“ขอบคุณผู้าุโ!” เย่เฟิงกล่าวขอบคุณผู้าุโคนนั้น ด้วยฐานะของอีกฝ่ายไม่มีทางหลอกเขาแน่นอน
แท่นศิลาเทียนเสวียน ณ ลานกว้างแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ในทุก ๆ วันจะมีผู้ฝึกยุทธ์มาที่นี่เพื่อดูชื่อของตัวเองบนนั้นว่ามีการขยับเขยื้อนหรือไม่
ตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเขาต่างมองชื่อบนแท่นศิลาเทียนเสวียนด้วยใจเต้นตึกตัก ในขณะนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 20 คนที่อยู่บนแท่นศิลาเทียนเสวียนล้วนเป็ยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่อีกสองเดือนจะถึงงานประลองสำนักยุทธ์ เวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์จากทั้งสี่พรรคของสำนักจะประลองฝีมือกัน เหล่าคนที่ออกไปฝึกหาประสบการณ์ข้างนอกก็จะกลับมา ผ่านไปหนึ่งปีพวกเขาคงแข็งแกร่งขึ้นมาก ใครแกร่งใครอ่อนก็จะรู้ในวันงานประลอง!”
“ใช่ ทุกปีเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในสำนักจะประลองฝีมือกันเพื่อแย่งชิงอันดับบนแท่นศิลาเทียนเสวียน บางทีอาจจะมีคนตกจากอันดับสูง ๆ ก็เป็ได้” มีอีกคนกล่าว หลาย ๆ คนต่างตึงเครียดตอนใกล้จะถึงงานประลองตอนปลายปี พวกเขาจึงมาสังเกตการณ์ที่ลานกว้างแท่นศิลาเทียนเสวียน
“ใกล้จะถึงงานประลอง ทุกท่านคิดว่าใครมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในแท่นศิลาเทียนเสวียน แล้วอันดับแรกของรายนามขั้นบ่มเพาะกายาและรายนามขั้นรวมชี่จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?” จู่ ๆ มีผู้ฝึกยุทธ์เอ่ยถาม ซึ่ง่นี้ทุกคนต่างให้ความสนใจกับเื่นี้เป็อย่างมาก
“เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่มากพร์ น่าจะมีสิทธิ์เข้ารายนามขั้นบ่มเพาะกายา หนานกงหลิงซวงนางปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียว ทั้งยังอยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 อีกสองเดือนนางน่าจะบรรลุขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ได้ ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาต้องมีตำแหน่งของนางเป็แน่ แล้วก็โจวมู่ไป๋ เขามีชื่อเสียงโด่งดังก่อนจะเข้าสำนักยุทธ์ มีพลังแกร่งกล้า เขาต้องได้เข้าไปอยู่ในนั้นแน่นอน ฉินเยียนหรานเป็หนึ่งในสองหญิงงามของสำนักยุทธ์ เคล็ดวิชาหงส์แดงของนางก็ร้ายกาจอย่างมาก นางคงเข้ารายนามขั้นบ่มเพาะกายาได้ง่าย ๆ เลย” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว มีคนบางส่วนเห็นด้วยกับเขา แต่ก็มีคนบางส่วนเชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนเหล่าคนที่ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นี้เอ่ยถึงแม้จะมากพร์ แต่ก็ไม่ได้เข้ารายนามขั้นบ่มเพาะกายา เื่นี้จึงทำให้มีผู้ฝึกยุทธ์แตกออกเป็สองฝ่ายและวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด
“ยังมีอีกคนที่น่าจะเข้ารายนามขั้นบ่มเพาะกายาได้” จู่ ๆ มีคนหนึ่งโพล่งออกมา ทำให้ผู้คนหันไปมองเขาด้วยความสนใจ
“ใคร?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ก็เย่เฟิงที่มีชื่อเสียงใน่นี้ไง” คนนั้นตอบกลับพลางในดวงตาเผยความหวาดผวา เขาเคยเห็นเย่เฟิงแสดงฝีมือในหุบเขาเทียนเสวียนกับตาตัวเอง เขาคนเดียวสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาเป็สิบ ๆ คน
“เย่เฟิง? เย่เฟิงคนนั้นที่ผู้คนกำลังพูดถึงใน่นี้น่ะหรือ?” มีคนเอ่ยถามด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ใช่แล้ว ใช้พลังขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 คว้าอันดับที่ 1 แห่งแดนทดสอบหุบเขาเทียนเสวียน พอออกนอกหุบเขาก็ถูกผู้ฝึกยุทธ์นับสิบไล่ล่า เขาฆ่าไปกว่าครึ่งด้วยตัวคนเดียว พลังไม่ธรรมดา เขามีสิทธิ์เข้าแท่นศิลาเทียนเสวียน” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าวอย่างมั่นใจ พลังของเย่เฟิงทำให้เขายอมรับจากใจจริง
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 แม้เขาจะเก่งแค่ไหน แต่จะสู้กับผู้ฝึกยุทธ์รายนามขั้นบ่มเพาะกายาเ่าั้ได้หรือ? ส่วนมากข้าเห็นแต่ข่าวลือที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าไร” มีคนผู้หนึ่งกล่าวอย่างกังขา สำนักยุทธ์เทียนเสวียนถือว่าเป็สำนักชั้นยอดของอาณาจักรจ้าว มีลูกศิษย์จำนวนมหาศาล ดังนั้นคนที่ได้เห็นพลังของเย่เฟิงจึงเป็ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น
“ถ้าเป็อย่างที่สหายคนนั้นว่ามา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 คนหนึ่งมีพลังแกร่งกล้า แต่จะพลิกสถานการณ์ได้อย่างไรกัน” พอเอ่ยถึงเย่เฟิงก็มีคนไม่น้อยเผยสีหน้าดูแคลน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงก็ถือว่าต่ำต้อยอยู่ดี
“รายนามขั้นรวมชี่ไม่จำเป็ต้องพูดเยอะ สามอันดับแรกไม่มีทางเปลี่ยน โดยเฉพาะคนผู้นั้น ไม่มีใครมาแทนอันดับของเขาได้อย่างแน่นอน” ผู้คนเลิกสนใจเย่เฟิง แล้วเปลี่ยนหัวข้อเป็เื่รายนามขั้นรวมชี่แทน
รายนามขั้นรวมชี่สามอันดับแรกไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็ตู๋กูหลง นี่จ้านเทียน และเฉินอ้าวเทียน สามคนนี้เก่งที่สุดในบรรดาศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ไม่มีใครสามารถแข่งกับพวกเขาได้ โดยเฉพาะตู๋กูหลงผู้อยู่อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ พร์โดดเด่นและพลังต่อสู้แกร่งกล้า เรียกได้ว่าไร้ศัตรูในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน ในสำนักยุทธ์ไม่มีใครทัดเทียมเขาได้ เขาคือยอดฝีมืออย่างแท้จริง เหล่าศิษย์สำนักยุทธ์ต่างมองเขาด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ผู้คนต่างบอกว่าตราบใดที่ตู๋กูหลงอยู่ที่สำนักยุทธ์ก็ไม่มีทางที่จะมีใครชิงอันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ไปจากเขาได้ พวกเขาต่างเชื่อเช่นนี้ แต่ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอ ๆ กับตู๋กูหลง เขามีพร์โดดเด่น ระดับการบ่มเพาะก็ยังสูงกว่าตู๋กูหลงถึงสองขั้น เขาท้าดวลกับตู๋กูหลง แต่ทันทีที่ศึกต่อสู้เริ่มขึ้นเขาก็รับรู้ได้ว่าตัวเองอยู่คนละชั้นกับตู๋กูหลง จึงนึกเสียใจที่ท้าทายตู๋กูหลง แต่ก็สายเกินแก้ เขาถูกตู๋กูหลงฆ่าตายภายในสิบกระบวนท่า ั้แ่นั้นมาตู๋กูหลงจึงกลายเป็อันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์ที่ไม่มีใครกล้าแข่งด้วย แม้แต่นี่จ้านเทียนผู้อยู่อันดับที่ 2 และเฉินอ้าวเทียนอันดับที่ 3 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็ต้องเกรงใจตู๋กูหลง
เมื่อเอ่ยถึงตู๋กูหลง เหล่าผู้คนต่างตาทอเป็ประกายคมกริบ ในใจรู้สึกหวั่นกลัว เมื่อพลังของคนคนหนึ่งอยู่เหนือกว่าตนมากโขก็จะไร้ความอิจฉาริษยา เพราะอิจฉาไปก็ไม่มีประโยชน์ และความห่างชั้นก็มิอาจชดเชยได้
“วูบ!” ตอนนั้นเองมีแสงประหลาดเข้าปกคลุมแท่นศิลาเทียนเสวียน อักขระโคจรบนนั้นพร้อมปลดปล่อยพลังแห่งกฎออกมาราวกับกฎแห่งฟ้าดินก็ไม่ปาน
“นี่มัน...” ผู้คนต่างตะลึงงัน นาทีนี้ทุกคนจ้องมองลำแสงนั่นด้วยใจสั่นระรัว
“รายนามบนแท่นศิลาเทียนเสวียนมีการเปลี่ยนแปลง!” มีคนหนึ่งโพล่งออกมา เมื่อก่อนเคยมีคนแทนที่เขาในรายนามบนแท่นศิลาเทียนเสวียน เขาจึงรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ลำแสงนี้ทรงพลังมาก ใครกันนะที่จะได้อยู่ในรายนามเหล่านี้ หรือจะมีแค่การเปลี่ยนแปลงของอันดับ?” ผู้คนเกิดคำถามขึ้นในใจ เมื่อรายนามบนแท่นศิลาเทียนเสวียนเกิดการเปลี่ยนแปลงก็มักจะทำให้พวกเขาใจเต้นแรง ทุกคนต่างมองการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่วางตา ตอนนั้นเองชื่อของเฟิงเฉียนที่อยู่ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาถูกลบออกไป นี่ทำให้พวกเขาใเป็อย่างมาก
“เฟิงเฉียน ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาถูกลบออกไปอย่างนั้นหรือ?” ผู้คนใ เฟิงเฉียนถูกลบชื่อออกไป ทั้งอันดับยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความเฟิงเฉียนถูกคนฆ่าตาย
“ยอดฝีมืออย่างเฟิงเฉียนถูกคนฆ่าตายจริง ๆ หรือ ถ้าเช่นนั้นใครกันที่ฆ่าเขา?” ผู้คนพึมพำในใจ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ในขณะเดียวกันก็คาดเดาคนที่ฆ่าเฟิงเฉียน ซึ่งคำตอบน่าจะปรากฏบนแท่นศิลาเทียนเสวียน
ขณะนั้นผู้คนต้องใอีกครั้ง หวู่เทียนฉีผู้อยู่อันดับที่ 4 ตกลงมาอยู่อันดับที่ 5 ส่วนอันดับที่ 4 ก็แทนที่ด้วยชื่อใหม่ นี่ทำให้เหล่าผู้คนใจเต้นโครมครามและไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ชื่อนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เฟิงเฉียนถูกลบออกจากรายนามขั้นบ่มเพาะกายา แต่ยังแทนที่อันดับที่ 4 ของหวู่เทียนฉี มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“คนนี้เป็ใคร เขาแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ แม้แต่เฟิงเฉียนกับหวู่เทียนฉีก็ไม่ใช่คู่ปรับของเขาอย่างนั้นหรือ?” ผู้คนเกิดคำถามขึ้นในใจ จากนั้นพวกเขาเห็นแสงสว่างจ้า ก่อนจะปรากฏชื่อบนนั้น
“เย่เฟิง!” มีคนคนหนึ่งอุทานด้วยความใ เมื่อเห็นชื่อนั้นที่ปรากฏใหม่บนแท่นศิลาเทียนเสวียน
“เย่เฟิง ชื่อนี้คุ้นหูจัง เขาเป็ใครกัน?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองชื่อที่ปรากฏใหม่นั้น ดูเหมือนว่าความจำของผู้ฝึกยุทธ์คนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อครู่นี้มีคนพูดถึงชื่อเย่เฟิงที่น่าจะเข้าแท่นศิลาเทียนเสวียน เขาก็ยังคัดค้านไม่เห็นด้วยและคิดว่าเย่เฟิงไม่มีสิทธิ์
“เป็ไปได้ยังไง เย่เฟิงคนนั้นที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 ไม่นึกว่าจะแทนที่อันดับที่ 4 ของหวู่เทียนฉีได้ ทั้งยังเตะเฟิงเฉียนออกไปอย่างถาวร ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก” ขณะนั้นมีคนหนึ่งกล่าว เขาจำเย่เฟิงได้ ซึ่งเมื่อครู่นี้เขาก็ดูถูกเย่เฟิงเช่นกัน พอเขาเห็นชื่อเย่เฟิงปรากฏบนแท่นศิลาเทียนเสวียนก็ต้องใเป็อย่างมาก
ศิษย์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 คนนั้นที่เพิ่งเข้าสำนักยุทธ์มาได้ไม่นาน แต่่นี้กลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสำนักยุทธ์ บัดนี้ชายหนุ่มคนนั้นได้เข้าไปอยู่อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ทำให้ผู้คนที่กังขาเขาต่างปิดปากเงียบ
เมื่อหลายวันก่อนที่ลานกว้างแห่งนี้ เย่เฟิงกับฉู่หานเกิดศึกปะทะกับเจิ้งเชาผู้อยู่อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา แต่ผู้าุโเหลียงที่คุมลานกว้างแห่งนี้เข้าข้างเจิ้งเชา และลงโทษเย่เฟิงกับฉู่หาน เขาลงโทษโดยการสั่งห้ามเย่เฟิงมาเหยียบที่ลานกว้างแห่งนี้ แต่เย่เฟิงตอบเขากลับไปว่า สักวันเขาเย่เฟิงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ยามนั้นผู้าุโเหลียงจะต้องโค้งคำนับต้อนรับ
เย่เฟิงเชื่อว่าอีกไม่นานชื่อของตัวเองจะไปอยู่บนแท่นศิลาเทียนเสวียน และเวลานั้นผู้าุโเหลียงจะไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเขาอีก ซึ่งหลายวันที่ผ่านมาเย่เฟิงแสดงความแกร่งกล้าออกมาให้ทุกคนเห็น ทำให้เขาได้มาอยู่ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ซ้ำยังเริ่มต้นด้วยอันดับที่ 4
หากตอนนี้เย่เฟิงมาเยือนลานกว้างแห่งนี้ ผู้าุโเหลียงคนนั้นจะมีท่าทีอย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้