หลินลั่วหรานรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าหลังจากที่กลับมาจากการร่อนแร่แล้วบรรยากาศระหว่างเธอกับหลิ่วเจิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยความเป็มิตรและสบายใจเ่าั้ ดูเหมือนว่าจะโดนคำพูดของเธอทำลายไปลงไปเสียแล้ว
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มีใจจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแล้ว อีกทั้งหลิ่วเจิงก็ยังมีบริษัทที่ต้องดูแลทั้งสองจึงพากันนั่งเครื่องบินกลับเมือง R ในวันถัดไป
ระยะทางระหว่างเมือง R ไปจนถึงสนามบินนั้นต้องใช้เวลาในการเดินทางอีกราวๆ หนึ่งชั่วโมง หลินลั่วหรานแบกกระเป๋าเดินทางของตัวเองไว้เธอรู้สึกไม่ดีนัก ถ้าจะต้องนั่งรถของหลิ่วเจิงกลับไปแต่ก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะเรียกรถกลับเช่นกันโชคดีที่ในวันนี้หวังเมี่ยวเอ๋อไม่ได้มีงานอะไรและเธอก็อยากจะมารับหลินลั่วหรานอยู่แล้ว จึงทำให้หลินลั่วหรานสบายใจไปได้อีกเปลาะเธอจึงบอกลากับหลิ่วเจิงั้แ่ที่สนามบิน
เธอเป็ผู้จัดการซื้อ การทำงานจึงมีความยืดหยุดอยู่สูงมากเดิมทีก็เป็งานที่มีหน้าที่คอยให้คำแนะนำอีกทั้งครั้งนี้ยังเพิ่งจะทำเงินให้กับหลิ่วชื่อไป กว่าจะถึงการซื้อครั้งหน้าดูเหมือนว่าเธอจะมีเวลาพักผ่อนอยู่มากโข
ก่อนที่หลินลั่วหรานจะไปรุยลี่นั้น เป่าเจียก็เข้าไปในเมืองหลวงแล้วเธอไม่ค่อยแน่ใจเื่เหตุผลนักและดูเหมือนว่าแม้แต่หลิ่วเจิงเองก็ไม่รู้เื่นี้เช่นกันจนถึงตอนนี้เป่าเจียก็ยังไม่กลับมา เวลาที่หลินลั่วหรานโทรไปหาเธอก็จะมักจะอยู่ในอาการรีบร้อน ดูเหมือนว่าจะมีเื่อะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองใหญ่จนทำให้หลินลั่วหรานอดที่จะเป็ห่วงขึ้นมาไม่ได้
“เป็อะไรไป?” หวังเมี่ยวเอ๋อขับรถไปพร้อมกับหันมาขยิบตาให้หลินลั่วหราน
ภายในหัวของหลินลั่วหรานเต็มไปด้วยความสับสนมึนงงจึงไม่แน่ใจนักว่าเธอถามถึงอะไร หวังเมี่ยวเอ๋อไออ้อมแอ้ม “เธอกับนายน้อยหลิ่ว...”
“พี่หวัง คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย ผู้จัดการหลิ่วเป็คู่หมั้นของเป่าเจียครั้งหน้าอย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะ!” หลินลั่วหรานหมดคำจะพูดในวันเลี้ยงขึ้นบ้านใหญ่ แม่ก็แอบถามแบบนี้เหมือนกันทำไมทุกคนถึงชอบจับคู่เธอกับหลิ่วเจิงอยู่เรื่อย?
หวังเมี่ยวเอ๋อเงียบไป ก่อนจะอดบ่นขึ้นมาไม่ได้ “ขอแค่ค้อนดีพอ ก็ไม่มีกำแพงอะไรที่พังออกไปไม่ได้”
สุดท้ายหลินลั่วหรานก็ตัดสินใจหันหน้าออกไปมองธรรมชาติด้านนอกโดยไม่สนใจเธออีก
หวังเมี่ยวเอ๋อจึงได้แต่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “อ้อใช่ น้องสาว ครั้งก่อนเคยบอกไว้ว่าจะมีเซอร์ไพส์อะไรให้พี่สาวคนนี้ไม่ใช่เหรอนานแล้วนะ ทำไมยังไม่เห็นจะมีอะไรเลย?”
ถ้าหวังเมี่ยวเอ๋อไม่เตือนขึ้นมา หลินลั่วหรานก็เกือบจะลืมมันไปแล้วเพราะความยุ่ง คำถามนี้ทำเอาเธอรู้สึกละอายขึ้นมาในใจสุดท้ายเธอก็ได้แต่แสดงความอายที่เผลอลืมไปได้ และให้สัญญากับหวังเมี่ยวเอ๋อว่าจะเอามาให้เร็วๆ นี้แน่
แต่สุดท้ายเธอก็ทำเป็บ่นออกมา “มีใครที่ไหนเขามาทวงของขวัญจากคนอื่นกัน”
หวังเมี่ยวเอ๋อหมุนพวงมาลัย ก่อนจะหัวเราะออกมา “พี่สาวของเธอคนนี้ ใช่คนธรรมดาที่ไหนกันล่ะ?!” คำพูดของเธอทำเอาหลินลั่วหรานหลุดยิ้มออกมาและมันก็ทำให้เธอคลายความกังวลที่มีต่อเป่าเจีย และความรู้สึกแปลกๆที่มีต่อหลิ่วเจิงลงไปได้มาก
แม้ว่าจะออกจากบ้านไปไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แต่หลินลั่วหรานก็เริ่มจะคิดถึงบ้านขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าเสี่ยวตงกับพ่อแม่จะเป็อย่างไรบ้าง พ่อกับแม่จะสามารถสงบใจทำสมาธิได้ไหม?
เมื่อมาถึงบ้าน เปิดประตูบานใหญ่ออกหวังเมี่ยวเอ๋อจัดการนำรถเข้าไปจอดไว้ในโรงจอดรถให้เรียบร้อยหลินลั่วหรานก็เห็นว่ามีรถหรูสีดำคันนหนึ่งจอดอยู่ก่อนหน้าแล้ว
แปลกจัง ที่ผ่านมาครอบครัวของเธอไม่เคยรู้จักกับคนที่จะมีเงินมากขนาดนี้นี่อีกทั้งที่นี่ยังเป็ที่ที่พวกเธอเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ แล้วใครกันที่จะมาที่นี่ได้?
“พ่อ แม่ เสี่ยวตง อยู่กันไหม?”
หลินลั่วหรานพุ่งตัวเข้าไปในบ้าน พร้อมทั้งะโเรียกหาเสี่ยวตงวิ่งออกมาจากหลังบ้านเป็คนแรก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเศษดินโคลนเมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานกลับมาแล้ว เขาก็ดีใจเป็อย่างมาก
หลินลั่วหรานนำของขวัญจากรุยลี่ส่งให้กับเขาพร้อมทั้งลูบลงที่หัวของเขาเบาๆ “พวกพ่อออกไปด้านนอกเหรอ?”
หลินลั่วตงพยักหน้า “ซื้อกับข้าว”
ไปซื้อกับข้าว? ได้ยินดังนั้นหลินลั่วหรานก็ยิ่งแปลกใจขึ้นมาที่บ้านของเธอกินผักที่มาจากพื้นที่ลึกลับของเธอทั้งนั้นน้อยนักที่จะกินอาหารจำพวกเนื้อ เพื่อนๆ และคนรู้จักที่สนิทเป่าเจียที่อยู่เมืองหลวง พี่หวังที่ยืนอยู่ข้างๆหรือแม้แต่เสี่ยซุยต่างก็ชอบผักของบ้านหลินทั้งนั้น มีเหตุผลอะไรที่จะต้องออกไปซื้อผักด้านนอกยิ่งเมื่อนึกถึงรถคันหรูสีดำที่จอดอยู่ในโรงจอดรถแล้วหลินลั่วหรานก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา
ใครมากันแน่นะ?
“ครืด” ประตูสีแดงสดถูกเปิดออกพ่อและแม่พากันเดินเข้ามาในประตู มือของทั้งสองนั้นว่างเปล่า มีผักอะไรที่ไหนกัน
“เสี่ยวหราน ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!” เมื่อผู้เป็แม่เห็นลูกสาวยืนอยู่ในตัวบ้านแววตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นมา พร้อมทั้งหันไปทักทายหวังเมี่ยวเอ๋อแล้วดึงมือของหลินลั่วหรานเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนของลูกมาั้แ่เมื่อวานแล้วเขาบอกว่ามีเื่จะคุยด้วย”
“เพื่อนเหรอ?” หลินลั่วหรานสงสัยเพื่อนคนไหนจะมาค้างคืนที่นี่รอเธอ ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากถามแม่ก็มีร่างของใครคนหนึ่งเข้ามาในประตู
ร่างสูงร้อยแปดสิบกว่า ใบหน้าหล่อเหลาภายในมือของเขาหิ้วถุงใหญ่ที่ใส่กับเข้าเอาไว้ ทำลายภาพลักษณ์ของเขาไปจนสิ้นเนื้อวัวภายในถุงของเขา ยังมีหยดน้ำไหลหยดลงมาไม่ขาด!
“คุณชายมู่ ทำไมถึงเป็นาย!” ความใของหลินลั่วหรานถูกส่งออกมาผ่านทางคำพูดเธอใช้นิ้วชี้ไปยังมู่เทียนหนานอย่างอดไม่ได้
คุณชายบ้านี่ มาที่บ้านได้ยังไงกัน!
“เสี่ยวหราน กลับมาสักทีนะ” มู่เทียนหนานเผยรอยยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว แต่ในสายตาของหลินลั่วหราน กลับดูน่ากลัว
“แม่ ทำไมถึงให้คนอื่นเข้ามาในบ้านมั่วๆ แบบนี้ ไม่ได้คิดเลยเหรอว่าเขาจะมาทำอะไรหรือเปล่า” หลินลั่วหรานยกมือขึ้นกุมหน้าผาก พ่อกับแม่ไม่ได้มีความระมัดระวังตัวเอาเสียเลยนิสัยซื่อๆ แบบนี้ จะให้หลินลั่วหรานวางใจได้อย่างไร
ผู้เป็แม่พูดต่อ “เสี่ยวมู่ท่าทางดูดีแบบนั้นแล้วก็คงไม่คิดจะอยากได้ของในบ้านเราหรอก...เขาไม่ใช่เพื่อนลูกเหรอ เด็กคนนี้นะทั้งปากหวานทั้งขยัน ลูกอย่าไปพูดถึงคนอื่นมั่วๆ สิ”
ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่แม่ของหลินลั่วหรานไม่ได้พูดออกไปที่สำคัญที่สุดคือเธอถามออกไปแล้ว ความประทับใจของเสี่ยวมู่ที่มีต่อผู้หญิงนั้นค่อนข้างดีทีเดียวอีกทั้งยังโสด ถือได้ว่าเป็คู่ครองที่หาได้ยาก
หลินลั่วหรานไม่อาจจะเข้าใจความกังวลว่า เธอจะเป็ “สาวขึ้นคาน”ของพ่อแม่ทั้งสองของเธอได้จึงได้แต่มองข้ามเื่ที่มู่เทียนหนานมาอยู่ที่บ้านของเธอไป ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เธอก็กลับมาแล้ว พอกินข้าวเสร็จก็ค่อยจัดการไล่เขาออกไปซะ!
เพราะว่ามู่เทียนหนานอยู่ที่นี่ หวังเมี่ยวเอ๋อไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขานักเธอจึงรีบกลับไปโดยไม่ได้อยู่ร่วมทานข้าวเย็นด้วย
แต่คุณชายมู่คนนี้กลับไร้ยางอาย เขาไม่ได้สนใจอาการของหลินลั่วหรานบนโต๊ะอาหารก็เอาแต่ชมฝีมือการทำอาหารของแม่ และบอกว่าพ่อเลือกผักได้ดีแถมยังชมดินปั้นของหลินลั่วตงด้วย...เขาทำราวกับว่าประโยคคำหวานนั้นเป็เพียงกะหล่ำปลีฟรี!
สรุปแล้ว หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วหลินลั่วหรานเห็นว่ามู่เทียนหนานกำลังคุยกับพ่อและแม่ของเธออยู่อย่างออกรสเขาฟังเื่ราวธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านของพ่อกับแม่ด้วยความสนใจไม่เหมือนกับคุณชายมู่ที่ทำอะไรก้าวร้าวแบบนั้น
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อกับแม่ และดวงตาที่เปล่งประกายของหลินลั่วตงหลินลั่วหรานอยากจะเอ่ยปากไล่หลายครั้ง แต่ก็ต้องกลืนกลับลงไป
เวลาผ่านมาจนเกือบจะสี่ทุ่ม หลินลั่วตงเริ่มที่จะอดทนความง่วงเอาไว้ไม่ไหวจนหาวออกมา หัวของเขาค่อยๆ ผงกลงช้าๆ แม่ของหลินลั่วหรานรับรู้ได้ในทันที “ดูสิ น้าพูดมากอีกแล้ว ต้องให้มานั่งทนฟังนานขนาดนี้...ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วยังไงก็ค้างอีกสักคืนนะ รบกวนเวลาเธอไปเยอะเลยยังไม่ได้คุยกับเสี่ยวหรานเลยใช่ไหมล่ะ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ”
แน่นอนว่ามู่เทียนหนานไม่ได้ปฏิเสธอะไร แม่ของเธอหันมามองด้วยสายตาคาดหวังหลินลั่วหรานจึงได้แต่พยักหน้าลงโดยไม่ได้ยินดีนัก
ในระหว่างที่กำลังเดินผ่าน หลินลั่วหรานข่มฟันกดเสียงลงถาม “นาย้าจะทำอะไรกันแน่ แล้วใครเป็เพื่อนของนายกัน?”
มู่เทียนหนานยกยิ้มขึ้น ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดออกมาเสียงเบา “ฉันมาทำอะไร เธอก็รู้อยู่”
พ่อและแม่หันมาส่งสายตาก่อนที่ผู้เป็พ่อจะอุ้มหลินลั่วตงที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือเดินไปพร้อมกับผู้เป็แม่ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงหลินลั่วหรานและมู่เทียนหนานสองคน
เมื่อเห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของผู้เป็แม่ เห็นได้ชัดว่าคงเข้าใจผิดไปแล้วหลินลั่วหรานมองไปยังใบหน้าน่าหงุดหงิดของมู่เทียนหนาน ก่อนจะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
นี่มันเป็ตัวปัญหาที่เข้ามาอยู่ในบ้านโดยที่ไม่รู้จะไล่ส่งออกไปได้อย่างไรจริงๆ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้