เก๋งขนาดใหญ่สร้างขึ้นด้วยความประณีตกลางสระบงกชกว้าง ถูกสร้างขึ้นเพื่อหวังให้สมาชิกในครอบครัวได้ไว้ใช้นั่งพักผ่อน หรือไว้คอยต้อนรับแขกที่มาเยือน
เก๋งนี้จึงกลายเป็สถานที่ประจำ ที่นายหญิงของจวนเอาไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญ อย่างเช่นในวันนี้ที่มีสตรีสูงวัยสองนาง นั่งสนทนากันตามประสา โดยมีสตรีร่างเล็กอีกสองนางคอยนั่งอยู่ด้านข้าง
"เมื่อวานอาหรงพาไปเที่ยวที่ใดมาหรือ น้าถามพี่เขาก็ไม่ยอมบอก ให้มาถามกับหลินเอ๋อร์เอาเอง" หรงฮูหยินเอ่ยถามบุตรสาวสหาย ที่นั่งจิ้มขนมที่นางทำมาฝากเข้าปากมิขาด ทำให้นางนึกเอ็นดูในความน่ารักสดใสของเด็กสาวทุกครั้งที่ได้พบ
"เอ่อ ไม่ได้ไปไหนเ้าค่ะ เพียงแต่นั่งรถม้าชมเมืองไปเรื่อยเรื่อยเท่านั้น" จางลี่หลินนึกถึงคำสั่งสหายเมื่อวานก่อนแยกกัน ว่าให้นางพูดโกหกอย่างไร ก่อนจะกลืนขนมลงลำคออึกใหญ่ เอ่ยตอบหรงฮูหยินตามที่ตกลงกันไว้
ใบหน้าสวยแย้มรอยยิ้มไร้เดียงสาให้มารดาที่นั่งอยู่ด้านข้างพร้อมหรงฮูหยิน ทั้งที่ในใจรู้สึกไม่ยินยอม ที่เมื่อครู่หรงฮูหยินเรียกขานบุตรชายว่าเป็พี่นาง
ห่างกันเพียงสามปี เป็สหายเล่นกันมาั้แ่นางลืมตาดูโลก จะมาให้นางเรียกพี่ นึกแล้วกระดากปากยิ่งนัก
"แล้วกลับมาตอนไหนกัน แม่รอจนทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ยังมิเห็นพากันกลับมา" จางฮูหยินเอ่ยถามบุตรสาวเสียงเข้ม เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานนางเองก็รอจนตะวันตกดิน แต่ยังไม่เห็นบุตรสาวกลับเข้าจวนมา
มีที่ไหนกัน เป็สตรีกลับออกไปวิ่งเล่นนอกจวนจนมืดค่ำเช่นนี้
"ไม่ค่ำหรอก อาหรงต้นยามโหย่วก็กลับมาแล้ว มิเห็นต้องทำเสียงดุเลย"
"เ้าก็ให้ท้ายนาง ได้ยินว่าไปชวนอาหรงให้พาไปเที่ยวถึงจวน มิใช่เด็กเด็กแล้ว อันไหนควรทำมิควรทำ เหตุใดยังคิดไม่เป็ เ้าเองก็บอกอาหรงอย่าตามใจนางให้มากนัก"
ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อไฟโทสะมารดาจุดติด ได้แต่ส่งสัญญาณให้พี่สาวที่อยู่ด้านข้างช่วยเหลือ
"ท่านแม่ ท่าทางหลานจะดิ้น พวกท่านลองมาจับดูสิเ้าคะ" จางลี่เหลียงลูบวนมือบนหน้าท้องนูน ทำให้มารดาที่ขยับปากบ่นน้องสาวหันมาสนใจนาง ก่อนใบหน้าสวยจะพยักพเยิดให้น้องสาวลี้ภัยออกไป
เมื่อหลุดพ้นเสี่ยงการหูดับจากวาจามารดา ด้วยความช่วยเหลือของพี่สาว ลี่หลินก็ไม่รอช้าถือโอกาสรีบวิ่งกลับเรือนตนด้วยความเร็ว
"แล้วเมื่อคืนจริงจริงคุณหนูกลับมายามใดหรือเ้าคะ บ่าวรอจนทนมิไหวเผลอหลับไป ก็ไม่เห็นคุณหนูกลับมา" อิงอิงสาวใช้คนสนิท ก็อยากทราบเช่นกัน ว่าแท้จริงเ้านายของนางกลับเรือนมาเมื่อใด
"กลับมาก่อนเ้าจะเข้ามาเรียกไม่นาน" เท้าเล็กสะบัดรองเท้าออกก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่ม ริมฝีปากบางอ้าออกกว้างหาวอย่างไม่รักษากิริยา ชนิดที่หากมารดาได้มาเห็น นางคงถูกบ่นอีกชุดใหญ่เป็แน่
ลี่หลินกำลังนึกถึงเื่เมื่อคืน บุตรชายท่านเ้าเมืองช่างอึดช่างทนนัก หลังจากพี่ลู่จือควบคุมให้เขารู้จังหวะเอาใจสตรี เขาก็เรียนรู้เชื่อฟังเป็อย่างดี
จนผ่านไปเกือบสามชั่วยาม ถึงจะหมดแรงสิ้นฤทธิ์ปล่อยพี่ลู่จือเป็อิสระ ทำให้นางที่แอบสุ่มดูอยู่ พลอยอดหลับอดนอนไปด้วย
หากนางนำเื่บุตรชายท่านเ้าเมืองไปป่าวประกาศ คงได้ตื่นตะลึงกันมิใช่น้อย
ริมฝีปากบางยกยิ้มชอบใจกับความคิดตนได้ไม่นาน แผ่นหลังที่ได้ััเตียงนอนนุ่ม ก็ถูกโจมตีจากความง่วงงุนที่สะสมมาตลอดคืนในทันที จนดวงตากลมโตไม่อาจฝืนต้านไหว ปิดสนิทเข้าสู่ห้วงฝันในเวลารวดเร็ว
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด หญิงสาวที่กำลังหลับใหลกลับได้ยินเสียงพูดคุยให้ระคายหู ไม่ว่าจะพลิกกายไปทางใด เสียงนั้นกลับยิ่งดังชัดเจนมากขึ้น"ใครกัน รบกวนเวลาคนจะนอน"
"ยามเว่ยแล้ว ผู้ใดเขานอนกัน"
"อาหลินเ้าไปอดหลับอดนอนที่ใดมา ปลายยามเว่ยแล้วยังนอนอยู่อีก"
ดวงตากลมโตค่อยค่อยเปิดมองเ้าของเสียงทั้งสอง คนหนึ่งเป็บุรุษร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ส่วนอีกหนึ่งเป็สตรีรูปงามสวมใส่อาภรณ์สีชมพูอ่อน
เป็สีประจำตัวของคนทั้งคู่ ที่มักชอบสวมใส่
"อะไรกันเล่า พวกเ้าเองหรอกหรือ อิงอิงเ้าปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาในห้องข้าอีกแล้วนะ" ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ถูกทำให้ตื่น ทั้งยังเอ่ยบ่นสาวใช้ที่นางสั่งห้ามกี่ครั้งก็ไม่เคยฟัง แต่กลับยอมเชื่อฟังสองคนนี้โดยง่าย
ช่างน่าไล่ให้ไปอยู่ด้วยกันนัก
บุรุษหนึ่งเดียวที่อยู่ในห้อง จำต้องเบือนหน้าไปอีกทาง เปลี่ยนความคิดที่จะเข้าไปหยอกล้อให้ร่างเล็กโมโหยิ่งขึ้น
เหตุเพราะอาภรณ์ที่หญิงสาวสวมใส่อยู่นั้น เป็เพียงผ้าเนื้อบางจนเห็นเอี้ยมสีแดงตัวในชัดเจน ทั้งสาบเสื้อยังเปิดออกกว้างจนเห็นเนินเนื้อขาวที่นูนเด่นออกมาจากตัวเอี้ยม
ให้ตายเถอะ นางมิเคยจะระวังตัวสักครั้ง หากผู้ที่มาเห็นนางในสภาพนี้มิใช่เขา จะทำอย่างไร
"อิงอิงบอกเ้านอนหลับต่อั้แ่เช้า มิรีบตื่นจะปวดหัวเอาได้นะ" ซูเจินเห็นปฎิกิริยาจากชายหนุ่มก็ทราบทันทีว่าเพราะเหตุใด หญิงสาวจึงเป็ผู้ที่เดินเข้าหาสหายบนเตียงนอนแทน
ซูเจินจัดการอาภรณ์บนตัวสหายให้เข้าที่ ก่อนจะลูบเส้นผมดำเงาที่พันกันยุ่งเหยิงให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น
นางที่ไปเดินตลาดอยากหาเนื้อแกะมาทำอาหารให้บิดา กลับถูกหรงเลี่ยงหรงที่บังเอิญเจอกันบังคับให้มาจวนตระกูลจางด้วยกัน ทำให้เมนูเนื้อแกะตุ๋นยาจีนของนางต้องเป็อันล้มเลิก
เพียงเพื่อให้สหายคนหนึ่ง ใช้นางเป็ข้ออ้างในการมาหาสหายอีกคน
"วันนี้เราไม่มีนัดกันมิใช่หรือ ห่าววว"
"น่าไม่อาย" นางเป็สตรีกลับอ้าปากกว้างไม่รักษากิริยา เลี่ยงหรงเห็นเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะว่าหญิงสาว
"ไม่ได้นัด เพียงแต่อา..."
"เสี่ยวเจินอยากชวนเ้าไปทานข้าว เห็นเ้าชอบทานอาหารที่โรงเตี้ยมตู้เลยมาชวน"
"อืม เป็เช่นนั้น" ซูเจินหันหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา แล้วก็ได้แต่จำใจพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด
เป็นางหรือที่อยากชวนลี่หลิน
แต่ในเมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนั้นแล้ว ก็คงจะเป็นางจริงจริง
**************
นิยายเื่นี้มีจัดทำเป็ E book แล้วนะคะ
สามารถเสิร์จหาจากชื่อนิยายหรือชื่อนักเขียน Hawthorn ใน meb ได้เลยค่า