บางครั้งมิตรภาพระหว่างสตรีก็เรียบง่ายเช่นนี้เอง
เมื่อมีหัวข้องานอดิเรกร่วมกัน ก็สามารถขยายไปสู่การสนทนาแลกเปลี่ยนที่ยาวนานขึ้น
บนโต๊ะเตี้ยในรถม้า และรอบตัวของสตรีทั้งสอง เต็มไปด้วยกระเป๋าสีสันสดใส
"ท่านดูกระเป๋าเงินสีส้มใบนี้ ถือในมือก็ได้ หรือจะเปลี่ยนไปใส่สายสะพายไหล่ก็ได้ ล้วนแต่น่ามอง หากรู้สึกว่าเรียบเกินไป สามารถปักลวดลายอันวิจิตรประณีต หรือติดเครื่องประดับลงไป ยกตัวอย่างเช่น เชือกถักลายเงื่อนเหรียญคู่ หรือเงื่อนมงคล
เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วกระเป๋าเล็กสีส้มให้ดูเป็ตัวอย่าง
ดวงตาของท่านหญิงหย่งเจียสว่างวาบ กระเป๋าใบนี้สีสันสดใส รูปแบบก็ประณีตงดงาม ยามถือในมือก็ไม่เกะกะระคายตา ตรงข้ามกลับดูน่ารัก ถ้าเพิ่มจี้หยกหรือพู่ประดับก็จะยิ่งงดงาม
เซวียเสี่ยวหรั่นส่งกระเป๋าให้นาง ก่อนหิ้วกระเป๋าสายคู่สะพายหลังสีต้นหอมอ่อน [1] ขึ้นมา
"ท่านดูกระเป๋าสะพายหลังใบนี้สิ สามารถสะพายหลังไปปีนเขาหรือท่องเที่ยว ข้างในบรรจุของได้ไม่น้อย ปากกระเป๋าเปิดได้ ตรงนี้มีลูกดุมไม้ ลูกดุมไม้เหล่านี้ล้วนเป็ฝีมือพี่เจ็ดของเ้าช่วยเหลาทั้งนั้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นอมยิ้ม
ใช้งานองค์ชายผู้มีวรยุทธ์สูงส่งช่วยเหลากระดุมไม้ นึกๆ ดูแล้วก็น่าขันยิ่งนัก
องค์หญิงหย่งเจียพลันสะดุดใจ ยามสตรีฝั่งตรงข้ามเอ่ยถึงพี่เจ็ด ดวงตาโค้งเป็รูปจันทร์เสี้ยว มุมปากประดับรอยยิ้มสดใส ดวงหน้าพริ้มเพราแลดูอ่อนหวานจับใจขึ้นอีกหลายส่วน
พี่เจ็ดบอกว่าครึ่งปีก่อนนางช่วยชีวิตเขาไว้ในป่า หลังจากนั้นก็ช่วยดูแลเขามาโดยตลอดขณะร่างกายต้องพิษ
นางน่าจะมีใจให้พี่เจ็ดอยู่กระมัง
พี่เจ็ดเป็บุรุษหล่อเหลา ทะนงองอาจสมชายชาตรี จะมีสตรีสักกี่คนที่ต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
ถ้าเซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเสียงในใจของนางก็คงกระอักเืไปแล้ว
ครั้งแรกที่เจอเหลียนเซวียน เธอใจนเกือบฉี่ราด ใบหน้าของเขามีแต่าแน่ากลัว หนวดเครารกรุงรัง ปากพูดไม่ได้ ดวงตาก็มองไม่เห็น เขาในตอนนั้นไหนเลยจะมีความสง่างามดังว่า
แต่หลังจากถอนพิษแล้วหนึ่งเดือน แผลเป็บนใบหน้าก็หายสนิท เคราก็ตัดให้สั้นลง มองดูแล้วค่อยเจริญตาขึ้นมาก
"นี่คือกระเป๋าสะพายข้าง แบบเดียวกับที่ข้าพกติดตัวเสมอ ข้างในใส่ของได้ไม่น้อย ยามออกจากบ้านค่อนข้างสะดวกมาก"
เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยๆ แนะนำให้นางรู้จักทีละอย่าง
ในที่สุด ท่านหญิงหย่งเจียก็ต้องตากระเป๋าใบเล็กสองใบ ล้วนแต่เป็กระเป๋าถือขนาดเหมาะมือ
เซวียเสี่ยวหรั่นก็เข้าใจเหตุผล สตรีสูงศักดิ์และเป็เชื้อพระวงศ์เช่นนาง ไปที่ไหนล้วนมีสาวใช้และหมัวมัวตามไปเป็กลุ่มใหญ่ ไหนเลยจะใช้กระเป๋าสะพายหลัง อีกอย่างไม่ว่ากระเป๋าสะพายหลังก็สะพายข้างล้วนแต่กดทับเสื้อผ้า มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์
เซวียเสี่ยวหรั่นมอบกระเป๋าสองใบให้นางอย่างใจกว้าง
ทั้งสองคุยกันเื่กระเป๋าตลอด่เช้า
จนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวัน ท่านหญิงหย่งเจียถึงลงจากรถม้าของนาง
ผลก็คือ มื้อเที่ยงสีหน้าของผูหยางชิงหลันบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
ท่านหญิงหย่งเจียเห็นเขาทำหน้าง้ำก็ขบขันในใจ นางรู้จักกับเขามาั้แ่เด็ก จะไม่เข้าใจเขาได้อย่างไร
ก็เพราะเข้าใจนางถึงได้ทำเช่นนี้
เซวียเสี่ยวหรั่นอาจมีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจ ดังนั้นเขาจึงมักไปสนทนาด้วยยามว่าง
ด้วยความเร็วของขบวนรถ ถ้าจะไปถึงเมืองหลวงอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาห้าหกวัน หากนางเกาะติดเซวียเสี่ยวหรั่นแจทุกวัน ไม่เชื่อว่าเขาจะอดกลั้นได้
ท่านหญิงหย่งเจียหลุบตาลง ซ่อนแววยิ้มมีเลศนัยเอาไว้ เตรียมหาข้ออ้างอันสมควรสำหรับไปหา่บ่ายเอาไว้แล้ว
เมื่อเขาอยากหลบเลี่ยงนางดีนัก เช่นนั้นก็ต้องขออภัยด้วย
ยามเซวียเสี่ยวหรั่นเห็นท่านหญิงหย่งเจียยกชายกระโปรงขึ้นรถม้า หางตาพลันกระตุกอย่างมิอาจควบคุม
ทำไมมาอีกแล้วล่ะ เดิมทีคิดว่าจะนอนกลางวันในรถม้าสักหน่อย
"คุณหนูเซวีย เมื่อเช้าเ้ามีน้ำใจมอบกระเป๋าให้ นี่คือของของขวัญตอบแทน หวังว่าเ้าจะชอบนะ" ท่านหญิงหย่งเจียรับกล่องไม้สีแดงแกะสลักลวดลายปิดทองคำใบหนึ่งมาจากหงโฉว วางลงบนโต๊ะเตี้ย
พอเปิดออก ในนั้นเต็มไปด้วยปิ่นดอกไม้หลากชนิด สีสันสดใส งดงามละลานตา
ทั้งทำมาจากผ้าไหม ผ้าแพร ผ้าต่วน มีทั้งผ้าโปร่งบางเบา และผ้าแพรเนื้อหนา เป็งานประณีตแลดูคล้ายของจริง
เหตุใดคนที่นี่ถึงนิยมมอบดอกไม้กันนะ? เซวียเสี่ยวหรั่นมองปิ่นดอกไม้หลากชนิดสีสันสดใสตรงหน้า ก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวอย่างไร
"ล้วนเป็ปิ่นดอกไม้ที่ฝ่ายในส่งมาให้ปีนี้ มอบให้คุณหนูเซวียเอาไว้ติดเล่น หรือถ้าไม่ชอบจะให้สาวใช้เป็รางวัลก็ได้"
ท่านหญิงหย่งเจียกล่าวด้วยรอยยิ้ม สำนักฝ่ายในจะส่งเครื่องประดับมาให้จวนองค์หญิงใหญ่ทุกปี มารดาไม่สวมเครื่องประดับเหล่านี้ นางเองก็ไม่ชอบปิ่นดอกไม้สีสดเช่นนี้ ดังนั้นจึงมักนำของเหล่านี้มอบให้ผู้อื่น ไม่ก็ประทานเป็รางวัลแก่บ่าวไพร่
เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือบมองปิ่นทองผีเสื้อคู่งามประณีต ผีเสื้อปีกบางราวกับปีกจักจั่นขยับไหวน้อยๆ ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาปานจะโบยบินไป
ติ่งหูของนางสวมต่างหูผีเสื้อแบบเดียวกัน แสงตะวันสีทองสาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ทาบไล้ลงมาบนตัวนางเป็ระยะ เห็นเป็แสงสีทองส่องประกายอยู่รอบตัว
มิเสียแรงที่เป็จวิ้นจู่แห่งราชวงศ์ เครื่องประดับทุกชิ้นที่สวมใส่ล้วนแต่ไม่ธรรมดา
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเบาๆ กล่าวขอบคุณและรับมาวางไว้ด้านข้าง
ของเหล่านี้สำหรับท่านหญิงผู้หนึ่งแล้ว เป็เพียงของสวมใส่เล่นที่แสนจะธรรมดา หากตนเองจุกจิกเกินงาม ปฏิเสธไป กลับกลายเป็การแสดงความใจแคบ
ท่านหญิงหย่งเจียเห็นเช่นนั้น สายตาก็ผุดแววชื่นชม ไม่เย่อหยิ่ง มิใจร้อน ไม่แข็งข้อ หรือทำตัวต่ำต้อยเกินไป นี่คือแม่นางที่รู้จักว่าอะไรควรไม่ควร
พี่เจ็ดสายตาไม่เลวจริงๆ
เมื่อหมดโอกาสได้นอนเกียจคร้าน เซวียเสี่ยวหรั่นก็หยิบกระดาษเซวียนจื่อออกมากาง ค้นดินสอถ่านออกมาถือ แล้วค่อยๆ วาดแบบกระเป๋าใหม่อย่างใจเย็น
ท่านหญิงหย่งเจียมองอย่างละเอียด "ดินสอต้องจับแบบนี้เองหรือ"
ท่านหญิงหย่งเจียฝึกเขียนอักษรมาั้แ่เล็ก เห็นแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเท่าไร
"อื้อ จะจับดินสอแบบเดียวกับจับพู่กันไม่ได้ มิเช่นนั้นก็จะเขียนออกมาไม่สวย" เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้ม "จวิ้นจู่ลองดูได้"
พูดจบ ก็ส่งดินสอถ่านให้แก่นาง แล้วหยิบกระดาษเซวียนจื่อสีขาวแผ่นใหม่ออกมา
ท่านหญิงหย่งเจียรู้สึกสนุก ลองจับแบบเดียวกับจับพู่กันแล้วเขียนอักษรสองสามตัว รู้สึกไม่คล่องมือจริงๆ แต่พอเลียนแบบท่าจับดินสอของเซวียเสี่ยวหรั่นแล้วเขียนใหม่อีกสองสามตัว ก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชิน
เซวียเสี่ยวหรั่นเอามือลูบคาง มองดูความพยายามของนางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แล้วคอยช่วยแก้ไขท่าทางให้ถูกต้องเป็พักๆ
มองอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบสมุดคัดอักษรของตนเองออกมา แล้วเริ่มฝึกเขียนอักษรของวันนี้
ขณะเขียนอักษรอย่างจริงจัง ก็เห็นท่านหญิงหย่งเจียเบิกตากว้างมองตนเองเขียนอักษร
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นนางทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ มุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย
ต้องตกตะลึงขนาดนี้เชียว? ่นี้เธอก็รู้สึกว่าตนเองเองก้าวหน้าไปมากแล้ว
"แฮ่ม เมื่อก่อนข้าใช้แต่ดินสอถ่านเขียนอักษร ไม่ค่อยได้ฝึกใช้พู่กัน ดังนั้นจึงเขียนได้ไม่งามนัก" เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก อธิบายอย่างจนปัญญา
หลังจากนั้นก็หยิบดินสอถ่านมาเขียนอักษรตรงที่ว่าง
เธอถนัดใช้ดินสอ ดังนั้นอักษรที่เขียนออกมาถึงพอดูได้
ท่านหญิงหย่งเจียเอามาเปรียบเทียบกันยังชมว่าไม่เลว
ว่าแต่มีคนใช้ดินสอถ่านประหลาดเช่นนี้เขียนอักษรแทนพู่กันด้วยหรือ?
ท่านหญิงหย่งเจียมองเซวียเสี่ยวหรั่น ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง และประหลาดใจ
...
[1] สีต้นหอมอ่อนคือสีเขียวอมฟ้า
