เมื่อส่งหยางซีกลับไปแล้ว นางจึงเดินกลับเข้ามาในลานบ้าน เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางเป็ตาเดียว ป้าสะใภ้ใหญ่รีบเดินเข้ามาดึงนางไปนั่งลงกลางวงสนทนาพลางเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
"เยว่เอ๋อร์ เ้าบอกป้าสะใภ้มา เ้ากับใต้เท้าหยางคนนั้น..."
ไป๋เยว่ซินที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มแทบจะพ่นน้ำออกมาจากปาก นางไอออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับป้าสะใภ้ใหญ่ของตน
"ท่านป้าสะใภ้ ท่านคิดเหลวไหลไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ข้าเพียงไม่มีคนช่วยแบกลิ้นจี่กลับบ้าน บังเอิญว่าเขาผ่านมาพอดีจึงช่วยข้า เขาเป็ถึงแม่ทัพใหญ่จะมาสนใจสตรีบ้านนอกอย่างข้าได้เช่นไรกัน"
นางเกาแสดงท่าทีเสียดายอย่างสุดซึ้งพลางพร่ำบ่นว่าเสียดายซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ด้านนางหลี่ก็มองบุตรสาวตนด้วยความเป็ห่วง สายตาที่ทุกคนมองนางมีทั้งความสงสาร ห่วงใยและเห็นใจ เมื่อถูกมองเช่นนี้นานเข้าไป๋เยว่ซินก็เริ่มจะทนไม่ไหว
"พวกท่านอย่ามามองข้าเช่นนี้นะ ข้ากับเขาไม่ได้รู้จักสนิทสนมกัน ข้าบอกเขาแล้วว่าต่อไปไม่ต้องมาที่บ้านเราอีก ข้าไม่อยากตกเป็ขี้ปากชาวบ้าน วันนี้ข้าเหนื่อยมาก ขอตัวไปนอนก่อนนะเ้าคะ"
ไป๋เยว่ซินหาทางบ่ายเบี่ยงบอกปัด พลางยกมือขึ้นนวดไหล่ตนคราหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับห้องของตนไป คนในบ้านที่เห็นอย่างนั้นจึงแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเช่นเดียวกัน
วันนี้ไป๋เซียงยังคงนอนกับนางเหมือนเช่นทุกคืน
บ้านตระกูลไป๋มีมีพื้นที่ไม่กว้าง นอกจากห้องนอนของท่านลุงใหญ่และท่านป้าสะใภ้แล้ว ถัดมาก็จะเป็ห้องของท่านพ่อท่านแม่นาง และมีเรือนข้างซึ่งเป็ห้องนอนของไป๋ฟาน ส่วนนางและไป๋เซียงนอนห้องเดียวกันซึ่งอยู่ติดกับห้องเก็บของ
อาจเพราะความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไป แม้กระทั่งไป๋เซียงก็ยังหลับสนิทไม่ได้ชวนนางสนทนาเช่นทุกคืนอีก
เวลาล่วงเลยมาจนถึง่กลางดึก อยู่ๆไป๋เยว่ซินก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างนุ่มๆกำลังสะกิดแขนนาง
หญิงสาวงัวเงียเป็อย่างมาก นางยกมือขึ้นขยี้ตาตน ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง เปลวเทียนในห้องส่งเสียงดังเปรี้ยะๆ แม้แสงสว่างจากเปลวเทียนจะเริ่มสลัวรางแต่ยังคงพอจะมองเห็นทุกอย่างในห้องนอนได้ชัดเจนอยู่
นางหันไปมองไป๋เซียงพบว่าพี่สาวหลับสนิทไปตั้งนานแล้ว
เช่นนั้นผู้ใดสะกิดแขนนางกัน?
ไป๋เยว่ซินย่นหัวคิ้ว ยังไม่ทันที่นางจะได้ปลุกไป๋เซียงขึ้นมาถามไถ่ก็มีอุ้งมือนิ่มมาสะกิดที่แขนนางอีกครา เมื่อนางหันไปมองก็ถึงกับงุนงง
แมวดำ?
เหตุใดจึงมีแมวดำมาอยู่ในห้องนอนของนางได้เล่า?
ม่านหมอกแห่งความสงสัยเริ่มปกคลุมจิตใจของไป๋เยว่ซิน เ้าแมวดำตรงหน้าเหมือน้าให้นางคลายความสงสัย มันค่อยๆเดินเข้ามาใกล้นาง
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เมื่ออยู่ในระดับครรลองสายตาที่จับต้องได้ ไป๋เยว่ซินก็ถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะะโลงจากเตียงไปอุ้มเ้าแมวดำตัวนั้นมากอดเอาไว้แน่น
"อาซาน!"
เ้าแมวดำนามว่าอาซานส่งเสียงร้องคราหนึ่ง ก่อนที่มันจะแลบลิ้นเลียมือของนางอย่างรักใคร่
อาซานเป็แมวดำที่เสด็จแม่ของนางทิ้งเอาไว้ให้ มันฉลาดรู้ความมาก เสด็จแม่เคยเล่าให้นางฟังว่าเ้าอาซานมาพร้อมกับตำราจากแดนพิเศษ ยามที่ท่านแม่สงสัยหรือไม่เข้าใจอันใด มันก็จะสามารถช่วยให้เสด็จแม่คลายความความสงสัยได้
หลังจากเสด็จแม่จากไป มันก็หายไปอย่างไรร่องรอยเช่นเดียวกัน
นางกอดมันเอาไว้ ก่อนจะร้องไห้ออกมา
"เ้าหายไปที่ใดมา เหตุใดข้าจึงตามหาเ้าไม่พบเลย อาซาน"
อาซานคลอเคลียไป๋เยว่ซินไม่หยุด ไป๋เยว่ซินวางมันลงบนเตียง ก่อนจะเอ่ยถามมันอีกหน
"เ้ามาปรากฏตัวที่นี่ได้เช่นไรกัน"
อาซานจ้องมองไป๋เยว่ซิน ก่อนที่มันจะเอ่ยออกมา
“ข้ามาเพื่อรับใช้นายหญิงน้อย ตามที่ได้ให้สัญญากับนายหญิงเอาไว้ขอรับ”
ไป๋เยว่ซินเหมือนถูกผีหลอก นางมองเ้าอาซานด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก
“เ้าพูดได้หรือ!”
อาซานยกมือขึ้นมาเลียอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหันมาเอ่ยกับนาง
“นายหญิงน้อยไม่ต้องกลัว ข้าคือแมวเทพ เมื่อหลายปีก่อน ข้ามาที่นี่พร้อมกับนายหญิงสวีฝู คอยรับใช้นาง แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้คิดจะเอาของวิเศษในตำราเล่มนี้ไปใช้ เพราะได้เข้าวังหลวงไปเป็ฮองเฮา เสพสุขกับความมั่งคั่งจึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน เพียงเก็บเอาไว้เช่นนั้น ก่อนนางจะสิ้นใจ ได้มอบหมายให้ข้ามาดูแลท่านต่อ และช่วยท่านผ่านด่านเคราะห์ในครั้งนี้ไปให้ได้ ส่วนนายหญิงนั้นยามนี้นางคงกลับไปที่โลกเดิมของตนแล้วกระมัง”
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเื่ที่อาซานบอกก็ย่นหัวคิ้ว วาจาของอาซานฟังอย่างไรก็ยังน่าสงสัยไม่เข้าใจอยู่ดี นางไม่เคยรู้เลยว่าอาซานพูดได้ เดิมทีคิดว่ามันเป็เพียงแมวทั่วไปมาโดยตลอด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋เยว่ซินที่คลายความตื่นตระหนกได้แล้ว จึงเอ่ยกับอาซาน
“เ้าบอกว่า เสด็จแม่กลับไปโลกเดิมของนาง หมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ความลับ์ ยังไม่อาจเปิดเผยได้ ถึงเวลาท่านก็จะรู้เอง ยามนี้ข้ามาที่นี่เพราะจะช่วยให้ท่านได้ผ่านความยากลำบาก ให้ท่านได้เรียนรู้ทุกอย่าง ท่านคงสงสัยว่าข้ารู้ได้เช่นไรว่าท่านคือิจู อย่าลืมว่าข้าเป็แมวเทพ มีสิ่งใดบ้างที่ข้าไม่ล่วงรู้”
มันเอ่ยอย่างภาคถูมิใจ แต่เพียงครู่เดียวแววตาก็หม่นแสงลง
แต่มันกลับตามหาิญญาของสวีฝูไม่พบ ช่างเถอะ อย่างน้อยมันก็หาดวงิญญาทายาทเพียงคนเดียวของสวีฝูเจอแล้ว มันจะดูแลไป๋เยว่ซินให้ดีเอง
ไป๋เยว่ซินแม้จะสงสัยแต่กลับไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีก อาซานที่เห็นเช่นนั้นจึงมอบตำราเล่มหนึ่งให้กับนาง เมื่อไป๋เยว่ซินได้เห็นตำราเล่มนั้นอีกครั้งมือของนางก็สั่นเทาใจเต้นรัวแรง
นี่คือ ตำราจากแดนพิเศษ!
“ตำราเล่มนี้ ผู้ที่จะมันได้ ต้องเป็ทายาทของเ้าของเดิมโดยตรงเท่านั้น คนอื่นจะมองเห็นมันเป็เพียงตำราธรรมดาไม่อาจมองเห็นของวิเศษในตำราได้ แต่ท่านจะมองเห็นสูตรลับทุกอย่างและของวิเศษในนี้ได้ทั้งหมด โดยมีข้าคอยช่วยชี้แนะ”
ภาษาในตำราเล่มนี้ออกจะแปลกแปร่งไปบ้าง แต่เพราะเสด็จแม่เคยสอนนางมาั้แ่วัยเยาว์ นางจึงเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง
ความอบอุ่นสายหนึ่งปรากกฎขึ้นในใจของไป๋เยว่ซิน แม้กายของเสด็จแม่จะดับสูญ แต่กลับทิ้งของล้ำค่าเอาไว้ให้นาง
เมื่อมีตำราเล่มนี้ ต่อไปการใช้ชีวิตของนางก็ไม่ยากเกินไปแล้ว!
ไป๋เยว่ซินกอดตำราเล่มนั้นเอาไว้แน่น นางรู้สึกเหมือนว่ามีเสด็จแม่คอยอยู่เคียงข้าง หญิงสาวเก็บตำราเอาไว้ใต้เตียงนอน ก่อนจะกอดเ้าอาซานนอนหลับไปพร้อมกัน
เช้าวันต่อมา คนในบ้านที่เห็นว่าไป๋เยว่ซินอุ้มแมวดำตัวหนึ่งมาด้วยก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ไป๋เยว่ซินจึงบอกว่ามันหลงทางมา นางอยากเลี้ยง พวกเขาจึงไม่ได้ซักถามอันใดอีก
วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา คนในบ้านไปที่แปลงนาและแปลงผักกันหมด แต่ไป๋เยว่ซินกลับบอกว่าขออยู่บ้านสักหนึ่งวัน ทุกคนคิดว่านางอยากพักจึงไม่ได้คัดค้านอันใด
เมื่อทุกคนไปหมดแล้ว ไป๋เยว่ซินจึงกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับเปิดตำราเล่มนั้นออกดู พบว่ามันมีแสงเจิดจ้าเสียจนนางรู้สึกแสบตา นางพลิกตำราไปมา ก่อนจะพบเมนูที่นาง้า
ชาลิ้นจี่สูตรพิเศษ!
นางอ่านมันอย่างละเอียดโดยมีเ้าอาซานคอยช่วยเหลือ นอกจากจะมีสูตรอาหารแล้วยังมีวัตถุดิบพิเศษหลายอย่างอีกด้วย
นางจัดการล้างลิ้นจี่จนสะอาด จากนั้นก็ทำตามสูตรที่ตำราเขียนเอาไว้ ใช้เวลาอยู่ครึ่งค่อนวัน นางก็สามารถทำชาลิ้นจี่สูตรพิเศษออกมาได้สำเร็จ เมื่อลองชิมก็พบว่ารสชาติค่อนข้างดีมาก ไป๋เยว่ซินรีบตักชาลิ้นจี่ใส่กระบอกไม้ไผ่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังแปลงนาทันที
หากคนที่บ้านบอกว่าอร่อย มันจะต้องทำเงินได้แน่!
นางจัดการเอากระบอกไม้ไผ่ที่ใส่ชาลิ้นจี่วางลงในกระบุง ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปหาคนตระกูลไป๋ทันที ส่วนเ้าอาซานนั้นก็นอนหลับอยุ่ในห้องอย่างเกียจคร้าน ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยีรู้สึกมีความสุขไม่น้อยเลย
ได้เวลาเงินแล้วสิ ฮ่าๆๆๆ!