“ปัง!” การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกันตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น พร้อมกับมีคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ แต่ด้วยการโจมตีนี้ เย่เฟิงถึงกับเซถอยหลัง เืไหลออกมุมปาก สำหรับเย่เฟิงในเวลานี้การโจมตีฉับพลันของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่มีภัยคุกคามต่อเขาเป็อย่างมาก
“ตาย!” แต่ดูเหมือนคนนั้นไม่คิดจะปล่อยเย่เฟิงไปง่าย ๆ เขากระทืบพื้นเต็มแรงพร้อมกับะเิพลังอันน่าสะพรึงกลัว รังสีหมัดกลายเป็ลำแสงทำลายล้างที่พุ่งเข้าหาเย่เฟิง ทุกที่ที่มันผ่านล้วนต้องพินาศ
ขณะนั้นเก้าวัชรหุนหยวนโคจรภายในกายของเย่เฟิง ปลดปล่อยพลังหุนหยวน วาดฝ่ามือภูผาพิฆาตโจมตี ก่อนการโจมตีทั้งสองจะเข้าปะทะกัน แต่ด้วยขั้นพลังที่ห่างกันมาก เขาเย่เฟิงจึงถูกซัดกระเด็นจนอวัยวะภายในสั่นคลอนพร้อมกับกระอักเื
“เ้าคนไร้ค่า ยังไม่ตายอีกหรือ!” อีกฝ่ายโมโหมากที่เห็นเย่เฟิงไม่เป็อะไรจากการโจมตีเมื่อครู่นี้ เขาคิดจะโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง แต่กลับมีเสียงเย็นเยือกดังขึ้นที่ข้างหลัง
“พอได้แล้ว!” นั่นเป็เสียงของหญิงสาวที่เปี่ยมด้วยความเย็นะเื
เมื่อคนนั้นได้ยินเสียงนี้ตัวต้องแข็งทื่ออย่างฉับพลัน และเผยสีหน้าไม่เต็มใจ จากนั้นเห็นหญิงสาวเดินมาทางนี้แล้วเหลือบมองคนนั้นด้วยสายตาเย็นเยือก “ผู้บัญชาการมู่มาทำอะไรที่นี่?”
คนนั้นปรายตามองเย่เฟิงแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับหญิงสาวว่า “คุณหนูเป็ธิดาผู้สูงศักดิ์ มิใช่คนชั้นต่ำเช่นเขาจะมาอยู่ใกล้ ๆ ได้ ข้าจึงลงมือเพื่อเป็การตักเตือน”
“เขาคือสหายข้า แล้วเหตุใดผู้บัญชาการมู่ถึงไม่ขอความเห็นจากข้าก่อน?” น้ำเสียงของหญิงสาวเย็นเยือกขึ้นเรื่อย ๆ ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเฉกเช่นก่อนหน้านี้ แต่แฝงด้วยความเกรงขาม
“ข้ามิบังอาจ!” คนนั้นเห็นหญิงสาวมีน้ำโห จึงรีบโค้งตัวอย่างร้อนรน
“ต่อไปท่านอย่ามายุ่งเื่ของข้าอีก” หญิงสาวกล่าว จากนั้นเดินมาหาเย่เฟิง พร้อมส่งผ้าเช็ดหน้าให้เย่เฟิง “ตั๋วมิ่ง เ้าเป็ไรหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็ไร” เย่เฟิงพยักหน้าให้หญิงสาว การกระทำของอีกฝ่ายทำให้เย่เฟิงมองอีกฝ่ายในแง่ดีมากขึ้น ฐานะไม่ธรรมดา แต่กลับไร้ซึ่งความยโสโอหัง ผู้หญิงเช่นนี้ เชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนชอบนิสัยเช่นนี้
เมื่อคนนั้นเห็นฉากนี้พลันแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา และมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต
“ไม่เป็ไรก็ดี ข้าไปก่อนละ ถ้าอยากแลกเปลี่ยนวิชากับข้า ก็ไปหาข้าที่สำนักศึกษาเสินเจียงพร้อมผ้าเช็ดหน้านี้ได้ทุกเมื่อ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไร้ซึ่งความเ็าที่ทำกับคนนั้นเมื่อครู่นี้ เมื่อพูดจบ นางก็หมุนตัวเดินจากไป โดยไม่สนใจผู้บัญชาการมู่ผู้นั้นอีก
“ครั้งนี้ถือว่าเ้าดวงดี แต่หากมีครั้งต่อไปเ้าไม่รอดแน่!” ผู้บัญชาการมู่เตือนเย่เฟิง ก่อนจะตามหญิงสาวผู้นั้นไป
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเย็นเยือก เขารับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการมู่ หากเขาในตอนนี้้าสู้กับอีกฝ่าย คงต้องเผยไพ่ตายทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นเย่เฟิงก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสู้กับอีกฝ่ายได้หรือไม่
ขั้นพลังที่ห่างถึงสี่ระดับเป็ช่องว่างที่ไม่ต่างจากแม่น้ำ พลังของผู้บัญชาการมู่คนนี้แกร่งกล้ากว่าหญิงสาวผู้นั้นมาก ถือได้ว่าเป็บุคคลอันตราย ที่สำคัญกว่านั้นคือกลิ่นอายของผู้บัญชาการมู่ทำให้เย่เฟิงรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนกับว่าทั้งสองเคยประมือมาก่อนหน้านี้
“หรือจะเป็เขา?” เย่เฟิงพลันนึกถึงคนผู้หนึ่ง คนนั้นคือมู่เยียนที่ปรากฏตัวในงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ผู้บัญชาการมู่คนนั้นไม่ว่าจะเป็ท่วงท่าหรือพลังที่สำแดงก็ล้วนคล้ายคลึงกับมู่เยี่ยน อีกอย่างทั้งสองยังมีแซ่เดียวกัน ความเชื่อมโยงทั้งหมดนี้ทำให้เย่เฟิงนึกถึงคนผู้นี้
“ถ้าคนคนนี้คือมู่เยี่ยน เช่นนั้นหญิงผู้นั้นเป็ใคร? ถึงกับทำให้มู่เยี่ยนเคารพนางได้ คาดว่าต้องมีฐานะไม่ธรรมดา และฐานะนี้อาจจะสูงกว่าที่ข้าคาดเดา” เย่เฟิงคิดในใจ หลังจากตรึกตรอง เขากล้าแน่ใจว่าคนนั้นก็คือมู่เยี่ยน แล้วหญิงสาวผู้นั้นกับมู่เยี่ยนมาจากสำนักศึกษาเสินเจียงเหมือนกัน แต่กลับทำให้มู่เยี่ยนทำตัวถ่อมตนและเคารพนับถือได้
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เย่เฟิงตระหนักถึงความโหดร้ายของโลกใบนี้ได้มากยิ่งขึ้น มู่เยี่ยนอาศัยขั้นพลังที่แข็งแกร่งก็สามารถเตือนเย่เฟิง ไม่แน่อาจจะฆ่าเย่เฟิงได้เลย ดังนั้นหาก้าให้ตัวเองมีอำนาจในโลกใบนี้และไม่ถูกใครข่มเหงรังแก จำต้องยกระดับพลังให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
บัดนี้ แม้เย่เฟิงจะคว้าอันดับหนึ่งของงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมาได้ แต่เมื่อเทียบกับทั่วทั้งเมืองหลวง พลังของเย่เฟิงยังถือว่าอ่อนด้อย กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่สามารถคุกคามถึงชีวิตของเขาได้ หาก้าให้ตัวเองอยู่ในโลกโหดร้ายนี้ได้อย่างปลอดภัย เขาต้องยกระดับพลังโดยเร็วที่สุด
ไม่นานเย่เฟิงเสร็จสิ้นภารกิจในค่ายกลมายา ก็กลับที่พักของตน แล้วเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง ตอนนี้เขาไม่ขาดทักษะการโจมตีและการป้องกัน เพียงแต่เคล็ดวิชาท่าร่างอย่างย่างก้าวดาวตกผีเสื้อยังมีระดับต่ำต้อยจนไม่สามารถตามระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงทันแล้ว ดังนั้นเย่เฟิงจึงใช้เวลา่นี้ฝึกเคล็ดวิชาท่าร่างเป็หลัก แสงดาวเรืองรองทั่วร่าง ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง พลังดาราราวกับเป็ริบบิ้นสีขาว แล้วลอดตัวผ่านหน้าต่างมาเยือนร่างเย่เฟิง
แผนที่ดาวขนาดใหญ่พลันปรากฏ ก่อนจะเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง พร้อมอักขระโคจรอยู่บนนั้น ด้วยการชำระล้างจากพลังดารา ระดับของเคล็ดวิชาย่างก้าวดาวตกผีเสื้อจึงก้าวหน้าไปมาก ซึ่งเย่เฟิงบ่มเพาะพลังติดต่อกันสามวันโดยไม่หยุดพัก จนในที่สุดเคล็ดวิชาย่างก้าวดาวตกผีเสื้อก็บรรลุระดับสาม เขาจึงเดินออกจากห้อง แต่มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ที่นอกลานบ้าน เมื่อเย่เฟิงมองไปก็พบว่าเป็คนแปลกหน้า จึงเอ่ยถามว่า “มาหาข้ามีธุระอันใด?”
“มีคนไหว้วานข้ามาส่งเทียบเชิญให้กับใต้เท้า” คนนั้นกล่าว จากนั้นคนนั้นเดินเข้ามาแล้วส่งจดหมายให้เย่เฟิง ก่อนจะเดินออกไป เมื่อเย่เฟิงอ่านเทียบเชิญก็พบว่าคนที่ส่งจดหมายมาให้เขาเป็ลุงสามมู่เทียนฉี ในนั้นเขียนว่า มู่เทียนฉีกลับมาถึงเมืองหลวง จึงเชิญเขาไปที่ค่ายทัพทหารม้าในเมืองหลวง
ลุงสามเรียกหา ย่อมต้องมีเื่ปรึกษา เย่เฟิงจึงออกจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา
บัดนี้ฐานะของเย่เฟิงไม่ธรรมดา มีศัตรูรอบตัว เชื่อว่ามีหลายคนที่จับตามองเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงสวมงอบอำพรางใบหน้าออกจากสำนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองยังถูกจับตามองอยู่ดี มีพลังหลายสายตรึงร่างเขาและตามเขามาติด ๆ
“หยุดนะ!” เย่เฟิงหยุดชะงักกลางถนน เพราะข้างหน้ามีหลายเงาร่างขวางทางเขาอยู่ พร้อมกับมีไอสังหารแผ่ออกจากร่าง
“พวกเ้าคิดจะทำอะไร?” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง เหล่าคนที่ขวางทางมีทั้งหมดหกคนและอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 พวกเขาถือมีดยาวพร้อมเปล่งแสงเย็นเยือก ทั้งหกคนต่างมีกลิ่นอายกระหายเืแผ่ออกจากร่าง ซึ่งพวกเขาเข่นฆ่าคนเป็อาชีพ โชกโชนไปด้วยประสบการณ์
“มีคนจ่ายเงินเพื่อซื้อชีวิตเ้าโดยไหว้วานพวกข้าหกคน วันนี้เ้าต้องตาย” ผู้ฝึกยุทธ์หนึ่งในนั้นกล่าว จากนั้นพวกเขาหกคนเข้าปิดล้อมเย่เฟิงด้วยความรวดเร็ว
“ถ้างั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเ้ามีความสามารถพอหรือไม่!” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง คนเหล่านี้มาเพื่อฆ่าเขา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 หกคนลงมือจัดการเขาที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 ไม่ว่ามองอย่างไรเย่เฟิงก็ต้องตาย
“ลูกพี่ เ้าหมอนี่น่าจะอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5” หนึ่งในนั้นกล่าวกับหัวหน้า ซึ่งตามที่นายจ้างไหว้วานพวกเขา เย่เฟิงอยู่แค่ขั้นรวมชี่ที่ 4
“ขั้นรวมชี่ที่ 5 แล้วอย่างไร เขาก็ต้องตายอยู่ดี!” ผู้เป็หัวหน้าคนนั้นกวาดตามองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน
“ฆ่า!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว จากนั้นทั้งหกคนกระหน่ำโจมตีเย่เฟิง ส่วนเย่เฟิงปลดปล่อยพลังปราณ พร้อมหอกัเงินประกายที่เรืองรองแสงปรากฏในมือ
กองกำลังเ่าั้ที่้าฆ่าเขายังคงคิดว่าพลังของเขายังหยุดแค่งานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่หารู้ไม่ว่าพลังของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ทะลวงขั้นพลัง แต่ยังฝึกเคล็ดวิชาเก้าวัชรหุนหยวน พัฒนาความสามารถของตนในค่ายกลมายา และย่างก้าวดาวตกผีเสื้อยังบรรลุระดับสามอีกด้วย
ความสามารถต่าง ๆ ถูกยกระดับ หากให้เย่เฟิงในเวลานี้สู้กับตู๋กูหลง คงไม่เสียพลังงานไปมากเหมือนคราวที่แล้ว ซ้ำยังสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ง่ายดาย ดังนั้นแม้จะถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 หกปิดล้อม เย่เฟิงก็ไร้ซึ่งความหวาดหวั่นใด ๆ
พลังเคล็ดวิชามากมายมาเยือนเย่เฟิง แต่เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหลีกการโจมตีเ่าั้
“วูบ!” พลันรังสีหอกถูกแทงออกไป ก่อนจะทะลวงลำคอของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่ยังสำแดงพลังไม่เต็มที่ ร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกระเด็นออกไปพร้อมตาเบิกโพลงด้วยความเหลือเชื่อ เขาไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาตายในน้ำมือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5
อีกห้าคนเห็นฉากนี้ต่างต้องตะลึงงัน พวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของคนที่ตายไป ซึ่งเป็คนที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 ทั่วไปจะต่อกรไม่ได้ง่าย ๆ แต่บัดนี้กลับตายในน้ำมือของเย่เฟิง มันเป็เื่บังเอิญหรือเย่เฟิงมีพลังที่สามารถฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 ได้จริง ๆ ?
“ฆ่าสหายข้า เ้าไม่ได้ตายดีแน่!” เสียงเย็นเยือกดังกังวานก่อนจะมีพลังสองสายจู่โจมมาหมายปลิดชีวิตเย่เฟิง
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะแทงหอกออกไป พลันรังสีหอกกลายเป็ลำแสงทำลายล้างที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง
ลำแสงหอกนั้นได้ทำลายการโจมตีของหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ ก่อนจะแทงหน้าอกของเขาจนเืพุ่งกระฉูด เป็อีกหนึ่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 ที่ร่วงโรย!
