“ได้โปรดเย่เฟิง ถ้าจะตำหนิก็ตำหนิข้าเถอะ!” หนานกงหลิงซวงยังคงอ้อนวอน ในเมื่อนางเลือกเฉินอ้าวเทียน ก็ไม่อาจหันหลังกลับไปได้อีก ดังนั้นนางจะต้องปกป้องเฉินอ้าวเทียนให้ปลอดภัย
“เ้าไม่คู่ควร อีกอย่างเฉินอ้าวเทียนจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปก่อนหน้านี้!” เย่เฟิงกล่าวอย่างเ็า ทันใดนั้นเขาวาดฝ่ามือโจมตีไปที่จุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ของเฉินอ้าวเทียน พลังโจมตีที่รุนแรงแผ่ขยายไปทั่วร่างของเฉินอ้าวเทียนจนสั่นสะท้าน ในดวงตาเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังสุดขีด การบ่มเพาะของเขาถูกทำลายแล้ว!
“เมื่อก่อนเ้าชอบเรียกข้าว่าสวะ งั้นตอนนี้ข้าจะให้เ้าได้ลิ้มรสชาติของการเป็สวะบ้าง! ไปซะ!”
เย่เฟิงพูดอย่างเฉยชา ขณะปรายตามองมาด้วยแววตาที่น่ากลัว เมื่อกล่าวจบประโยค ร่างของเฉินอ้าวเทียนก็ถูกเตะตกเวทีไปอย่างรุนแรง
“เ้าหมอนี่กล้าทำลายการบ่มเพาะของเฉินอ้าวเทียน! ทั้ง ๆ ที่มีคนตระกูลเฉินอยู่ที่นี่ตั้งมากมาย แต่เย่เฟิงผู้นี้กลับไม่มีท่าทีกังวลใด ๆ นี่มันไม่หยิ่งผยองเกินไปหน่อยหรือ!” ฝูงชนจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
แน่นอนว่าผู้าุโฉินที่รับชมอยู่บนอัฒจันทร์หลัก ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อยและลอบสบถในใจว่า “เ้าเด็กนี่บ้าไปแล้วจริง ๆ!”
“อ้าวเทียน!”
เฉินเซี่ยงเทียนเป็คนแรกที่ได้สติ เขาะโขึ้นไปบนเวทีและรับร่างของเฉินอ้าวเทียน ก่อนจะหันมามองเย่เฟิงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
“ไอ้สารเลว เ้ากล้าทำลายการบ่มเพาะนายน้อยตระกูลเฉิน วันนี้เ้าต้องตาย!” ผู้าุโตระกูลเฉินคนหนึ่งปลดปล่อยลมปราณออกมา เขาทะยานร่างขึ้นไปในอากาศ แล้วพุ่งไปโจมตีเย่เฟิงบนเวที
“ฟุ่บ ๆ!”
ทันใดนั้นมีสองเสียงที่มาจากต่างทิศทางกันดังขึ้นในอากาศ เป็ผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนสองคน ที่มาขวางทางผู้าุโตระกูลเฉิน “งานประลองสำนักยุทธ์อนุญาตให้คนนอกแทรกแซงได้หรือ? ความแค้นของพวกเ้าให้ไปจัดการกันเองที่นอกสำนักยุทธ์ แล้วพวกข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะไม่ขัดขวาง!”
เมื่อได้ยินผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนทั้งสองคนกล่าว สีหน้าผู้าุโตระกูลเฉินคนนั้นก็ดูไม่ได้ขึ้นมา เขาปรายตามองเย่เฟิงอย่างเ็าก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม
ในฐานะสำนักยุทธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหลวง สำนักยุทธ์เทียนเสวียนย่อมไม่อนุญาตให้กองกำลังอื่นมาก่อความวุ่นวายในงานประลองสำนักยุทธ์
ซึ่งทุกคนล้วนเข้าใจดี สำนักยุทธ์เทียนเสวียนไม่มีเจตนาที่จะปกป้องเย่เฟิงอยู่แล้ว หากตระกูลเฉินอยากจะลงมือกับเย่เฟิง ก็ไปจัดการที่นอกสำนักยุทธ์ นี่หมายความว่าเย่เฟิงยังคงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เว้นแต่ว่าจะซ่อนตัวอยู่ที่สำนักยุทธ์ไปตลอดชีวิต มิฉะนั้นตระกูลเฉินจะต้องหาวิธีฆ่าเขาอย่างแน่นอน
คนตระกูลเฉินทุกคนต่างจ้องมองเย่เฟิงด้วยแววตาที่เ็าพร้อมจิตสังหาร แค้นนี้หากไม่ชำระ พวกเขาตระกูลเฉินคงไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ในเมืองหลวง
อวิ๋นเจี๋ยเอาชนะนี่จ้านเทียน เฉินอ้าวเทียนถูกเย่เฟิงทำลายการบ่มเพาะ ผลการต่อสู้ทั้งสองสนามนี้อยู่เหนือความคาดหมายเป็อย่างมาก เดิมทีทุกคนล้วนคิดว่านี่จ้านเทียนและเฉินอ้าวเทียนน่าจะติดสามอันดับแรก แต่บัดนี้กลับถูกเตะลงมาเป็ที่เรียบร้อย ฉะนั้นสามอันดับแรกก็ได้แก่ “ตู๋กูหลง อวิ๋นเจี๋ย เย่เฟิง”
แน่นอนว่ารายชื่อสามอันดับแรกนี้ ไม่เคยอยู่ในความคิดของทุกคน
ทางฝั่งพรรคเทียนเสวียน เหล่าศิษย์พรรคเทียนเสวียนแสดงสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา ในที่สุดก็มีศิษย์พรรคเทียนเสวียนเข้าสู่สามอันดับแรกในการแข่งขัน อาจกล่าวได้ว่าเื่นี้ได้ต่อลมหายใจให้กับพรรคเทียนเสวียนของพวกเขา
กลับกัน พรรคเทียนจีกลับไม่มีใครเข้าสู่สามอันดับแรก เพราะศิษย์ที่มีพร์ที่สุดของพวกเขาอย่างเฉินอ้าวเทียน เพิ่งจะถูกเย่เฟิงของพรรคเทียนเสวียนกำจัดทิ้ง แถมยังทำลายการบ่มเพาะไปด้วย
“รอบหน้า พวกเ้าทั้งสามคนจะต้องใส่ใจหนึ่งชั่วยามนี้ให้ดี หลังจากหนึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อศึกสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้น อันดับหนึ่งของงานประลองในครั้งนี้จะถูกตัดสินในที่สุด” เฉินเซี่ยงเทียนสีหน้ามืดหม่น ในฐานะผู้าุโผู้ดูแลงานประลองครั้งนี้ เขาจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
“น่าสนใจดีนี่ คิดไม่ถึงว่าพวกเ้าสองคนจะเข้าสู่สามอันดับแรกได้ หนึ่งชั่วยามต่อจากนี้ ข้าตู๋กูหลงจะคว้าอันดับหนึ่งไปครอง ดังนั้นพวกเ้าสองคนควรจะยอมแพ้ไปซะ” ตู๋กูหลงปรายตามองเย่เฟิงกับอวิ๋นเจี๋ยพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง มีเขาอยู่ที่นี่ อันดับหนึ่งในงานประลองจะเป็ใครไปได้
เมื่อเผชิญหน้ากับความจองหองของตู๋กูหลง เย่เฟิงก็ยิ้มเยาะออกมา แต่ไม่กล่าวอะไร เขานั่งอยู่กับที่แล้วปรับลมหายใจอย่างเงียบ ๆ ส่วนอวิ๋นเจี๋ยยังคงแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่กล่าวสิ่งใด ก่อนจะเดินไปอีกด้าน
จากนั้นตู๋กูหลงเริ่มบ่มเพาะพลัง การต่อสู้ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครที่รับมือกับตู๋กูหลงเกินสามกระบวนท่า ตู๋กูหลงแทบไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ ในฐานะสุดยอดอัจฉริยะ ตู๋กูหลงไม่เคยปล่อยให้เวลาต้องเสียเปล่า
“สามอันดับแรกได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว แต่อันดับหนึ่งน่ะถูกกำหนดเอาไว้แล้วเช่นกัน นั่นก็คือตู๋กูหลง ถึงเย่เฟิงกับอวิ๋นเจี๋ยจะแข็งแกร่ง แต่จะเทียบกับตู๋กูหลงได้ยังไง?”
“ใช่แล้ว! อันดับหนึ่งคือตู๋กูหลง ส่วนเย่เฟิงกับอวิ๋นเจี๋ยน่ะต้องมาสู้เพื่อชิงอันดับสองและสาม”
ฝูงชนจ้องมองเงาร่างทั้งสามคนบนเวทีด้วยความตื่นเต้นพลางสนทนากันอย่างดุเดือด อีกหนึ่งชั่วยาม ่เวลาอันน่าตื่นเต้นที่แท้จริงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ซึ่งพวกเขาต่างก็ตั้งตารอคอย
“จากการต่อสู้ระหว่างอวิ๋นเจี๋ยกับนี่จ้านเทียน เห็นชัดว่าความแข็งแกร่งของอวิ๋นเจี๋ยเหนือกว่าเย่เฟิง อันดับสองก็คงจะเป็อวิ๋นเจี๋ย เย่เฟิงน่าจะอยู่อันดับสาม” เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างวิเคราะห์สถานการณ์การต่อสู้
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี พลังของนี่จ้านเทียนแข็งแกร่งกว่าเฉินอ้าวเทียน และเวลาที่อวิ๋นเจี๋ยเอาชนะนี่จ้านเทียนได้ ก็สั้นกว่าตอนที่เย่เฟิงเอาชนะเฉินอ้าวเทียน ฉะนั้น หลาย ๆ คนจึงวางเย่เฟิงไว้ที่อันดับที่ 3 ของงานประลองไปโดยปริยาย ส่วนอวิ๋นเจี๋ยอันดับที่ 2 และตู๋กูหลงอันดับที่ 1
หนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตู๋กูหลง อวิ๋นเจี๋ย เย่เฟิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของพวกเขาส่องประกายเจิดจ้า
การแข่งขันรอบตัดสินได้มาถึงแล้ว บัดนี้บรรยากาศภายในลานประลองเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ฝูงชนจ้องมองไปยังเวทีประลองที่สูงตระหง่าน เหมือนอยากจะเป็สักขีพยานใน่เวลาแห่งประวัติศาสตร์
“การประลองครั้งสุดท้ายยังคงใช้รูปแบบของการจับฉลาก พวกเ้าทั้งสามคนจะจับฉลากกันคนละครั้ง ซึ่งคนที่ได้ฉลากเปล่าจะเข้าสู่การประลองรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วนสองคนที่เหลือจะต้องประลองกัน ผู้ชนะจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป” เฉินเซี่ยงเทียนลุกจากที่นั่งอย่างช้า ๆ ก่อนจะเปิดปากอธิบายกฎ
ผู้คนตาเป็ประกายขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคนี้ กฎของการจับฉลากนั้นขึ้นอยู่กับโชค ใครก็ตามที่จับฉลากเปล่าได้ จะได้เข้ารอบสองอันดับแรกไปโดยปริยาย
จากนั้นสาวรับใช้ที่หน้าตางดงามผู้หนึ่งก็เดินขึ้นเวทีมาอย่างช้า ๆ ในมือถือกล่องจับฉลากขึ้นมาด้วย นางเยื้องย่างเข้าไปหาทั้งสามคน และให้พวกเขาจับฉลากด้วยตัวเอง เมื่อเปิดฉลากออกดู สีหน้าของอวิ๋นเจี๋ยก็พลันหดหู่ขึ้นมา บนฉลากเขียนตัวอักษรไว้อย่างชัดเจนว่า ‘สู้’ นั่นหมายความว่าเขาต้องสู้ เพื่อคว้าสิทธิในการเข้ารอบการประลองครั้งสุดท้าย ซึ่งคู่ต่อสู้ของอวิ๋นเจี๋ยก็คือตู๋กูหลง ส่วนเย่เฟิงนั้นจับได้ฉลากเปล่า
เมื่อเห็นฉากนี้ ฝูงชนก็พลันตะลึงงันกันขึ้นมา ส่วนคนตระกูลเฉินแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ในใจของพวกเขาก่นด่าถึงความโชคดีของเย่เฟิง
ฉินเยียนหราน นักดาบแขนเดียว เซี่ยจวิ้นหลง ฉู่หาน เฉิงเฟย เยว่กู่ และคนของพรรคเทียนเสวียนต่างเผยรอยยิ้มยินดี ฉลากเปล่า นี่หมายความว่าการแข่งขันในครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดเย่เฟิงก็จะได้ครองอันดับที่ 2 สำหรับศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในพรรคไม่ถึงหนึ่งปี ถือเป็ความสำเร็จที่สามารถนำไปโอ้อวดได้เลย แม้แต่ในประวัติศาสตร์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ยังไม่เคยมีใครทำผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้มาก่อน หากในการประลองรอบสุดท้าย เขาไม่สามารถเอาชนะตู๋กูหลงได้ก็ไม่เป็ไร
“ไอ้สวะ ต้องบอกเลยว่าเ้านี่มันโชคดีจริง ๆ ที่จับฉลากเปล่าได้ เช่นนั้นข้าจะประลองกับเ้าในรอบสุดท้าย!” ตู๋กูหลงกล่าวกับเย่เฟิงอย่างเฉยชา ดวงตาของเขาเปล่งแสงอันน่ากลัวออกมา
“แล้วข้าจะรอ!” เย่เฟิงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเ็า แม้จะรู้ว่าตู๋กูหลงแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ยังคงจะสู้ แค่รอให้การประลองของอวิ๋นเจี๋ยกับตู๋กูหลงสิ้นสุดลงเสียก่อน
“ระหว่างเ้ากับข้ายังต้องสู้กันงั้นหรือ?” ตู๋กูหลงหันมามองอวิ๋นเจี๋ยด้วยท่าทางหยิ่งทระนง
“ใช่ ข้าอยากลอง” อวิ๋นเจี๋ยตอบกลับเสียงราบเรียบ ถึงก่อนหน้านี้เขาจะเอาชนะนี่จ้านเทียน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตู๋กูหลง อวิ๋นเจี๋ยไม่มั่นใจนักว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่ แต่ก็ยังอยากจะลองดู ถือเสียว่าได้ทำความเข้าใจพลังของศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนว่าอยู่ขั้นไหนแล้ว
“ได้ หากอยากลองก็ลงมือเถอะ!” แววตาของตู๋กูหลงหรี่ลงเล็กน้อย เขายืนเอามือไพล่หลังพร้อมความมั่นใจแผ่ออกมาจากร่างของเขา
“ล่วงเกินแล้ว!”
อวิ๋นเจี๋ยสะบัดมือไปทางตู๋กูหลง ฉับพลันอำนาจฟ้าดินมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของอวิ๋นเจี๋ย ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงสว่างจาง ๆ ออกมาประหนึ่งเทพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังฝ่ามือที่อวิ๋นเจี๋ยปล่อยออกไปนั้นทรงพลังมากแค่ไหน!
ตู๋กูหลงยังคงแสดงสีหน้าเป็ปกติ แม้เหนือร่างขึ้นไปจะมีลำแสงที่น่ากลัวอยู่ก็ตาม พลังฝ่ามือของอวิ๋นเจี๋ยพุ่งเข้ามาใกล้ แต่ตู๋กูหลงก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว อำนาจฟ้าดินอันน่าเกรงขามโจมตีใส่ร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้ ราวกับว่าเขาคือเทพาแห่งยุค ั้แ่ต้นจนจบร่างกายของเขายังไม่ขยับเลยสักนิด
สีหน้าอวิ๋นเจี๋ยพลันเปลี่ยนไป พลังฝ่ามือนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 ก็ยังไม่กล้ารับมือกับการโจมตีนี้ตรง ๆ แต่ตู๋กูหลงกลับทำได้ ทั้งยังดูผ่อนคลายมากอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าการโจมตีของอวิ๋นเจี๋ยนั้นไม่สามารถทำร้ายตู๋กูหลงได้เลย
“พลังโจมตีช่างอ่อนหัดนัก!” ตู๋กูหลงเหลือบมองสีหน้าใของอวิ๋นเจี๋ยเล็กน้อย ก่อนจะยกมือฟาดออกไปภายในชั่วพริบตา พลังฝ่ามือของเขาก็กระแทกใส่ร่างของอวิ๋นเจี๋ยเข้าอย่างจังจนอีกฝ่ายร้องพร้อมกระอักเืออกมา ร่างของเขากระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว แสงสว่างที่เปล่งประกายอยู่บนร่างก็สลายหายไปเช่นกัน
“ตู๋กูหลงแข็งแกร่งมาก!”
วินาทีนั้นฝูงชนพากันใจนอ้าปากค้าง พวกเขามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เมื่ออวิ๋นเจี๋ยที่เอาชนะนี่จ้านเทียนอันดับที่ 2 ในรายนามขั้นรวมชี่ก่อนหน้านี้เผชิญหน้ากับตู๋กูหลงกลับไม่สามารถต้านทานเขาได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว เช่นนั้นพลังของตู๋กูหลงจะน่ากลัวขนาดไหน!
ทุกสายตาจ้องมองไปที่ตู๋กูหลงเป็ตาเดียว อวิ๋นเจี๋ยตกจากเวทีประลองไปแล้ว การต่อสู้ในรอบนี้ทำให้เขาได้รู้ว่าช่องว่างระหว่างเขากับตู๋กูหลงนั้นห่างไกลกันแค่ไหน ในอนาคตเขาจะฝึกฝนให้หนักขึ้น และการประลองในครั้งนี้ อวิ๋นเจี๋ยได้อันดับที่ 3 ไปครอง