ยิ่งตอนนี้มองเห็นหลงไซ้หนานท่าทางราวกับคนบ้าเสียสติ พวกเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะอย่างน้อยตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้
หลงไซ้หนานตอนนี้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของการกล่าวโทษตนเองอย่างรุนแรง ความคิดเป็ตนเองที่เสนอ กองทัพเป็ตนเองที่พามา แผนการสู้รบเป็ตนเองที่สั่งการ จนกระทั่งตอนนี้เวลานี้เขตปกครองเทพาเสียสละกำลังนักรบไปแล้วเกือบสองพันคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เหลืออีกสองพันกว่าคนตอนนี้ตกอยู่ภายในวงล้อมของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน
หนี? นางคนเดียวอยากจะหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้หาก้า เพียงแต่นางสามารถทำอย่างนั้นได้จริงๆ อย่างนั้นรึ? แน่นอนว่าไม่ หากไม่พาพี่น้องร่วมเขตปกครองทั้งสองพันคนในที่นี้หนีไปด้วย คาดว่าแม้ตายแล้วเกิดอีกชาติภายในจิตใจคงยังติดอยู่ในวังวนของความรู้สึกผิดและความเ็ปไปทั้งชีวิต ดังนั้นนางตัดสินใจั้แ่เนิ่นๆ แล้วว่าหากหนีไปก็ต้องหนีไปด้วยกันทั้งหมด หากแม้นหนีไปได้เพียงส่วนหนึ่งนางจะขอยอมตายร่วมกับคนที่เหลือ!
“รวมพลังทั้งหมดโจมตีไปทางด้านทิศตะวันออก...ทุกคนติดตามข้าโจมตีทะลวงออกไป!” กระบี่ัคำรามถูกชี้ออกไปอีกครั้ง หลงไซ้หนานพุ่งทะยานตะลุยกวาดล้างออกไปทางด้านทิศตะวันออกเป็คนแรก ชุดเสื้อคลุมสีเขียวเปรอะเปื้อนไปด้วยเื มีทั้งเืของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน มีทั้งเืของตนเองและเืของสหายร่วมรบเขตปกครองเทพา เส้นผมบนศีรษะยุ่งเหยิง สีหน้าสุขุมองอาจห้าวหาญที่เคยมีมาตลอดถูกแทนที่ด้วยความดุร้ายน่ากลัว นางใกล้จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกเต็มทีแล้ว...
“พี่ไซ้หนาน!” คิ้วที่ขมวดอยู่แต่เดิมของเยว่ชิงเฉิงยิ่งขมวดมากยิ่งขึ้นไปอีก ร้องเรียกหลงไซ้หนานออกมาอย่างเป็ห่วงกังวล นางเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของหลงไซ้หนานดี เพียงแต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ทำเช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใด? ใครเล่าที่จะช่วยพวกเขาได้จริงๆ?”
“เซียนกู เฟิงเิ ฮวาซิน...พวกเ้าพาพวกเยว่ชิงเฉิงหนีไป ถ้าหากข้ากลับไปไม่ได้จริงๆ ละก็ ฝากบอกบิดาของข้าด้วยว่าข้ารู้สึกละอายแก่ใจต่อการชุบเลี้ยงและการฝึกฝนอย่างดีที่เขามอบให้ตลอดมา...” หลงไซ้หนานได้ยินเสียงร้องเรียกของเยว่ชิงเฉิงและสีหน้าเป็ห่วงกังวลของพวกเฟิงจื่อ นางฝืนยิ้มออกมาให้พวกเขาพร้อมกับทำการส่งกระแสเสียง จากนั้นไม่สนใจต่อสิ่งใดๆ อีก พุ่งทะยานโจมตีออกไปใส่นักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่กำลังตรงเข้ามา
การสู้รบเริ่มดุเดือดรุนแรงขึ้นทุกที!
“หลงไซ้หนาน ยอมแพ้ซะเถอะ วันนี้ต่อให้เ้ามีปีกอย่างไรก็หนีไม่พ้น!”
อารมณ์ของเยาขาข่าและหมันก้านดีเป็อย่างมาก! ครั้งแรกที่เป็ตัวแทนของเผ่าเข้าร่วมศึกใหญ่ก็สามารถกวาดล้างนักรบระดับหัวกะทิทั้งหมดของเขตปกครองเทพาได้อย่างราพณาสูร พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะอารมณ์ไม่ดี ดูว่าครั้งนี้กลับไปพวกตาแก่ในเผ่าที่เคยต่อต้านพวกเขายังมีอะไรจะพูดอีก? ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดคือนักรบระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ของเขตปกครองเทพา ส่วนนักรบระดับหัวกะทิที่เหลือก็รอเพียงแค่เตรียมหนีหัวซุกหัวซุนจากการไล่ล่าสังหารของพวกเขาเพียงเท่านั้น
สำหรับนักรบระดับธรรมดาเก้าหมื่นคนที่เกาะเทพานั้น ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยสักนิด ยังไม่ต้องพูดถึงนักรบระดับธรรมดาของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่รวมกันทั้งหมดถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคน เอาแค่นักรบระดับหัวกะทิของพวกเขาทั้งสองเผ่าหนึ่งหมื่นคน เพียงเท่านี้ก็สามารถบดขยี้นักรบระดับธรรมดาของเขตปกครองเทพาให้แหลกเป็จุณได้อย่างง่ายดาย
นึกถึงคะแนนสะสมจำนวนมากที่จะได้รับ นึกถึงเมื่อกลับถึงเผ่าอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี นึกถึงใบหน้าของบิดาที่ปกปิดความชื่นชมและความพอใจไว้ไม่อยู่ นึกถึงใบหน้าที่บูดบึ้งของคนภายในเผ่าที่เคยต่อต้านการขึ้นรับตำแหน่งของพวกเขา เช่นนี้จะไม่ให้พวกเขาดีใจได้อย่างไร? จะไม่ให้พวกเขาอารมณ์ดีได้อย่างไร?
“นายน้อยเยา ทำไมยังไม่ออกคำสั่งสังหารพวกมันเสียที?” หมันก้านคิดอยู่ภายในใจเนิ่นนาน แต่กลับไม่เห็นว่าเยาขาข่าจะออกคำสั่งให้บุกเข้าสังหารพวกนักรบเขตปกครองเทพาเสียที ทำเพียงแค่ให้นักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนโอบล้อมไว้เพียงเท่านั้น และเพียงแค่สั่งการให้สกัดกั้นการตีฝ่าออกไปของพวกหลงไซ้หนานจนทำให้หลงไซ้หนานต้องถอยกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกประหลาดใจ
เยาขาข่าเอามือลูบขนสีทองที่อยู่ใบหน้าด้านซ้าย แล้วหัวเราะแหะๆ ออกมา “แหะๆ ไม่ต้องรีบร้อน! ถึงแม้พวกมันจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ต่างจากมดที่ถูกมัดห้อยไว้อยู่บนเชือก ต่อให้ะโโลดเต้นอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดรอดไปได้ ตอนนี้พวกมันเพิ่งจะถูกโอบล้อมขวัญกำลังใจในการบุกทะลวงฝ่าออกไปยังมีเต็มเปี่ยม หากตอนนี้คิดสังหารพวกมันจะเป็การบีบบังคับให้พวกมันแลกชีวิตกับพวกเรา ถึงเวลานั้นแม้จะสามารถสังหารพวกมันได้ทั้งหมดพวกเราก็จะเสียหายมากมายเช่นเดียวกัน ให้พวกมันดิ้นรนกันไปก่อน ดิ้นรนจนรับรู้ได้เองว่าไม่มีหนทางให้หนีแล้ว ขวัญกำลังใจก็จะลดต่ำลงไปเองเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นค่อยสังหารอย่างง่ายดาย ดังคำที่ว่า ใช้น้ำอุ่นต้มกบจนสุก เหตุผลก็เป็ดังเช่นที่ว่ามา”
“อืม ล้ำลึก! นายน้อยเยาฉลาดล้ำลึกมาก! ดีที่ข้าเป็พันธมิตรกับเ้า ถ้าหากเป็ศัตรูกันละก็ ถูกเ้าวางแผนฆ่าตายไปคงยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ!” หมันก้านเอามือลูบหัวโล้นไม่มีผมของตนเอง ชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้พร้อมกับกล่าวยกยอขึ้นมาอย่างไม่กระดากปาก
“แหะๆ! น่าจะได้เวลาแล้ว เด็กๆ ออกคำสั่งลงมือเก็บกวาดได้!”
เยาขาข่าอมยิ้มพยักหน้าตอบรับ หลังจากสังเกตการณ์ดูอยู่อีกพักใหญ่ มองเห็นหลงไซ้หนานและเหล่ายอดฝีมือถูกต้านทานไว้จนต้องถอยกลับมาเป็ครั้งที่ห้า มือข้างซ้ายโบกสะบัดขึ้นออกคำสั่งโจมตีในทันที
“อูๆๆ...”
“กูๆๆ...”
สัญญาณเสียงเขาสัตว์ของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเริ่มดังขึ้นพร้อมๆ กัน มันดังก้องไปทั่วยอดเขาขาด ราวกับเสียงนาฬิกาชะตาชีวิตฉะนั้น ดังก้องวนเวียนอยู่ข้างหูของทุกคนอย่างต่อเนื่อง...
.................................
“พวกมันจะเริ่มการโจมตีเต็มกำลังแล้ว สถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ ทำอย่างไรดี สือซานทำอย่างไรดี? ลูกหลานของตระกูลเย่ พี่สาวไซ้หนาน เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่า และเยว่ชิงเฉิงพวกเขาตกอยู่ในอันตรายแล้ว...เ้าหนูหานบอกว่ามีวิธีช่วยเหลือพวกเขามิใช่รึ? นี่ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก? โอ๊ย...ร้อนใจจะตายอยู่แล้วนี่!” เย่ชิงอู่มือข้างหนึ่งจับกิ่งไม้ไว้ บ่นอุบอิบออกมาอย่างร้อนใจ ร่างกายขยับเคลื่อนไหวขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเข้าออกที่ถี่และกระชั้นชิดนั้น ทำเอาูเาใหญ่สองลูกที่อยู่บริเวณทรวงอกกระเพื่อมสั่นไหวราวกับจะทะลักร่วงหล่นลงมาฉะนั้น
“ทำอย่างไร? ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า? ตอนนี้ก็หวังพึ่งนายน้อยหานเท่านั้นแหละ เขาบอกว่ามีวิธีไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ? เฮ้อ...จะเป็จริงได้อย่างไร?” เย่สือซานสมองเริ่มสับสนในตัวเอง คำพูดที่พูดออกมาเริ่มขัดแย้งกันเอง ไม่เชื่อแม้แต่น้อยในสิ่งที่เย่ชิงหานพูดออกมา เขามีวิธี? อย่าว่าแต่ฝึกฝนเพียงแค่ไม่กี่นาทีจะมีประโยชน์อะไรเลย ต่อให้พลังฝีมือของเขาบรรลุไปพรวดเดียวสามขั้นขอบเขตใหญ่ถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ เผชิญหน้ากับนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมากมายถึงเพียงนี้ เขาสังหารได้หมดอย่างนั้นรึ?
“มันก็ไม่แน่ ถ้าหากนายน้อยหานได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาต่อสูร่างอสูรที่แหกกฎ์อะไรสักอย่างมาอีก ลงมือโจมตีออกไปกระบวนท่าเดียวสังหารเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนได้จนหมดสิ้น!” สมองเย่สือชีเองก็เริ่มสับสนวุ่นวายไปเช่นเดียวกัน คำพูดมั่วซั่วที่พูดออกมาแม้กระทั่งตนเองยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำไป
“แหะๆ!”
ในขณะที่ทั้งสามคนราวกับมดที่วิงวนไปมาอยู่บนกระทะร้อนนั้น เย่ชิงหานพลันลืมตาขึ้น จากนั้นจึงยิ้มออกมา ยิ้มอย่างเจิดจรัส ยิ้มอย่างเปิดเผยและผ่อนคลาย เขาลุกยืนขึ้นอย่างช้าๆ ปัดทำความสะอาดชุดเสื้อคลุมสีดำที่สวมใส่อยู่พร้อมกับพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
“เย่สือชีคาดเดาได้ถูกต้อง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาต่อสู้ร่างอสูรชนิดใหม่ แต่เป็...วิชาต่อสู้ร่างอสูรที่พัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น จากเดิมเนตรสยบิญญาพัฒนาขึ้นเป็...พลังหลอนสั่นคลอนิญญา! ซึ่งแหกกฎ์ยิ่งกว่าเดิม พวกเราไปกันเถอะ ไปช่วยพวกเขาเหล่านักรบของเขตปกครองเทพาที่ตกอยู่ในสภาพตกนรกทั้งเป็ให้หลุดพ้นจากเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ชั่วร้ายกัน...”
พูดจบ เย่ชิงหานะโเบาๆ ลงไปจากต้นไม้ใหญ่ดึกดำบรรพ์ จากนั้นเดินตรงเข้าไปหาทัพใหญ่ของนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมากมายนับไม่ถ้วนที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่เบื้องหน้าจนมองไม่เห็นเขตแดนสิ้นสุดนั้น เขาเดินตรงเข้าไปหาอย่างช้าๆ จังหวะฝีเท้าแ่เบาท่วงท่าสง่าและงดงาม
เขาทำราวกับว่าเดินเล่นอยู่บนถนนหมายเลขสิบสามของเมืองชางที่ไม่ใช่อยู่ท่ามกลางกองทัพศัตรูนับหมื่นฉะนั้น...
เกิดอะไรขึ้น?
พลังหลอนสั่นคลอนิญญา?
เดี๋ยวๆ นั่นนายน้อยบุกลงไปแล้ว!
นายน้อยเขา...บุกลงไปเพียงคนเดียว!
เย่สือซาน เย่สือชี และเย่ชิงอู่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก หัวสมองหยุดการทำงานไปในทันทีราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางกบาล แต่ผ่านไปเพียงชั่วครู่เมื่อมองเห็นเงาร่างของเย่ชิงหานที่เดินห่างออกไปไกลลิบพวกเขาถึงค่อยได้สติกลับคืนมา ทั่วทั้งสรรพางค์กายสะดุ้งใจนิญญาจะหลุดออกจากร่าง ต่างรีบพากันะโลงจากต้นไม้ใหญ่ดึกดำบรรพ์อย่างลนลาน จากนั้นพุ่งติดตามเย่ชิงหานออกไปอย่างรวดเร็ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้