ในห้องขังเต็มไปด้วยความเงียบ หานอวิ๋นซีจ้องมองไปที่ข้าวต้มอย่างจริงจัง สีหน้าที่เคร่งเครียดเช่นนั้นทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ อยากรู้อยากเห็นและสงบลงโดยไม่รู้ตัว และรอคอยไปกับนาง
ดวงตาของหลงเฟยเยี่ยมองไปที่ใบหน้าของหานอวิ๋นซี ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เห็นด้านที่จริงจังและเป็มืออาชีพของสตรีผู้นี้มาเป็เวลานานแล้ว
หากให้นางอยู่ข้างกาย เป็ปรมาจารย์ด้านพิษของราชวงศ์ คงเป็อีกทางเลือกที่ฉลาดใช่หรือไม่?
ขณะที่หลงเฟยเยี่ยกำลังคิดอยู่ ดวงตาที่มืดมนของหานอวิ๋นซีก็สว่างขึ้น พร้อมกับอุทานว่า “ใช่จริงๆ ด้วย!”
หลงเฟยเยี่ยรีบมองไปที่ข้าวต้มและเห็นว่าข้าวต้มที่เดิมเป็สีขาวใสกลับกลายเป็สีขุ่น จากนั้นไม่นานก็กลายเป็สีดำ!
“มีพิษอยู่ในเืของพวกเขาหรือ?” หลงเฟยเยี่ยที่เป็คนฉลาด ดังนั้นเขาจึงพอเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้าวต้มไม่มีพิษ และสิ่งที่จะทำให้ข้าวต้มเป็สีดำก็คือเืของนักโทษอย่างไม่ต้องสงสัย
หานอวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่! มีพิษอยู่ในเืของพวกเขา และพิษนี้คือพิษข้าว”
“แล้วอย่างไรต่อล่ะ?” หลงเฟยเยี่ยถาม หากในเืมีพิษ ทำไมนักโทษเหล่านี้ถึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ แล้วทำไมหมอพิษที่เขาจ้างมาก่อนหน้านี้ถึงไม่พบพิษในตัวพวกเขาล่ะ?
แม้ว่าจะไม่รู้เื่พิษมากนัก แต่หลงเฟยเยี่ยก็รู้เช่นกันว่าเมื่อพิษกระจายเข้าสู่กระแสเื ก็แสดงว่าระดับของพิษนั้นไม่น้อย บางทีอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายได้อีก
เมื่อครู่เขาสั่งให้คนไปเอาเืจากนิ้วของนักโทษ แต่มันก็เป็เืเพียงแค่ไม่กี่หยด และเมื่อทดสอบแล้วมันก็เป็พิษ เดาได้ว่าพิษต้องกระจายไปในเืของนักโทษอย่างสมบูรณ์
เืทั่วร่างกายเป็พิษทั้งหมด ทว่ายังคงเหมือนคนปกติ หากไม่ได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง หลงเฟยเยี่ยอาจไม่เชื่อ
“นี่เป็ยาพิษชนิดหนึ่งที่พิเศษมาก เหตุผลที่เรียกว่าพิษข้าวก็เพราะว่าพิษชนิดนี้จะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อมันัักับอาหารที่มีลักษณะคล้ายข้าวเท่านั้น” หานอวิ๋นซีหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “หากข้าเดาไม่ผิดละก็ คนที่โดนพิษเหล่านี้ ก่อนหน้าที่จะโดนพิษคงต้องกินข้าวต้มมาก่อนอย่างแน่นอน”
หลงเฟยเยี่ยมองไปยังองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ เขาทันที
“ทูลท่านอ๋อง เป็เื่จริงพ่ะย่ะค่ะ อาหารสามมื้อในคุกคือข้าวต้ม บางคนก็กิน บางคนกินไปแค่คำเดียวก็บ้วนทิ้ง” องครักษ์รีบรายงานทันที
“เช่นนี้ก็พูดได้ว่า หากพวกเขาไม่กินอาหารที่เกี่ยวข้องกับข้าว พวกเขาจะไม่มีวันได้รับพิษ?” หลงเฟยเยี่ยถามอย่างจริงจัง
หานอวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่ พวกเขาจะไม่มีวันถูกวางยาพิษ และไม่ว่าหมอพิษจะเก่งกาจขนาดไหน พวกเขาก็ไม่สามารถตรวจหาสารพิษในเืได้”
ขณะที่นางพูด นางก็เทข้าวต้มลงในเือีกถ้วยหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นคือข้าวต้มค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีดำ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักโทษทั้งสองมีพิษอยู่ในเื
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้” หลงเฟยเยี่ยยกยิ้มอย่างเ็า ไม่แปลกใจที่เขาตรวจอย่างไรก็ไม่เจอ และคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะซ่อนพิษไว้ลึกขนาดนี้
“ถ้าคิดที่จะอดตาย เช่นนั้นทำไมไม่กินข้าวต้มแล้วโดนพิษตายไปเลยล่ะ?” หลงเฟยเยี่ยถาม
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ออกว่าคนทรยศเหล่านี้ไม่ได้้าจะสารภาพ ทั้งยังอยากตาย ทำไมถึงไม่กินไม่ดื่มล่ะ?
รอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูกปรากฏบนริมฝีปากของหานอวิ๋นซี “ท่านอ๋อง พิษข้าวชื่ออาจฟังดูธรรมดา แต่เมื่อพิษออกฤทธิ์ขึ้นมา มีแค่ยอดคนเท่านั้นที่จะทนได้ หากเป็ข้า ข้ายอมอดตายดีกว่าตายเพราะพิษ”
ตอนนั้นเองที่หลงเฟยเยี่ยตระหนักว่าคนเหล่านี้ถูกวางยา เพราะองครักษ์เทข้าวต้มให้พวกนางและเผลอกินเข้าไป
“ท่านอ๋อง ผู้ที่อยู่เื้ัพวกนาง...ไม่ธรรมดาจริงๆ!” หานอวิ๋นซีเตือนอย่างจริงจังด้วยความกังวล ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะรับมือกับปรมาจารย์ด้านพิษที่เก่งกาจเช่นนี้
เมื่อมาถึงที่นี่และพบกับคนเหล่านี้ นางก็รู้ว่าคนที่ถูกขังอยู่ข้างในคือหนอนบ่อนไส้ของอาณาจักรเป่ยลี่อย่างแน่นอน ครั้งก่อนที่นางกับหลงเฟยเยี่ยลงไปที่เหวลึก พวกเขาได้พบกับผู้ที่สามารถเอาชนะฝูงยุงพิษได้และยังเป็หนอนบ่อนไส้ของอาณาจักรเป่ยลี่ อีกทั้งคนเหล่านี้ล้วนเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษ หากนางเดาไม่ผิด คนกลุ่มนี้ยังมีหัวหน้าอยู่เื้ัอีกหนึ่งคน และหัวหน้าคนนี้มีหน้าที่วางพิษข้าว
อย่าว่าแต่การปรุงพิษข้าวนั้นไม่ใช่เื่ง่ายเลย แต่ยังมีคนน้อยมากที่รู้เกี่ยวกับพิษข้าวนี้ หานอวิ๋นซีกล้ารับประกันได้ว่าหากมีหมอพิษสิบคนในโลกนี้ ก็คงมีอย่างน้อยเก้าคนที่ไม่รู้ว่ามีพิษชนิดนี้อยู่
ในมือของนางเองก็ไม่มียาพิษชนิดนี้อยู่ เพราะยาพิษชนิดนี้ได้สูญหายไปแล้วในยุคปัจจุบัน และตามบันทึกโบราณ สูตรของยาพิษชนิดนี้ก็สูญหายไปนานแล้วในสมัยโบราณเช่นกัน ดังนั้นเลยไม่คาดคิดว่าจะมาเจอที่นี่
ถ้าไม่ใช่เพราะบันทึกทางประวัติศาสตร์ในระบบการล้างพิษ หานอวิ๋นซีคิดว่าต่อให้นางจะครุ่นคิดอยู่อีกสองสามปี ก็อาจจะไม่รู้ว่ามีพิษอยู่
“การฝังยาพิษอย่างรอบคอบเช่นนี้ เป็เื่ไม่ธรรมดา!”
หลงเฟยเยี่ยส่งเสียงฮึอย่างเ็าและออกคำสั่งทันที “ทหาร เตรียมเครื่องทรมาน ข้าจะสอบสวนเดี๋ยวนี้! ข้านี้้าให้พวกนางรู้ว่าในโลกนี้มีสิ่งเลวร้ายมากกว่าการออกฤทธิ์ของพิษข้าว!”
หานอวิ๋นซีไม่มียาแก้พิษข้าว แต่ก็ถือว่านางได้ช่วยหลงเฟยเยี่ยไขปริศนาแล้ว ขณะที่นางกำลังจะเร่งเร้าให้เขาไปที่จวนของตระกูลหาน แต่เมื่อฟังจากคำสั่งที่เ็าขนาดนี้ของเขา นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อมองไปที่ใบหน้าด้านข้างที่เ็าและเด็ดเดี่ยวของเขา หานอวิ๋นซีก็ถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว และตัดสินใจอดทนรอให้เขาทำงานให้เสร็จ
นางเคยเห็นชายผู้นี้ดูเ็ามาก่อน แต่ไม่เคยเห็นเขาดูจริงจังขนาดนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าเื่หนอนบ่อนไส้ของอาณาจักรเป่ยลี่จะรบกวนจิตใจเขามานานแล้ว
แน่นอนว่าหานอวิ๋นซีเองก็สงสัยเช่นกัน ในแผ่นดินใหญ่หยุนคง หมอยาพิษเป็อีกแขนงหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็ที่นิยม น้อยคนนักที่จะศึกษาพิษ แม้แต่สำนักแพทย์หยุนคงก็ไม่ได้มีหมอยาพิษเป็หลักสูตรหลัก ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ก็คงมีปรมาจารย์พิษอยู่ไม่มาก!
คนประเภทไหนกันนะที่ซ่อนตัวอยู่เื้ัคนทรยศเหล่านี้?
คนผู้นี้อยู่ในอาณาจักรเป่ยลี่ หรือว่าซ่อนตัวอยู่ในเทียนหนิงเช่นเดียวกับคนทรยศเหล่านี้? คนทรยศเหล่านี้ล้วนเป็ผู้หญิงทั้งหมด ดังนั้นเป็ไปได้หรือไม่ว่าคนที่อยู่เื้ัก็เป็ผู้หญิงด้วย?
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบการล้างพิษ นางจะแพ้ในการแข่งขันหรือไม่? ยิ่งหานอวิ๋นซีคิดเกี่ยวกับเื่นี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเท่านั้น และนาง้าพบผู้ที่อยู่เื้ัจริงๆ
เมื่อเห็นหลงเฟยเยี่ยเดินไปที่ส่วนลึกของห้องขัง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินกะโผลกกะเผลกตามไป
ทันทีที่หานอวิ๋นซีเข้าไปข้างใน ก็เห็นว่ายังไม่ได้นำตัวนักโทษมา เหล่าองครักษ์เองก็ยังคงเตรียมเครื่องมือทรมานอยู่ หลงเฟยเยี่ยนั่งอยู่ตรงมุมข้างๆ แสงสลัวของไฟปกคลุมลงบนใบหน้าของเขาดูลึกลับ เ็า น่าเกรงขาม ระหว่างคิ้วก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและบ้าระห่ำ!
เวลาที่ใส่ชุดสีขาวราวกับเทพเซียน แต่เวลาที่ใส่ชุดสีดำกลับเป็ปีศาจ
หานอวิ๋นซียืนด้วยเท้าข้างเดียว ไม่สามารถละสายตาได้ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้อยู่ห่างจากนางไม่กี่ก้าว แต่กลับดูเหมือนห่างไกลออกไปบนท้องฟ้า
หลงเฟยเยี่ยชำเลืองมองนาง ไม่พูดอะไรและเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าทางขวาของนางมีที่นั่งอยู่ไม่ไกล
หานอวิ๋นซีไม่พูดอะไร พยักหน้าและเดินกะเผลกไป ทันทีที่นั่งลง ขาของนางก็รู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย
ทันทีที่นั่งลง หานอวิ๋นซีจึงจะสังเกตเห็นว่าไม่มีเครื่องมือทรมานในห้องทรมานนี้ มีเพียงกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่มีตาข่ายเหล็กหนาแน่นและมั่นคง ด้านข้างมีช่องเปิดเป็วงกลมซึ่งขนาดเท่าใบหน้าคนธรรมดา
นี่เป็เครื่องมือทรมานอย่างนั้นหรือ?
หานอวิ๋นซีคิดอยู่นานแต่คิดไม่ออกว่าจะใช้เครื่องมือทรมานนี้อย่างไร ยิ่งคิดไม่ออกเลยว่าเครื่องมือทรมานนี้จะน่ากลัวกว่าพิษข้าวที่ออกฤทธิ์อย่างไร?
ไม่นาน องครักษ์ก็นำกรงหนูมา ข้างในนั้นมีหนูสีดำน่ากลัวตัวหนึ่ง ั้แ่หัวจรดหางยาวเท่าแขนของผู้ใหญ่ และปากของหนูก็แหลมเป็พิเศษ
หานอวิ๋นซีคิดไม่ออกว่าหนูตัวนี้มีไว้ทำอะไร แต่หลังจากมองมันอยู่หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและขนลุก
ดูเหมือนว่าแม้แต่องครักษ์เองก็ยังกลัวหนูดำตัวนี้และไม่กล้าที่จะจับมันด้วยมือเปล่า พวกเขาเปิดกรงหนู เทหนูสีดำลงในกรงเหล็กขนาดใหญ่ แล้วปิดช่องกรงเหล็ก
ทันทีที่หนูสีดำตัวใหญ่ตกลงไปในกรงเหล็กขนาดใหญ่ มันก็วิ่งขึ้นลงอย่างบ้าคลั่งทันที ดูเหมือนว่ามันจะถูกขังไว้เป็เวลานานและไม่ได้ขยับเขยื้อนมาเป็เวลานาน และดูเหมือนว่ามันจะกระตือรือร้นที่จะหนีออกจากกรงเหล็กนี้ พูดง่ายๆ ว่าหนูตัวนี้ตื่นเต้นมาก
ยิ่งหานอวิ๋นซีมองไปมากเท่าไรนางก็ยิ่งงงงวยมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกัน องครักษ์ก็โยนเนื้อดิบชิ้นเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือเข้าไป โดยโยนไปทางด้านหลังหนูสีดำตัวใหญ่ แต่หนูสีดำตัวใหญ่นั้นไวมาก ทันทีที่ได้กลิ่นมันก็หันหลังกลับและพุ่งเข้าหา กลืนเนื้อดิบลงไปในอึกเดียวโดยไม่แม้แต่จะกัด!
หานอวิ๋นซีนั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัวและอุทานว่า “หนูตัวนี้เลี้ยงด้วยเนื้อดิบหรือ!”
หลงเฟยเยี่ยไม่ตอบ ทว่าองครักษ์ที่เคารพนางอย่างมากพูดขึ้นมาว่า “ทูลหวังเฟย ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หานอวิ๋นซีเข้าใจได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นและอดไม่ได้ที่จะใ สองแขนกอดกันแน่น มันน่ากลัวเกินไป!
เห็นได้ชัดว่าหนูกินเนื้อตัวนี้หิวโซมาหลายวันแล้ว มันหิวมากจนะโขึ้นๆ ลงๆ เพื่อหาอาหาร ยิ่งกว่านั้นมันคงเข้าไปในกรงเหล็กนี้หลายครั้งแล้ว และรู้ว่าเร็วๆ นี้จะมีเนื้อให้กิน ถึงได้วิ่งวุ่นอย่างตื่นเต้นขนาดนี้
ถ้าหลงเฟยเยี่ยขังนักโทษไว้ในกรงเหล็ก ไม่ใช่ว่ามันจะ...
หานอวิ๋นซีไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเื่นี้ นางหันศีรษะไปมองหลงเฟยเยี่ยโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลงเฟยเยี่ย แววตาเ็าและไร้หัวใจ เช่นเดียวกับปีศาจยามค่ำคืน
การทรมานนี้น่ากลัวกว่าการออกฤทธิ์พิษข้าวจริงๆ ด้วย เจอการทรมานแบบนี้จะมีใครไม่ยอมสารภาพอีกหรือ?
ในไม่ช้า นักโทษหญิงทั้งสองก็ถูกนำตัวมา มือของพวกนางถูกมัดไพล่หลัง ผมเผ้ากระเซิงและดูซีดเซียว พวกนางต้องหิวโหยมาหลายวันแล้ว
นักโทษหญิงคนหนึ่งถูกพาไปด้านข้างและมัดไว้ ส่วนอีกคนถูกพาไปด้านข้างกรงเหล็ก ทันทีที่เอาผ้าปิดปากออก นางก็ะโใส่หลงเฟยเยี่ยว่า “หลงเฟยเยี่ย เ้าอย่าเสียเวลาเปล่าเลย แม้ว่าข้าต้องตาย ข้าก็ไม่มีวันตอบคำถามใดๆ ของเ้าอย่างเด็ดขาด!”
“ข้าแนะนำให้เ้าอย่าเสียความพยายามไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้อีกเลย มันไม่มีประโยชน์!”
หลงเฟยเยี่ยยกยิ้มอย่างเยาะเย้ยโดยไม่โต้ตอบอะไรด้วยสายตาที่เฉียบคม องครักษ์จึงพานักโทษหญิงไป
ศีรษะของนักโทษหญิงกระแทกเข้ากับกรงเหล็ก หนูสีดำตัวใหญ่ที่อยู่ข้างในก็สูดดมกลิ่นของ “อาหาร” และพุ่งเข้ามาจากข้างพร้อมกับกรงเล็บแหลมคมที่ถูกคั่นด้วยตาข่ายเหล็กหนาทึบ ข่วนอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าตาข่ายเหล็กกำลังจะเป็รอย
หานอวิ๋นซีใมากเมื่อเห็นมัน ถ้าไม่ใช่เพราะตาข่ายเหล็กหนา พระเ้ารู้ดีว่าศีรษะของนักโทษหญิงคนนี้จะถูกข่วนจนกลายเป็อย่างไร!
หนูกินเนื้อผู้หิวโหย ไม่ว่าเ้าจะเป็ใคร ตราบใดที่มีเนื้อ มันก็จะกิน!
นักโทษหญิงที่ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าการทรมานครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ และนางพยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง ทว่าองครักษ์กลับบีบคอนางแน่นและดันศีรษะของนางเข้ากับตะแกรงลวด
นักโทษหญิงคำรามเสียงดัง “หลงเฟยเยี่ย รุนแรงกับสตรีเช่นนี้ ท่านยังมีความเป็บุรุษอยู่หรือไม่? มีความสามารถนักก็ฆ่าข้าเลยสิ!”
“หลงเฟยเยี่ย ได้ยินหรือไม่ ท่านมันเืเย็นและไร้หัวใจ ท่านไม่ใช่มนุษย์!”
“เป็วีรบุรุษแบบไหนกัน! ที่จะฆ่าข้าด้วยมีดเล่มเดียว!”
…
หลงเฟยเยี่ยไม่พูดอะไร องครักษ์ก็ดึงนักโทษหญิงออกไปอย่างกะทันหันและใช้ผ้าปิดปากนาง
ห้องเงียบลงทันที ในเวลานี้ หลงเฟยเยี่ยจึงจะอ้าปากพูดด้วยเสียงเบา ในน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความเ็าจนอุณหภูมิรอบตัวลดลงหลายองศา
“หลายปีที่ผ่านมา มีคนตายด้วยน้ำมือเ้ามากกว่าสิบคน รวมทั้งเด็กอายุหกขวบและทารก เ้ามีค่าพอที่จะคุยกับข้าเื่ความเป็มนุษย์ด้วยหรือ?”
เดิมทีหานอวิ๋นซีมีความเห็นอกเห็นใจนักโทษหญิงคนนี้ แต่เมื่อนางได้ยินสิ่งที่หลงเฟยเยี่ยพูด นางก็โกรธเกรี้ยว พวกคนทรยศเหล่านี้ ทำเื่น่าละอายไม่พอ แม้กระทั่งเด็กก็ไม่ปล่อยไป สมควรแล้วที่จะอยู่ที่นี่ในวันนี้!
นักโทษหญิงพยายามดิ้นรนหันศีรษะอย่างไม่พอใจ แต่หลงเฟยเยี่ยกลับพูดอย่างเ็าว่า “ปะาชีวิต”
ปะาชีวิต? กำลังจะโยนคนเข้าไปใช่หรือไม่? หรือว่า…
