Permission to Stay รักนิรันดร์

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

กลางดึกคืนนั้น ภวังค์อดีตก็พาผมย้อนกลับไปยังเ๱ื่๵๹ราวต่าง ๆ อีกครั้ง ท่ามกลางฝนที่ตกอย่างหนัก สายฟ้าแลบอยู่ไกล ๆ พร้อมเสียงคำรามดังกึกก้อง ร่างของมยุรายังคงนั่งคอยผู้เป็๲สามีด้วยใจจดจ่อ ผมหันมองไปยังโมไบล์แขวนที่กำลังลู่ลมอยู่ขอบหน้าต่าง แล้วเลื่อนสายตาไปยังนาฬิกาบ่งบอกว่าเลยเที่ยงคืนไปแล้ว บริเวณโดยรอบเงียบสนิท มีเพียงแสงสลัวจากไฟดวงหนึ่งเปิดอยู่เท่านั้น

ในแววตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานเพราะหน้าที่ มีแต่ความโดดเดี่ยวมาตลอด ไร้ซึ่งความรัก ความห่วงหาอาทรจากสามี ไม่ว่าจะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน ก็ไม่เคยได้รับคำชม ผมค่อย ๆ เดินไปใกล้ แล้วย่อตัวลงนั่งด้านข้าง เอื้อมไปจับแขนเธอเบา ๆ ทว่าทุกอย่างในตอนนั้น ผมเป็๞เพียงผู้รู้ ไม่อาจแตะต้องสิ่งใดได้ แม้แต่ตัวเธอ

‘ไม่เป็๲ไรนะ คุณเก่งที่สุด’ ผมกำลังพูดกับตัวเองในอดีต พร้อมน้ำตาเอ่อขึ้น ก่อนปาดออกแบบลวก ๆ หันมองไปยังถนนด้านนอก ไม่มีวี่แววว่าภูมิพลจะกลับมา เสียงฝนยังคงเทกระหน่ำไม่หยุด และร่างของมยุรายังคงนิ่งเฉย ราวกับว่าความรู้สึกของเธอเ๽็๤ป๥๪จนด้านชาไปแล้ว

‘คุณทำอาหารรอเขาด้วยเหรอ’ ผมหันมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ ไม่มีควันร้อน ๆ ลอยขึ้นมา ถ้าให้เดาเธอคงทำรอเขา๻ั้๫แ๻่เย็น ผมเดินมองไปยังเมนูที่ว่า มีไข่เจียว ต้มมะระ และแกงเผ็ดอีกหนึ่งอย่าง ไม่ใช่แค่รอเขาอย่างเดียว ดูเหมือนเธอยังไม่แตะอาหารด้วยเช่นกัน เพราะจานข้าวทั้งสอง ยังมีข้าวเหลืออยู่เต็ม

‘หิวก็แค่กิน รอทำไมให้ปวดท้อง’ ผมหันไปถามเธอ ที่นั่งนิ่งราวกับหุ่น ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าจนสุด เพื่อสงบความคับข้องใจที่กำลังเกิดขึ้น ก่อนจะเดินมานั่งใกล้ ๆ เธอแล้วทอดมองไปยังรอยปานสีชมพู ที่ข้อมือเราทั้งสอง

‘ผมสัญญาว่าในชาติของผม ผมจะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจอย่างนี้เด็ดขาด’ ผมพูดกับมยุรา ก่อนแสงไฟหน้ารถที่สว่างจ้า ค่อย ๆ แล่นเข้ามาใกล้ ร่างของมยุราเหมือนถูกกระตุก เธอลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นรถโบราณแล่นเข้ามา มือกำชายเสื้อแน่นด้วยความกังวล

ก่อนร่างของภูมิพลจะเดินเข้ามาด้วยเสื้อผ้าเปียกปอน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยหยาดฝน ราวกับว่าเขายืนให้ฝนซัดไปก่อนหน้าแล้ว สองเท้ามยุราเดินไปรับเขาที่หน้าประตู แล้วเลื่อนสายตามองสามี๻ั้๹แ๻่ศีรษะจรดปลายเท้า

“ทำไมเปียกแบบนี้คะ” เขามองเธอแวบหนึ่ง หากแต่ไม่ตอบ กลับเบี่ยงกายเลี่ยงไปทางอื่น ด้วยสายตาเหนื่อยล้า

“ฝนตก ทำไมไม่ไปนอน” เขาถามขึ้นอย่างเรียบ ๆ

“คุณยังไม่กลับ ฉันรอ...” เธอตอบพร้อมหันมองไปยังสามี ที่เดินเข้าบ้านมา อย่างคนหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่ตอบ ยังคงเดินขึ้นบ้านไป แล้วทิ้งรอยน้ำไว้ตามพื้น

“คุณเมาด้วยเหรอคะ” เขาหยุดกลางบันได

“ไม่ต้องรอ..ต่อไปนี้ไม่ต้องรอแบบนี้อีกแล้ว” คำตอบของเขาเหมือนมีดบาง ๆ ที่เฉือนลึกในใจเธอ ผมมองทุกอย่างเงียบ ๆ แล้วกำมือแน่น ก่อนน้ำตาของเธอเอ่อขึ้น

“สามีไม่กลับ จะไม่รอได้ยังไง จะให้นอนหลับได้ยังไง”

“อยากทรมานตัวเองก็ตามใจ”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่เคยรักฉัน!” ผมได้ยินดังนั้น จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม ทว่าท่าทีของภูมิพลยังคงเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับมา

“ผมเคยคิด ว่าถ้าฝืน ทุกอย่างจะดีขึ้น”

“ฝืนอะไร ฝืนอยู่กับฉัน หรือฝืนไม่ไปหาพรรณี?” คำถามนั้น เหมือนแทงเข้าไปในจุดที่เขาไม่อยากให้แตะต้อง ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม

“ก็รู้อยู่แล้ว จะถามทำไม?” น้ำตาของมยุราไหลรินออกมาด้วยความเ๯็๢ป๭๨ แล้วตอบกลับ

“ใช่ค่ะฉันรู้อยู่แล้ว คุณกลับบ้านแต่ละครั้ง กลิ่นน้ำหอมของพรรณีติดเสื้อคุณมาตลอด...” ผมเห็นเขาฝืนยิ้มเล็กน้อย

“ดังนั้นผมไม่ใช่คนดี ไม่เคยเป็๞เลยด้วยซ้ำ และผมก็ไม่เคยรักคุณ!” ผมหันมองไปยังมยุราที่ริมฝีปากสั่นน้อย ๆ เหมือนขยับริมฝีปากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เงียบไป ปล่อยให้ภูมิพลเดินกลับขึ้นห้องไป โดยไม่หันมามองอาหารที่เธอเตรียมไว้แม้แต่น้อย

ผมลืมตาตื่นขึ้น...พร้อมคราบน้ำตาไหลอาบเต็มหมอน คำพูดและการกระทำของภูมิพล ฝังแน่นไม่อาจตัดออกได้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง พยายามกดความรู้สึกเ๽็๤ป๥๪นั้นกลับเข้าไปในมุมมืดของหัวใจให้ได้มากที่สุด ก่อนเลื่อนสายตามองรอบ ๆ ห้องนอนขนาดใหญ่ของตัวเอง เสียงปลุกจากโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่อง ผมหยิบมันมากดปิดโดยไม่ทันมองเวลา

ก่อนขับรถมุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัย หากเป็๞เมื่อก่อน สมองของผม คงมีแต่เ๹ื่๪๫สนุกเต็มไปหมด ทว่าตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป...ผมตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทรหาหมอนาวินทันที เสียงรอสายไม่นาน เขาก็กดรับ

“สวัสดีครับ” แค่เสียงพูดของเขา ก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวไม่เป็๲จังหวะ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ผมคีย์นะ”

“คุณอาคิราห์เหรอ มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงเขาดูเหมือนยุ่ง ๆ แต่ผมไม่สน...

“วันนี้ผมมีเรียนแค่ถึงตอนบ่าย ผมขอไปหาคุณได้ไหม?” ปลายสายเงียบในทันที ผมจึงอธิบายต่อ

“อยากทำต้มมะระให้กิน”

“ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล กำลังมีเคส” คำพูดของเขาไม่ได้มีเจตนาไล่ แต่กลับทำให้ในอกของผม รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะเคยถูกเขาไล่แบบนี้ซ้ำ ๆ เป็๞ความรู้สึกที่ไม่เคยชินเลยสักครั้ง

“เสร็จกี่โมง” ผมถาม คราวนี้เขาเงียบนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

“ผมยังไม่แน่ใจ อาจจะดึก”

“ผมรอได้”

“อย่าเสียเวลาเลย...คุณรอไม่ไหวหรอก” เขาคงไม่รู้ว่าผมเคยรอเขานานกว่านี้

“รอได้สิ เดี๋ยวบ่าย ๆ ผมไปหาที่โรงพยาบาลนะ” พูดจบผมไม่รอฟังคำตอบ หากแต่กดวางสายไปในทันที ก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัยแล้วปล่อยเ๱ื่๵๹ราวทุกอย่างไว้ด้านหลัง

เมื่อลงจากรถ ผมยังคงมองหาถังขยะเหมือนเดิม เมื่อไม่มีก็หันวางแก้วกาแฟไว้ท้ายรถคนอื่นอย่างเคย ก่อนจะหันตัวเดินเข้าไปในตึก แอบเห็นน้องรูแปงยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ไม่ห่าง จากที่ไม่เคยใส่ใจ ก็เริ่มรับรู้แล้วว่าการรอคอยอยู่ฝ่ายเดียวมันเ๯็๢ป๭๨ยังไง ผมหันไปยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยทัก

“ถืออะไรมา” ผมมองตุ๊กตาตัวเล็กในมือของอีกฝ่าย ก่อนเธอหน้าแดง แล้วบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย

“เอามาให้ อยากให้นานแล้วแต่ไม่กล้า” ผมยิ้มแล้วเอื้อมไปรับ

“ขอบใจ” เดิมทีผมเป็๲พวกไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นอยู่แล้ว จึงหันตัวกลับโดยไม่สนใจอีกฝ่าย ทว่าก้าวมาได้สองสามก้าว ผมก็นึกขึ้นได้ ว่าคนเราไม่จำเป็๲ต้องแสดงออกแรง ๆ เพื่อปฏิเสธความรัก ควรขอบคุณความรู้สึกดี ๆ ของอีกฝ่ายด้วยจึงจะถูก ผมค่อย ๆ หันกลับไปหารูแปงแล้วยิ้มให้เธอ

“วันหลังอยากทักทาย ก็เข้ามาได้เลยนะ ไม่ต้องแอบ” พูดจบผมก็ถือตุ๊กตาตัวเล็ก มุ่งตรงไปยังตึกเรียน พร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกายเบา ๆ

“คีย์!” เสียงเรียกคุ้นหู ทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันกลับมา พบเจย์ที่อยู่ในชุดนักศึกษา สะพายกระเป๋าสีดำ เดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้ามา

“มึงไม่ได้รออยู่ กับพวกนั้นที่ห้องเรียนเหรอ?” ผมถามมันด้วยความแปลกใจ

“กูขอคุยด้วยหน่อยดิ” ผมเดินตามมันไปยังมุมเงียบมุมหนึ่ง ที่ลับสายตาผู้คน ก่อนมันจะวางกระเป๋าสีดำที่สะพายติดตัวมา ลงกับบันได แล้วย่อตัวลงนั่ง จ้องมายังผมเหมือนมีอะไรข้องใจ

“มองกูแบบนี้ มีอะไรก็พูดมา”

“ตุ๊กตาที่มือมึงอะ ของรูแปง?” ผมมองตุ๊กตาตัวเล็กในมือ

“แล้วยังไง?” ผมไม่เห็นว่าเกี่ยวกับมันตรงไหน หรือสำคัญยังไง

“มึงรับตุ๊กตามันมา แต่มึงปฏิเสธไอริส ทั้งที่มึงเป็๲คนขอไอริสเป็๲แฟนแท้ ๆ อะนะ” ผมชะงักนิ่ง

“ไอริสเล่าให้มึงฟังเหรอ?”

“กูก็อยู่ปะ ตอนมึงขอเขา กูก็ได้ยิน เสียงพลุไม่ได้ดังขนาดนั้น” สิ่งที่มันตอบ ทำให้ผมนิ่งอึ้ง ก่อนจะถอนหายใจเพื่อตั้งสติแล้วตอบกลับ

“กูจำไม่ได้ว่ะ”

“มึงอย่าโกหก ที่มึงขอไอริสเป็๲แฟน ตอนนั้นมึงยังไม่ทันโดนรถชน ความจำมึงหายก็จริง แต่มันก็หายแค่ตอนมึงโดนรถชนเปล่าวะ?”

“แล้วทำไมมึงต้องเดือดร้อน ไอริสยังไม่เดือดร้อนเลย” ผมเริ่มหมดความอดทนที่โดนมันไล่บี้ เพราะในสมองผมเอง ก็มีเ๹ื่๪๫ราวมากมายให้ครุ่นคิดเต็มไปหมด จึงเผลอหลุดอารมณ์ใส่มัน

“คีย์! กูจะบอกมึงให้รู้ไว้นะ มึงอย่าเหี้ยกับเพื่อนให้มาก” ผมพยักหน้าแล้วก้าวเท้าเข้าไปหามัน

“มึงไม่คิดบ้างล่ะ ว่าถ้ากูยังเดินหน้าเป็๞แฟนกับไอริส แล้วสุดท้ายกูทำให้ไอริสเ๯็๢ป๭๨ กูไม่เลวกว่านี้เหรอ? กูบอกว่ากูลืม แต่มึงจะให้กูจำ มึงเองรึเปล่าวะ ที่กำลังทำตัวเหี้ยกับกู!” ผมพูดจบก็หันตัวเดินออก ก่อนจะชะงักวูบ เมื่อเห็นไอริสยืนฟังอยู่ด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ที่พวกเธอขึ้นห้องช้า เพราะมัวทะเลาะกันอยู่ ด้วยเ๱ื่๵๹ของฉันงั้นเหรอ?” เจย์รีบลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาหาไอริสด้วยความเป็๲ห่วง ก่อนจะอึกอัก แล้วสะกิดชายเสื้อผม

“คือว่า....” ผมพยายามหาทางแก้ตัว

“ไม่ต้องพูด เราได้ยินหมดแล้ว” ผมหันมองหน้าเจย์ เราสองคนต่างรู้กันว่า ความรู้สึกของไอริสเป็๲ยังไง ก่อนเธอจะยกมือขึ้นกอดอก

“ไม่เป็๞อะไรเลย เราเข้าใจทุกอย่าง เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ก่อนเธอจะเดินมาแล้วจับแขนผมและเจย์ ลากขึ้นไปยังห้องเรียน โดยที่พวกเราทั้งสอง ไม่หันมาใส่อารมณ์ต่อกันอีก

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้