เล่มที่ 8 บทที่ 224 พายุหมุน
หลินเฟยขมวดคิ้วอีกครั้ง เพราะไม่ใช่แค่ดวงไฟปีศาจและไออสูรเท่านั้น แต่ปราณกระบี่ซีรื่อเป็ปราณกระบี่เซียนเทียน จึงไม่อาจถูกหลอมละลายได้ แต่จำเป็ต้องใช้พลังปราณในการบงการ...
หากิญญาร้ายพวกนี้หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดเช่นนี้ เกรงว่าพลังปราณจะต้องแห้งเหือดก่อนแน่ ถึงตอนนั้นคงมิวายต้องถูกหลอมละลายจนตายอยู่ที่นี่
“หึหึ เป็อย่างไรล่ะ?” ทันใดนั้นเองเ้าอสุรกายร้ายก็ปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ บัดนี้มันกำลังก้มมองหลินเฟยด้วยรอยยิ้มแสนอำมหิต
“ขอเพียงคัมภีร์ไม่ดับสูญ ิญญาร้ายเหล่านี้ก็จะไม่มีวันตาย ต่อให้สังหารเช่นไรก็สังหารไม่หมด เพียงรอจนพลังปราณของเ้าแห้งเหือด เช่นเจนั้นเ้าก็จะถูกไออสูรของข้าหลอมละลายจนหมดสิ้น”
เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ หลินเฟยได้ยินดังนั้นก็กวาดตามองไปรอบๆ และเห็นว่าบริเวณอันห่างไกลจุดหนึ่งมีิญญาร้ายจำนวนมากกำลังก่อตัวขึ้น แถมยังมีอสุรกายกุ่ยเจี้ยงล่องลอยกลางอากาศอีกด้วย ดูจากลักษณะแล้ว น่าจะเป็เป็เหล่าิญญาร้ายและอสุรกายที่ถูกสังหารไปก่อนหน้านี้
หลังจากิญญาร้ายและมารปีศาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันก็จะเข้าร่วมฝูงมารปีศาจที่กำลังปีนป่ายราวกับคลื่นั์นี้ทันที ก่อนจะพุ่งตรงมาที่หลินเฟยอย่างไม่ลดละ...
“อย่างนั้นเองหรือ?”
ทว่าตอนนี้ คิ้วที่ขมวดแน่นของหลินเฟยกลับผ่อนคลายลง ก่อนเ้าตัวจะแค่นหัวเราะเยือกเย็นและโบกมือปลดปล่อยเทียนกุ่ยออกมา
จากนั้นเทียนกุ่ยก็กลายร่างเป็ไออสูรอันเข้มข้นพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะรวมตัวจนกลายเป็กระจกซึ่งเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความวังเวง แถมยังสูงขึ้นไปนับสิบจ้าง บริเวณใจกลางกระจกมีบางอย่างกำลังขยายตัวออกมา เพียงครู่เดียวก็มีภาพเลือนรางของสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีบรรยากาศลึกลับน่าพิศวงปรากฏขึ้นมา...
สถานที่แห่งนั้นมีูเาสีดำทอดยาวสลับซับซ้อน มีสายน้ำไหลกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ อีกทั้งยังมีดวงจันทร์สีหม่นแดงลอยเด่นอยู่กลางนภา...
หลังจากห้วงมิติดินิถู่ฉายขึ้นผ่านกระจกแวววาว ดวงจันทร์สีหม่นแดงก็พลันเปล่งแสงเจิดจ้า ทำให้แสงหม่นแดงสาดทะลุออกมาโดยพลัน กระจกที่กำลังเปล่งแสงจึงมีรูปลักษณ์คล้ายดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่กลางเขตแดนนรก บัดนี้แสงหม่นแดงแสนจะพิลึกสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณแล้ว
พริบตาที่ลำแสงสาดส่องออกมา ภาพในกระจกก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา ก่อนจะกลายเป็วังวนขนาดใหญ่ซึ่งมีแรงดึงดูดมหาศาล ทันใดนั้นเองท่ามกลางเขตแดนนรกก็มีพายุหมุนน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น
พายุหมุนที่กำลังโหมซัดรุนแรง ได้พัดพาเหล่าิญญาร้ายที่ยังรวมตัวไม่สมบูรณ์เข้าไปในห้วงพายุ ตัวแล้วตัวเหล่าถูกพัดเข้าไปเรื่อยๆ ก่อนที่พวกมันจะสลายหายไปท่ามกลางวังวนแห่งพายุ
เหล่าิญญาร้ายที่อัดแน่นดุจแม่น้ำสายยาว กำลังกรีดร้องระงมเพราะถูกพายุหมุนพัดพาเข้าไป เหลือเพียงิญญาร้ายที่แข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยและเหล่าอสุรกายกุ่ยเจี้ยงเท่านั้น ที่พอจะต้านพลังดึงดูดน่าสะพรึงกลัวนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากลำบากไม่น้อยเลย
เพียงไม่กี่อึดใจ อสุรกายกุ่ยปิงและกุ่ยจู๋เกือบทั้งหมดก็ถูกกลืนหายเข้าไปในพายุหมุน...
“โฮก...”
เ้าอสุรกายร้ายที่ลอยอยู่กลางอากาศเห็นดังนั้นก็คำรามกึกก้องอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาอันปูดโปนก็ปรากฏเป็เปลวไฟพวยพุ่งออกมา ยาวถึงสามฉื่อเลยทีเดียว พริบตาถัดมามันก็พุ่งตัวเข้าไปยังพายุหมุน หมายจะฟาดให้เ้าพายุแตกสลายจนหมดสิ้น
ทันใดนั้นไออสูรมากมายในเขตแดนนรกก็รวมตัวกระทั่งกลายเป็กรงเล็บแหลมคมขนาดร้อยจ้าง ก่อนจะฟาดเข้าไปที่กระจกอย่างรุนแรง
หลังจากกรงเล็บพุ่งออกมา กระจกที่อยู่ห่างออกไปก็พลันไถลออกไปหลายลี้ตามแรงเหวี่ยงน่าสะพรึงกลัวของพายุหมุน ส่วนกรงเล็บั์ก็ไม่อาจต้านทานพลังของพายุหมุนได้อีกต่อไป มันถูกพัดเข้าไปในวังวนเช่นเดียวกัน หลังจากถูกเหวี่ยงหมุนได้ประมาณสองรอบ กรงเล็บั์ก็ไม่อาจต้านทานไหว จึงถูกพลังรุนแรงบดขยี้จนแตกสลาย...
หลังจากกรงเล็บั์แตกสลายออกไป มันก็กลายเป็ไออสูรจมหายเข้าไปในพายุหมุน บัดนี้หมอกควันดำที่รายล้อมเ้าอสุรกายร้ายก็ค่อยๆถูกดูดออกมา อีกทั้งยังลากเอาเหล่าิญญาร้ายเข้าไปด้วย เพียงครู่เดียวก็จมหายเข้าไปในกระจกจนหมดสิ้น...
หลังจากกลืนกินไออสูรจำนวนมากเข้าไป พลังของพายุหมุนก็รุนแรงและขยายออกยิ่งขึ้น บัดนี้มันปกคลุมไปเกือบครึ่งเขตแดนเสียแล้ว ส่วนอสุรกายกุ่ยเจี้ยงที่ยังต่อต้านดิ้นรนอยู่นั้น ก็มิวายถูกดูดเข้าไปรวมกับเหล่าิญญาเช่นกัน...
“ทำไมถึงเป็เยี่ยงนี้!”
บัดนี้ประกายแห่งความหวาดกลัวพาดผ่านแววตาของเ้าอสุรกายอย่างเห็นได้ชัด คิดอยากจะทำลายกระจกแท้ๆ แต่ก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้ ส่วนแรงดึงดูดรุนแรงนั่นก็ไม่เพียงแต่ดูดกลืนไออสูรรอบตัวเท่านั้น มันยังมีเค้าลางเริ่มกลืนกินตัวเองอีกด้วย
หลังจากิญญาร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนถูกดูดกลืนเข้าไป เหล่าดวงไฟปีศาจกับไออสูรก็พลอยถูกดูดกลืนเข้าไปเช่นกัน
พายุหมุนน่าสะพรึงกลัวกำลังกลืนกินทุกสิ่งอย่างโดยไม่มีทีท่าจะหยุดลง ทำให้เขตแดนนรกเกิดความปั่นป่วน บริเวณปลายเขตแดนก็เริ่มพังทลายเข้ามาเรื่อยๆ พื้นดินแตกระแหงจนเกิดสะเก็ดหินถล่มลงมา หลังจากที่เศษหินจำนวนมากพังทลายลง มันก็กลายสภาพเป็หมอกควันดำ จากนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าไปยังพายุที่กำลังโหมรุนแรง กระทั่งสุดท้ายก็จมหายเข้าไปในกระจก
เมื่อไม่เหลือไออสูรเข้มข้นและเหล่าิญญาร้ายแล้ว เขตแดนอสูรก็เริ่มพังทลายลง บัดนี้ท้องฟ้าเริ่มเกิดรอยร้าว ก่อนจะแตกออกเป็เสี่ยงๆเหมือนกับกระจก บัดนี้ฟ้ากำลังถล่มดินกำลังทลายขึ้นแล้วจริงๆ...
“โฮก...”
เ้าอสุรกายที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศคำรามกู่ก้อง ดวงตาแดงก่ำที่จ้องมองหลินเฟยก็มีหมอกควันดำล้อมรอบอยู่ เปลวไฟในดวงตาพวยพุ่งไม่หยุด มันโกรธจัดจนอยากจะฉีกกระชากหลินเฟยให้ได้เลยทีเดียว...
ทว่าขตแดนนรกในตอนนี้เริ่มถล่มลงมามากแล้ว ฉะนั้นด้วยพลังธรรมดาทั่วๆไปจึงไม่อาจสกัดได้ เพราะนี่คือพลังรุนแรงระดับฟ้าดิน ใครริอ่านจะสกัด คนนั้นก็ย่อมมรณา...
เมื่อหันกลับมามองพายุหมุนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เ้าอสุรกายร้ายก็เหลือเพียงความหวาดกลัวที่สะท้อนออกมาจากสองั์เนตรเท่านั้น บัดนี้ทั้งิญญาร้าย ทั้งดวงไฟปีศาจ และไออสูรทั้งหลายล้วนถูกกลืนกินจนหมดสิ้น ส่วนแรงดึงดูดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆนี้ ก็เริ่มดูดกลืนไออสูรบนตัวเ้าอสุรกายร้ายจนหายไปกว่าครึ่งแล้ว ร่างกายของมันจึงไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป บัดนี้จึงเรียกได้ว่าอับจนหนทางแล้วจริงๆ เ้าอสูรร้ายคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว โดยไม่คิดยอมแพ้ง่ายๆ ไม่นานมันก็หันหลังก้าวออกจากเขตแดนไป...
“หนีเร็วดีนี่”
หลินเฟยแค่นหัวเราะเ็าออกมา ก่อนจะสะบัดมือออกไป จากนั้นกระจกที่ลอยอยู่กลางอากาศก็สลายกลับเป็เทียนกุ่ยเช่นเดิม เ้าเทียนกุ่ยลอยกลับคืนสู่ฝ่ามือของหลินเฟยอีกครั้ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเขตแดนอสูรที่กำลังสั่นะเืรุนแรง ปราณกระบี่ไท่อี๋ก็พลันกลายสภาพเป็สะพานสีทองพุ่งทะลุเหล่าอักขระซึ่งรวมตัวกันอยู่ตรงสุดเขตแดนออกไป
อักขระมากมายที่กำลังแตกสลายอยู่นั้น เมื่อถูกสะพานสีทองพุ่งทะลุเข้า พวกมันก็แยกออกจากกันทันที หลินเฟยเดินขึ้นไปยังสะพานสีทอง เพียงครู่เดียวก็หายวับไป...
ต่อมาไม่นานบนท้องฟ้าเหนือบึงโคลนก็เกิดเป็ลำแสงสีทองแทงทะลุก้อนสีดำซึ่งเกิดจากอักขระสีดำจำนวนมากที่กำลังหดขยายไปมาอยู่
อักขระสีดำเ่าั้ก็แตกกระจายทันทีที่สะพานสีทองพุ่งทะลุออกมา จากนั้นก็มองเห็นเป็เงาของหลินเฟยที่กำลังหิ้วปีกหวังหลงและเว่ยฟงค่อยๆโผล่มา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------