บทที่ 3 เส้นทางสู่โลกภายนอก
ราตรีกาลอันมืดมิดปกคลุมไปทั่วทั้งพระราชวังจินหลง แสงจันทร์เลือนรางสาดส่องลงมาบนผืนดินที่เปียกชื้นจากหยาดน้ำค้างยามค่ำคืน หลินชิงซาน พร้อมด้วยสาวใช้สองคน หลานหลาน และ ชุนเทียน ก้มตัวเดินอย่างเงียบเชียบไปตามทางเดินแคบๆ ที่ทอดยาวไปสู่ประตูหลังของตำหนักเย็นเป่ยอิง หัวใจของทุกคนเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวแต่ก็แฝงไปด้วยความหวังที่จะหลุดพ้นจากชีวิตที่เหมือนตกนรกทั้งเป็
“พระชายา… พวกเราจะไปที่ไหนกันเพคะ” ชุนเทียน กระซิบถามเสียงสั่น ใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวว่าจะมีทหารยามผ่านมาเห็น
“ไปที่ที่เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่” หลินชิงซานตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว “ข้าจะไม่อยู่ในที่ที่คนอื่นกำหนดชะตาชีวิตของข้าอีกแล้ว”
นางใช้จี้หยกที่แขวนอยู่ที่คอ จี้หยกเรืองแสงขึ้นเล็กน้อย นางพยายามอ่านความคิดของทหารยามที่กำลังเดินตรวจตราอยู่ใกล้ๆ
“คืนนี้อากาศหนาวชะมัด…อยากกลับไปนอนกอดเมียเสียจริง”
“อีกไม่นานก็จะเปลี่ยนเวรแล้ว…รีบเดินให้เสร็จจะได้ไปพักผ่อน”
เสียงความคิดที่นางได้ยินทำให้นางรู้ว่าทหารยามกำลังอ่อนล้าและ้ากลับไปพักผ่อน นางจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อมาถึงประตูหลังของตำหนักเย็นที่ถูกล็อคด้วยโซ่ขนาดใหญ่ หลานหลานและชุนเทียนถึงกับถอดใจ
“พระชายา…เราจะออกไปได้อย่างไรเพคะ ประตูถูกล็อคไว้” หลานหลานเอ่ยอย่างสิ้นหวัง
หลินชิงซานยิ้มมุมปาก “ใครบอกว่าเราจะต้องเปิดประตูออกไป”
นางมองไปที่กำแพงด้านหลังตำหนัก ซึ่งเป็กำแพงที่มีขนาดสูงแต่มีต้นไม้เลื้อยปกคลุมอยู่หนาแน่น
นางรู้ทันทีว่ากำแพงนี้ต้องมีความชื้นและรอยร้าวที่สามารถปีนขึ้นไปได้ นางจึงตัดสินใจใช้ต้นไม้เ่าั้เป็ทางปีนป่ายไปสู่โลกภายนอก
“พวกเ้าทั้งสองตามข้ามา” หลินชิงซานสั่งด้วยความมุ่งมั่น
การปีนป่ายกำแพงท่ามกลางความมืดเป็เื่ที่ยากลำบาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากหลานหลานและชุนเทียน พวกนางก็สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงได้สำเร็จ เมื่อมองลงไปเห็นแสงไฟที่ริบหรี่ในเมืองหลวงซื่อจิง หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง
เมื่อลงมาถึงพื้นด้านล่าง พวกนางก็วิ่งไปตามตรอกซอยเล็กๆ เพื่อหลบหนีจากสายตาของผู้คน เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนๆ พวกนางก็มาถึงตลาดโยวหลิง ตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนั้แ่เที่ยงคืน
ตลาดในยามนี้คึกคักเป็พิเศษ ผู้คนเดินกันอย่างแออัดเบียดเสียด เสียงพ่อค้าแม่ค้าะโเรียกลูกค้าดังเซ็งแซ่ มีทั้งเสียงต่อรองราคา เสียงพูดคุยกันอย่างจอแจ และกลิ่นอาหารหอมกรุ่นที่ลอยมาตามลม ที่นี่ไม่มีใครสนใจว่าใครเป็ใคร ทุกคนต่างทำมาหากินเพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน หลินชิงซานในฐานะนักธุรกิจสาวผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดมองเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน และเธอรู้ว่านี่คือโอกาส
นางใช้จี้หยกอ่านความคิดของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
“วันนี้ขอให้ขายดี…จะได้มีเงินไปซื้อยาให้แม่”
“เมื่อคืนนี้กินแต่ข้าวต้ม…วันนี้อยากกินอะไรที่อร่อยๆ”
“ขนมหวานร้านนั้นอร่อยชะมัด…แต่ก็แพงเหลือเกิน”
หลินชิงซานใช้ความสามารถของนางวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคทันที นางรู้ว่าทุกคน้าของอร่อยแต่ก็คำนึงถึงราคา นางจึงตัดสินใจที่จะขายขนมที่อร่อยแต่ราคาไม่แพง
“เราจะขายขนมที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน” หลินชิงซานกล่าวกับสาวใช้ทั้งสอง
“แต่พระชายา…เราไม่มีเงินทุนเลยนะเพคะ” หลานหลานเอ่ยด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วง” หลินชิงซานยิ้มบางๆ นางหยิบกำไลหยกและแหวนหยกที่สวมติดตัวออกมา มันเป็เครื่องประดับที่เ้าของร่างเดิมสวมไว้ แม้จะไม่ได้สวยงามโดดเด่นอะไร แต่ก็เป็หยกแท้ที่มีมูลค่าพอสมควร “นี่คือเงินทุนของเรา”
นางเดินนำทั้งสองไปที่ร้านขายของเก่า น่าจะพึ่งเปิดร้าน นางใช้จี้หยกอ่านความคิดของเ้าของร้านซึ่งเป็ชายชราใบหน้าเ้าเล่ห์
“ไอ้กำไลนี่ดูท่าจะเก่าแก่…ขายไม่ได้ราคาแน่”
“แหวนหยกนี่ก็ดูธรรมดา…ถ้ากดราคาลงเยอะๆ คงจะได้กำไรดี”
หลินชิงซานรู้ทันความคิดของเขา นางจึงตัดสินใจไม่ต่อรองราคามากนัก และยอมขายให้ในราคาที่พอรับได้เพื่อแลกกับเงินทุนที่จำเป็
“ท่านเ้าของร้าน…ข้า้าเงินทุนมาทำกิจการเล็กๆ น้อยๆ ขอให้ท่านเห็นใจด้วยเถอะ” หลินชิงซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม
“เอาเถอะๆ…ข้าเห็นแก่ความพยายามของเ้า จะให้ราคาที่ยุติธรรมก็แล้วกัน” ชายชรากล่าวพลางยิ้มย่องในใจเพราะได้กำไรอย่างงาม
หลินชิงซานรู้ดีว่าตนเองถูกเอาเปรียบ แต่นางไม่สนใจ นาง้าเงินทุนเพื่อเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากได้เงินมาแล้ว นางพาหลานหลานและชุนเทียนไปหาที่พักเผื่อบางทีไม่ต้องเทียวไปเทียวมาเพราะจะทำให้เสียเวลาและเหนื่อยจนเกินไป นางใช้จี้หยกอ่านความคิดของเ้าของโรงเตี๊ยม
“หญิงสาวสามคนนี้ดูท่าทางจะมาจากชนชั้นสูง…แต่ทำไมถึงมาหาที่พักราคาถูก”
“ห้องพักด้านหลังสุดที่เก่าๆ นั่น…คงไม่มีใครสนใจ”
นางจึงตัดสินใจเช่าห้องพักด้านหลังสุดที่ราคาถูกที่สุด ถึงแม้จะเก่า แต่มีความสะอาดพอสมควรสำหรับเก็บข้าวของและพักอาศัยชั่วคราว จากนั้นก็พากันเดินสำรวจตลาดอีกครั้งเพื่อหาวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำขนม
“เราจะทำขนมอะไรขายดีเพคะ” ชุนเทียนถามอย่างตื่นเต้น
“เราจะทำ ขนมลูกชุบ และ ขนมบัวลอย” หลินชิงซานตอบด้วยรอยยิ้ม
ในโลกปัจจุบัน ขนมเหล่านี้เป็ที่นิยมมาก และในโลกนี้ก็ยังไม่เคยมีใครทำ นางจึงมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างแน่นอน
นางเดินไปที่ร้านขายผักผลไม้ และใช้จี้หยกอ่านความคิดของเ้าของร้าน
“วันนี้มีผลไม้สดใหม่ทั้งนั้นมาลง…หวังว่าต้องขายหมดแน่ๆ”
นางเลือกซื้อมะพร้าวอ่อนและผลไม้ต่างๆ ที่จะนำไปทำขนม และซื้อข้าวสารกับน้ำตาลทรายมาด้วย ในขณะที่เลือกซื้อของ นางก็สังเกตเห็นว่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแห่งนี้ต่างก็มีความคิดที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือความอยากรวยและอยากได้เงิน
“หลานหลาน…ชุนเทียน…จากนี้ไปพวกเ้าอย่าได้เรียกข้าว่า พระชายา อีก” หลินชิงซานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะกำลังช่วยพวกนางจัดเตรียมวัตถุดิบทำขนม
สองสาวใช้มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ “แต่…เพราะเหตุใดหรือเพคะ”
“พวกเราออกมาจากวังแล้ว หากยังเรียกข้าเช่นนั้น จะทำให้ผู้คนสนใจในตัวพวกเราเกินไป” หลินชิงซานอธิบายด้วยรอยยิ้ม “จากนี้ไป…ให้พวกเ้าเรียกข้าว่า ท่านพี่ ก็พอแล้ว”
“แต่หม่อมฉัน…” หลานหลานยังคงลังเล
“เรียกข้าว่า ท่านพี่ เถิด…พวกเราเป็พี่น้องกันแล้ว” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
ชุนเทียนน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง นางคุกเข่าลง “ท่านพี่หลิน…บ่าวจะทำตามที่ท่านพี่สั่งทุกประการ”
หลินชิงซานยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วดึงตัวของทั้งสองให้ลุกขึ้น “ดีมาก…เราจะร่วมกันสร้างอนาคตใหม่ไปด้วยกัน”
หลินชิงซานจะวางแผนพาสาวใช้ทั้งสองคนกลับไปยังตำหนักเย็นใน่เช้าตรู่ นางจะกำชับให้ทั้งสองคนทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อกลับไปถึง นางจะใช้จี้หยกอ่านความคิดของทหารยามที่เฝ้าประตูตำหนักเย็น
“ทำไมพระชายาถึงกลับมาแต่เช้า ท่านไปไหนมานะ…มีอะไรผิดปกติหรือไม่”
“คงจะออกมาหาอะไรกิน…นางน่าสงสารนัก”
เสียงความคิดที่นางได้ยินทำให้นางรู้ว่าไม่มีใครสงสัยเื่การหายไปของพวกนาง หลินชิงซานจะทำตัวอ่อนล้าและเดินกลับเข้าตำหนักอย่างเงียบๆ และในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อชุยิเซียงรู้เื่นี้และมาสอบสวน นางจะเผชิญหน้ากับชุยิเซียงอย่างใจเย็น
“ท่านพี่…ข้าได้ยินว่าท่านไปจากตำหนักเย็นหรือเพคะ” ชุยิเซียงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเ็า
หลินชิงซานจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย “ใช่…ข้าออกไปหาอาหารเพราะไม่มีอาหารเพียงพอทั้งสามคน เดินดูข้าวของเพลินไปหน่อย”
ชุยิเซียงไม่เชื่อคำพูดของนาง นางจะพยายามจับผิดทุกวิถีทาง แต่หลินชิงซานจะใช้จี้หยกอ่านความคิดของนางและตอบโต้ได้อย่างตรงจุด ทำให้ชุยิเซียงต้องล่าถอยกลับไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็สะใจที่เห็นชายาเอกตกระกำลำบากแบบนี้ นางยิ้มเยาะสะใจที่สุด
จากนั้น หลินชิงซานจะใช้ชีวิตในตำหนักเย็นอย่างเงียบๆ อีกสักพัก เพื่อวางแผนการใหญ่ในการหาเลี้ยงชีพและสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีของตัวเองที่ไม่ได้ทำ โดยมีหลานหลานและชุนเทียนเป็ผู้ช่วยเหลือคนสำคัญ
แสงแรกของวันใหม่มาถึง หลินชิงซานก็พร้อมที่จะออกไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกอย่างเต็มตัว ในวันนี้เอง นางจะใช้ความรู้และความสามารถทั้งหมดที่นางมีเพื่อสร้างอนาคตของตัวเองและคนของนางให้ดีที่สุด
การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในครั้งนี้จะนำพานางไปสู่การเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่คาดไม่ถึง และการได้พบกับใครบางคนที่จะเข้ามาในชีวิตของนาง หรืออาจจะนำพานางไปสู่ความอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ติดตามได้ในตอนต่อไป…
***///***
