เมื่อรู้สึกถึงลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ผู้คนจากนิกายหลั่วเซียต่างตัวสั่นขณะมองไปยังบุคคลทั้งสามที่มาใหม่
พวกเขาต่างได้ยินมาว่าผู้ฝึกยุทธ์สองคนที่อยู่ข้างหลินเฟิงนั้น คนหนึ่งเป็ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ไฟ และอีกคนเป็หญิงสาวที่มีผ้าคลุมปิดหน้าผู้ลึกลับ แต่ในขณะนี้ดูเหมือนจะมีอีกหนึ่งคน เขาเป็ชายชราผมแดง นอกจากนี้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างเขามันช่างน่าหวาดผวาเป็ที่สุด
“ท่านชื่อ ท่านหัว สังหารพวกมันให้หมด”
จิตสังหารของหลินเฟิงยิ่งรุนแรงขึ้น ท่านชื่อและท่านหัวพยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวก็เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลิ่นอายของท่านชื่อ ที่น่ากลัวเกินกว่าขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 เสียอีก
“ขอบเขตลี้ลับ... ขั้นที่ 4!” จู่ๆ ผู้าุโจากนิกายหลั่วเซียก็รู้สึกกังวล ข้างกายหลินเฟิงมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เขาแข็งแกร่งกว่าท่านหัวและสาวงามลึกลับเสียอีก เพราะคนผู้นี้บรรลุขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 4 แล้ว
ในระดับขั้นของขอบเขตลี้ลับ แม้ห่างเพียงหนึ่งขั้นก็แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
“แย่แล้ว” คนเ่าั้ถึงกับหน้าถอดสี สังหารหลินเฟิง? แต่ตอนนี้พวกเขาต่างหากที่ตกอยู่ในอันตราย
“หลินเฟิง นางยังมีลมหายใจอยู่ หากเ้าใช้เม็ดยานี้กับนาง บางทีอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้” ท่านหัวกล่าวขณะนำเม็ดยาใส่ปากของหยุนซี จากนั้นพลังเจินหยวนได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของนาง และท่านหัวได้กดนิ้วไปที่หว่างคิ้วของหญิงสาว
หลินเฟิงถึงกับใจสั่น เขาอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ ใช่แล้ว... หยุนซียังมีลมหายใจอยู่ แต่ว่ามันอ่อนแอมาก เมื่อครู่นี้หัวใจของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังและจิตสังหารที่หนาแน่น ทำให้เขาไม่ได้สังเกตถึงเื่นั้น
“ท่านหัว” ดวงตาของหลินเฟิงเปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความหวัง ตอนนี้เองได้มีแสงสว่างดวงเล็กๆ ปรากฏที่หว่างคิ้วของนางเป็จังหวะ จากนั้นท่านหัวก็ยกนิ้วของเขาออก ก่อนมองไปทางหลินเฟิงและกล่าวว่า “นางจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ 7 วันเท่านั้น เพราะเส้นเืของนางถูกทำลายอย่างสาหัส”
หลินเฟิงตกตะลึงและกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ไม่มีทางอื่นเลยหรือ?”
“มี” ท่านหัวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ขมวดคิ้วขณะกล่าวว่า “แต่มันจำเป็ต้องใช้เม็ดยาระดับสูงถึงจะช่วยได้”
“เม็ดยา” หลินเฟิงตาเป็ประกาย จากนั้นเขาก็ส่งหยุนซีให้เมิ่งฉิงพลางกล่าวว่า “เมิ่งฉิง รบกวนเ้าช่วยดูแลนางด้วย”
เมิ่งฉิงมองหลินเฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นนางก็พยักหน้าและรับตัวหยุนซีมาไว้ในอ้อมแขน
หลังจากส่งหยุนซีให้เมิ่งฉิงแล้ว หลินเฟิงก็หันไปจ้องอู๋กังด้วยสายตาดุดัน จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลายเป็ดาบสังหารเข้าแทงอู๋กังทันที ทำให้สีหน้าของอู๋กังพลันซีดขาวและถอยหลังเล็กน้อย
เพียงแค่สบตากับหลินเฟิงเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าเขาจะกลัวจนต้องถอยหลังเช่นนี้!
แต่หลินเฟิงในตอนนี้น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง จิตสังหารของเขาช่างรุนแรงเกินต้านทาน
“หากข้าสังหารเข้าไม่ได้ล่ะก็ นั่นแปลว่า์ไม่มีตา!” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ท่านชื่อ ท่านหัว ต้องรบกวนพวกท่านแล้ว จงฆ่าพวกมันให้หมด”
“นานแล้วที่ข้าไม่ได้ใช้กำลังเช่นนี้ หลังจากข้ามขั้นมาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรสความสนุกของการต่อสู้สักที”
ท่านชื่อกล่าวยิ้มๆ ตอนนี้เองจู่ๆ เขาก็หายวับไป
“อ๊าก…” ทันใดนั้นได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ฝ่ามือของท่านชื่อทะลวงร่างผู้าุโคนหนึ่งของนิกายหลั่วเซีย เพียงพริบตาหน้าอกของผู้าุโคนนั้นก็ถูกเผาไหม้ไป
ผู้าุโคนนี้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 เพียงการโจมตีเดียว... ก็สิ้นลมทันที!
พลังของขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 และขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 4 นั้นแตกต่างกันถึงสามขั้น เป็ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน รวมไปถึงพละกำลังก็เช่นกัน เพียงพริบตาเดียวฝ่ายตรงข้ามก็ถูกสังหารโดยไม่ทันตั้งตัว
ผู้าุโของนิกายหลั่วเซียต่างหน้าซีดไปตามๆ กัน ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับแต่ละคนล้วนเป็ยอดฝีมือของนิกาย แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารลงอย่างง่ายดาย
นอกจากนี้พวกเขาต่างคิดว่า หากผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับถูกท่านชื่อสังหารไปภายในการโจมตีครั้งเดียว ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะมีโอกาสรอดไปได้หรือ?
ความรู้สึกอันตรายได้ปกคลุมพวกเขา บางทีวันนี้อาจเป็จุดจบของพวกเขาก็ได้...
“พวกเ้าทุกคนจงร่วมมือกันสังหารศัตรู...” ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 กล่าวเสียงเข้ม
ทว่าเขายังไม่ทันกล่าวจบ ขณะนั้นได้มีเปลวไฟที่น่าหวาดกลัวโจมตีเขา
“ตาเฒ่าชื่อ ข้าจะถ่วงเวลาหมอนี่เอาไว้ ส่วนคนอื่นๆ เ้าจงฆ่ามันให้หมด มาดูกันว่าเ้าจะใช้เวลานานแค่ไหน”
ท่านหัวกล่าวอย่างไม่แยแส เขาจะจัดการผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 ผู้นั้นเอง เพื่อให้ท่านชื่อได้จัดการผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 และ 2 โดยต้องไม่เสียเวลา
“ย่อมได้”
ท่านชื่อพยักหน้าก่อนก้าวไปข้างหน้า ขณะเดียวกันเจินหยวนอันบ้าคลั่งเริ่มหมุนวนรอบตัวเขา ฉากตรงหน้าทำให้หัวใจของทุกคนต่างเต้นระรัว
ช่างเป็แผนการที่โหดร้ายนัก ท่านหัวจะจัดการผู้าุโที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 ส่วนคนอื่นๆ นั้นหากไม่มีความสามารถมากพอจะหยุดท่านชื่อได้ ก็ต้องถูกสังหารไป
ในขณะนั้นท่านชื่อพุ่งเข้าหาผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 คนหนึ่ง คนผู้นี้แม้แต่เจตจำนงการต่อสู้ก็ไม่มี เขาไม่กล้าที่จะต่อสู้จึงได้แต่วิ่งหนี
อย่างไรก็ตามผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 จะรวดเร็วกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 4 ได้อย่างไร?
ในชั่วพริบตา พลังที่น่าสะพรึงได้ตกมาจากฟากฟ้า เขาหันกลับไปและเห็นการโจมตีที่รุนแรงพุ่งมาหาเขา ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับอีกคนหนึ่งถูกฆ่าตายแล้ว!
ความตื่นตระหนกได้แพร่ไปทั้งหัวใจผู้คนจากนิกายหลั่วเซีย ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 4 ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเขาในตอนนี้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
พวกเขาเสียใจที่เข้าข้างอู๋กังและพยายามสังหารหลินเฟิง ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้หยุนซีตาย ในตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีพลังมากพอที่จะสังหารหลินเฟิง
“อู๋กัง ไอ้สารเลว!” ผู้คนของนิกายหลั่วเซียต่างสบถอยู่ในใจ เพราะอู๋กังยั่วยุหลินเฟิง ผลที่ตามมาทำให้พวกเขาต้องมาตายเปล่าในวันนี้ นั่นเป็เพราะมันคนเดียว
ในขณะนั้นของเหลวสีม่วงของหลินเฟิงกำลังโกรธเกรี้ยว ในขณะเดียวกัน เจตจำนงดาบที่น่าหวาดกลัวได้ทะยานสู่ท้องฟ้า แล้วพุ่งไปหาอู๋กังทันที
นั่นทำให้หัวใจของอู๋กังสั่นสะท้าน หลินเฟิงในตอนนี้น่าหวาดกลัวราวกับเทพเ้าแห่งความตาย
ตอนนี้เองได้มีปีศาจงูแยกตัวออกมาจากของเหลวสีม่วง และพุ่งไปหาผู้ที่อยู่ด้านหน้าอู๋กังทันที ของเหลวสีม่วงได้ยกคนผู้นั้นขึ้นไปในอากาศ แม้เขาจะดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอย่างไร แต่ก็ไม่อาจหลบหนีไปได้
ฝ่ามือของหลินเฟิงฟาดฟันไปในอากาศจนเกิดประกายดาบขึ้น ทำให้ผู้กำลังดิ้นรนต้องหยุดนิ่ง ตอนนี้เองหน้าผากของเขาได้มีรอยเืปรากฏขึ้นชัดเจน
“วิ่ง วิ่ง…!”
ส่วนคนอื่นๆ ต่างวิ่งหนีกันวุ่นวาย เจตจำนงการต่อสู้สลายไปเนิ่นนานแล้ว
หากผู้าุโที่อยู่ขอบเขตลี้ลับยังถูกท่านชื่อสังหาร พวกเขาก็คงไม่มีใครเป็คู่ต่อสู้หลินเฟิงได้ หากไม่หนีก็ต้องตายไป
“หนีอย่างนั้นเหรอ?”
จิตสังหารของหลินเฟิงยังคงรุนแรง มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มเ็าขึ้น ปีศาจงูสีม่วงนับร้อยพุ่งออกไปจับผู้คนที่วิ่งหนีไป และบีบรัดร่างของพวกมันแ่า
ขณะนั้นที่เหนือศีรษะ ได้มีร่างสิบร่างกำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งและตื่นตระหนกสุดขีด
“ทุกคนจะต้องตาย!”
น้ำเสียงเยือกเย็นออกมาจากปากของหลินเฟิง เขายกมือทั้งสองขึ้นพร้อมกับดาบ ดาบเจินหยวน ดาบแห่งเทพาได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ดาบเล่มนั้นเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการทำลายบล้าง จิตสังหาร และเจตจำนงการต่อสู้ นอกจากนี้มันยังมีขนาดมหึมา
ของเหลวสีม่วงได้ยกตัวหลินเฟิงขึ้นไปช้าๆ แสงดาบที่เจิดจ้าได้ฟาดฟันออกไป ทำให้เืสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่ว กลายเป็สายฝนโลหิต
เพียงหนึ่งดาบที่ฟาดฟันออกไป ผู้คนทั้งหมดต่างถูกสังหาร ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
เสียงกรีดร้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อู๋กังมองไปยังซากศพที่ร่วงมาจากฟากฟ้า หัวใจของเขาก็สั่นระรัวอย่างรุนแรง
ทุกคนต่างถูกฆ่าตาย มีเพียงเขาคนเดียวที่เหลือรอด เพราะหลินเฟิงจงใจยังไม่สังหารเขา!
อู๋กังเงยหน้าขึ้นและมองดวงตาแดงก่ำของหลินเฟิง เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวและความสิ้นหวังกำลังกัดกินหัวใจทีละน้อย
“อย่าฆ่าข้าเลย ข้าผิดไปแล้ว…”
อู๋กังส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
ความเย่อหยิ่งพลันหายไปจากใบหน้าของอู๋กัง เขาไม่มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอีกต่อไป มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้น เพราะทุกคนล้วนถูกสังหารไปจนหมด ผู้าุโที่อยู่ขอบเขตลี้ลับก็ถูกสังหาร ส่วนผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาเองก็ถูกหลินเฟิงสังหารไปแล้วเช่นกัน
“รู้ตัวว่าผิดไปแล้ว?”
รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของหลินเฟิง แค่ยอมรับผิดก็เพียงพอแล้วหรือ?
“ไม่ใช่เ้าบอกว่า ข้าโจมตีเ้าทีเผลอใช่มั้ย? งั้นตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเ้า โจมตีข้าสักครั้งเป็ไง” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส อย่างอู๋กังจะกล้าสู้หลินเฟิงได้อย่างไร ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังสั่นเทา ใจได้แต่คิดหาทางหนีเท่านั้น
หลังจากนั้นร่างของเขาก็ถูกปีศาจงูม่วงรัดตัวไป จนมาอยู่ด้านหน้าหลินเฟิง หลินเฟิงเงยหน้ามองเขาที่ถูกบีบรัดอยู่กลางอากาศ
“หนี?” หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า ทันใดนั้นคลื่นดาบอันบ้าคลั่งได้แผดเสียงร้องที่น่าหวาดกลัวออกมา ตอนนี้เองขาของอู๋กังได้ถูกตัดไป...