ฉึก!
คมดาบอันเย็นเฉียบเสียบแทงลงบนกลางอกของหม่าลี่ และตรึงร่างของเขาเอาไว้บนพื้น ดวงตาของหม่าลี่เบิกกว้างจ้องมองเด็กหนุ่มที่ยังคงมีท่าทางเ็า รูม่านตาของเขาขยายกว้างขึ้น พร้อมกับที่ศีรษะอันหนังอึ้งเอียงลงตามแรงโน้มถ่วง เพียงไม่นานสัญญาณชีพของเขาก็ขาดหายไป
หยกเทพชูร่าปรากฏขึ้นก่อนจะดูดซับพลังเืและแก่นโลหิตทั้งเก้าหยดจากร่างไร้ิญญาของอีกฝ่ายในทันที
หลังจากไป๋จื่อเยว่จัดการเื่ทางฝั่งนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินถือกระบี่เข้ามาหามู่เฟิงพร้อมกับสัตว์อสูรทั้งสอง โดยในระหว่างนั้นหยกเทพชูร่าก็ทำการดูดซับพลังเืจากบรรดาซากศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นไปด้วย แน่นอนว่าศพนับร้อยของกองโจรย่อมช่วยเติมเต็มพลังให้กับตัวหยกได้ไม่น้อย และมันยังสามารถช่วยหลอมเม็ดยาโลหิตให้กับมู่เฟิงได้อีกหนึ่งชุด
มู่เฟิงตัดศีรษะของหม่าลี่ก่อนจะใช้เสื้อผ้าจากร่างของอีกฝ่ายห่อมันเอาไว้ จากนั้นก็เก็บศีรษะที่ถูกห่อด้วยผ้าเข้าไปในแหวนเฉียนคุน
นี่จะเป็หลักฐานว่าเขาปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง
“ตอนนี้จะทำอะไรต่อ? กลับกันเลยไหมขอรับ?”
ไป๋จื่อเยว่เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่ เรายังเหลือลาภลอยที่ยังไม่ได้กอบโกยอยู่นะ”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ลาภลอย? อ้อ ท่านหมายถึงทรัพย์สมบัติที่อยู่บนูเาน่ะหรือขอรับ?"
ไป๋จื่อเยว่พลันตระหนักได้ขึ้นมา เขาจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง ในเมื่อหม่าลี่ถูกฆ่าไปแล้ว เวลานี้ภายในฐานโจรของพวกเขาคงเหลือแค่พวกตัวประกอบที่ไม่มีความสำคัญอะไร”
ขณะที่มู่เฟิงกล่าวคำพูดเหล่านี้ เขาก็เก็บดาบของหม่าลี่ขึ้นมา ดาบเล่มนี้คืออาวุธปราณขั้นสอง นับว่ามีราคาไม่น้อย แต่นอกจากดาบเล่มนี้แล้ว บนตัวของหม่าลี่ก็ไม่มีของล้ำค่าอย่างอื่นอยู่อีก
มู่เฟิงนำยาอิ่มทิพย์ออกมาก่อนจะกลืนมันลงไปหนึ่งเม็ด เพื่อเติมเต็มพละกำลังกับความกระหายอาหารและน้ำ จากนั้นเขากับไปไป๋จื่อเยว่ก็รวบรวมซากศพอันแห้งเหี่ยวทั้งหมดที่เหลืออยู่มากองรวมกัน ก่อนจะใช้พลังปราณเพลิงภายในร่างแผดเผาร่างของพวกเขา จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็ควบขี่สัตว์อสูรมุ่งหน้าออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ทันที
มู่เฟิงกับไป๋จื่อเยว่ต่างก็กลืนเม็ดยาโลหิตลงไปเพื่อฟื้นคืนพลังปราณ จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังูเาหม่าซาน
ทั้งคู่เดินทางมาถึงูเาหม่าซานใน่เวลาพลบค่ำหลังจากดวงตะวันลาลับไปแล้ว บนูเามีแสงไฟส่องสว่างบ่งบอกว่ามีผู้คนอยู่อาศัย ทำให้รู้ได้ถึงตำแหน่งของฐานโจรได้ในทันที แม้ภายในหมู่บ้านจะยังมีกลุ่มโจรหลงเหลืออยู่อีกมากกว่าร้อยคน แต่ในเมื่อจัดการกับหัวหน้าใหญ่ที่มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังได้แล้ว มู่เฟิงกับไป๋จื่อเยว่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรือเป็กังวลอีก
เมื่อมาถึงบริเวณเชิงเขา เด็กหนุ่มทั้งสองก็พบว่ามีเวรยามเฝ้าประตูอยู่มากกว่าสิบคน ทว่าพวกเขายังคงควบขี่สัตว์อสูรมุ่งไปข้างหน้าด้วยท่าทางผ่าเผย
“หยุด พวกเ้าเป็ใครกัน?”
ทันใดนั้นโจรผู้หนึ่งก็เข้ามาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้ อีกฝ่ายะโถามเสียงกร้าวด้วยความไม่พอใจ
“พวกข้าคือ…”
ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเย็นะเื และฉับพลันนั้นเขาก็สะบัดดรรชนีทั้งสองนิ้วไปยังศีรษะของโจรสองคนที่ขวางอยู่ตรงหน้า ทำให้ศีรษะของโจรทั้งสองถูกะเิออกในทันที
“คนที่้าชีวิตของพวกเ้าอย่างไรเล่า”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นอย่างเ็า หอกสีม่วงเล่มยาวพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา โดยหอกเล่มนี้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยสายฟ้า จากนั้นเขาก็ตวัดคมหอกไปยังลำคอของโจรผู้หนึ่ง ศีรษะขนาดใหญ่ของโจรผู้นั้นขาดกระเด็นในทันที
“แย่แล้ว มีคนบุกรุก!”
โจรคนอื่นๆ ต่างก็หน้าซีดด้วยความใ
“โฮก…!”
เสือดาวหางอสรพิษร้องคำราม จากนั้นมันก็กระโจรร่างที่มีมู่เฟิงควบอยู่้าไปยังร่างของโจรผู้หนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายล้มลงมันก็ขย้ำคออีกฝ่ายโดยตรง
หอกในมือของมู่เฟิงเหวี่ยงตวัดไปทางโจรสองคนที่กำลังวิ่งมาทางเขา ตัวหอกปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าสองสายให้ฟาดร่างของโจรทั้งสอง ทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิตลงทันที
อีกด้านหนึ่ง ไป๋จื่อเยว่ที่ควบอยู่บนหลังหมาป่าวายุวาดกระบี่ออกไปอย่างดุดัน ปรากฏเป็ปราณกระบี่สีครามพุ่งเสียบร่างของโจรผู้หนึ่งจนเสียชีวิต ส่วนทางด้านหมาป่าวายุเองก็ไม่น้อยหน้า มันควบแน่นใบมีดวายุออกมาและพ่นไปยังศีรษะของโจรอีกคนหนึ่งทันที
โจรเฝ้าประตูทั้งหมดถูกจัดการจนราบคาบภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็ควบขี่สัตว์อสูรขึ้นไปบนูเาต่อ
“แย่แล้ว มีผู้บุกรุก”
โหม่ง! โหม่ง! โหม่ง!
เสียงฆ้องเตือนภัยดังก้องไปทั่วูเา หลังได้รับสัญญาณเตือนโจรจำนวนมากก็กระโจนออกมาจากเรือนพักของตนพร้อมกับอาวุธในมือ จากนั้นพวกเขาก็วิ่งลงไปยังทางขึ้นูเา
ระหว่างทางขึ้นูเา มู่เฟิงได้ควบขี่สัตว์อสูรทะยานเข้าหากลุ่มโจรที่กำลังวิ่งลงมาในทันที
“ฆ่ามัน...!”
ด้วยจำนวนที่มีมากกว่ากลุ่มโจรจึงแผดเสียงร้องคำรามออกมาอย่างฮึกเหิม ทว่ามู่เฟิงกลับทำเพียงสะบัดดรรชนีนิ้วออกมาอย่างต่อเนื่อง และเพียงชั่วพริบตาเดียวกลุ่มโจรที่อยู่ห่างออกไปราวเจ็ดแปดเมตรก็ถูกสำแสงสีทองเจาะทะลุศีรษะตายไปถึงสี่ห้าคน
“ะโ!”
มู่เฟิงสั่งการสัตว์อสูรใต้บัญชา เสือดาวหางอสรพิษแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน จากนั้นมันก็ะโขึ้นสูงราวสี่ห้าเมตรก่อนจะพุ่งทะยานร่างเข้าหากลุ่มโจรตรงหน้าในทันที
เปรี๊ยะ!
เพียงมู่เฟิงกวาดหอกในมือออกไป ก็ปรากฏเป็ใบมีดสายฟ้าสีม่วงที่มีความยาวราวสามถึงสี่เมตรพุ่งไปยังกลุ่มโจรตรงหน้า
ฉัวะ! เปรี๊ยะ! ฉัวะ...!
“อ๊าก…”
กลุ่มโจรห้าคนกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ร่างกายของพวกเขาถูกผ่าออกเป็สองส่วน
ทางด้านเสือดาวหางอสรพิษเองก็ไม่น้อยหน้า มันพ่นลำแสงพลังปราณออกมาสังหารโจรผู้หนึ่งตายในทันที ส่วนกรงเล็บอันแหลมคมของมันก็ฉีกขย้ำร่างของโจรอีกคนในเวลาเดียวกัน
ฉึก!
ต่อจากนั้นมู่เฟิงก็ขว้างหอกออกไปเสียบแทงร่างของโจรสองคนที่ยืนซ้อนกันอย่างเหี้ยมโหด และในตอนที่เขาชักหอกกลับคืนมา วิถีของคมหอกก็ตวัดไปตัดศีรษะของโจรอีกสองคน
“ช่างร้ายกาจนัก”
เมื่อได้เห็นถึงความสามารถนี้ของมู่เฟิง ไป๋จื่อเยว่ที่อยู่ด้านหลังก็กล่าวขึ้นด้วยความตื่นตะลึง การใช้หอกของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าฝีมือกระบี่ของเขาเลย
“จงตายเสีย!”
ไป๋จื่อเยว่แผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน เขาเข้าไปยืนอยู่ด้านข้างมู่เฟิงพร้อมกับง้างกระบี่เข้าใส่ศัตรู ปักหลักคอยปกป้องด้านหลังของมู่เฟิงอย่างเต็มที่
ถนนบนูเาเส้นนี้มีความกว้างราวสี่เมตร บัดนี้ได้มีหยาดเืไหลมารวมกันจนกลายเป็ธารเืสายเล็กแล้ว ลำพังเพียงมู่เฟิงคนเดียวก็สังหารโจรไปมากกว่าสามสิบคน ทำให้เวลานี้ทั้งเส้นผมและเสื้อคลุมของพวกเขากำลังเปียกชุ่มไปด้วยเืของพวกโจรูเา
หลังจากพบว่าพวกของตนถูกสังหารตายไปหลายสิบคนก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปอีก แต่ละคนต่างก็ใกลัวจนต้องถอยหนี
มู่เฟิงในยามนี้ดูราวกับยมทูตที่เข้ามากวาดล้างชีวิตของกลุ่มโจรด้วยคมหอก
“เ้า พวกเ้าเป็ใครกัน?”
ผู้นำของกลุ่มโจรที่มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่เอ่ยถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ฉับพลันนั้นแสงสีขาวก็ส่องสว่างขึ้นที่มือของมู่เฟิง จากนั้นศีรษะของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
มู่เฟิงยกศีรษะนั้นขึ้นก่อนจะกล่าวอย่างเ็าว่า “หัวหน้าใหญ่หม่าลี่ของพวกเ้าถูกข้าสังหารไปแล้ว ถ้าไม่อยากตายก็จงวางอาวุธและไสหัวลงไปจากูเากลับไปทำงานที่สุจริตเสีย หรือหากว่าใครคิดจะต่อต้าน”
“ข้าจะสังหารทิ้งไม่ให้เหลือ!”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเ็า รังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของเด็กหนุ่มในตอนนี้ดูคล้ายกับตอนที่เขายังอยู่ในกองทัพอย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็ความดุดันและความอำมหิตที่พร้อมทะยานไปข้างหน้าเหมือนกับพยัคฆ์ร้าย
“หัวหน้าใหญ่!”
“เป็หัวหน้าใหญ่จริงด้วย หัวหน้าใหญ่ถูกฆ่าตายแล้ว!”
เมื่อกลุ่มโจรได้เห็นใบหน้าเ้าของศีรษะนั้นอย่างชัดเจน พวกเขาต่างก็เบิกตากว้างด้วยความใ แต่ละคนเงยหน้ามองมู่เฟิงด้วยสายตาหวาดผวา ใบหน้าของพวกเขาขาวซีดด้วยความตื่นตระหนก
“ยังไม่ยอมแพ้อีกรึ?”
ไป๋จื่อเยว่ที่อยู่ด้านข้างตวาดเสียงออกมาอย่างเ็า
เหล่าโจรที่เหลือต่างก็หันมามองหน้ากัน ในที่สุดก็เริ่มมีคนวางอาวุธในมือลง
ผู้นำกลุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดก็ก้มตัวเพื่อวางอาวุธลงเช่นกัน
“ยอมแพ้มารดาเ้าน่ะสิ!”
แต่ทันใดนั้นเขากลับผุดกายลุกขึ้นมาอีกครั้ง และแทงคมดาบในมือไปทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตาย”
มู่เฟิงแสยะยิ้ม พร้อมกับกวัดแกว่งคมหอกในมือออกไปทันที
ฉัวะ!
ศีรษะของอีกฝ่ายขาดกระเด็นและลอยละลิ่วขึ้นไปบนฟ้า ในขณะที่ลำคอของเขามีเืพุ่งกระฉูดออกมาสูงเกือบสามเมตร ศีรษะไร้ร่างลอยปลิวมายังเบื้องหน้าของเสือดาวหางอสรพิษ จึงถูกมันใช้อุ้มเท้าตบกระเด็นไปอีกรอบ
“พวกข้ายอมแล้ว ยอมแพ้แล้ว!”
เมื่อเห็นฉากนี้คนอื่นที่เหลือต่างก็รีบวางอาวุธลงในทันที พวกเขารีบยกมือทั้งสองข้างขึ้น
มู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่ที่ยังขี่อยู่บนหลังสัตว์อสูรจ้องมองไปยังกลุ่มโจรที่ยอมศิโรราบ ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็มองมาทางพวกเขาด้วยความยำเกรงและขลาดกลัว กลิ่นอายคาวเืที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองราวกับเทพสังหารที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก
“ในกลุ่มของพวกเ้า ใครเป็หัวหน้า”
มู่เฟิงถามอย่างเ็า
หลายคนมองไปทางชายร่างใหญ่มีหนวดเคราที่กำลังยืนอยู่ตรงกลาง ชายผู้นั้นก้าวเดินออกมาด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเสียงสั่น “นายท่าน ผู้น้อยเป็เพียงหัวหน้ากลุ่มขนาดเล็กเท่านั้น ปกติแล้วไม่ได้มีหน้าที่ทำเื่ใหญ่อันใดนักขอรับ”
มู่เฟิงพูดอย่างเ็าว่า “ไม่ว่าเ้าจะทำหรือไม่ เ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ คนอื่นออกไปได้ ต่อไปก็อย่าได้ริอาจกลับมาเป็โจรอีก ส่วนเ้ารั้งอยู่ก่อน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้