จิตใจของเหนียนอีหลานสะอึกไปชั่วครู่ นางรีบหันกลับไปคุกเข่าลงบนพื้นทันทีอย่างตื่นตระหนก "ไม่เพคะ ท่านอ๋องหลี อีหลานไม่กล้า เื่ในสวนร้อยสัตว์ อีหลานได้รับโทษจากฮองเฮา แล้วฮองเฮาจะยอมให้อีหลานขึ้นเป็มู่หวังเฟยได้อย่างไรเพคะ? อีหลานยอมรับว่าในใจของอีหลานริษยายวี่เอ๋อร์ ทว่าอย่างไรนางก็เป็น้องสาวของอีหลาน อีหลานไม่อยากให้นางขึ้นเป็มู่หวังเฟยจริง ทว่าความริษยานั้นก็ไม่ถึงขั้น้าชีวิตของนางนะเพคะ”
ขณะที่เหนียนอีหลานกล่าว ท่าทีเช่นนั้นดูจริงใจ
ทุกสิ่งอยู่ในสายตาของจ้าวเยี่ยน มุมปากบนใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ความคิดของเ้าสามารถปิดบังจากผู้อื่นได้ แต่ปิดบังเปิ่นหวางไม่ได้ เปิ่นหวางไม่สนว่าเ้าจะมีความคิดอย่างไร ทว่าเปิ่นหวางอยากจะเตือนเ้าไว้ เ้าน่าจะรู้สถานการณ์ในยามนี้ของเ้าดี หากมีเื่อันใดยั่วยุโทสะเปิ่นหวาง หึ...”
จ้าวเยี่ยนหัวเราะแ่เบา แต่กลับไม่ได้กล่าวต่อ ทว่าความหมายนั้นกลับแจ่มชัดอย่างยิ่ง
สถานการณ์ของนาง...
เหนียนอีหลานนึกถึงเื่ในสวนร้อยสัตว์วันนั้น ตนเองเกือบจะสิ้นชีพในเงื้อมมือของจื่อหลิง นางกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ดวงตาฉายแววหวาดกลัว หันไปโขกศีรษะคำนับจ้าวเยี่ยนอย่างเร่งรีบ “เพคะ อีหลานไม่กล้า อีหลานจะจดจำคำของท่านอ๋องเพคะ”
“ออกไป”
บุรุษกล่าวอย่างเ็า
อีหลานไม่กล้ารั้งรออยู่ต่อ รีบเร่งโขกศีรษะคำนับ และลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก ซวนเซเดินออกไปนอกประตู พยายามปิดบังความตื่นกลัวบนใบหน้า จากนั้นจึงลงไปชั้นล่าง ถ้อยคำเมื่อครู่นี้ของจ้าวเยี่ยนกลับมิอาจสลัดออกไปจากหัว
ยิ่งคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในยามนี้ของตนเองมากเท่าใด ในใจของเหนียนอีหลานกลับยิ่งหวังให้เหนียนยวี่ตายไปได้ก็ดี
มิอาจทำร้ายชีวิตของเหนียนยวี่ได้งั้นหรือ?
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนผู้นี้ สุดท้ายก็สนใจเหนียนยวี่จริงๆ!
แต่แล้วอย่างไรเล่า?
เขาไม่ปล่อยให้นางตาย ข้าแค่ไม่ทำให้นางตายก็พอ ทว่านอกจากความตาย อย่างอื่นข้าไม่สนใจมากนักหรอก!
เหนียนอีหลานสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เดินออกจากโรงเตี๊ยม และเดินไปยังทิศทางของจวนเหนียนอย่างเงียบเชียบ เฉกเช่นยามที่มา
เหลือจ้าวเยี่ยนเพียงคนเดียวในห้องส่วนตัว
ใบหน้าหล่อเหลายังคงมืดมน เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาใหม่ ค่อยๆ รินลงในถ้วย ั์ตาอบอุ่นยามนี้กำลังปั่นป่วน
ฉู่ชิง...
เงาร่างที่สวมหน้ากากสีเงินผุดเข้ามาในหัว เมื่อภาพเปลี่ยนไป เพลิงั์เข้าครอบงำความคิดของเขา ดูเหมือนจะคิดถึงสิ่งที่ไม่อยากคิด จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว สะบัดไล่บางสิ่งในหัวออกไปโดยไม่รู้ตัว
ประจวบเหมาะยามนี้พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงเคาะสองสามครั้งอย่างมีระเบียบ ดวงตาของจ้าวเยี่ยนหรี่ลง และกล่าวออกมาทันใดว่า “เข้ามา”
ประตูเปิดออก และผู้ที่เข้ามาคือบุคคลที่แต่งกายเป็บ่าวรับใช้ หน้าตาหยาบกระด้าง ราวกับเจออุปสรรคอันยากลำบากมา มีเพียงรูปร่างนั้นที่ดูราวกับสตรี
"โม่หลีคารวะนายท่านเ้าค่ะ"
อย่างที่คิด คนที่มาเยือนเอ่ยปากมิปกปิดเสียงของสตรี
ถ้อยคำว่านายท่านที่กล่าวออกมาจากปากของนางไม่ว่าน้ำเสียง หรือท่าทีฉายชัดถึงความเคารพอย่างนอบน้อม
จ้าวเยี่ยนเหลือบมองคนตรงหน้า ถูถ้วยชาในมือด้วยท่าทีสูงส่งและน่าเกรงขาม “สถานการณ์เป็อย่างไร?”
จ้าวเยี่ยนมิได้ถามละเอียด ทว่าโม่หลีก็รู้ว่านายท่านถามเื่อันใด จึงนึกถึงข่าวที่ส่งมาจากฝั่งนั้น โม่หลีรีบกล่าวรายงานทันที “รายงานนายท่าน ผ่านมาหลายวัน ไทเฮาถึงหนานเยวี่ยแล้วเ้าค่ะ”
"คนผู้นั้นเล่า?" ั์ตาของจ้าวเยี่ยนฉายแววกังวล
แน่นอนว่าคนผู้นั้นคือฮ่องเต้องค์ใหม่ของหนานเยวี่ย ฉางหลิงเกอ!
"รัชทายาทองค์ก่อนของหนานเยวี่ย..." จ้าวเยี่ยนพึมพำ ขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม
หลายปีก่อน การ่ชิงราชบัลลังก์ของราชวงศ์หนานเยวี่ย เขาได้ยินมาว่า อดีตรัชทายาทเป็คนที่เก่งกาจยากรับมือผู้หนึ่ง หากมิใช่ฉางหลิงเกอเล่นแง่ยึดตำแหน่งมา ยามนี้คงยังไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งแคว้นหนานเยวี่ย สุดท้ายจะเป็ผู้ใดกันแน่
เพียงแต่น่าเสียดาย แม้ฉางหลิงเกอผู้นั้นจะโเี้ดุร้าย สุดท้ายก็ยังมิได้โเี้อย่างสมบูรณ์
การทิ้งปัญหาอย่างอดีตรัชทายาทไว้เช่นนั้นไม่ยอมตัดรากถอนโคน ยามนี้เมื่อเขาหายตัวไป อดีตรัชทายาทผู้นั้นจะต้องหาจังหวะโต้กลับ และผลลัพธ์ที่ตามมา...
จ้าวเยี่ยนยื่นมือเข้าไปใต้อก ลูบตราครึ่งเสี้ยวพยัคฆ์ของหนานเยวี่ย ั์ตาปั่นป่วน
“เสด็จแม่ได้เผยแผนการของนางออกมาหรือไม่?”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จ้าวเยี่ยนเอ่ยปากขึ้น ยามนี้ยังไม่พบตัวฉางหลิงเกอผู้นั้น เกรงว่าโชคคงจะไม่ดีนัก
หากเป็เยี่ยงนี้ เช่นนั้นเขากับเสด็จแม่ก็ต้องวางแผนใหม่ถึงจะดี
“รายงานนายท่านเ้าค่ะ ไทเฮามิได้เอ่ยอันใดเ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรายงาน
มิได้เอ่ยอันใดงั้นหรือ?
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ั์ตาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย
“เพียงแต่...นายท่านเ้าคะ สถานการณ์ทางชิงโหยวกว่านฝั่งนั้น” หญิงสาวเอ่ยปากเปลี่ยนบทสนทนา ครั้นได้รับสัญญาณจากสายตาจากจ้าวเยี่ยนให้นางพูดต่อได้ จึงกล่าวต่อไปว่า “มีคนเฝ้าสังเกตชิงโหยวกว่านเ้าค่ะ ข้าน้อยเจอว่าน่าจะเป็คนของฮองเฮาเ้าค่ะ”
“เฝ้าสังเกตชิงโหยวกว่าน?” จ้าวเยี่ยนหรี่ตา ั์ตาคมปลาบ
คนฉลาดเยี่ยงเขาย่อมเข้าใจถึงความตั้งใจของฮองเฮาที่คอยเฝ้าสังเกตเสด็จแม่
ในอดีตทุกคนอยู่ด้วยความสงบและไร้เหตุทะเลาะเบาะแว้ง ทว่าครานี้ฮองเฮาอวี่เหวินรับรู้ถึงความทะเยอทะยานของพระมารดา รู้ถึงการเกิดของเขา เช่นนั้นจะนั่งนิ่งเฉกเช่นในอดีตได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น ครานี้เสด็จแม่ออกจากวังหลวงกลับไปยังชิงโหยวกว่าน เื่ราวนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฮองเฮาอวี่เหวินจะวางใจได้อย่างไร?
การส่งคนไปเฝ้าสังเกตย่อมอยู่ในความคาดหมายของเขา
“นายท่านเ้าคะ ควรจะให้ข้าน้อยจัดการอย่างไรเ้าคะ?” โม่หลีมองจ้าวเยี่ยน เอ่ยขอคำแนะนำอย่างระมัดระวัง
“จัดการ? หึ นางแค่อยากจะทำให้มั่นใจว่าเสด็จแม่อยู่ในชิงโหยวกว่านหรือไม่ และทำสิ่งใดบ้าง ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ปล่อยให้นางเฝ้ามอง ‘เสด็จแม่’ ต่อไปเถิด” จ้าวเยี่ยนสั่งอย่างเ็า
“เ้าค่ะ ข้าน้อยรับทราบ”
โม่หลีรับคำสั่ง ในห้องอันเงียบสงัด จ้าวเยี่ยนโบกมือไล่ความคิดในหัว จิตใจเปลี่ยนไปคิดเื่อื่น
เหนียนยวี่...
อีกแค่หนึ่งเดือนก็จะเป็วันเกิดของนาง และวันนั้น การสู่ขอของจ้าวอี้...
จ้าวเยี่ยนผู้ซึ่งกำลังถือถ้วยชา ยกจิบชาอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาทั้งสองข้างกวาดมองสถานที่บางแห่ง ไม่ขยับเปลี่ยนสายตาเป็ระยะเวลานาน ไม่มีผู้ใดมองออกว่า เขากำลังคิดอันใด
......
บรรยากาศในจวนเหนียนหลายวันนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
ภายในจวน แทบทุกคนต่างพยายามหลีกเลี่ยงจะเอ่ยถึงเื่การหายตัวไปของเหนียนเฉิงและจ้าวอิ้งเสวี่ยเมื่อหลายวันก่อน ทว่าในใจของทุกคนกลับคิดถึงแต่เื่นี้
อย่างไรเสีย วันนั้นพวกเขาล้วนได้เห็นสภาพของจ้าวอิ้งเสวี่ยในเรือนหรูอี้แล้ว
สภาพท่าทีเช่นนั้น นางถูกบุรุษกระทำชำเราอย่างแท้จริง
ต่อให้เป็ครอบครัวคนธรรมดา สตรีที่ออกเรือนแล้ว หากถูกบุรุษอื่นนอกจากสามีแตะต้อง นั่นก็มิใช่สิ่งที่ผู้คนยอมรับได้ ทว่าเื่นี้ ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย...แต่เพราะฐานะที่เป็ท่านหญิง ไม่ว่าผู้ใดจึงไม่กล้าเอ่ย แต่ทุกคนล้วนแอบเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเรือนหรูอี้
จิ้นอ๋องจัดสรรทหารจากจวนจิ้นอ๋องมาเฝ้าคุ้มกันเรือนหรูอี้ทุกวันทุกคืนโดยเฉพาะ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเข้ามา
ั้แ่หลังจากที่จ้าวอิ้งเสวี่ยกลับมา มีเพียงอนุสองลู่ซิวหรงกับผิงเอ๋อร์ สาวใช้ของนางเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้เข้าไปในเรือนหรูอี้ มิมีผู้ใดรู้ว่าหลังจากอนุสองเข้าไปแล้วเกิดอันใดขึ้น ทว่าสวีหว่านเอ๋อร์แอบส่งเหมยเซียงเข้าไปเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของอนุสอง
กล่าวกันว่า ยามที่อนุสองเข้าไป สีหน้านั้นดูไม่ร้อนรนและสบายใจ เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป ยามที่ออกมา ใบหน้าของนางกลับดูเคร่งเครียดหนักใจอย่างสุดจะพรรณนา