เพราะนางคือบุตรสาวของอนุในสกุลเยว่ บิดาเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ กุมอำนาจทางทหารมากมายไว้ในมือ เป็ที่นับหน้าถือตาของเหล่าขุนนางกรมต่าง ๆ แม้แต่ฮองเต้และฮองเฮายังต้องเกรงใจแม่ทัพเยว่เฉาซื่อด้วยกันทั้งนั้น สกุลเยว่ทำงานรับใช้ราชสำนักมานานหลายชั่วอายุคน หากจะพูดถึงคุณงามความดีของสกุลเยว่แล้ว ว่ากันว่าอาจใช้เวลาเทียบเท่ากับการเขียนตำราขึ้นมาใหม่หนึ่งเล่ม ทว่าสายตาคนภายนอก เฝ้าสรรเสริญความดีงาม และความยิ่งใหญ่ของสกุลเยว่มากเท่าใด องค์ชายสามได้แต่ส่ายศีรษะ และไม่เคยเชื่อในความดีงามจอมปลอมเ่าั้ หลายครั้งที่ความเห็นต่างของเขา ทำให้เหล่าขุนนางขุ่นเคืองใจ แต่นั่น ไม่ได้ทำให้ชายสูงศักดิ์เช่นเขายอมอ่อนข้อให้ผู้ใดง่าย ๆ
เยว่หยางเซียว เป็ได้เพียงคุณหนูสาม ที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย ในสายตาทุกคน ด้วยเพราะมารดาตายั้แ่นางเกิดได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น นางเติบโตขึ้นด้วยการเลี้ยงดูของฮูหยินใหญ่แห่งสกุลเยว่ ผู้คนต่างกล่าวขานว่าเยว่หยางเซียว โชคดีที่เยว่ฮูหยินเมตตาเลี้ยงดูเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ทว่าผู้ใดจะล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้ว เยว่หยางเซียวต้องแลกกับการถูกทวงบุญคุณทุกเช้าค่ำ ภายใต้หน้ากากที่เสแสร้ง เยว่ฮูหยินสั่งให้นางทำงานบ้านไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับต่าง ๆ ไม่เคยมีเป็ของตัวเอง หากจำเป็ต้องใช้เพื่อตบตาผู้อื่น ว่าเลี้ยงดูหยางเซียวอย่างดี ก็จะหาให้ใส่เป็ครั้งคราวเท่านั้น ภายในจวน เยว่ฮูหยินมีอำนาจสูงสุด เยว่เฉาซื่อนำทัพออกคุ้มกันชายแดนครั้งละหลายเดือน ชีวิตความเป็อยู่ของหยางเซียวจึงเหมือนถูกกดขี่โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองก็ยกตนขึ้นข่ม ถือว่าตนมีฐานะสูงกว่าก็รังแกสารพัด
ในทุกวัน เยว่หยางเซียวเดินหมุนไปมาในจวน ไม่ต่างจากสาวใช้ หลังจากซักผ้าของพี่ใหญ่กับพี่รองเสร็จแล้ว ก็ต้องรีบเข้าครัวไปปรุงอาหาร ต้องออกไปจ่ายตลาด หาซื้อของใช้ให้กับคนในจวนเพื่อให้พวกนางพอใจ หลายครั้งก็ถูกตำหนิต่อว่าเมื่อทำไม่ถูกใจ บ่าวไพร่ในจวนก็แทบจะมองข้ามหัว ทำราวกับว่านางไม่ใช่คุณหนูสกุลเยว่
ทว่าหยางเซียวในตอนนั้น ใช้ความดี และความจริงใจเข้าแลก หวังว่าสักวันจะเป็ที่ยอมรับของคนในจวน แต่ไม่เป็เช่นนั้น วันที่ฮองเฮาทรงประชวรอย่างหนัก หมอหลวงทั่วทั้งวังต่างวิ่งวุ่นพยายามหาทางรักษา กลับไม่เป็ผล
เยว่หยางเซียว ออกไปหาซื้อสมุนไพรต่าง ๆ มา แล้วหมกตัวอยู่ในห้อง คิดหาวิธีรักษาฮองเฮา สามวันสามคืนไม่ออกไปไหน เพื่อนำสรรพคุณยาสมุนไพรต่าง ๆ มาผสมกันปั้นเป็ก้อนได้จำนวนหนึ่ง แล้วรีบนำไปให้ เยว่จางเหม่ย ในทันที
“พี่ใหญ่ ข้าปรุงยานี้ขึ้นมา อยากให้ท่านนำเข้าวังหลวง เพื่อถวายแก่ฮองเฮา ข้าเชื่อว่าอาการประชวรจะต้องดีขึ้นเป็แน่” สายตาใสซื่อของหยางเซียวในตอนนั้น มีเพียงความหวังดีมอบให้ทุกคน ก่อนเยว่จางเหม่ยจะหยิบยาขึ้นพิจารณา ภายใต้เรือนร่างอันงดงาม ที่เฝ้าถนอมฟูมฟักให้ผิวพรรณผุดผ่อง นางอาบน้ำว่านวันละสองหน รวมถึงกินอาหารชนิดต่าง ๆ บำรุงให้รูปร่างเรียวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม ผู้ใดพบเห็นเป็อันต้องเหลียวมอง เยว่จางเหม่ยเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แล้ววางขวดยาของหยางเซียวลง พลันหันไปจิบน้ำแกงที่ทำจากรกแกะ โชยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมาจนหยางเซียวต้องเบือนหน้าหนี ก่อนอีกฝ่ายจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เ้าเป็ใคร? ถึงคิดว่ายาของเ้าจะช่วยฮองเฮาได้ หมอหลวงทั้งวังหลวงยังทำไม่ได้ แล้วคนโง่เขลาเช่นเ้าจะช่วยพระองค์ได้ยังไง” หยางเซียวก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยความมุ่งมั่น
“แต่ข้ามั่นใจ ว่ายานี้ต้องช่วยฮองเฮาได้เป็แน่ ตอนที่ฮูหยินป่วยหนัก ก็เป็ยาของข้าไม่ใช่เหรอ ที่ช่วยไว้” หยางเซียวให้เหตุผลด้วยความใสซื่อ ก่อนเยว่หลิวเหมยที่ยืนอยู่ฟังอยู่นานแล้ว จะเดินเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น
“ท่านพี่ ที่นางพูดก็มีเหตุผล ตอนนั้นท่านแม่ป่วยหนัก กินยาจากหมอหลวงตั้งหลายวันก็ไม่หาย แต่พอได้ยาจากน้องสามแค่เม็ดเดียวอาการก็ดีขึ้น”
“เ้าก็อีกคน! เหตุใดต้องยกย่องนาง!” จางเหม่ยหันมายังน้องสาวคนรอง แล้ววางถ้วยน้ำแกงลงอย่างไม่พอใจ ทว่าหลิวเหมยยิ้มบางเบาออกมาอย่างไม่เกรงกลัว พลันพูดต่อด้วยกิริยาราบเรียบ
“หากฮองเฮาทรงหายประชวรเพราะยาของน้องสาม สกุลเยว่ของเรา จะได้รับความดีความชอบ ชื่อเสียงที่เคยสะสมไว้ก็จะถูกกล่าวขานยิ่งขึ้นไปอีก ย่อมเป็ผลดีต่อสกุลของเรานะเ้าคะ” หลิวเหมยทำท่าจะเอื้อมไปหยิบขวดยาที่วางอยู่ ก่อนถูกเยว่จางเหม่ยหยิบตัดหน้าไปก่อน
“เช่นนั้น ข้าจะนำยานี้ไปถวายให้กับฮองเฮา”
“ให้ฮองเฮาเสวยยานี้วันละสามครั้ง หนึ่งอาทิตย์พระอาการก็จะดีขึ้น” หยางเซียวอธิบายช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หากฮองเฮากินยานี้แล้วพระอาการไม่ดีขึ้น ทว่าแย่ลง เ้าต้องรับผิดชอบ” หยางเซียวเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ แล้วตอบกลับ
“ข้ายินดีรับผิดชอบทุกอย่างเ้าค่ะ” ว่าแล้วหยางเซียวก็เบี่ยงตัวเดินกลับออกไป ก่อนสายตาของเยว่หลิวเหมยจะเลื่อนมองพี่ใหญ่โดยไม่พูดอะไรออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้