมู่บ้านบนเขา รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตรต่างๆ ของตระกูลิหลัน ฝ่าามีพระราชดำริจะขายออกไปทั้งหมด ทั้งยังมีร้านค้าบางส่วนที่ทำกำไรได้ไม่มากนัก ฝ่าาจึงไม่อยากจะไว้”
ทันทีที่นางได้ยิน ดวงตาก็เป็ประกาย หมู่บ้านเกษตรกรรมและที่นาของตระกูลิหลันหรือ? เมื่อได้ฟัง นางก็สนใจอยู่มากจริงๆ ส่วนบรรดาร้านค้าต่างๆ ที่ว่านั้น เสี้ยวเหวินตี้ไม่ใช่คนโง่ สิ่งที่ทำกำไรได้เ่าั้แน่นอนว่าต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี และคงสั่งให้คนลอบเข้าไปบริหารจัดการอย่างลับๆ หากทำกำไรไม่ได้ หรือทำได้ไม่มาก เขาย่อมต้องขายออกไปเป็แน่
“เสด็จพ่อทรงวางแผนจะจัดการเื่นี้อย่างไร? จะเปิดให้ประมูลโดยตรงหรือว่าจะขายออกไปอย่างลับๆ ? ”
จี้หยวนตอบ “ความคิดของฝ่าาก็คือผู้ที่ให้ราคาสูงจะได้ไป”
ได้ยินถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็หัวเราะเ็า “จิ้งจอกเฒ่า”
“น้องหญิง คำพูดนี้พี่จะทำเป็ว่าไม่ได้ยิน” เมื่อจี้หยวนได้ยินคำสามคำนั้นก็มองไปยังอวิ๋นซี สถานการณ์ของจวนหนิงอ๋องเป็อย่างไร จะมากน้อยตัวเขาก็รู้อยู่บ้าง ตอนนี้หากเขาเดาไม่ผิด ที่นี่คงมีหลายคนที่เป็คนของฝ่าา
“ข้าเพียงแต่อยากบอกเ้า หากอยากได้หมู่บ้านเกษตรกรรมและพื้นที่นาเ่าั้ ก็จักต้องเตรียมเงินไว้ให้ดี” จี้หยวนลุกขึ้นยืน จ้องมองนางพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สถานะของเขาล่อแหลม ตอนนี้จะรั้งอยู่ที่นี่นานมากไม่ได้