กลิ่นอายพลังเปล่งประกายเจิดจ้า เปลวเพลิงกระจายไปทั่วสายหมอก
ยอดเขาดุจมีดแหลมคำรามกึกก้องราวกับกลไกที่ใหญ่โตและล้ำลึกกำลังถูกยกขึ้นอย่างช้าๆ หมอกม้วนตัวตามสายลมที่พัดโหม ทิวทัศน์ในหลุมค่อยๆ ถูกเปิดเผย
บริเวณขอบหลุม เหล่าศิษย์จากสำนักต่างๆ โห่ร้องอย่างตื่นเต้น ความกลัวและความวิตกกังวลในใจหายไปอย่างรวดเร็ว
หนิงเทียนก็รู้สึกเช่นกันว่าความหวาดกลัวที่ได้รับจากหลุมั์กำลังสลายไปพร้อมกับการแตกร้าวของกลไกหิน
แผ่นดินสั่นคลอน ภูผาธาราส่งเสียงคำราม หลักจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป สายหมอกในหลุมั์ก็จางหายไปจนหมดสิ้น และยอดหินสามสิบหกยอดก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาทุกคน
“ไปเร็ว!” ศิษย์หยวนซิวรีบวิ่งเข้าไปในหลุมั์เพื่อคว้าโอกาสก่อนใคร
ศิษย์จื๋อซิวค่อยๆ ติดตามไปอย่างใกล้ชิด แต่ศิษย์ซิงซิวมากกว่าหนึ่งโหลกลับมีท่าทางเป็ระเบียบเรียบร้อย พร้อมแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามอย่าไม่ปิดบัง
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างของหนิงเทียนสั่นระรัวพร้อมปล่อยคลื่นลึกลับ แล้วชี้ไปยังบริเวณใจกลางด้านล่างของหลุมั์
ณ ตรงนั้น ยอดหินเก้ายอดก่อตัวเป็วงแหวน และเต็มไปด้วยหมอกแห่งความโกลาหล
“เยาเยา!” หนิงเทียนส่งเสียงกระตุ้น ทหาริญญาเยาเยาก็พาเขาเคลื่อนที่ผ่านห้วงมิติเวลาแล้วมาปรากฏที่ใจกลางก้นหลุมในพริบตา
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยคลื่นผันผวนลึกลับ ซึ่งทำให้ร่องรอยของความเคร่งขรึมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนิงเทียน
ยอดหินทั้งเก้าก่อตัวเป็วงแหวน พร้อมด้วยสายหมอกและกลิ่นอายชั่วร้ายอันทรงพลังที่ไหลเวียนในห้วงอากาศ ทำให้แผนที่จิติญญาทั้งสองและแผนภาพกระบี่ในร่างกายของหนิงเทียนสั่นะเื
หนิงเทียนจ้องมองฉากหนึ่งท่ามกลางสายหมอก ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ
เถาวัลย์ขนาดั์หยั่งรากอยู่กลางหลุม หนึ่งต้นมีเถาวัลย์เก้าเส้นวนเวียนกันไปมา แล้วกระจายตัวออกเป็เกลียวราวกับดอกไม้ที่ชูช่อขึ้นฟ้า เถาวัลย์เส้นหนามีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบจั้ง และใบของมันมีสีแดงสลับเขียว แลดูอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง
เถาวัลย์ั์นี้ตั้งอยู่ในยอดหินทั้งเก้า ซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกอันสับสนวุ่นวาย
เหนือพื้นดินกว่าร้อยจั้ง มีเตาหลอมงอกจากเถาวัลย์ และมีเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากเตานั้น
หนิงเทียนขยี้ตา รู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน
เตาหลอมมีเส้นผ่านศูนย์กลางห้าสิบจั้ง สูงแปดสิบจั้ง และมีเส้นลึกลับสลักอยู่บนเตา ซึ่งปล่อยคลื่นพลังที่แข็งแกร่งจนน่าทึ่ง
เถาวัลย์ั์สูงจนมองไม่เห็นยอด เนื่องจากหมอกเหล่านี้สร้างความสับสน หนิงเทียนที่ยืนอยู่บนพื้นจึงเห็นทิวทัศน์ในระยะร้อยจั้งเท่านั้น ยิ่งสูงเท่าใดก็ยิ่งถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมากขึ้นเท่านั้น
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตกระตือรือร้นอย่างมาก ทั้งยังปล่อยพลังลี้ลับชี้ไปยังเถาวัลย์ั์โดยตรง ขณะที่ดวงตาของหนิงเทียนกลับมุ่งไปที่เตาหลอม
ยามนี้ ศิษย์หลักหยวนซิวจำนวนมากล้วนวิ่งตรงมาที่นี่ และเกิดความขัดแย้งกับศิษย์หลักจื๋อซิว
เสียงทะเลาะเบาะแว้งดังขัดจังหวะการไตร่ตรองของหนิงเทียน เขาะโขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเถาวัลย์ั์ บงกชสีมรกตแกว่งไปมาข้างกาย หญ้าน้อยคอยปกป้อง และต้นไม้แห้งเหี่ยวก็หยั่งรากบนเถาวัลย์ั์ ซึ่งช่วยให้หนิงเทียนพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
เถาวัลย์ั์นี้ใหญ่โตจนน่าประหลาดใจ บนใบสีแดงเต็มไปด้วยแสงแห่งอัสนีที่ขู่คำรามและโจมตีหนิงเทียน ทำให้เขากระเด็นไปไกลหลายร้อยจั้ง
หนิงเทียนสบถเสียงดัง การโจมตีนี้ทำเขารวดร้าวไปทั้งร่าง หากไม่มีกายาสุวรรณะนิรันดร์เขาคงตายไปแล้ว
หนิงเทียนลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเข้าหาเถาวัลย์ั์อีกครา แต่คราวนี้เขาฉลาดขึ้น จึงหลีกเลี่ยงใบเถาสีแดงเ่าั้และเลือกเส้นทางที่ใกล้กับใบเถาสีเขียว
หนิงเทียนใช้สัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าว และหลีกเลี่ยงการััใบเถาวัลย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ แต่เขาก็ยังถูกโจมตีเช่นเดิม สายฟ้าสว่างวาบจากใบเถาสีเขียวราวกับสายรุ้ง ซึ่งทำให้หนิงเทียนคำรามลั่นอย่างเสียศักดิ์ศรี
เถาวัลย์ั์นี้ช่างน่ากลัว ใบสีแดงมีพลังอัสนีบาต ส่วนใบสีเขียวก็ส่งฟ้าแลบออกมา ไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตเข้าใกล้มันเลย
หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์บุกโจมตีเถาวัลย์ั์ และระงับการต่อต้านของมัน ทว่าเถาวัลย์นั้นแข็งแกร่งเกินไป หนิงเทียนจึงได้รับผลสะท้อนกลับและอาเจียนเป็เืก่อนจะล้มลง
หนิงเทียนกำลังจะคลั่งแล้ว เขาจ้องมองเถาวัลย์ั์อย่างดุเดือด พลางคิดหามาตรการรับมืออยู่ในใจ
เมื่อหยิบไข่มุกอสูรหยินออกมา อัสนีก็ฟาดใส่ทันที แรงจากสายฟ้าคำรามทำให้หนิงเทียนมีสภาพราวสุนัข เขาใมากจนรีบเก็บไข่มุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ศิษย์หลักหยวนซิวมาถึงแล้ว หลังจากได้เห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน พวกเขาต่างก็ร้องอุทาน
“จิตอสูรก่อตัวเป็เตาหลอม! นี่มันแปลกเกินไป”
“กลิ่นอายของเตาหลอมช่างน่าสะพรึงกลัว มันอาจเป็สมบัติล้ำค่า เปลวไฟในเตาอาจมีหน้าที่ชำระล้างกระดูกและทำให้เืบริสุทธิ์”
“เช่นนั้นจะมัวรออะไรเล่า? ลุยเลย!”
ทันทีที่ศิษย์หยวนซิวได้ยินว่ามันอาจช่วยปรับแต่งพลังสายเืได้ก็พุ่งออกไปทันที พวกเขากระโจนเข้าหาเถาวัลย์ั์ทีละคน ทว่าก็มีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าใกล้เถาวัลย์
สายฟ้าแลบเกี่ยวพันกันอย่างหนาแน่นแล้วถล่มโจมตีเหล่าศิษย์หลักหยวนซิว ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องและเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยว
บางคนโดนฟ้าผ่าจนไหม้เกรียม บางคนก็ถูกฟ้าคำรามฉีกเป็ชิ้นๆ ผู้ที่โชคดีพอที่จะมีชีวิตรอดมีประมาณสองส่วนเท่านั้น และทุกคนล้วนได้รับาเ็สาหัส
“ใช้อาวุธิญญา!” บางคนเลือกใช้อาวุธิญญาเพื่อเปิดการป้องกัน ซึ่งสามารถทนต่อพลังแห่งอัสนีได้ แต่พลังก็คงอยู่ได้ไม่นาน
“ทุกคนมารวมพลังกันเถิด! รีบเข้าไปในเตานั้นด้วยกัน” ศิษย์หยวนซิวทั้งหลายต่างร่วมแรงร่วมใจใช้อาวุธิญญาและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน
หนิงเทียนเฝ้ามองอย่างนิ่งเงียบ ผู้นำที่นี่อาจไม่มีจุดจบที่ดีเพราะไม่มีผู้ใดรู้ว่าเถาวัลย์ั์นี้มีอันตรายมากเพียงใด
ศิษย์หลักของโถงเพลิงทมิฬรวมตัวเป็กลุ่มห้าคน พวกเขาเปิดใช้อาวุธิญญาระดับต่ำเพื่อต่อต้านการโจมตีรุนแรงของพลังแห่งอัสนี แล้วรีบวิ่งไปที่เตาหลอมด้วยพละกำลังทั้งหมด
พลังอัสนีหลั่งไหลลงมาราวธารน้ำตก แสงสีเขียวและสีแดงเกี่ยวพันกันราวทางช้างเผือกที่ร่วงหล่น เข้าล้มคนทั้งห้าจากโถงเพลิงทมิฬครั้งแล้วครั้งเล่า
ท่ามกลางยอดหินทั้งเก้า ศิษย์หยวนซิวและจื๋อซิวเริ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากจ่ายค่าเยี่ยมชมด้วยชีวิตและพยายามอยู่หลายครั้ง ทุกคนก็ได้รับบทเรียนว่า หากไม่มีอาวุธิญญาเพื่อปกป้องร่างกายก็เป็ไปไม่ได้ที่จะต้านทานมัน
ในที่สุดศิษย์หยวนซิวกลุ่มหนึ่งก็เข้าใกล้เตาหลอมได้ พวกเขารีบเข้าไปในเตาด้วยความช่วยเหลือจากอาวุธิญญาที่คอยปกป้องร่างกายภายใต้การโจมตีของสายอัสนี
“ไม่!” เสียงร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังทำให้ใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียด
วินาทีที่แล้วทุกคนต่างก็อิจฉาสมาชิกกลุ่มนี้ ใครจะไปนึกว่าหลังจากเข้าถึงเตาหลอมแล้ว คนทั้งสี่จะถูกเผาจนกลายเป็เถ้าถ่านในพริบตา เหลือเพียงคนเดียวที่ได้รับการปกป้องจากอาวุธิญญาและรีบวิ่งออกมาอย่างสิ้นหวัง ทว่าสุดท้ายก็โดนอัสนีฟาดจนสิ้น
ชั่วขณะหนึ่ง ศิษย์ทั้งหมดจากสำนักต่างๆ ที่เร่งรีบขึ้นไปก็หยุดชะงักและร่อนลงมาทีละคน พวกเขาจ้องมองเตาหลอมที่สูงกว่าร้อยจั้งด้วยดวงตามืดมน
นั่นคือสถานที่แห่งการสร้างสรรค์หรือสถานที่แห่งการทำลายล้างกันแน่?
ศิษย์กว่าพันคนมารวมตัวกันใกล้เถาวัลย์ั์ หลายคนกระซิบและพูดคุยกันเป็การส่วนตัว
ทันใดนั้น เงาร่างที่แข็งแกร่งราวเสือดาวก็ปรากฏขึ้น เพียงะโครั้งหนึ่งร่างนั้นก็ทะยานไปหลายจั้ง พร้อมมุ่งไปยังเตาหลอมโดยไม่หวาดกลัวพลังแห่งอัสนี
“คนผู้นั้นเป็ใคร?”
“หลินหวาจากสำนักร้อยอสูร รากบ่มเพาะคือเสือดาวสายฟ้า และเป็บุคคลที่มีอิทธิพลในสำนัก”
คนจากสายรากอสูรต่างร้องอุทาน หลินหวาผู้นี้เก่งที่สุดในบรรดาศิษย์หลักของสำนักร้อยอสูรแห่งเมืองไป่เซิ่ง
เมื่อได้ยินเสียงคำรามลากยาว หลินหวาก็รีบวิ่งไปที่ความสูงหนึ่งร้อยจั้ง เขาะโขึ้นไปแล้วทิ้งร่างลงในเตาหลอมทันที
ทันใดนั้น เปลวเพลิงที่ปะทุในเตาหลอมก็กลายเป็เสือดาวเพลิง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน
หลินหวาเหวี่ยงกำปั้นอยู่ภายในเตาหลอม มันกระแทกผนังเตาจนเกิดเสียงอึกทึกเสียดแทงหู
“โอ้์! เขาไม่เป็ไร เร็วเข้า! รีบพุ่งเข้าไป”
“ไป! ไป! ไป! ในเตานั้นต้องมีสมบัติอยู่เป็แน่”
ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าศิษย์แต่ละฝ่ายต่างส่งเสียงโห่ร้องอย่างดุเดือด การพุ่งทะลวงรอบใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
หนิงเทียนเองก็ะโขึ้นไปสูงกว่ายี่สิบจั้งแล้วเปิดใช้น้ำเต้าเจ็ดสีในร่าง ทำให้มันลอยอยู่เหนือหัวของเขาหนึ่งจั้ง
ฟ้าร้องสีแดงและสายฟ้าสีเขียวโจมตีหนิงเทียนอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันกลับถูกดูดซับไว้โดยน้ำเต้าเจ็ดสี
เืลมของหนิงเทียนเดือดพล่าน พลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาลราวกับไร้ที่สิ้นสุด ทั้งร่างของเขาราวกับเงาผี หลังจากะโขึ้นลงไม่กี่ครั้ง เขาก็พุ่งเข้าไปในเตาหลอมได้สำเร็จ
เส้นผ่านศูนย์กลางของเตาหลอมนี้มากกว่าห้าสิบจั้ง พื้นที่ภายในเพียงพอที่จะรองรับคนหลายพันคน และนอกจากเปลวเพลิงสีชาดที่พุ่งออกมาแล้ว ยังมีถ้ำอยู่ภายในเตาอีกด้วย
เปลวเพลิงในเตานั้นน่ากลัวมากจนคนส่วนใหญ่ทนไม่ไหว
ด้านล่างของเตาหลอมมีเขาวงกตซึ่งมีสายธารเปลวเพลิงสีเขียวปนทองไหลอยู่ และหลินหวาก็พยายามที่จะบุกเข้าไปในเขาวงกต
เสียงปะทะก่อนหน้านี้ที่ทุกคนได้ยินมาจากพลังหมัดของหลินหวา ยามเขาพยายามทะลวงผ่านม่านกั้น
เปลวเพลิงมีแรงลอยตัว ดังนั้นหนิงเทียนจึงไม่ตกลงไปทันที เขาลอยอยู่ในเปลวเพลิงและกำลังชื่นชมโครงสร้างเขาวงกตจากมุมสูง
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตสั่นระริก แผนที่จิติญญาและแผนภาพกระบี่ในร่างกายต่างตื่นตัว ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ครอง์ที่นำโดยกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต แผนที่จิติญญาและแผนภาพกระบี่ต่างก็ช่วยเสริม และพยายามไขปริศนาหาทางออกจากเขาวงกต
ในเวลานี้ คนอื่นๆ ก็ทยอยเข้ามาในเตาหลอมแล้ว ผลที่ได้ไม่ต่างจากแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ พวกเขาล้วนถูกเปลวเพลิงแผดเผาทันทีที่เข้ามา และพลังสายเืส่วนหนึ่งก็ถูกเตาหลอมดูดซับไว้
หนิงเทียนจับรายละเอียดส่วนนี้ได้ จึงจ้องมองผนังด้านในของเตา และพบร่องรอยของสายเืที่ไม่สม่ำเสมอเป็ระยะ
หากหนิงเทียนเข้าใจไม่ผิด เตาหลอมนี้ชั่วร้ายมาก มัน้าดูดซับแก่นแท้สายเืของผู้บำเพ็ญ นี่เป็การสังเวยโลหิตใช่หรือไม่?
ศิษย์จากกลุ่มต่างๆ ทยอยกันเข้ามา ไม่ว่าจะเป็หยวนซิว จื๋อซิวรากอสูร หรือจื๋อซิวรากพฤกษา พวกเขาล้วนพุ่งเข้ามาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด เป็เหตุให้ศิษย์หลักหลายคนเสียชีวิตที่นี่ และแก่นแท้โลหิตหรือพลังสายเืของพวกเขาก็ล้วนถูกเตาหลอมดูดซึม
หนิงเทียนเห็นเส้นลมปราณเจ็ดร้อยยี่สิบเก้าเส้นบนผนังด้านในของเตาหลอมที่ก่อตัวเป็ภาพ หมายความว่ายามนี้มันกลืนกินไปเจ็ดร้อยยี่สิบเก้าชีวิตแล้ว และยังเปิดใช้กลไกบางอย่างสำเร็จแล้วด้วย
หลายคนกำลังวิ่งผ่านเขาวงกตที่ด้านล่างของเตา ด้วยการกระตุ้นของกลไกโลหิต เขาวงกตจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ทั้งยังปล่อยคลื่นผันผวนลึกลับออกมา
ดวงตาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตที่สั่นคลอน แผนที่จิติญญา และแผนภาพกระบี่ต่างช่วยกันบันทึกการเปลี่ยนแปลงนี้ ก่อนจะแนะนำให้เขาถลาลงและเข้าไปในเขาวงกต
ศิษย์สำนักต่างๆ เข้ามาในเตามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เตาหลอมกลืนกินไปเจ็ดร้อยยี่สิบเก้าชีวิตมันก็หยุดลง ดังนั้น ผู้มาใหม่ส่วนใหญ่จึงปลอดภัยดี แม้บางคนจะไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงลิ่วของเปลวเพลิงได้ ก็ยังออกไปได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน
หนิงเทียนเคลื่อนตัวผ่านเขาวงกตเตาหลอม เปลวไฟสีเขียวปนทองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ซึ่งเป็เื่ยากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่จะเข้าใจ
ศิษย์หยวนซิวกำลังใช้เปลวเพลิงบรรเทากล้ามเนื้อและกระดูก และศิษย์จื๋อซิวกำลังมองหาสมบัติ มีเพียงหนิงเทียนเท่านั้นที่แปลกประหลาดที่สุด เขาพยายามปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บางอย่างในวงกตเตาหลอม
เมื่อหนิงเทียนผ่านเขาวงกตได้สำเร็จและมาถึงทางออก ทั้งเตาก็สั่นะเื เปลวเพลิงในเขาวงกตลุกโชน ก่อนจะเจาะเข้าไปในร่างของหนิงเทียน
กฎแปลกๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา ก่อนจะสร้างเป็รอยประทับภายในเส้นลมปราณที่สี่
ในเวลานั้น หนิงเทียนเงยหน้าเห็นเถาวัลย์อีกเส้นหนึ่งซึ่งอยู่เหนือเตาหนึ่งร้อยจั้ง ทั้งยังปรากฏว่ามีไหอยู่อีกหนึ่งใบ
ไหนั้นสูงประมาณร้อยจั้ง ทั่วทั้งใบเป็สีเขียวและมีลวดลายลึกลับอยู่บนพื้นผิว รอบปากไหมีลายหงส์เหินัขนดคอยกลืนกินหมอกแห่งความโกลาหล ราวกับสายรุ้งสีเขียวที่กำลังพัฒนาไปสู่นกศักดิ์สิทธิ์และอสูรร้ายกลางอากาศ
ไหใบนี้มีหูจับและพวยปั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มันก็เติบโตอยู่บนเถาวัลย์ ซึ่งทำให้หนิงเทียนสับสนอย่างมาก นี่เป็สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจริงหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้