ตลอดระยะที่คบหากัน องค์หญิงล้วนแต่มีท่าทีนุ่มนวลมาโดยตลอด แทบจะไร้ซึ่งอาการหมดความอดทน
โจวจื่อเฉิงได้เห็นอีกด้านของนางในวันนั้นเป็ครั้งแรก วันที่องค์หญิงฮุ่ยเจินทะเลาะกับองค์หญิงฮุ่ยหลิงที่ภัตตาคารวั่งเยว่ เขาอึ้งไป
ยามนี้เขากลับยิ่งอึ้งงันกว่าเก่า เหตุใดสตรีผู้สุภาพนุ่มนวลจึงได้กลายเป็แม่เสือดุร้ายหรืองูพิษร้ายกาจ เหตุใดดวงตานางจึงส่องประกายดุจเกล็ดน้ำแข็งเช่นนั้นเล่า?
“ไม่...ผู้น้อยมิกล้า...” โจวจื่อเฉิงก้มหัวลง กล่าวเสียงเบา องค์หญิงฮุ่ยเจินทั้งโกรธทั้งรู้สึกสูญเสียนัก นางยังคงจดจำสายตาลุ่มหลงบนใบหน้าโจวจื่อเฉิงยามเขาจ้องมองแม่นางหวาง ทว่ายามนี้สีหน้าของเขากลับต่างออกไป!
‘เพียะ!’
เสียงตบดังลั่น โจวจื่อเฉิงถูกองค์หญิงฮุ่ยเจินตบจนหน้าหัน รอยนิ้วห้ารอยปรากฏบนใบหน้าใสสะอาดของเขาทันที
โจวจื่อเฉิงจ้องมององค์หญิงอย่างตกตะลึง เมื่อรู้สึกตัวก็คุกเข่าลงทันที
“องค์หญิงอย่าทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ! เป็ความผิดกระหม่อม ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดกระหม่อมทั้งสิ้น กระหม่อมจะไม่ทำให้ทรงกริ้วอีก! ”
โจวจื่อเฉิงเอ่ยอย่างเร่งร้อนด้วยน้ำเสียงสุภาพ องค์หญิงฮุ่ยเจินหอบ อ้าปากฮุบอากาศ ความไม่สบายใจทำให้นางรู้สึกย่ำแย่ อย่างไรยามนี้นางก็ตัวเปล่า ทำได้เพียงต้องอาศัยพึ่งพาโจวจื่อเฉิงแล้ว
หากบุรุษผู้นี้มีสตรีอื่น สถานการณ์ย่อมลำบากแน่!
โจวจื่อเฉิงเห็นนางโมโหจนใบหน้าขาวซีดก็รีบขยับขึ้นมากอดขานางไว้ “ที่รัก ที่รักของข้า อย่าโกรธไปเลยนะ อย่าโกรธเลย...”
เห็นสีหน้าร้าวรานของเขา ความโกรธในใจนางก็จางลงไปบ้าง ทำให้นางใจเย็นลงมาก
ลางสังหรณ์ที่เร่งเร้าเตือนนางสงบนิ่งลงแล้ว เล็บขององค์หญิงฮุ่ยเจินข่วนใบหน้าโจวจื่อเฉิงทำให้ยามนี้ดูน่ารังเกียจขึ้นมา
...
ที่จวนสกุลฮวา ฮ่องเต้รับสั่งให้หลี่กงกงส่งองครักษ์สองนายมาให้ฮวาชีเยว่ ทั้งสองล้วนเป็ผู้เชี่ยวชาญการใช้ลมปราณถึงระดับเมฆาทะยาน
คนหนึ่งชื่อไฉ่ชิง ส่วนอีกคนชื่อไฉ่หนิง
ชื่อทั้งสองเหมือนฝาแฝด และทั้งคู่ก็เป็ฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ฮวาชีเยว่พยายามอยู่นานก็ไม่อาจแยกแยะทั้งสองออกจากกันได้
ฮวาชีเยว่ฝากหลี่กงกงขอบพระทัยฮ่องเต้แทนตน จากนั้นจึงตกรางวัลแก่เขา ให้หลี่กงกงจากไปอย่างปีติ เขาได้รับตั๋วเงินถึงห้าร้อยตำลึง หากมาเยี่ยมเยือนจวนสกุลฮวาบ่อยครั้งเข้า มิแคล้วได้กลายเป็มหาเศรษฐีเลยกระมัง
“พวกเ้าทั้งสองก็อยู่ในเรือนรองเถอะ แม้หน้าที่หลักจะเป็การเฝ้าระวังสมุนไพรวิเศษ หากคนทั่วไปใช่จะสามารถขโมยต้นหลงแดงพันปีได้ ดังนั้น...ช่วยดูแลนายน้อยให้ข้าเถอะ”
มีจอมยุทธ์มากฝีมือถึงสองคนคอยปกป้องเทียนซี ยามนี้ฮวาชีเยว่จึงได้รู้สึกวางใจอย่างแท้จริง
“ขอรับคุณหนู!” จอมยุทธ์ทั้งสองออกจะไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าทำได้เพียงเชื่อฟังรับสั่งฮ่องเต้เท่าใน
สำรับกลางวันเป็กิจตระกูล ทุกคนในจวนสกุลฮวาล้วนแต่เข้าร่วม ฮูหยินผู้เฒ่าให้ฮวาชีเยว่และเทียนซีมานั่งข้างกายตน
ใจของฮูหยินสอง1เย็นเยียบขึ้นมา หากเื่ยังเป็ไปเช่นนี้ อีกไม่นานฮูหยินผู้เฒ่าคงลืมหลานชายแท้ๆ ของตนเองไปแล้วเป็แน่!
หลานชายแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าคือฮวาเชียนิเป็ลูกของฮูหยินสอง แม้จะเป็บุตรของภรรยารองทว่ายังคงเป็หลานชายเพียงคนเดียวในจวน
ฮูหยินผู้เฒ่ารักใคร่โปรดปรานฮวาเชียนินักยามยังคงอยู่ในจวน ทว่ายามนี้คงเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนถึงสำนักศึกษาหลีซัน ยังต้องรอคอยอีกเดือนหนึ่งจึงจะกลับมา
“มิคาดว่าฮ่องเต้จะส่งจอมยุทธ์มาให้ถึงสองคน เช่นนี้แสดงว่าทรงให้คุณค่าเ้าเป็อย่างสูงแล้ว ชีเยว่ เ้าต้องตอบแทนพระกรุณานี้ให้ดี!” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าทำให้นางดูราวกับดอกเบญจมาศ
“เ้าค่ะท่านย่า หลานย่อมตอบแทนบุญคุณพระองค์เป็แน่” ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง ข้างกายนาง ฮซาเสี่ยวอีและฮวาเมิ่งซือต่างมองหน้ากันและกัน ดวงตาทอแสงประหลาด
หน้าของฮวาเสี่ยวอีหายแล้ว ยามนี้ความงดงามของนางกลับคืนมา แน่นอนว่านางสอนบทเรียนเบาๆ ให้แก่สาวใช้คนนั้นแล้ว
ฮูหยินสองเอ่ยด้วยท่าทียินดีนัก “จริงด้วยเ้าค่ะ จวนสกุลฮวาได้รับพระกรุณาเช่นนี้ด้วยเพราะความพยายามของนายท่าน”
คำพูดนางล้วนปัดความดีความชอบฮวาชีเยว่ไปเสียสิ้น
ฮวาชีเยว่ยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ตอบคำใด
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องฮูหยินสองอย่างไม่พอใจ ฮูหยินสองเม้มปากน้อยๆ ด้วยความเสียใจ ต่อหน้าฮวาชีเยว่นั้นทุกการกระทำของนางก็ดูราวกับเด็กน้อยไปเสียสิ้น
ฮูหยินสาม2เอ่ยขึ้นอย่างรู้การ “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ชีเยว่เป็ท่านหญิงคนแรกของอาณาจักรที่มิได้เป็เชื้อไขราชวงศ์ นับว่านำเกียรติยศมาสู่พวกเราแล้ว นายท่านกลับมาย่อมต้องดีใจเช่นกัน! ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มพยักหน้า “เ้ากล่าวถูกต้องแล้ว ข้ายังคิดอยู่ว่าท่านแม่ทัพจะกลับมาเมื่อใด”
“เร็วๆ นี้เ้าค่ะ กล่าวว่าอีกราวเดือนหนึ่งท่านแม่ทัพก็จะกลับมาอยู่ที่จวนแล้ว” ฮูหยินสองเร่งร้อนตอบขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มขมวดคิ้ว
กลับมาอยู่ที่จวนย่อมหมายความถึงแม่ทัพจะมิได้สู้รบในสมรภูมิอีก เขายังไม่มีอำนาจทางการทหารอีกต่อไป เช่นนั้นแม่ทัพฮวาก็มิใช่แม่ทัพฮวาแล้ว
ฮวาชีเยว่มองเพียงแวบเดียวก็คาดเดาความคิดฮูหยินผู้เฒ่าได้ นางคีบชิ้นเนื้อให้เทียนซีแล้วยิ้ม “ท่านย่า แม้ท่านพ่อจะมิได้เป็แม่ทัพอยู่แนวหน้าแล้ว แต่ทุกคนในโลกยังคงจดจำนามอันยิ่งใหญ่ของท่านพ่อได้! อีกประการหนึ่ง ที่สนามรบนั้นก็...อันตรายเกินไป อีกหน่อยกลับมาอยู่จวนย่อมดีกว่า ท่านย่าเองก็จะได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวพร้อมหน้าอย่างมีความสุขด้วยเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังก็ให้ยิ้มออกมา ฮวาเมิ่งซือก็พยักหน้าเช่นกัน “ท่านพ่อออกไปสู้รบหลายปี ยามนี้ถึงเวลาถอนตัวแล้ว ท่านย่าเ้าคะ ชื่อเสียงและผลกำไรนั้นเป็ดังเมฆคล้อย อยู่บนดิน ใช้ชีวิตเช่นนี้ย่อมดีกว่า”
อารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าดีขึ้นมา นางมองฮวาเมิ่งซือ ฮวาเสี่ยวอีะโเสียงดังขึ้นมา “ท่านย่าเ้าคะ ท่านพ่อเกียรติยศยิ่งใหญ่เกรียงไกร ฝ่าาย่อมต้องตกรางวัลให้อย่างงาม ท่านไม่ต้องเป็ห่วงไปเ้าค่ะ! ”
คำของนางทำให้สีหน้าฮูหยินสามซีดลงทันที นางเอื้อมมือไปใต้โต๊ะ หยิกฮวาเสี่ยวอีโดยแรง
ฮวาเสี่ยวอีรู้สึกเจ็บขึ้นมาก็จ้องฮูหยินสามด้วยสายตาเสียใจ ฮูหยินสามโกรธนัก นางเห็นสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไป เอ่ยเสียงเย็นทว่ายังเจือความยินดีเบาบาง “เด็กคนนี้พูดไร้สาระอะไรกัน? จวนสกุลฮวามิได้้ารางวัลยิ่งกว่านี้แล้ว หากมีผู้อื่นได้ยินคำพูดเ้าจะพากันหัวเราะเอาได้! ล้วนจะมีแต่กล่าวว่านายท่านปรารถนาความรุ่งโรจน์...”
เมื่อฮวาเสี่ยวอีได้ยินก็ทำให้สีหน้าเปลี่ยนไป นางยิ้มอย่างเสียใจ
ฮวาชีเยว่ตวัดตามองฮวาเสี่ยวอีโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า คุณหนูสามผู้นี้มีปากไม่รู้จักพูดจริงๆ คนปากตำแยเช่นนี้ย่อมไม่จำเป็ต้องป้องกันอะไรมาก
กลับกันคุณหนูรองฮวาเมิ่งซือนั้นเป็คนล้ำลึก ย่อมต้องมีลูกไม้อะไรซ่อนไว้อีกเป็แน่ ทว่าในอนาคตอันใกล้นี้ยังคงไม่ลงมือทำอะไร
เมื่อทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็นั่งฟังดนตรีที่ศาลาริมน้ำด้วยกัน พวกนางนั่งรับลมคุยกันถึงเื่ภายในจวน ทานของหวานและผลไม้ ล้วนแต่ดูเข้ากันได้ดี ทว่าเป็เพียงเบื้องหน้าเท่านั้น
...
นับแต่แม่นางหวางมาส่งผลไม้ก็หลายวันแล้ว ในวันนี้คนนำมาส่งเป็บ่าวรับใช้วัยเด็กผู้หนึ่ง แม่นางหวางเกิดมีไข้ขึ้นมาจึงให้บ่าวไพร่ออกมาขนผลไม้เพื่อรักษาชื่อเสียงแม่นางหวางเอาไว้
หลังจากถูกองค์หญิงตำหนิในวันนั้น โจวจื่อเฉิงก็ไม่กล้ามองสตรีอื่นต่อหน้านางอีก
่นี้หอสุราเชียนเหนียนออกสุราดีมา หอสุราเชียนเหนียนนี้เป็ของจวนสกุลฮวาเปิด สุราที่บ่มออกมารสชาตินุ่มนวลหอมหวน แม้จะเป็ร้านใหม่ทว่าสุราในร้านกลับถูกคนซื้อไปจนแทบหมดสิ้นในเวลาไม่กี่วัน
เพื่อให้กิจการดีขึ้น โจวจื่อเฉิงและบ่าวไพร่จึงเดินทางมายังหอสุรานี้
เมื่อมาถึงหอสุรา พวกเขาก็เห็นฮวาชีเยว่นั่งอยู่มุมหนึ่ง ดึงดูดสายตาบุรุษมากมาย นางพูดคุยกับสตรีคนหนึ่ง น้ำเสียงอ่อนหวานไพเราะ
“ท่านป้าหลี่ เหตุใดจึงซื้อยานี้ล่ะเ้าคะ? ทราบว่าสิ่งนี้เรียกว่ายาละลายโฉม เป็ยาพิษทำให้เสียโฉมนะเ้าคะ”
ฮวาชีเยว่เอ่ยเบา โจวจื่อเฉิงบังเอิญได้ยินนาง คำว่ายาละลายโฉมนี้ทำให้เขาสงสัยขึ้นมา
“ท่านหญิงรอบรู้นักเ้าค่ะ แม้จะเป็พิษทว่ายังคงเป็ยาเช่นกัน สิ่งนี้ช่วยล้างพิษในสัตว์ป่าและสัตว์ปีก ผู้น้อยจึงได้ซื้อเพื่อเอาไว้ป้อนสัตว์ที่บ้าน”
“โอ เช่นนี้นี่เอง...”
บทสนทนาของพวกนางเบาลงจนกลายเป็กระซิบ ท้ายที่สุดป้าหวางก็ได้สุราที่้า ฮวาชีเยว่หันไปสั่งผู้ดูแลให้จดเอาไว้
ผู้อื่นสามารถสั่งสุราได้ที่นี่
โจวจื่อเฉิงยินดียิ่ง เขาพยายามแทรกตัวฝ่าฝูงชน ทว่ากลับมีคนมากมายเกินไป กระทั่งเมื่อถึงคราวของเขา ฮวาชีเยว่กลับเร่งร้อนจากไป ทำได้เพียงสั่งของจากผู้ดูแลเท่านั้น
เมื่อออกมาจากหอสุราเชียนเหนียน โจวจื่อเฉิงก็เห็นร่างอันคุ้นเคย มิใช่นั่นคือแม่นางหวางหรอกหรือ?
ฝีเท้านางเชื่องช้า ใบหน้าซีดเผือดจากความเจ็บป่วย นางเดินไปยังตรอกแห่งหนึ่ง
“แม่นางหวาง…”
โจวจื่อเฉิงเดินตามนางไปจนถึงตรอกแห่งนั้นแล้วร้องเรียกนางเบาๆ แม่นางหวางหันมาจ้องมอง สายตาคู่นั้นเหือดแห้งราวกับคลื่นในฤดูใบไม้ร่วง ส่องประกายแวบวาบราวสายฟ้า กระทั่งเห็นเขาจึงราวกับได้รับสายลมสดชื่นในฤดูใบไม้ผลิ เขารู้สึกใจอ่อนขึ้นมา ราวกับเท้าเขากลายเป็ก้อนแป้งนุ่มๆ เสียแล้ว
“โอ เป็เถ้าแก่โจวนี่เอง มิคาดจะได้พบท่านที่นี่นะเ้าคะ” ใบหน้าของแม่นางหวางเบ่งบานยามส่งยิ้ม กลิ่นหอมนุ่มนวลโชยจากร่าง โจวจื่อเฉิงจำต้องก้าวใหญ่ๆ เข้าไปหานาง
“เ้าดูไม่ดีเลย เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ข้าเป็หวัดเล็กน้อยเ้าค่ะ ขอบคุณเถ้าแก่โจวที่เป็ห่วง!” แม่นางหวางยิ้มจางๆ นางสังเกตเห็นรอยแผลบนใบหน้าเขา “ตายจริง เหตุใดใบหน้าเถ้าแก่โจวจึงาเ็เช่นนี้เ้าคะ?”
โจวจื่อเฉิงยิ้มเขินอาย “ฮ่าๆ ข้าบังเอิญถูกใบไผ่ที่หลังจวนข่วนเข้าเท่านั้น”
“หากเถ้าแก่โจวไม่ถือสา ข้ามียาทาแผลเ้าค่ะ ใช้กับแผลเล็กๆ เช่นนี้ได้ดีนัก เถ้าแก่โจวจะลองดูหรือไม่?” แม่นางหวางยิ้ม ดึงเอาขวดยาออกมาจากกระเป๋า โจวจื่อเฉิงมองนิ้วเรียวที่จับขวดนั้นเอาไว้ก็ให้ตื่นเต้นขึ้นมา
“ได้รับของขวัญจากแม่นางหวางช่างดียิ่งนัก!” โจวจื่อเฉิงยิ้ม ใบหน้าแม่นางหวางพลันแดงก่ำขึ้นมา แก้มนางราวกับดอกเถา กระทั่งน้ำเสียงก็ยังดูเขินอาย
“เถ้าแก่โจวชอบล้อเล่นจริงๆ!” นางวางขวดยาใส่มือโจวจื่อเฉิง เขาเปิดปากขวดแล้วเทเอาน้ำยาสีเขียวออกมาเล็กน้อย
โจวจื่อเฉิงใช้นิ้วทายา ทว่ากลับมิอาจทาแผลได้ถูกที่
แม่นางหวางร้องอุทานแล้วแย่งขวดยากลับคืน จากนั้นจึงป้ายยาขึ้นมาบนนิ้วตน “ให้ข้าช่วยเ้าค่ะ! ”
จากนั้นนิ้วเรียวขาวราวกับหยก นุ่มนวลราวขนแกะก็บรรจงทายาลงบนใบหน้าของโจวจื่อเฉิง นางวนนิ้วเป็วงกลม อ่อนโยนนุ่มนวลเสียจนราวกับใบหน้าเขาได้รับการปลอบประโลมจากสายลมอบอุ่น ทำให้ดูเปล่งประกายขึ้นมา
เมื่อทายาเสร็จแล้ว แม่นางหวางก็เสียงแหลมขึ้นมาอย่างมิอาจควบคุม “ตายจริง ขออภัยเ้าค่ะ...เถ้าแก่โจว บุรุษสตรีมิควรััใกล้ชิด เื่นี้ไม่เหมาะสม ข้าเคยชินก็เลย...”
นางพูดถึงเพียงเท่านี้ก็วิ่งหนีไปอย่างเขินอาย
เห็นเรือนร่างได้สัดส่วนของแม่นางหวาง ใจของโจวจื่อเฉิงก็เริ่มเต้นระรัวขึ้นมา ราวกับมีดอกไม้งามอยู่ต่อหน้า บุรุษเป็สิ่งมีชีวิตที่มากปรารถนา เขาอดมิได้ให้คิดถึงการกระทำอ่อนโยนของนางให้มากขึ้นอีกสักหน่อย
----
1 ทีแรกคืออี๋เหนียงสอง เปลี่ยนเป็ฮูหยินตามต้นฉบับจีนค่ะ Y_Y ทางจีนเขาเขียนสลับกันไปมาอ่ะ
2 ทีแรกคืออี๋เหนียงสาม เปลี่ยนตามต้นฉบับจีนเช่นกัน Y_Y
ผู้อ่านไม่ต้องงงนะคะ เพราะคนแปลงงก่อนแล้ว 1
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้