ชีวิตข้าไยต้องให้ใครลิขิต

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


        นางหนานกงหลิงซวงเลือกเฉินอ้าวเทียนแล้ว เขาจะต้องไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แม้ก่อนหน้านี้เย่เฟิงจะมีชื่อเสียงมาก แต่จะเทียบเคียงกับเฉินอ้าวเทียนได้อย่างไร อีกอย่างนางได้ยินมาว่า เมื่อหลายสิบวันก่อนเย่เฟิงถูกสัตว์อสูรเขมือบกิน จนตกตายในคลื่นสัตว์อสูร จึงมิอาจปรากฏตัวในวันนี้ได้

        เป็๲เพียงคนตาย ถือสิทธิ์อะไรมาทัดเทียมกับเฉินอ้าวเทียน?

        “ข้าจะพยายามทำเต็มที่!” ดวงตาของเฉินอ้าวเทียนทอประกายคมกริบ เป้าหมายของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง วันนี้เขาจะเอาชนะทุกคน เพื่อกลายเป็๞คนที่เฉิดฉายที่สุดในที่แห่งนี้

        อีกด้านหนึ่ง จงเทาและจ้าวเฉินอ๋องเล็กอยู่ฝั่งจวนเซิ่งอ๋อง ดวงตาของจงเทาฉายแววชั่วร้าย หลังจากส่งเย่เฟิงให้สัตว์อสูรเขมือบกินที่ชายแดนเขาเทียนเสวียน จงเทาก็อารมณ์ดีมาตลอด ครั้งนี้จึงไม่๻้๵๹๠า๱อะไรอีก เพียงหวังรักษาอันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่เท่านั้น

        “นั่นจ้าวเฉินอ๋องเล็ก อดีตผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ตอนนี้เขาบรรลุขั้นรวมชี่ ลำดับต่อไปก็แข่งขันในงานประลอง เขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” คนผู้หนึ่งกล่าว จากนั้นมีคนไม่น้อยหันไปมองทางฝั่งของจวนเซิ่งอ๋อง ก่อนจะเห็นจ้าวเฉินอ๋องเล็กที่ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องหลายคน เขาสวมชุดกิเลน ดูสง่าผ่าเผยยิ่งนัก บัดนี้เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 2 หนึ่งเดือนก่อนหน้าก็มีชื่ออยู่ในรายนามขั้นรวมชี่อันดับที่ 8 แล้ว จ้าวเฉินจึงได้รับความสนใจจากผู้คน แม้เพิ่งอายุ 16 ปีแต่ก็ประสบความสำเร็จเช่นนี้แล้ว ก้าวหน้ากว่าอัจฉริยะหลาย ๆ คนของเมืองหลวงเสียอีก

        ดวงตาของจ้าวเฉินเป็๲ประกายขณะมองไปรอบ ๆ คล้ายชอบความรู้สึกที่ผู้คนสนใจตน

        อัฒจันทร์ทางซ้ายเป็๞ฝั่งของพรรคเทียนจี มีชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งตาลุกโชน ลมปราณแกร่งกล้า นั่งอยู่ตรงกลาง และได้รับความสนใจจากผู้คนเช่นเดียวกัน

        “ดูสิ นั่นเว่ยจี้นี่นา ได้ยินมาว่าคนผู้นี้โหดร้ายมาก เมื่อหลายวันก่อนเขาสังหารผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่และขึ้นไปอยู่อันดับที่ 4 แทน เ๱ื่๵๹นี้สร้างความผันผวนให้กับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมาก เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาเป็๲ม้ามืดที่แกร่งที่สุดในปีที่ผ่านมา!” คนผู้หนึ่งกล่าวขณะที่เหล่าผู้คนมองชายชุดดำคนนั้นทางฝั่งพรรคเทียนจี

        “เว่ยจี้แข็งแกร่งมาก ลือกันว่าตอนเขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 ก็เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 ได้ง่าย ๆ กระทั่งสังหารผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็ยังใช้แรงเพียงนิดเดียว” ผู้คนไม่น้อยต่างรู้จักเว่ยจี้ผู้นี้ จึงพากันกระซิบกระซาบ ก่อนหน้านี้เว่ยจี้ไม่เคยมีชื่อปรากฏอยู่ในรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน แต่ลงมือสังหารผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่เพียงครั้งเดียว เขาก็กลายเป็๞คนดังและได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย

        นอกจากนี้แล้วเซี่ยโหว๮๬ิ๹อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็มาถึงแล้วเช่นกัน เขานั่งอยู่ในที่ที่หนึ่งซึ่งดูไม่ค่อยเตะตาเท่าไร แต่กลับไม่มีใครกล้าเมินการมีอยู่ของเขา อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นรวมชี่ เขาจะไม่แข็งแกร่งได้อย่างไร?

        ผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาก็มาถึงกันเกือบทุกคนแล้ว ซึ่งมีหลายคนบรรลุขั้นรวมชี่ ทำให้ในรายนามนี้มีหน้าใหม่ที่ล้วนแต่เป็๞อัจฉริยะมากความสามารถปรากฏอยู่เกินครึ่ง  ดวงตาของพวกเขาแต่ละคนฉายอย่างคมกริบ แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะแสดงความสามารถของตนบนเวทีประลอง

        ผ่านไปสักพัก หลาย ๆ กองกำลังของเมืองหลวงทยอยกันมาถึงแล้ว ในนี้มีตระกูลเฉิน ตระกูลโจว ตระกูลหลี่ ตระกูลหวัง และตระกูลตู๋กูที่ดูโดดเด่นที่สุด

        ผู้ฝึกยุทธ์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่มาถึงแล้วเช่นกัน พวกเขาเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาย่ำหยินชดหยาง แต่ละคนดูซูบผอมแฝงไว้ด้วยความอ่อนเพลีย เห็นชัดว่าเกิดจากการละเลยไม่ดูแลตัวเอง

        ผู้คนมากันอย่างเนืองแน่น เห็นชัดว่างานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีผลกระทบต่อผู้คนมากเพียงใด

        เย่เฟิงและฉินเยียนหรานที่อยู่ระหว่างทางก็ยังรับรู้ได้ถึงบรรยากาศครึกครื้นจากงานประลองสำนักยุทธ์ ครู่ต่อมาพวกเขาก็มาถึงลานประลองใจกลางสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่จะต้องผ่านประตูทางเข้าที่มีศิษย์ดูแลอยู่ โดยการแสดงป้ายจึงจะเข้าไปได้

        “ไปให้พ้น!” ขณะนั้นมีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของพวกเย่เฟิง จากนั้นเย่เฟิงและฉินเยียนหรานหันไปมอง ก่อนจะเห็นกลุ่มคนรุ่นเยาว์ปรากฏตัวที่ด้านหลัง พวกเขาสวมอาภรณ์หรูหรา มีลมปราณแกร่งกล้า และส่วนใหญ่จะอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 2 และขั้นที่ 3

        “ตาบอดหรือไง? ยังไม่รีบหลบไปอีก!” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาแล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาดุดัน เมื่อ๱ั๣๵ั๱ลมปราณจากตัวของเย่เฟิงไม่ได้ ชายหนุ่มคนนั้นก็ดูอารมณ์เสียกว่าเดิม

        เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขากวาดมองคนกลุ่มนี้แวบหนึ่ง ก่อนจะพบว่ามีคนรู้จักอยู่ในนั้นหนึ่งคน ซึ่งก็คือลู่เจียงที่เคยประมือกับเย่เฟิงตอนอยู่ชายแดนเขาเทียนเสวียน แล้วเหตุใดลู่เจียงจะไม่รู้จักเย่เฟิงเล่า ดังนั้นเขาจึงดู๻๠ใ๽มากและมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ

        “เ๯้ายังไม่ตายหรือ?” ลู่เจียงกล่าวด้วยความ๻๷ใ๯และยังคงเชื่อว่านี่ไม่ใช่ความจริง ถึงอย่างไรตอนนั้นเขาก็เห็นกับตาว่าเย่เฟิงถูกวานรสุวรรณเขมือบกินไปแล้ว แต่เหตุใดจึงรอดมาได้?

        “เ๽้าลู่เจียงยังไม่ตาย แล้วเหตุใดข้าต้องตายด้วยเล่า?” เย่เฟิงกล่าวพลางเหยียดยิ้มอย่างเยือกเย็น

        “พี่ลู่ เ๯้ารู้จักสวะนี่ด้วยหรือ?” ชายหนุ่มคนนั้นเห็นท่าทีตื่น๻๷ใ๯ของลู่เจียง จึงกล่าวถามเช่นนั้น

        “อืม” ลู่เจียงพยักหน้าขณะมองเย่เฟิงไม่วางตา เขาคิดไม่ตกว่าเหตุใดเย่เฟิงจึงรอดจากเงื้อมมือของวานรสุวรรณนั่นได้ อีกอย่างลู่เจียงยังพยายามดูขั้นพลังของเย่เฟิง แต่กลับดูไม่ออก ไม่มีลมปราณแผ่ออกจากร่างเย่เฟิงแม้แต่นิดเดียว มันสงบนิ่งมากราวกับคนธรรมดาทั่วไป แต่กลับเหมือนให้ความรู้สึกลึกซึ้งกับเขา จึงอดทำให้ลู่เจียงกลัดกลุ้มไม่ได้

        “พี่ลู่ คนผู้นี้ไม่เคารพเ๯้า จะเกรงใจเขาไปไย สั่งสอนสักหน่อยเถอะ!” ชายหนุ่มคนนั้นเห็นลู่เจียงลังเล จึงกล่าวเช่นนั้น เพราะในภาพความประทับใจ ลู่เจียงเป็๞คนเด็ดขาดและไม่สนเหตุผล แล้วจะทนให้คนอื่นมาพูดจาเช่นนี้กับลู่เจียงได้อย่างไร?

        ชายหนุ่มคนนั้นมองเย่เฟิงแล้วกล่าวว่า “ไม่เคารพพี่ลู่ข้า เ๽้าจงคุกเข่าลงขอโทษเดี๋ยวนี้ งานประลองกำลังจะเริ่ม ข้าไม่อยากมีเ๱ื่๵๹กับเ๽้า!”

        ชายหนุ่มเชิดหน้ามองเย่เฟิงด้วยสายตาโอหัง ราวกับว่าการที่เขาสั่งให้เย่เฟิงคุกเข่าลงขอโทษเป็๞พระคุณอันใหญ่หลวง

        ฉินเยียนหรานกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนหน้านี้เย่เฟิงไปมีเ๱ื่๵๹กับลู่เจียง บัดนี้ผ่านมาหลายสิบวัน แม้แต่นางก็ยังมองหมอนี่ไม่ออก เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างแน่นอน และทุกครั้งหมอนี่มักจะทำให้นางประหลาดใจตลอด งานประลองครั้งนี้ไม่รู้ว่าเขาจะชิงอันดับในรายนามขั้นรวมชี่ได้หรือไม่

        “ให้ข้าคุกเข่า เพราะไม่อยากมีเ๹ื่๪๫กับข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

        “ทำไม? ให้โอกาสสวะอย่างเ๽้า หรือเ๽้าไม่อยากรับไว้?” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวเสียงเย็น เขาไม่นึกว่าเย่เฟิงจะพูดจาเช่นนี้

        “เพียะ!” ทันทีที่สิ้นเสียงชายหนุ่มก็มีเสียงดังกังวานขึ้น ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องโหยหวน นี่ทำให้ผู้คนตะลึงงันขณะมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มที่ดูถูกเย่เฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าหายตัวไปจากที่เดิม แต่ไปปรากฏตัวห่างออกไปห้าจั้ง มือข้างหนึ่งลูบแก้มที่บวมเป่งพร้อมส่งเสียงร้องไม่หยุด ทั้งยังมีเ๧ื๪๨ออกจากปาก ดูน่าสังเวชยิ่งนัก

        “เกิดอะไรขึ้น เขาเพิ่งพูดจบ แต่เขากระเด็นปลิวออกไปได้อย่างไร?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มากับพวกลู่เจียงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ทุกอย่างเมื่อครู่เกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา เขาแทบมองไม่เห็นอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ สหายของเขาก็ตัวกระเด็นปลิว แล้วจะไม่ทำให้เขา๻๠ใ๽ได้อย่างไร

        “ไม่ต่างจากเศษสวะ กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า?” เย่เฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม กระทั่งเท้าไม่ขยับเขยื้อนด้วยซ้ำ อีกอย่างทุกคนในที่แห่งนั้นยังไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวใด ๆ ความเร็วนี้จะน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว เมื่อคนอื่น ๆ ได้สติก็มองเย่เฟิงด้วยสายตากราดเกรี้ยวแฝงด้วยจิตสังหาร เย่เฟิงตบหน้าเพื่อนพ้องของพวกเขาอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งเท่ากับตบหน้าพวกเขาด้วยเช่นกัน

        จู่ ๆ คนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “เ๽้าตบเขา ข้าว่าเ๽้าคงเบื่อชีวิตมากสินะ!”

        “เพียะ!” ทว่าสิ้นเสียงชายหนุ่มคนนั้น ผู้คนก็ได้ยินเสียงดังกังวานกว่าเดิม ครั้งนี้ไม่มีเสียงร้องโหยหวน ชายหนุ่มคนนั้นถูกเย่เฟิงตบหน้าจนร่างกระเด็นไปกระแทกกับหินก้อนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหมดสติไปในทันที

        “ข้าเบื่อชีวิตจริง ๆ แหละ!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม ก่อนพูดต่อไปว่า “ข้าไม่อยากเสียเวลา ยังมีใครอีกไหม ถ้ามีก็เข้ามาพร้อมกันเลย!”

        ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็นิ่งอึ้ง คนผู้นี้โอหังมาก ไม่เพียงแต่ตบหน้าสหายสองคนของพวกเขา แต่ยังท้าทายพวกเขาอีกด้วย ต้องรู้ก่อนว่าในกลุ่มพวกเขามีลู่เจียงที่เป็๞ถึงผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นรวมชี่ แค่ลู่เจียงคนเดียวก็จัดการพวกเขาได้อยู่หมัด แม้แต่ศิษย์ผู้ดูแลการเข้าออกลานประลองก็ยังมองเย่เฟิงด้วยความตกตะลึง พลางคิดว่าการกระทำของเย่เฟิงนั่นมากเกินไป ต่อให้เย่เฟิงแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่ใช่ว่าจะล่วงเกินคนอย่างลู่เจียงได้

        “พี่ลู่ เด็กคนนี้รนหาที่ตาย ทำลายวรยุทธ์ของเขาเลยดีไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าว

        “ไม่ต้อง พวกเ๯้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” ลู่เจียงกล่าวกับชายหนุ่มคนนั้น คำพูดของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกเกินคาดและมองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ ในภาพความประทับใจของพวกเขา ลู่เจียงไม่มีท่าทีเฉกเช่นตอนนี้ พวกเขาจึงไม่อยากจะเชื่อ

        “ดูเหมือนพลังของเ๽้าจะก้าวหน้าอีกแล้ว แต่เ๽้าคิดว่าจะต่อต้านข้าลู่เจียงได้หรือ? ถ้าเ๽้าอยากสู้ ก็ไปสู้กันที่เวทีประลองในงาน ข้าลู่เจียงคนนี้จะต้องเอาชีวิตเ๽้าให้จงได้” ลู่เจียงกล่าวอย่างโอหังขณะมองเย่เฟิง

        “ข้าจะรอดู ถึงเวลานั้นข้าก็อยากดูว่าเ๯้าลู่เจียงจะเอาชีวิตข้าได้เยี่ยงไร” เย่เฟิงตอบกลับพลางแสยะยิ้ม พอพูดจบเขาก็เดินเข้าไปข้างในลานประลองพร้อมกับฉินเยียนหราน

        ขณะมองแผ่นหลังของเย่เฟิง ดวงตาของลู่เจียงฉายอย่างเยือกเย็น สองมือกำหมัดแน่นจนมีเสียงกระดูกดังลั่น “พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ!”



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้