สภาพร่างกายและจิตใจของหลิงเฉินนับว่าเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปแต่ความตรึงเครียดสูงทางด้านจิตใจนานนับชั่วโมงทำให้เขาใกล้ถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วพลังชีวิตของคางคกั์ลดลงไปแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น และแน่นอนว่าสิ่งที่จะทำให้เขาสามารถมีชีวิตรอดและอดทนต่อไปได้อีก9 ชั่วโมง โดยที่ไม่พลาดโอกาสในการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียวก็คือ…
ความเชื่อมั่นเพียงเท่านั้น
คางคกั์ฟื้นจากสภาวะหยุดนิ่งสู่สถานะปกติพร้อมกับดวงตาสีเขียวแกมดำอันน่ากลัวจ้องมองมาที่เขา หลิงเฉินปาดเหงื่อที่หน้าผากดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็ดุร้าย เขายืดตัวขึ้น พร้อมกับถือดาบแห่งจิตไว้ในมือก่อนพูดด้วยเสียงต่ำๆ “เข้ามาหาฉันสิ...ฉัน...ไม่มีทางตายอย่างเด็ดขาด”
อ๊บ!!
คางคกั์ใช้ท่า ‘กระโจน’ พุ่งตรงมาที่หลิงเฉินจากระยะห่าง 20 เมตร แต่ยิ่งมันะโมาจากระยะไกลก็ยิ่งทำให้เป้าหมายของมันมีเวลาตอบสนองมากขึ้นและทำให้เขาปลอดภัยมากขึ้น หลิงเฉินกลั้นหายใจ ะโหลบเหมือนกับก่อนหน้า จากนั้นไปยืนอยู่ตรงจุดที่ห่างออกไป10 เมตรจากทางด้านหลังของคางคกั์ซึ่งเป็ตำแหน่งที่ดีที่สุดจากการคำนวณของเขาโดยที่ระยะห่างนี้ เขาสามารถรับมือกับสกิล ‘พายุศิลา’ และหลบหนีจากพื้นที่ที่ได้รับผลของสกิลนี้ได้เร็วมากขึ้นส่วนการรับมือกับสกิล ‘โยนศิลา’ นั้น เขาอยู่ห่างมากพอที่จะตอบสนองได้ทัน ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตรงจุดนี้อยู่ในระยะที่ไกลที่สุดที่‘ชิวหาทะลวง’ จะพุ่งมาถึง โดยที่ตำแหน่งนี้ เขาเพียงแค่ะโไปด้านหลังก็จะสามารถหลบการโจมตีจากลิ้นของมันได้จากนั้นจึงพุ่งไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว ก่อนะโขึ้นไปบนลิ้นขนาดใหญ่ของคางคกั์และโจมตีสวนกลับไป
อ๊บ!!
ภายใต้เสียงร้องประหลาดคางคกั์ยกหัวของมันสูงขึ้น และนับเป็ครั้งแรกที่มันทำท่าแบบนี้ หลิงเฉินหยุดนิ่งไปชั่วครู่และเห็นคางคกั์อ้าปากกว้างพร้อมกับปลดปล่อยเสียงอันน่ากลัวสุดขีดออกมาจากปากของมันซึ่งดังก้องไปทั่วทั้งห้องมันเป็เสียงที่แหลมสูงอย่างยิ่งจนทำให้หลิงเฉินต้องปิดหูด้วยความเ็ป เขารู้สึกราวกับว่าแก้วหูถูกทิ่มแทงและหลังจากเสียงนี้ดังเข้าหู จิตใจของเขาก็ตกสู่ความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกันนี้ดาบแห่งจิตในมือของเขาก็พลันเปล่งออร่าแสงสีเงินออกมา จิตใจที่สับสนอยู่ของเขาก็กลับมาชัดเจนในทันทีทันใดและมองเห็นขาหลังของคางคกั์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขากำลังทำท่าเตะพื้นและะโขึ้นสูง
บึม!!
พื้นดินสั่นะเือย่างรุนแรงเหมือนกับหลายๆครั้งก่อนหน้านี้ และเป็อีกครั้งที่มันโจมตีพลาด คางคกั์ร้อง ‘อ๊บๆ’ ออกมา 2 ครั้ง ด้วยความไร้เดียงสา เนื่องจากสมองที่เชื่องช้าจึงทำให้มันไม่อาจเข้าใจได้ว่าหลังจากที่ปลดปล่อยคลื่นเสียงทำไมมนุษย์คนนี้ถึงยังสามารถหลบการโจมตีของมันได้อย่างถูกต้อง
หลิงเฉินเพิ่งจะค้นพบว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ได้ดาบแห่งจิตการโจมตีด้วยเสียงเมื่อสักครู่ของคางคกั์คือท่า ‘คลื่นเสียงแห่งความโลภ’โดยท่านี้เมื่อปลดปล่อยออกมา มันจะครอบคลุมพื้นที่ในรัศมี 50 เมตร นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในพื้นที่นี้จะได้รับผลของท่าโจมตีนี้และมีโอกาส 100% ติดสถานะสับสนเป็เวลา 5 วินาที โดยเมื่ออยู่ภายใต้สถานะสับสน การเคลื่อนไหวของร่างกายจะไม่สามารถควบคุมด้วยสมองยิ่งไปกว่านั้นมันไม่จำเป็ต้องใช้เวลาถึง 5 วินาที เพียงแค่1 หรือ 2 วินาทีก็มากเกินพอที่จะทำให้เขาถูกคางคกั์ฆ่าตายในทันที
หนึ่งในความสามารถของดาบแห่งจิตก็คือความต้านทานต่อสถานะ“สับสน”!
ความสามารถของดาบแห่งจิตซึ่งต้านทานต่อสถานะสับสนที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจก่อนหน้านี้ได้ช่วยชีวิตเขาจากคางคกั์ดังนั้นแล้ว ตราบใดที่เขามีดาบแห่งจิตอยู่ในมือ นอกจากเ็ปหูเล็กน้อย ‘คลื่นเสียงแห่งความโลภ’ ก็ไม่มีผลอื่นใดต่อเขาอีก นอกเหนือจากท่า ‘ผ่าพสุธา’ ท่า ‘คลื่นเสียงแห่งความโลภ’ นับเป็ท่าโจมตีที่น่ากลัวที่สุดของคางคกั์มันเป็ท่าที่มีระยะโจมตีกว้าง และมีโอกาส 100% ที่จะทำให้เป้าหมายติดสถานะสับสนเป็เวลา5 วินาที แค่คิดก็พอที่จะทำให้ผู้คนตัวสั่นระริก แต่ว่าดาบแห่งจิตกลับทำให้สกิลนี้กลายเป็ไร้ประโยชน์
ดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีอย่างมากที่ได้ดาบแห่งจิตนี้มาจากแมงมุมโลกันต์มันเป็เื่บังเอิญราวกับเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว เขาถือดาบแห่งจิตไว้ข้างหน้าขวางกับลำตัวและดวงตาที่แวบแสงเหมือนกับดาวเยือกแข็ง ในเมื่อพระเ้ากำลังช่วยเหลือฉัน เพราะฉะนั้นแล้วแกต้องตาย!!
ฮ่า!!
เขาะโเสียงดังออกมาเพื่อปลุกพลังจากความเหนื่อยล้าทางด้านจิตใจต่อหน้าสกิล ‘ชิวหาทะลวง’ ที่คางคกั์ปล่อยออกมา เขาไม่ได้เคลื่อนที่หลบไปด้านหลังตรงกันข้ามเขาเขาพุ่งไปข้างหน้าในทันที จากนั้นะโสูงขึ้นไปอยู่บนลิ้นของคางคกั์ที่เฉียดผ่านเท้าของเขาไป…
ฉันตายไม่ได้!
ฉันแพ้ไม่ได้!!
…
---------------------------------------
“ดริ๊ง… ขอแสดงความยินดี คุณเลเวลอัพ เลเวลปัจจุบัน: เลเวล 6 HP +10MP +10 ได้รับแต้มสถานะ 5 แต้ม”
“ฟู้ว…” หยุนเฟิงพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา และหอบเอารางวัลที่ได้จากการอัพเวลวิ่งไปในจุดที่ปลอดภัยก่อนใช้แต้มสถานะทั้งหมดอย่างมีความสุข จากนั้นจึงนั่งลงที่พื้นเพื่อหยุดพักสักครู่หนึ่ง
“สุดท้ายเราก็เลเวล 6 ระบบการอัพเลเวลเกมนี้ช่างปัญญาอ่อนพิลึกพิลั่นถ้าทุกอย่างยังคงเป็แบบนี้ต่อไป เราคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อที่จะไปถึงเลเวล10 และเปลี่ยนเป็อาชีพที่แท้จริง”หยุนเฟิงพูดพึมพำอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงเปิดหน้าต่างสกิลและกวาดสายตามองด้วยสีหน้าที่สลดลงในทันที “เอ่อทั้งสองสกิลมีเลเวลแค่3 แต่เมื่อคิดว่าจะต้องใช้แต้มสกิลจำนวนมากเพื่ออัพให้มันเป็เลเวล4 มันก็ทำให้เรารู้สึกอยากตาย! ฉันโคตรจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครที่สามารถอัพเลเวลสกิลฝึกหัดจนถึงเลเวลสูงสุดก่อนที่จะถึงเลเวล10! แต้มสกิลได้รับจากการฆ่ามอนสเตอร์ระดับหัวหน้าหรือบอสเท่านั้น ใครเป็คนตั้งกฎพวกนี้!คนพวกนี้ดูหนังงี่เง่ามากเกินไปหรือเปล่า โอกาสที่มอนสเตอร์ระดับหัวหน้าจะปรากฏตัวนั้นน้อยมากพอๆกับโอกาสที่ดาวอังคารจะพุ่งชนโลก ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์บอส อย่างเช่นบอสระดับลอร์ดที่หน้าผาหมาป่ามันเหมือนกับาโลกเลยทีเดียว”
หยุนเฟิงพร่ำบ่นเล็กน้อยจากนั้นจึงเปิดหน้าต่างรายชื่อเพื่อนของเขาขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกงงงวยไปเล็กน้อย“เขาแค่เลเวล 5...หือ บางทีเขาอาจจะไม่สนใจเื่เลเวลฉันควรจะคุยกับเขาไหมนะ?” หยุนเฟิงหยุดคิดเล็กน้อยแต่ถัดมาเขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป ด้วยความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับนิสัยของหลิงเฉินเขารู้สึกได้ว่าหลิงเฉินเป็คนประเภทที่ไม่ชอบถูกรบกวน เขาก้มมองดูรายชื่อพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังชื่อหนึ่งเลเวลที่แสดงอยู่ด้านหลังชื่อนั้นถึงกับทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น
เลเวล7!
หยุนเฟิงรีบโทรติดต่อในทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย เขาก็ะโออกไปอย่างรวดเร็ว “หลิงเฉิน คุณ คุณเลเวล7!! ผมเริ่มเกมพร้อมๆ กับคุณ และผมก็ออนไลน์ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ไม่เคยออฟไลน์เลย แม้จะเป็ตอนกลางคืน จนถึงตอนนี้ผมยังเลเวล6 อยู่เลย แต่คุณเลเวล 7 แล้ว… เอ่อคุณไม่ได้เล่นหักโหมใช่ไหม? ถ้าคุณยังเล่นหักโหมแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานคุณจะล้มป่วย”
“…”
----------------------------------
“อย่ากดดันตัวเองให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าฝืนตัวเองเชื่อในตัวพี่ เขาคนนั้นที่พี่เสาะหามาให้เธอ จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง…อืมตัวตนของเขา พี่จำเป็ต้องปิดเป็ความลับก่อนในตอนนี้ และเขาก็ไม่้าให้ใครรู้เกี่ยวกับตัวตนของเขาแต่ในฐานะที่เป็พี่ชายของเธอ พี่ขอรับรองว่าเขาจะไม่มีทางทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน…เขาเป็บุคคลเดียวที่พี่ให้ความเคารพนับถืออย่างแท้จริง”
“…”
------------------------------------
สุ่ยรั่วที่นอนหลับอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นอย่างแ่เบาด้วยความเคยชินเธอเอนตัวเบาๆ ไปทางหลิงเฉินที่นอนอยู่ข้างๆ จนทำให้ร่างของเธอแนบชิดกับหลิงเฉินยิ่งขึ้นแสงจันทร์นวลผ่องส่องประกายลอดเข้ามาทางหน้าต่าง สาดแสงลงบนนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังตอนนี้เป็เวลาเป็เวลาตี 2 พอดี
เธอมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งอยู่ข้างกายด้วยแสงจันทร์ที่ส่องลงมา เธอมองเห็นคิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย รวมถึงหน้าผากของเขาที่ปรากฏรอยย่นจางๆและฟันที่กำลังขบเข้าหากันแน่น
“ดูเหมือนว่าเขากำลังทำอะไรบางอย่างแบบเอาจริงเอาจังเขาอาจจะกำลังต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งหรือไม่ก็ปัญหาบางอย่างในเกม? ”
เธอครุ่นคิดเงียบๆจากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างพยุงร่างของตัวเองและโน้มริมฝีปากลงจูบหน้าผากของหลิงเฉินเบาๆ
“พี่คะ สู้ต่อไปนะคะ พี่คือคนที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็ศัตรูหรือปัญหาที่น่ากลัวแค่ไหนพี่ก็จะเอาชนะพวกมันได้ทั้งหมด”
สุ่ยรั่วมองไปที่อุปกรณ์เล่นเกมซึ่งอยู่บนข้อมือของเธอและหลับตาลง “หลังจากที่หนูสามารถเข้าเล่นเกมเช่นเดียวกับพี่ หนูควรจะเลือกอาชีพอะไรที่สามารถช่วยเหลือพี่...”
…
-------------------------------------
-50,-102, MISS!
“อ๊บ!!!!”
ภายใต้เสียงร้องอันเกรี้ยวกราดของคางคกั์หลิงเฉินถูกเหวี่ยงตกจากหัวของมันอีกครั้ง เขาร่วงลงสู่พื้นอย่างทุลักทุเลและซวนเซไปด้านหลังถึง7-8ก้าว ก่อนจะตั้งหลักได้ จากนั้นเขาเงยหัวขึ้นและเบิกตากว้างจ้องมองไปที่คางคกั์เบื้องหน้าเสียงหายใจของเขาฟังดูหนักอึ้ง ติดๆ ขัดๆ ใบหน้าแดงไปทั้งหมด มือทั้งสองข้างซึ่งจับดาบแห่งจิตสั่นเบาๆร่างกายของเขาไม่อาจคงอยู่ในสภาพแน่นิ่งได้อีกต่อไป มันส่ายไปมาเล็กน้อย เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่ยังคงเย็นเยียบ
คางคกั์แห่งความละโมบHP:39,980/80,000!
เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตี2 ั้แ่เขาเริ่มต่อสู้กับคางคกั์ มันได้ผ่านไปแล้ว 5 ชั่วโมง
ห้าชั่วโมงผ่านไปเขายังไม่ตายตรงกันข้ามเขาลดพลังชีวิตของคางคกั์ไปได้ครึ่งหนึ่ง
สุดท้ายแล้วเขาก็ลดพลังชีวิตของมันลงได้ครึ่งหนึ่ง
ร่างกายของเขาในตอนนี้น่วมอย่างกับขนมมาร์ชเมลโล่จิตใจของเขาก็เปราะบางมากจนทำให้เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายตัวเองได้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว เขา้าโยนทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไป จากนั้นนอนราบลงกับพื้นและหลับไปจิตใจของของเขาถึงขีดจำกัดของมันแล้ว ไม่ใช่สิ มันเกินขีดจำกัดของมันไปแล้วตอนนี้เขาอยู่ในสภาพหมดสิ้นเรี่ยวแรง การที่เขายังยืนหยัดอยู่ได้นั้นเป็เพราะความเชื่อมั่นของเขาหลังจากวันนี้ไปเขาอาจจะต้องนอนหลับสองถึงสามวันเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย หรือบางทีเขาอาจจะป่วยหนักไปเลยก็ได้
แต่ว่าพลังชีวิตของคางคกั์ยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่ง
เราไปต่อมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…
แต่เราก็อดทนมาได้จนถึงตอนนี้เราจะยอมแพ้แบบนี้ได้อย่างไร!!
หลิงเฉินขบฟันและกัดลงไปที่ปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรงด้วยความเ็ปอย่างรุนแรงทำให้จิตใจของเขาที่พร่ามัวถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาในทันใดการมองเห็นของเขาที่วูบวาบก็เริ่มชัดเจนขึ้นภายใต้ความเ็ปนี้ ในเวลาเดียวกันนี้เขาก็มองเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในอุ้งมือของคางคกั์มันลอยพุ่งตรงมาทางเขาพร้อมกับเสียงลมหวีดหวิว
ร่างกายของเขาที่ว่างเปล่าะเิพลังลึกลับออกมาอีกครั้งพาตัวเขาถอยไปด้านหลังและหลบก้อนหินขนาดใหญ่ เมื่อถึงพื้นเขาก็นอนราบลงกับพื้นในทันทีหลบหลีกเศษหินทั้งหมดที่แตกกระจายออกมา ในตอนที่เขาลุกขึ้นยืนร่างกายของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง
ฟู้วว!!
ลิ้นอันแสนคุ้นเคยพุ่งตรงมาที่เขาทันทีที่ปากขนาดใหญ่ของคางคกั์ขยับหลิงเฉินก็ะโขึ้นโดยอัตโนมัติและหลบมันได้อย่างเฉียดฉิวแต่เขากลับลงสู่พื้นได้ไม่ดี เขาทรงตัวไม่ได้และล้มลงไปกับพื้นและทำได้เพียงมองดูคางคกั์ม้วนลิ้นของมันกลับไป
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทำผิดพลาดขณะคว้าโอกาสที่แสนจะหายากเพื่อโจมตี…
ห้าชั่วโมงที่อยู่ภายใต้ความตึงเครียดสูงถึงแม้เขาจะเป็พระเ้าเขาก็คงใกล้ถึงจุดแตกหักแล้ว
อีกทั้งคางคกั์ที่เขากำลังเผชิญหน้ายังมีพลังชีวิตเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง!