พูดว่าต้องเร่งเดินทาง ก็เป็เช่นนั้นจริงๆ
รถม้าเร็วมิได้หยุดพักเลยตลอดทาง ราวกับว่ามีคนตามมาจากทางด้านหลังอย่างไรอย่างนั้น
อวิ๋นอี้นั่งอย่างลำบาก ถนนขลุกขลักตลอดทางจนอารมณ์เสีย แต่เมื่อผ่านไป กลับกลายเป็ความรู้สึกดีท่ามกลางความทุกข์ คือนางสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางได้
หลังจากออกจากกู่เจิ้นมาประมาณสี่ชั่วยามท้องฟ้าก็มืดลงสนิท อุณหภูมิเปลี่ยนไปเป็เย็นสบายหลังจากเปิดหน้าต่างออกก็มีลมพัดเข้าหน้า เหงื่อร้อนที่ออกทั้งตัวพลันค่อยๆ ลดลง
พวกเขามาถึงที่เนินเขาเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง สภาพแวดล้อมรอบๆ เนินเขานั้นเป็ต้นไม้เขียวสูงชะลูดทำให้ปกคลุมท้องฟ้าไปกว่าครึ่ง เมื่อมองจากด้านหน้าไปทางหลัง ก็เห็นเป็แผ่นดำมืดมิดทั้งน่ากลัวและลึกลับ
หรงซิวสั่งให้หยุดพักกลุ่มคน กว่าร้อยแปดสิบคน ต่างพากันแยกย้ายไปทันที พากันไปจัดการธุระส่วนตัว
“จะไปท่าหน่อยหรือไม่?” เขาเปิดประตูรถออกแล้วก้มหน้าลงถามนาง
อวิ๋นอี้ชี้ออกไปข้างนอกพลันถามอย่างสงสัย “ที่รกร้างไร้ผู้คนเช่นนี้ จะไปท่าได้ที่ใดเพคะ?”
“ข้าหมายถึงให้เ้าทำธุระตรงนี้”
“......” อวิ๋นอี้ชะงักไป “ฝ่าาอย่าไร้อารยะเช่นนี้ได้หรือไม่เพคะ?”
“เ้าไม่ไปหรือ?” เขายิ้มเยาะหลังจากที่ะโลงจากรถแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ “เ้าจะกลั้นได้หรือ? ค่ำคืนยาวนานยังอีกยาวไกลนะ!”
อวิ๋นอี้กำมือแน่นโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกวาดมือไปหาเขาอย่างดุร้าย “หากฝ่าายังพูดมั่วซั่วอีก ข้าจะตีนะเพคะ!”
“ข้ามิกล้า ข้ามิกล้า” เขาอ้อนวอนอย่างให้ความร่วมมือเอามือทั้งสองวางลงที่ใต้วงแขนของนางแล้วอุ้มนางลงมาที่พื้น จากนั้นก็พูดต่อว่า “เมียจ๋าได้โปรดไปท่ากับข้าด้วย ข้าไปคนเดียวมันน่ากลัว”
รู้ว่าเขาปูทางบันไดให้นาง อวิ๋นอี้ก็เชิดหน้ากวาดสายตามอง “ยังไม่รีบขอบคุณข้าอีกหรือเพคะ?”
“ขอบคุณเมียจ๋าพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเข้าไปในป่าอันมืดทึบ ห่างออกไปจากเสียงของกลุ่มคนและเสียงผิงไฟมากขึ้นเรื่อยๆ
ระยะทางบนูเาเดินได้อย่างยากลำบากอวิ๋นอี้สวมรองเท้าปักบางๆ ต้องเดินก้าวใหญ่ ไม่นานมันก็ทำให้เจ็บเท้า
“เจ็บเพคะ...” นางพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจมองหรงซิว เสียงไกลๆ ในความมืดมิดแววตาของบุรุษหนุ่มทั้งดำทั้งสว่างวาบมองนางนิ่งๆ
“มาเถิดข้าจะอุ้มเ้าเอง” เขาอุ้มนางไว้ข้างหน้า ขาของอวิ๋นอี้แกว่งไปมา
กลิ่นหอมของเนื้อย่างที่ทหารย่างก็โชยมาผ่านลมผสมกับกลิ่นหอมจางๆ จากร่างกายของเขารวมทั้งกลิ่นเหงื่อบางๆ ซึมเข้าที่ปลายจมูกทำให้คนหวั่นไหว
อวิ๋นอี้เอนศีรษะไปพิงร่างของเขา
หลังจากเดินไปไม่นานหรงซิวก็วางนางลงอย่างระมัดระวัง หันกลับไปมองทางที่เดินมา “ถึงแล้วตรงนี้คงมิมีผู้ใดมองเห็น เ้าทำธุระก่อน ข้าจะคอยดูให้”
หลังจากเขาพูดจบ เขาพลันหันหลังให้นางอย่างเป็สุภาพบุรุษ
มุมปากของอวิ๋นอี้โค้งขึ้น ทันใดนั้นก็คิดว่าระยะห่างนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงผลักให้เขาไปไกลกว่านั้นอีก “ฝ่าาออกไปไกลอีกหน่อยเพคะอย่างน้อยยี่สิบเมตร”
“จะให้ไปไกลเช่นนั้นทำไมกัน? เกรงว่าข้าจะได้ยินเสียงหรือ?”
“......” ความคิดถูกคนมองออก ใบหน้าของอวิ๋นอี้พลันร้อนผ่าวขึ้น อีกหมัดเล็กๆ ของนางตีลงบนตัวเขา “อย่าพูดไร้สาระเพคะไปไกลๆ ข้าหน่อย เร็วๆ สิเพคะ!”
หรงซิวหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์ เดินออกไปอย่างสบายๆ พลางพูดช้าๆ ว่า “เสียงน้ำที่เ้าหลั่งออกมาข้าล้วนฟังมาแล้วทั้งสิ้น”
“ไปให้พ้นเพคะ!”
เขาหัวเราะออกเสียงอย่างสบายใจแล้วโบกมือไปด้านหลัง “ข้าจะไปรอเ้าที่นั่น เสร็จแล้วบอกด้วยนะ”
ในที่สุดก็ไล่บุรุษหน้าไม่อายออกไปได้แล้ว ทว่าอวิ๋นอี้ก็ยังไม่วางใจ
นางมองเขาอยู่ตรงข้ามสายตาคู่นั้น มองอย่างจดจ่ออยู่นาน หลังจากที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัยนางก็รีบจัดการปลดปล่อย
ราวกับว่ามีใจที่สื่อถึงกันได้อย่างไรเช่นนั้น นางใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วเสียงของหรงซิวก็ดังมาจากไกลๆ “เสร็จหรือยัง? ข้าช่วยเ้าถือกางเกงหรือไม่?”
“มิต้องเพคะ” นางพิงต้นไม้ เดินออกไปไม่กี่ก้าว “พวกเรากลับไปกันเถิดเพคะ”
“อื้ม” หรงซิวเดินมาอุ้มนางไว้ในอ้อมกอดแล้วเดินกลับไปทางเดิมไม่นานนักก็มองเห็นกองไฟที่จุดอยู่ทั้งยังมีกระโจมที่กางเสร็จแล้วด้วย
ยาชิงเห็นพวกเขาเดินมาก็รีบกางเก้าอี้ให้หรงซิวและนางนั่งลง แล้วตนเองก็นั่งลงข้างๆ กาย เขาถอดรองเท้าของนางออกมาแล้วกุมเท้าเล็กๆ ของนางไว้
ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ อวิ๋นอี้รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย อยากจะดึงเท้าออกมาทันที ทว่าเขาไม่ยอมทั้งยังใช้มือกดไว้ เงยหน้าขึ้นมองนาง
“ข้าจะดูให้ อย่าขยับมาสิ อยู่นิ่งๆ หน่อย”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนฟังดูมีเสน่ห์ อวิ๋นอี้เม้มปากแล้วเลือกที่จะเชื่อฟังเขา
การเคลื่อนไหวของหรงซิวรวดเร็วมากหลังจากนวดสองสามครั้ง ทันใดนั้นก็ออกแรงเยอะขึ้นที่ข้อเท้ารู้สึกเจ็บแปล๊บนางร้องออกมาเบาๆ ยังไม่ทันที่จะได้ร้องเจ็บก็ถูกเสียงของเขาขัดไว้
“ดูสิว่าดีขึ้นหรือยัง?” เขากลับมานั่งตำแหน่งข้างๆ นาง
อวิ๋นอี้กัดริมฝีปาก โยกขาไปซ้ายทีขวาทีก็รู้สึกตะลึงมากที่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ความไม่สบายใจเปลี่ยนไปเป็ความชื่นชมแววตาที่เป็ประกายมองไปที่เขา
หรงซิวสบายใจก็เลียริมฝีปากยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ให้นาง พลันตั้งใจสวมรองเท้าเข้าไปให้นางใหม่อีกครั้งและหันไปย่างเนื้อ
หลังจากทานอิ่มหนำทุกคนก็พักผ่อน เมื่อฟ้ารุ่งอีกครั้งถึงได้เดินทางกันต่อ
อวิ๋นอี้กับหรงซิวอยู่ที่กระโจมเดียวกัน หลังจากที่ขึ้นเตียงไปอย่างเชื่อฟังแล้ว ออกมาอยู่ด้านนอกมิมีพิธีรีตองกระไรมาก เปลี่ยนเสื้อนอนแล้วนอนลงอยู่ข้างกัน
เมื่อนอนไปสักพักบุรุษหนุ่มที่อยู่ล่างกายนางก็ขยับ นางที่งัวเงียอยู่ก็ถูกเขาปลุกให้ตื่น “มีคนมา”
“หา?” อวิ๋นอี้ไม่เข้าใจมีคนมาก็มีคนมาสิ เมื่อกำลังจะเริ่มเอ่ยปากก็ได้เห็นใบหน้าจริงจังของเขา ถึงได้ตื่นขึ้นพลัน คำพูดที่อยากจะพูดติดอยู่ที่คอมิได้พูดออกไป
รีบสวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆ เดินออกไปกับเขา เมื่อเปิดกระโจมออกมาก็เห็นทหารรักษาการณ์ยืนล้อมกันอย่างหนาแน่น
ยาชิงเดินเข้ามาไม่กี่ก้าวพยักหน้ารายงาน “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ มีรถม้าผ่านมาในระยะประมาณสามร้อยเมตร ดูเหมือนจะเป็ผู้ดีมีตระกูล ผู้ติดตามไม่เกินประมาณยี่สิบคนพ่ะย่ะค่ะ”
“ระวังด้วย”
กลางดึกมีคนผ่านมาทำให้ทุกคนอดมิได้ที่จะร้อนรน
การเดินทางลงใต้ของหรงซิวครานี้เป็รับสั่งขององค์ฮ่องเต้ เป็การจัดการผลประโยชน์ของข้าราชการฝ่ายทางเจียงหนาน ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้ใดคิดปองร้ายเขาคิดจะลอบฆ่าเขาระหว่างทาง
มือของเหล่าทหารวางอยู่บนฝักดาบอย่างพร้อมเพรียงกัน หรงซิวปกป้องนางให้อยู่ด้านหลัง บรรยากาศเคร่งขรึมมิมีผู้ใดพูดกระไร มีเพียงลมเล็กๆ ที่พัดพาหญ้าให้โบกปลิวไปในบางครา
“ไม่ว่าจะเกิดกระไรขึ้นให้อยู่หลังข้าไว้นะ” หรงซิวหันหน้ามาสั่งนางด้วยเสียงเบา
อวิ๋นอี้ประหม่าจนหัวใจเต้นแรง นางกลืนน้ำลายลงแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง
เสียงของรถม้าใกล้เข้ามาจากไกลๆ เสียงกระดิ่งม้าดังชัดเจนในค่ำคืนที่เงียบสงบมืดสนิท
ในระยะทางห่างจากพวกเขาประมาณสิบกว่าเมตรอีกฝ่ายก็หยุดลง
คนบังคับรถเคาะประตูพูดเสียงเล็กกระไรบางอย่าง ไม่นานนักประตูรถก็เปิดออกคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งก็เดินออกมา
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุกหรี่ตามองไปทางหรงซิว “......”
หรงซิวก็ยิ่งหมดคำพูดไปมากกว่าในตอนที่มองเห็นซูเมี่ยวเออร์ เขาคิดแม้แต่อยากจะตาย
ไม่ต้องคิดเลย นางตามเขามาด้วยแน่ๆ
ยาชิงโบกมือให้ด้านหลังทหารที่ตั้งท่ารับมืออย่างเคร่งขรึมก็กลับมาเป็ปกติแยกย้ายกันไปทำเื่ของตนเอง
หรงซิวเอามือจับเอวอวิ๋นอี้ เตรียมจะพานางกลับกระโจม ในตอนนั้นเองเสียงของซูเมี่ยวเออร์ก็ดังขึ้นเสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามา “ท่านพี่ซิว! เป็ท่านพี่จริงๆ ด้วยนะเพคะ”
“......” อวิ๋นอี้กลอกตาขาวอย่างหมดคำพูดนักแสดงเริ่มแสดงแล้ว
หรงซิวพูดอื้มแล้วเดินต่อไป
ซูเมี่ยวเออร์ะโเข้ามาขวางทาง นางหน้าแดงแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่คิดเลยนะเพคะว่าข้าจะมีชะตาถูกกันกับท่านพี่ซิวเสียเช่นนี้ เมี่ยวเออร์เพียงแค่ออกมาเที่ยวเล่นก็ได้พบกับท่านพี่ซิวเข้า ข้าดีใจจริง! ใช่สิเพคะ!ท่านพี่ซิวท่านกำลังจะไปที่ใดหรือเพคะ? เมี่ยวเออร์มิมีกระไรทำอยากจะไปด้วยท่านจะว่ากระไรหรือไม่เพคะ?”
หรงซิวปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดพูดอย่างจริงจัง “ข้าออกมาครานี้เพราะมีเื่งานที่ต้องทำมิได้ออกมาเที่ยวเล่นเ้าอย่าได้ตามมา”
“เช่นนั้นท่านพี่ซิวจะไปที่ใดเล่าเพคะ? ไม่แน่เราอาจจะไปทางเดียวกันไปด้วยกันก็ได้นี่เพคะ!”
“มิใช่ทางเดียวกัน” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา
มุมปากของซูเมี่ยวเออร์กดลงตอบอ้อไปด้วยน้ำเสียงลำบากใจเพราะตัวเอง “ก็ได้เพคะ เช่นนั้นข้าพักที่นี่คงมิมีปัญหานะเพคะ! ถนนเส้นนี้มิได้เขียนชื่อท่านเสียหน่อยท่านพี่ซิวคงจะบังคับข้ามิได้หรอกนะเพคะ?”
หรงซิวก็อยากจะทำอยู่หรอก แต่ทำมิได้
เขามีสีหน้าไม่สู้ดี แล้วจับเอวอวิ๋นอี้แน่นขึ้น เดินกลับเข้าไปที่กระโจมโดยไม่สนใจจะหันกลับมาอีกเลย